
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนนำ ตอนที่ 1 โชคชะตา...?
http://pantip.com/topic/34216321
ตอนที่ 2 เกาะแก้วมรกต
http://pantip.com/topic/34220251
ตอนที่ 3 แต่งงานกันเถอะ
http://pantip.com/topic/34224797
ตอนที่ 4 ลัทธิเทพรัตติกาล
http://pantip.com/topic/34228589
ตอนที่ 5 เนียฟ แห่งรูสส์
http://pantip.com/topic/34232718
ตอนที่ 6 ลืม?
http://pantip.com/topic/34236432
ตอนที่ 7 ขอรับ... อาจารย์
http://pantip.com/topic/34239525
ตอนที่ 8 การเผชิญหน้า... ครั้งแรก?
http://pantip.com/topic/34249377
ตอนที่ 9 อยากจำกลับลืม
http://pantip.com/topic/34254882
ตอนที่ 10 ความทรงจำกับความรู้สึก
http://pantip.com/topic/34275630
ตอนที่ 11 จุดจบที่เพิ่งเริ่มต้น
http://pantip.com/topic/34285232
ตอนที่ 12 มนตรามหาเสน่ห์
http://pantip.com/topic/34293616
****************************************
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า นะคะ
ขอบคุณมากมายสำหรับทุกกิ๊บ ทุกโหวตกำลังใจ
จากหัวกระทู้ที่แล้ว
Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, lovereason ทึ่ง, แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Waasuthep ถูกใจ, ออมอำพัน ซึ้ง
จากความคิดเห็นที่หนึ่ง
Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, GTW ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ขำกลิ้ง, แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Waasuthep ถูกใจ, ออมอำพัน ซึ้ง
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับความคิดเห็นแสนอบอุ่น จากคุณ Waasuthep คุณสมาชิกหมายเลข 1182478 และคุณ GTW อีกครั้งด้วยค่ะ
(ตอบความคิดเห็นไว้ในกระทู้ที่แล้วนะคะ http://pantip.com/topic/34293616 )
ติดตามราอูลล์ต้องมนตรากับต่อเลยนะคะ
---------------------------------------------------
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
013
เสน่หามายามนต์
ซีรินซ์ถูกปลุกแต่เช้าตรู่ ด้วยเสียงกระซิบแว่วหวานเบาแผ่ว เป็นเสียงของชายหนุ่มที่หล่อนหลงรัก และได้แต่งงานเข้าหอกันที่เกาะแก้วมรกต เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
หญิงสาวคิดว่า ตัวเองยังฝัน ถ้าเป็นความฝันก็ยังไม่อยากจะตื่น...
นอนนิ่งอยู่อีกอึดใจ คราวนี้มีแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขน ทำให้จำเป็นต้องลืมตามอง
ราอูลล์ส่งรอยยิ้มละมุนมาให้ ดวงตาเขาเป็นประกายดื่มด่ำ ปากยังเฝ้าชื่นชม
“ตื่นแล้วหรือ สุดที่รักของพี่... รู้หรือไม่ เจ้าสวยมาก สวยทั้งยามหลับและยามตื่น”
คนฟังต้องกะพริบตาถี่ แต่ก็ยังไม่ได้ลืมตามองซ้ำ หลับตานิ่งแล้วพยายามทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ใช่สิ... หล่อนแอบเข้าไปยืนดูเขาหลับ เห็นเขาฝันสนุกสนาน ท่าทางคงกำลังเล่นไล่อยู่กับสองสาวพี่น้อง ท่วงทีและถ้อยคำ ทำให้หล่อนเดาได้ไม่ยากว่า เขากำลังฝันเพ้อสัปดนอย่างไร นั่นทำให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างหล่อน อดหึงหวงไม่ได้
แล้วก็ร่ายมนตรา... น่าจะเป็นตรงนี้ละ... หล่อนร่ายคาถา บทที่ว่าเป็นมนตรามหาเสน่ห์
แล้วที่กำลังเป็นในเช้านี้ คือ... มันสัมฤทธิผล?
เมื่อคืนซีรินส์ยังยืนรอดู หลังจากเขารับคาถาเข้าไปเต็มๆ จากท่าทางตะกายไขว่คว้า ก็กลับสงบเสงี่ยม มือไม้ที่ปายปะ กลายเป็นเพียงแค่ลูบไล้กับหมอนยาว สำคัญที่สุดคือ คำเรียกหา
“บรีเซียร์จ๋า... ปรารีสจ๊ะ... เมียสอง... เมียสามของพี่อูลล์...”
กลับกลายเป็น
“หนูรินซ์... หนูรินซ์ยอดรักของพี่...”
เพียงแค่นี้หล่อนก็ยิ้มออก นั่นคือเขากำลังฝันถึงหล่อน ส่วนจะฝันโลดโผนพิศดารไปขนาดไหนนั้นช่างเถิด เพราะหญิงสาวไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ซีรินซ์รีบผละออกมา เกรงว่าหากเขาตื่นขึ้น แล้วยังสนุกค้างคากับความฝัน พอเห็นหน้าหล่อน เขาอาจไขว่คว้าเอาตัวไว้แนบใกล้ ซึ่งหล่อนคงปฏิเสธไม่ได้
หญิงสาวเปลี่ยนเป็นชุดเข้านอน คิดจะตามเขาเข้าไปร่วมสนุกในความฝัน อย่างน้อยร่างกายของหล่อนก็ยังจะอยู่ดี หรือหากจะให้เกิดอะไรขึ้นมากไปกว่านี้ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา ในค่ำคืนวันส่งตัวนั่น หล่อนก็อยากให้เกิดจากความต้องการสานสร้างความทรงจำร่วมกันมากกว่า จะด้วยเพราะพิษร้ายของมนตรามหาเสน่ห์
“พี่เตรียมน้ำสำหรับให้หนูรินซ์ล้างหน้าล้างตาไว้แล้ว... ลุกขึ้นมาเสียก่อนนะจ๊ะ”เสียงราอูลล์นุ่มนวลชวนฝันเช่นเดียวกับเสียงกระซิบปลุก แต่เมื่อเวลานี้มันกลับกลายได้เป็นความจริง หล่อนก็ต้องยิ้มรับ
มนตรามหาเสนห์ได้ผลชะงัด และชัดเจนดีเหลือเกิน...
“เอ่อ... จ้ะ... แล้วแต่พี่ราอูลล์เถอะค่ะ”
จากนั้นเขาถึงกับประคองหล่อนมาที่โต๊ะซึ่งตั้งไว้ด้วยกระจกโลหะบานใหญ่ จุ่มผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มผืนย่อมในน้ำอุ่น บิดหมาดๆ แล้วส่งให้หญิงสาวใช้เช็ดใบหน้า ขณะที่เขาเปลี่ยนไปเป็นช่วยแปรงผมยาวสลวยของหล่อน
กลิ่นหอมของอาหารอะไรสักชนิด ฟุ้งกรุ่นขึ้นมาถึงชั้นบน เขาจึงเหมือนนึกขึ้นได้ วางมือจากการบริการหล่อน แล้วขอตัวลงไปข้างล่าง กำชับให้รีบตามลงไป เพราะเขาปรุงมื้อสุดฝีมือเตรียมไว้ให้แล้ว
ซีรินซ์รีบจัดการธุระส่วนตัว แล้วลงมาสมทบที่โต๊ะรับประทานอาหารในห้องครัว
ก่อนจะเริ่มชิม สิ่งที่ราอูลล์ตักให้แล้วเตรียมจะป้อน หล่อนก็ต้องเอ่ยถาม
“พี่ราอูลล์ พี่รู้หรือไม่... น้องเป็นใคร...”
ที่ถาม เพราะยังไม่แน่ใจ มนตราอาจมอมเมา ทำให้เขาเข้าใจผิดว่า หล่อนเป็นคนที่เขารัก ทั้งที่ก่อนร่ายคาถา หล่อนแทบไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาเขา
“จำได้ซี... แน่นอนเลยว่า หญิงสาวสวยยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์ตรงหน้านี้ คือน้องซีรินซ์ น้องหนูรินซ์ของพี่อูลล์...”
คำพูดนั้นคล้ายพร่ำเพ้อละเมอฝัน มากกว่าที่ผู้คนจะพูดจากันในยามตื่น
“แล้ว... แล้วพี่ชอบข้าหรือเปล่า...”
หล่อนถามอีก คราวนี้เขาตีสีหน้าขึงขัง ตอบเสียงดังฟังชัด
“ไม่... ไม่ชอบ!”
คนฟังใจหาย นั่นประไร มนตรามหาเสน่ห์ก็แค่ชั่วครั้งคราว ผลที่เกิดก็ยังเป็นแค่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อหล่อน ไม่ใช่ความรู้สึกจากภายใน
“ไม่ชอบจริงๆ นะ เพราะพี่น่ะ... รัก! พี่รักหนูรินซ์ ไม่ใช่แค่ชอบ”
เพราะคำพูดจาเล่นลิ้นเช่นนี้เอง ที่ทำให้หล่อนเคยเห็นว่าเป็นเสน่ห์ แต่ตอนนี้หญิงสาวกลับรู้สึก สะเทือนใจอย่างประหลาด
“นี้ซุปข้าวโพด... พี่ปรุงสุดฝีมือ ลองชิมดูซี”
เขายื่นจ่อปลายช้อนให้ถึงที่ จนซีรินซ์ต้องรีบกล้ำกลืนความอัดอั้นอื่นใด ยิ้มรับความปรารถนาดีในเวลานี้ของเขา... อย่างน้อย... ก็สิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ที่หล่อนปรารถนา
“แล้วหลังจากนี้ หนูรินซ์อยากไปเที่ยวเล่นที่ไหน บอกพี่ได้เลยนะจ๊ะ พี่จะพาไปทุกที่”รับประทานมื้อเช้าเกือบเสร็จแล้ว ราอูลล์ภายใต้มนตรามหาเสน่ห์ ก็เอ่ยถามขึ้นอีก
“แล้วแต่พี่ราอูลล์เถิดจ้ะ...”
ซีรินซ์ไม่อยากนึกคิดอะไรอื่น นอกจากจับสังเกตว่า ผลลัพท์ของคาถาที่เสกใส่เขานั้น จะให้ผลอย่างไรกันแน่
“ไม่ได้ซี ต้องเป็นเจ้าเลือก ไม่ว่าหนูรินซ์เลือกอะไร ที่เป็นความสุข พี่อูลล์ก็จะมีความสุขไปด้วย... เสมอ... จริงๆ นะ”
หน้าตาคมคาย จมูกโด่งคิ้วเข้ม และแววตาที่แพรวพราวไปด้วยแววทะเล้นของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้หล่อนหลงเสน่ห์เขาได้ไม่ยากเลย แต่ที่พูดแบบนี้ มันออกจะเกินไป...
“โห!... กลิ่นอะไรน่ะ หอมฟุ้งไปถึงหน้าร้าน...”
เป็นสีมาร์เดินเอะอะเข้ามา หลังเสร็จจากการจ่ายตลาดเช้า พอเห็นอาหารบนโต๊ะ ก็ถลาเข้าหา หน้าตาของบรรดามื้อเช้านั้น น่ากินเหลือเกิน และพอนางลองชิมก็ชมเปาะ
“ฝีมือดีจริงๆ เป็นหนูซีรินซ์ลุกขึ้นมาทำกับข้าวกับปลาแต่เช้าเลยหรือ ดีจริง ดีจริงๆ สะใภ้บ้านเซเรสส์ต้องอย่างนี้...”
ป้าของราอูลล์ พูดเองเออเองยาวเหยียด คนถูกเข้าใจผิด ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดจบ จึงค่อยมีจังหวะปฏิเสธ
“เปล่าหรอกจ้ะป้าสีมาร์... นี้เป็นฝีมือของพี่ราอูลล์ทั้งนั้น”
“จริงเรอะ!...”
สีมาร์หันไปถามราอูลล์ เห็นเขายืนยิ้มประสานมือ ท่าทางเรียบร้อยเกินไป ก็ชักรู้สึกว่า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“จริงซีขอรับคุณป้า... ถ้าถูกปาก กระผมจะทำให้คุณป้ารับประทานทุกวันก็ยังได้”
“อะไรนะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”
สีมาร์ถึงกับเขย่าใบหูตัวเองแรงๆ เพื่อให้มั่นใจว่า หูไม่ได้อื้ออึงจนฟังผิดเพี้ยนไปเอง
“ก็บอกว่าจะทำให้รับประทานทุกวันๆ”
“ไม่ใช่สิ... ที่เจ้าเรียกข้าว่า คุณป้า น่ะ...”
“อ้าว! คุณป้าจะแปลกใจกระไรเล่าขอรับ ในเมื่อคุณป้า เป็นคุณป้าของผมจริงๆ”
ผู้เป็นหลานชายยังยิ้มแย้มตอบคำ ขณะเติมซุปข้าวโพดถ้วยที่สองให้อีกฝ่าย
แต่สีมาร์ยังกังขา ถึงกับกินต่อไปไม่ลง
“ไอ้หน้าลิง! เจ้าเป็นอะไรไป ตลอดสิบกว่าปีมานี้ เจ้าไม่เคยเรียกข้าว่าท่านป้า อย่างธรรมดาๆ เลยสักครั้ง...”
แล้วนางก็หันไปไล่เบี้ย เอากับหญิงสาวที่ยังนั่งก้มหน้านิ่งอยู่
“ซีรินซ์ ไอ้เจ้านี่มันไม่สบายหรือเปล่า”
“โถ่ๆ... คุณป้าสีมาร์ขอรับ วันนี้กระผมตั้งใจจะทำความสะอาดในห้องโถงทั้งหมด เพื่อจะได้มีลูกค้ามาพักโรงแรมเล็กๆ แต่แสนอบอุ่นของคุณป้านี้มากขึ้น และ... พรุ่งนี้ให้กระผมไปจ่ายตลาดแทนก็ได้นะขอรับ... ส่วนวันนี้ คุณป้าคงเหนื่อยมาก ขึ้นข้างบน ไปพักผ่อนเถิดขอรับ”
สีมาร์จ้องหน้าหลานชาย มองลึกเข้าไปในดวงตาพราวพราย แม้จะส่งประกายเจ้าเสน่ห์อยู่ไม่รู้คลาย แต่ในแววตา กลับคล้ายว่างเปล่าพิกล
นางผลักอกเขาเบาๆ ต่อให้ร้อยคนมายืนยัน ก็ไม่เชื่อว่า ชายหนุ่มจะกลับกลายเป็นคนว่านอนสอนง่าย ในเพียงชั่วข้ามคืน
สีมาร์มองสำรวจราอูล ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วก็ส่งเสียงหึเบาๆ
“...ไอ้เด็กบ้า! หรือจะมาไม้ไหนอีกล่ะ บอกเสียก่อน ข้าไม่มีเงินจะให้หรอกนะ”
แต่เสียงเรียบๆ สีหน้าเรียบๆ ก็ยังตอบกลับมาเรียบๆ ว่า
“ข้าน่ะหรือ จะต้องการอะไร หลายปีมานี้... ท่านป้าต้องลำบาก ดูแลข้ามาด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้ข้าก็แต่งงานแล้ว ข้าคิดว่าตัวเองควรจะโตได้แล้ว... ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อครอบครัว ต้องดูแลท่าน...”
ก่อนกล่าวอีกคำ เขาหันไปยิ้มให้ซีรินซ์อีกครั้ง
“...รวมทั้งภรรยาของข้างด้วยไงเล่า”
ถ้อยคำเป็นหลักเป็นฐาน เป็นการเป็นงานถึงขนาดนี้ ทำให้สีมาร์ต้องละมือจากมื้อเช้าอันถูกปาก จับข้อมือหลายชาย พร้อมกับที่ถาม
“หรือว่านี้ ไปถูกคำสาปอะไรมา นี่เจ้าใกล้จะตายแล้วงั้นซีนะ เลยอยากทำคุณไถ่โทษ”
เหมือนถูกประชดและสาปแช่งไปพร้อมกัน แต่ราอูลล์ก็ยังยิ้มได้ เป็นยิ้มแห้งๆ ที่แลคล้ายปั้นหน้าประดิษฐ์ขึ้นมา มากกว่าจะออกจากหัวใจ
“เพราะข้าได้เมียดีต่างหากเล่า...”
คำนี้ ทำให้ซีรินซ์ซึ่งกำลังเหม่อลอยครุ่นคิด กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของวงสนทนาอีกครั้ง หล่อนเห็นป้าสีมาร์เขย่าราอูลล์แรงๆ น้ำตาคลอ และคำถามนั้น ระคนด้วยความภาคภูมิใจ
“ไอ้อูลล์ ไอ้ราอูลล์หลานป้า นี้เจ้าไม่เป็นไรแน่ๆ ใช่ไหม!”
“ข้าสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
ได้ยินคำยืนยันเช่นนี้ สีมาร์ก็ถึงกับผายสองมือขึ้นฟ้า กล่าวขอบคุณสรวงสวรรค์และทวยเทพทันที
จากนั้นก็ขยับมากุมมือทั้งสองของซีรินซ์เอาไว้ เขย่าเน้นๆ เป็นการขอบอกขอบใจ
“แม่หนูซีรินซ์ เจ้าสุดยอดมากเลยจริงๆ นะ ข้านี้ เปลืองน้ำลายมาจนค่อนชีวิต ก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยชั่วร้ายของเขาได้ แต่เจ้าโผล่มาแค่ไม่กี่วัน กลับทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นี้เพราะพระแม่ต้องทรงเมตตา ใช่ไหมล่ะ...”
(มีต่อ)
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 13 เสน่หามายามนตร์
ตอนก่อนหน้า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
****************************************
ขอบคุณนักอ่านทุกท่านสำหรับการติดตาม ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า นะคะ
ขอบคุณมากมายสำหรับทุกกิ๊บ ทุกโหวตกำลังใจ
จากหัวกระทู้ที่แล้ว
Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, lovereason ทึ่ง, แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Waasuthep ถูกใจ, ออมอำพัน ซึ้ง
จากความคิดเห็นที่หนึ่ง
Inverness ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, GTW ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ขำกลิ้ง, แมวน้อยหางกุด ถูกใจ, Waasuthep ถูกใจ, ออมอำพัน ซึ้ง
ขอบคุณเป็นพิเศษสำหรับความคิดเห็นแสนอบอุ่น จากคุณ Waasuthep คุณสมาชิกหมายเลข 1182478 และคุณ GTW อีกครั้งด้วยค่ะ
(ตอบความคิดเห็นไว้ในกระทู้ที่แล้วนะคะ http://pantip.com/topic/34293616 )
ติดตามราอูลล์ต้องมนตรากับต่อเลยนะคะ
---------------------------------------------------
ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
013
เสน่หามายามนต์
ซีรินซ์ถูกปลุกแต่เช้าตรู่ ด้วยเสียงกระซิบแว่วหวานเบาแผ่ว เป็นเสียงของชายหนุ่มที่หล่อนหลงรัก และได้แต่งงานเข้าหอกันที่เกาะแก้วมรกต เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
หญิงสาวคิดว่า ตัวเองยังฝัน ถ้าเป็นความฝันก็ยังไม่อยากจะตื่น...
นอนนิ่งอยู่อีกอึดใจ คราวนี้มีแรงเขย่าเบาๆ ที่ต้นแขน ทำให้จำเป็นต้องลืมตามอง
ราอูลล์ส่งรอยยิ้มละมุนมาให้ ดวงตาเขาเป็นประกายดื่มด่ำ ปากยังเฝ้าชื่นชม
“ตื่นแล้วหรือ สุดที่รักของพี่... รู้หรือไม่ เจ้าสวยมาก สวยทั้งยามหลับและยามตื่น”
คนฟังต้องกะพริบตาถี่ แต่ก็ยังไม่ได้ลืมตามองซ้ำ หลับตานิ่งแล้วพยายามทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
ใช่สิ... หล่อนแอบเข้าไปยืนดูเขาหลับ เห็นเขาฝันสนุกสนาน ท่าทางคงกำลังเล่นไล่อยู่กับสองสาวพี่น้อง ท่วงทีและถ้อยคำ ทำให้หล่อนเดาได้ไม่ยากว่า เขากำลังฝันเพ้อสัปดนอย่างไร นั่นทำให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาอย่างหล่อน อดหึงหวงไม่ได้
แล้วก็ร่ายมนตรา... น่าจะเป็นตรงนี้ละ... หล่อนร่ายคาถา บทที่ว่าเป็นมนตรามหาเสน่ห์
แล้วที่กำลังเป็นในเช้านี้ คือ... มันสัมฤทธิผล?
เมื่อคืนซีรินส์ยังยืนรอดู หลังจากเขารับคาถาเข้าไปเต็มๆ จากท่าทางตะกายไขว่คว้า ก็กลับสงบเสงี่ยม มือไม้ที่ปายปะ กลายเป็นเพียงแค่ลูบไล้กับหมอนยาว สำคัญที่สุดคือ คำเรียกหา
“บรีเซียร์จ๋า... ปรารีสจ๊ะ... เมียสอง... เมียสามของพี่อูลล์...”
กลับกลายเป็น
“หนูรินซ์... หนูรินซ์ยอดรักของพี่...”
เพียงแค่นี้หล่อนก็ยิ้มออก นั่นคือเขากำลังฝันถึงหล่อน ส่วนจะฝันโลดโผนพิศดารไปขนาดไหนนั้นช่างเถิด เพราะหญิงสาวไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ซีรินซ์รีบผละออกมา เกรงว่าหากเขาตื่นขึ้น แล้วยังสนุกค้างคากับความฝัน พอเห็นหน้าหล่อน เขาอาจไขว่คว้าเอาตัวไว้แนบใกล้ ซึ่งหล่อนคงปฏิเสธไม่ได้
หญิงสาวเปลี่ยนเป็นชุดเข้านอน คิดจะตามเขาเข้าไปร่วมสนุกในความฝัน อย่างน้อยร่างกายของหล่อนก็ยังจะอยู่ดี หรือหากจะให้เกิดอะไรขึ้นมากไปกว่านี้ เหมือนอย่างที่เคยเกิดขึ้นหลายครั้งหลายครา ในค่ำคืนวันส่งตัวนั่น หล่อนก็อยากให้เกิดจากความต้องการสานสร้างความทรงจำร่วมกันมากกว่า จะด้วยเพราะพิษร้ายของมนตรามหาเสน่ห์
“พี่เตรียมน้ำสำหรับให้หนูรินซ์ล้างหน้าล้างตาไว้แล้ว... ลุกขึ้นมาเสียก่อนนะจ๊ะ”เสียงราอูลล์นุ่มนวลชวนฝันเช่นเดียวกับเสียงกระซิบปลุก แต่เมื่อเวลานี้มันกลับกลายได้เป็นความจริง หล่อนก็ต้องยิ้มรับ
มนตรามหาเสนห์ได้ผลชะงัด และชัดเจนดีเหลือเกิน...
“เอ่อ... จ้ะ... แล้วแต่พี่ราอูลล์เถอะค่ะ”
จากนั้นเขาถึงกับประคองหล่อนมาที่โต๊ะซึ่งตั้งไว้ด้วยกระจกโลหะบานใหญ่ จุ่มผ้าฝ้ายเนื้อนุ่มผืนย่อมในน้ำอุ่น บิดหมาดๆ แล้วส่งให้หญิงสาวใช้เช็ดใบหน้า ขณะที่เขาเปลี่ยนไปเป็นช่วยแปรงผมยาวสลวยของหล่อน
กลิ่นหอมของอาหารอะไรสักชนิด ฟุ้งกรุ่นขึ้นมาถึงชั้นบน เขาจึงเหมือนนึกขึ้นได้ วางมือจากการบริการหล่อน แล้วขอตัวลงไปข้างล่าง กำชับให้รีบตามลงไป เพราะเขาปรุงมื้อสุดฝีมือเตรียมไว้ให้แล้ว
ซีรินซ์รีบจัดการธุระส่วนตัว แล้วลงมาสมทบที่โต๊ะรับประทานอาหารในห้องครัว
ก่อนจะเริ่มชิม สิ่งที่ราอูลล์ตักให้แล้วเตรียมจะป้อน หล่อนก็ต้องเอ่ยถาม
“พี่ราอูลล์ พี่รู้หรือไม่... น้องเป็นใคร...”
ที่ถาม เพราะยังไม่แน่ใจ มนตราอาจมอมเมา ทำให้เขาเข้าใจผิดว่า หล่อนเป็นคนที่เขารัก ทั้งที่ก่อนร่ายคาถา หล่อนแทบไม่มีค่าอะไรเลยในสายตาเขา
“จำได้ซี... แน่นอนเลยว่า หญิงสาวสวยยิ่งกว่านางฟ้านางสวรรค์ตรงหน้านี้ คือน้องซีรินซ์ น้องหนูรินซ์ของพี่อูลล์...”
คำพูดนั้นคล้ายพร่ำเพ้อละเมอฝัน มากกว่าที่ผู้คนจะพูดจากันในยามตื่น
“แล้ว... แล้วพี่ชอบข้าหรือเปล่า...”
หล่อนถามอีก คราวนี้เขาตีสีหน้าขึงขัง ตอบเสียงดังฟังชัด
“ไม่... ไม่ชอบ!”
คนฟังใจหาย นั่นประไร มนตรามหาเสน่ห์ก็แค่ชั่วครั้งคราว ผลที่เกิดก็ยังเป็นแค่สิ่งที่เขาปฏิบัติต่อหล่อน ไม่ใช่ความรู้สึกจากภายใน
“ไม่ชอบจริงๆ นะ เพราะพี่น่ะ... รัก! พี่รักหนูรินซ์ ไม่ใช่แค่ชอบ”
เพราะคำพูดจาเล่นลิ้นเช่นนี้เอง ที่ทำให้หล่อนเคยเห็นว่าเป็นเสน่ห์ แต่ตอนนี้หญิงสาวกลับรู้สึก สะเทือนใจอย่างประหลาด
“นี้ซุปข้าวโพด... พี่ปรุงสุดฝีมือ ลองชิมดูซี”
เขายื่นจ่อปลายช้อนให้ถึงที่ จนซีรินซ์ต้องรีบกล้ำกลืนความอัดอั้นอื่นใด ยิ้มรับความปรารถนาดีในเวลานี้ของเขา... อย่างน้อย... ก็สิ่งนี้ไม่ใช่หรือ ที่หล่อนปรารถนา
“แล้วหลังจากนี้ หนูรินซ์อยากไปเที่ยวเล่นที่ไหน บอกพี่ได้เลยนะจ๊ะ พี่จะพาไปทุกที่”รับประทานมื้อเช้าเกือบเสร็จแล้ว ราอูลล์ภายใต้มนตรามหาเสน่ห์ ก็เอ่ยถามขึ้นอีก
“แล้วแต่พี่ราอูลล์เถิดจ้ะ...”
ซีรินซ์ไม่อยากนึกคิดอะไรอื่น นอกจากจับสังเกตว่า ผลลัพท์ของคาถาที่เสกใส่เขานั้น จะให้ผลอย่างไรกันแน่
“ไม่ได้ซี ต้องเป็นเจ้าเลือก ไม่ว่าหนูรินซ์เลือกอะไร ที่เป็นความสุข พี่อูลล์ก็จะมีความสุขไปด้วย... เสมอ... จริงๆ นะ”
หน้าตาคมคาย จมูกโด่งคิ้วเข้ม และแววตาที่แพรวพราวไปด้วยแววทะเล้นของชายหนุ่มตรงหน้า ทำให้หล่อนหลงเสน่ห์เขาได้ไม่ยากเลย แต่ที่พูดแบบนี้ มันออกจะเกินไป...
“โห!... กลิ่นอะไรน่ะ หอมฟุ้งไปถึงหน้าร้าน...”
เป็นสีมาร์เดินเอะอะเข้ามา หลังเสร็จจากการจ่ายตลาดเช้า พอเห็นอาหารบนโต๊ะ ก็ถลาเข้าหา หน้าตาของบรรดามื้อเช้านั้น น่ากินเหลือเกิน และพอนางลองชิมก็ชมเปาะ
“ฝีมือดีจริงๆ เป็นหนูซีรินซ์ลุกขึ้นมาทำกับข้าวกับปลาแต่เช้าเลยหรือ ดีจริง ดีจริงๆ สะใภ้บ้านเซเรสส์ต้องอย่างนี้...”
ป้าของราอูลล์ พูดเองเออเองยาวเหยียด คนถูกเข้าใจผิด ต้องรอให้อีกฝ่ายพูดจบ จึงค่อยมีจังหวะปฏิเสธ
“เปล่าหรอกจ้ะป้าสีมาร์... นี้เป็นฝีมือของพี่ราอูลล์ทั้งนั้น”
“จริงเรอะ!...”
สีมาร์หันไปถามราอูลล์ เห็นเขายืนยิ้มประสานมือ ท่าทางเรียบร้อยเกินไป ก็ชักรู้สึกว่า ต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากล
“จริงซีขอรับคุณป้า... ถ้าถูกปาก กระผมจะทำให้คุณป้ารับประทานทุกวันก็ยังได้”
“อะไรนะ เจ้าพูดว่าอะไรนะ!”
สีมาร์ถึงกับเขย่าใบหูตัวเองแรงๆ เพื่อให้มั่นใจว่า หูไม่ได้อื้ออึงจนฟังผิดเพี้ยนไปเอง
“ก็บอกว่าจะทำให้รับประทานทุกวันๆ”
“ไม่ใช่สิ... ที่เจ้าเรียกข้าว่า คุณป้า น่ะ...”
“อ้าว! คุณป้าจะแปลกใจกระไรเล่าขอรับ ในเมื่อคุณป้า เป็นคุณป้าของผมจริงๆ”
ผู้เป็นหลานชายยังยิ้มแย้มตอบคำ ขณะเติมซุปข้าวโพดถ้วยที่สองให้อีกฝ่าย
แต่สีมาร์ยังกังขา ถึงกับกินต่อไปไม่ลง
“ไอ้หน้าลิง! เจ้าเป็นอะไรไป ตลอดสิบกว่าปีมานี้ เจ้าไม่เคยเรียกข้าว่าท่านป้า อย่างธรรมดาๆ เลยสักครั้ง...”
แล้วนางก็หันไปไล่เบี้ย เอากับหญิงสาวที่ยังนั่งก้มหน้านิ่งอยู่
“ซีรินซ์ ไอ้เจ้านี่มันไม่สบายหรือเปล่า”
“โถ่ๆ... คุณป้าสีมาร์ขอรับ วันนี้กระผมตั้งใจจะทำความสะอาดในห้องโถงทั้งหมด เพื่อจะได้มีลูกค้ามาพักโรงแรมเล็กๆ แต่แสนอบอุ่นของคุณป้านี้มากขึ้น และ... พรุ่งนี้ให้กระผมไปจ่ายตลาดแทนก็ได้นะขอรับ... ส่วนวันนี้ คุณป้าคงเหนื่อยมาก ขึ้นข้างบน ไปพักผ่อนเถิดขอรับ”
สีมาร์จ้องหน้าหลานชาย มองลึกเข้าไปในดวงตาพราวพราย แม้จะส่งประกายเจ้าเสน่ห์อยู่ไม่รู้คลาย แต่ในแววตา กลับคล้ายว่างเปล่าพิกล
นางผลักอกเขาเบาๆ ต่อให้ร้อยคนมายืนยัน ก็ไม่เชื่อว่า ชายหนุ่มจะกลับกลายเป็นคนว่านอนสอนง่าย ในเพียงชั่วข้ามคืน
สีมาร์มองสำรวจราอูล ตั้งแต่หัวจรดเท้าอีกครั้ง แล้วก็ส่งเสียงหึเบาๆ
“...ไอ้เด็กบ้า! หรือจะมาไม้ไหนอีกล่ะ บอกเสียก่อน ข้าไม่มีเงินจะให้หรอกนะ”
แต่เสียงเรียบๆ สีหน้าเรียบๆ ก็ยังตอบกลับมาเรียบๆ ว่า
“ข้าน่ะหรือ จะต้องการอะไร หลายปีมานี้... ท่านป้าต้องลำบาก ดูแลข้ามาด้วยตัวคนเดียว ตอนนี้ข้าก็แต่งงานแล้ว ข้าคิดว่าตัวเองควรจะโตได้แล้ว... ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อครอบครัว ต้องดูแลท่าน...”
ก่อนกล่าวอีกคำ เขาหันไปยิ้มให้ซีรินซ์อีกครั้ง
“...รวมทั้งภรรยาของข้างด้วยไงเล่า”
ถ้อยคำเป็นหลักเป็นฐาน เป็นการเป็นงานถึงขนาดนี้ ทำให้สีมาร์ต้องละมือจากมื้อเช้าอันถูกปาก จับข้อมือหลายชาย พร้อมกับที่ถาม
“หรือว่านี้ ไปถูกคำสาปอะไรมา นี่เจ้าใกล้จะตายแล้วงั้นซีนะ เลยอยากทำคุณไถ่โทษ”
เหมือนถูกประชดและสาปแช่งไปพร้อมกัน แต่ราอูลล์ก็ยังยิ้มได้ เป็นยิ้มแห้งๆ ที่แลคล้ายปั้นหน้าประดิษฐ์ขึ้นมา มากกว่าจะออกจากหัวใจ
“เพราะข้าได้เมียดีต่างหากเล่า...”
คำนี้ ทำให้ซีรินซ์ซึ่งกำลังเหม่อลอยครุ่นคิด กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของวงสนทนาอีกครั้ง หล่อนเห็นป้าสีมาร์เขย่าราอูลล์แรงๆ น้ำตาคลอ และคำถามนั้น ระคนด้วยความภาคภูมิใจ
“ไอ้อูลล์ ไอ้ราอูลล์หลานป้า นี้เจ้าไม่เป็นไรแน่ๆ ใช่ไหม!”
“ข้าสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ”
ได้ยินคำยืนยันเช่นนี้ สีมาร์ก็ถึงกับผายสองมือขึ้นฟ้า กล่าวขอบคุณสรวงสวรรค์และทวยเทพทันที
จากนั้นก็ขยับมากุมมือทั้งสองของซีรินซ์เอาไว้ เขย่าเน้นๆ เป็นการขอบอกขอบใจ
“แม่หนูซีรินซ์ เจ้าสุดยอดมากเลยจริงๆ นะ ข้านี้ เปลืองน้ำลายมาจนค่อนชีวิต ก็ไม่สามารถเปลี่ยนนิสัยชั่วร้ายของเขาได้ แต่เจ้าโผล่มาแค่ไม่กี่วัน กลับทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคน นี้เพราะพระแม่ต้องทรงเมตตา ใช่ไหมล่ะ...”
(มีต่อ)