ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า (แฟนตาซี) ตอนที่ 6 ลืม?

กระทู้สนทนา

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้


*************************************************

ขอบคุณทุกโหวต ทุกถูกใจ จากนักอ่านทุกท่านนะคะ

lovereason ทึ่ง, สายป่านสีชมพู ถูกใจ, Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ทึ่ง, Psycho man ถูกใจ (หัวกระทู้)
Lady Star 919 ถูกใจ, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, Psycho man ถูกใจ (คคห.ที่1)
Lady Star 919 ทึ่ง, สมาชิกหมายเลข 1182478 ถูกใจ, Psycho man ถูกใจ (คคห.ที่2)


**********************************************



ราอูลล์ มหาเวทย์ป่วนฟ้า
006

ลืม?




เรื่องราวมากมายคล้ายภาพฝัน ในสภาพไร้สติ ราอูลล์ไม่แน่ใจว่า ตนเองกำลังเผชิญกับความฝันหรือความจริง การบุกบั่นผ่านกำแพงพระสมุทร หยาดน้ำตาของหญิงสาว ที่สามารถรินรดก้อนหินให้ผลิดอกออกใบ หลังไหล่เนียนงามของนางฟ้าในสระบัว หรือกระทั่งงานแต่ง... การแต่งงาน...

เขาดั้นด้นไปที่นั่น...

สารพันเรื่องราวเกิดขึ้นที่นั่น...

ความสุข ความรัก... การฆ่าฟัน...

เขาไปที่นั่นทำไม?

ภาพในมโนวกวนสับสน ในที่สุดก็เวียนกลับมา ตอนที่ป้าสีมาร์ อยู่ๆ ก็ล้มป่วยลงไป

“คุณนาย... คุณนายป้าหน้าโหด!”

ราอูลล์สะดุ้งตื่น ผวาเรียกชื่อผู้ที่เลี้ยงดูตนเองมาตั้งแต่เล็กๆ

“อะไร!”

เสียงตวาดกลับได้ทันควัน แล้วก็ตามมาด้วยเสียงร้องไห้โฮ คนถูกเรียกชื่อซึ่งคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง โผเข้ามากอดชายหนุ่มไว้ทันที

“ราอูลล์ เจ้าเด็กน้อยๆ ฟื้นแล้ว... เจ้าฟื้นแล้ว...”

สีมาร์ดีใจนัก หลังจากคอยดูแลชายหนุ่ม หลานชายที่ได้รับการฝากฝังให้เลี้ยงดู และรักเขาราวกับลูกแท้ๆ ของตนเอง

“ฟื้นแล้ว  เจ้ารู้สึกอย่างไร เป็นอย่างไรบ้าง”

“คุณนาย... คุณนายป้า ท่านหายแล้วใช่ไหม”

แม้จะงุนงง แต่เขาก็ยังดีใจ ที่เห็นสีมาร์กลับมาแข็งแรงดังเดิม

สีมาร์ยิ่งกอดรัดเขาแน่นกว่าเก่า เขย่าตัวชายหนุ่มแรงๆ ด้วยความดีใจจริงๆ

“ป้าหายแล้ว ป้าไม่เป็นไรแล้ว เพราะได้ยาวิเศษที่เจ้านำมาจากเกาะนางฟ้า”

คำตอบทั้งหมด ยืนยันภาพฝันอันสับสน ตอนสุดท้าย ก่อนเขาถูกผลักไสมาจากเกาะแก้วมรกต เป็นคนที่เขารักกำลังคับขัน ถึงตอนนี้แล้ว จะเป็นจะตายก็สุดรู้

ราอูลล์ผุดลุก ผลุนผลันลงจากเตียง วิ่งพ้นห้องนอน รีบลงมาชั้นล่าง มุดค้นหาหลังโต๊ะใหญ่สำหรับตั้งเรียงสุรานานาชนิด ภายใต้นั่น มีอาวุธเก็บไว้ป้องกันภัยจากพวกอันธพาล

ระหว่างค้นหา สักสิ่งที่เหมาะมือ เพื่อกลับไปช่วยซีรินซ์ ภรรยาของตนเอง ชายชุดแดงคาดดำสามคนเดิม ก็เดินคุยกันเข้ามาในร้าน ด้วยท่าทางอ่อนเพลีย

มีเสียงถอนหายใจ ปนอยู่กับคำพูดคุยอยู่บ่อยครั้ง แต่ราอูลล์ยังพอจับความได้

“เฮ้อ!... ถึงเราจะบาดเจ็บกันขนาดนี้ แต่ก็ถือว่าการทำงานสำเร็จเป้าหมาย”

ในใจของชายหนุ่มคิดว่า ไม่น่าเป็นไปได้ ที่จะเป็นสามคนนี้เอง ที่บุกขึ้นเกาะแก้วมรกต ทำร้ายแม่เฒ่าโอราลล์กับซีรินซ์ ที่สำคัญ พวกมันหลอกใช้เขา!

‘เป็นไปได้ยังไงกันเนี่ย ไอ้พวกชั่วร้าย ทำไมยังลอยนวลอยู่ได้’

เขาตั้งคำถามกับตัวเอง ขณะหูยังได้ยินบทสนทนาชัดเจน

“พวกเราทำลายเกาะแก้วมรกตนั่นได้แล้ว หากท่านเจ้าลัทธิรู้เรื่องจะต้องพอใจ”

“นั่นเพราะพวกเราวางแผนกันได้ดี โดยเฉพาะการหลอกใช้ไอ้หนุ่มหน้าโง่นั่น”

คนตัวเล็กที่มีแผลเป็นกลางแสกหน้า สนับสนุนเพื่อนร่วมลัทธิ

“มันน่าจะยังไม่ฟื้นหรอกนะ”

เป็นคนตัวใหญ่ที่สุด คาดคะเน โดยหารู้ไม่ว่า ราอูลล์เลือกมีดใหญ่แล่เนื้อได้เล่มหนึ่ง และกำลังหมายมั่น บั่นคอพวกมันทั้งสามให้จงได้

“ไอ้พวกชั่ว! ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”

ราอูลล์ตะโกนก้อง กระโดดข้ามโต๊ะวางสุรา ตั้งท่าจังก้าจะเอาเรื่องจริงๆ

แต่แค่คนตัวเล็กประสานมือแล้วดีดนิ้วเบาๆ เขาก็ต้องหยุดชะงัก ร่างกายถูกบังคับให้ปล่อยมีดร่วงลงพื้นได้ง่ายๆ

ราอูลล์ปวดท้องราวไส้จะขาด ที่แท้เม็ดยาวิเศษ ที่พวกมันให้เขากิน ก่อนขึ้นไปที่เกาะ คือยาสั่งสำคัญ หากกินเข้าไปแล้ว ต้องตกอยู่ใต้อำนาจของพวกมัน

เขาไม่อาจทรงกายอยู่ได้ ทรุดตัวลง ขดกายดิ้นรนอยู่กับพื้น

เจ็บปวดเหมือนจะขาดใจ คล้ายมีบางสิ่ง เดี๋ยวขยายเดี๋ยวบิดเกลียว อยู่ในช่องท้อง ความอึดอัดอัดแน่น จนเขาไม่อาจหายใจได้อีก

“พอ... หยุดได้แล้ว เลิกทรมานมัน แค่ลบความทรงจำก็พอ”

คนตัวใหญ่สั่งการ คนตัวเล็กที่ร่ายคาถาเปลี่ยนบทสวดตามคำสั่งทันที

ตอนนี้ราอูลล์ทนความเจ็บปวดไม่ไหว หมดสติไปแล้ว

อีกเป็นครู่ใหญ่ แต่เขารู้สึกคลายแค่พริบตา เมื่อฟื้นตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

ชายหนุ่มหยิบมีดใหญ่ขึ้นมา แล้วยืนขึ้นอย่างงุนงง

“พี่ชาย... พวกพี่ชายกลับมาแล้วหรือขอรับ”

เขากลับกลายเป็นเพียงจำได้ว่า สามคนนี้คือแขกสำคัญ ที่เต็มใจจ่ายไม่อั้น กลุ่มล่าสุด ที่ตนเองจะต้องบริการอย่างเต็มที่

“เป็นอย่างไรบ้าง หมูบ้านทอร์สของเรา แม้ไม่ใหญ่โต แต่สถานที่ท่องเที่ยวก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร”

ราอูลล์ซักถาม เท่าที่จดจำได้ กับล่าสุดที่สามคนนี้ บอกว่าจะแวะพำนัก และท่องเที่ยวอยู่ในหมูบ้านกันดารนี้ สักสี่ห้าวัน

คนตัวใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ไม่ตอบคำถาม กลับหัวเราะร่วน ตามองมีดใหญ่ในมือ ตีสีหน้าเหี้ยมเกรียม ทำเสียงเข้มข้น ถามเขาว่า

“ไอ้น้องชาย... มีดในมือ คิดจะเอามาฆ่าพวกเราหรือยังไง!”

“ปละ เปล่า” ราอูลล์รีบปฏิเสธ งงว่ามีดใหญ่มาอยู่ในมือตัวเองได้อย่างไร

“หรือจะบอกว่า คิดเอามีดเล่มนี้ หั่นเนื้อหั่นผักให้พวกเรารึไง!”

“ไม่! ไม่ใช่อย่างนั้นซีขอรับ... สนิมเขรอะออกอย่างนี้”

เขารู้ดีว่าไม่น่าชอบพามากล แต่การถือมีดใหญ่ต่อหน้าแขกสำคัญ ย่อมต้องรีบกลบเกลื่อนเรื่องราว

ยังดีที่ว่า คนตัวเล็กหัวเราะออกมา เขาจึงผสมโรงหัวเราะบ้าง ความตึงเครียดเมื่อครู่ คลี่คลายลงทันที

ราอูลล์คิดกล่าวประจบต่อไป พอมองเห็นช่องทาง ก็กล่าวว่า

“แล้วพวกพี่ชาย... ทำไมตามเนื้อตัวของท่าน ถึงมีบาดแผลกันหลายแห่ง”

พวกลัทธิเทพรัตติกาลแค่สบตากัน แต่ไม่ตอบคำถาม

“หรือจะให้ข้าไปตามหมอให้ก็ได้นะ เขาเก่งที่สุดในทอร์ส และถ้าเป็นข้าไปตาม จะได้ลดราคาเป็นพิเศษ”

“พอๆ จะไปไหนก็ไป อย่ามากวนใจพวกเรา”

คนตัวใหญ่ตวาดไล่ไม่ไยดี พร้อมส่งสายตารำคาญๆ มาให้

“ได้ๆ ได้เลยขอรับ พวกท่านคุยกันตามสบาย ข้าก็มีธุระสำคัญ ข้าไปทำธุระก่อนละนะ”

แล้วราอูลล์ก็ผละจากมา ลึกๆ รู้สึกว่ามีเรื่องราวสำคัญ ต้องจัดการจริงๆ แต่นึกเท่าไรก็นึกไม่ออก ขนาดพิจารณามีดใหญ่ในมือ หวังให้จำได้ว่า เขาจะใช้มันทำอะไร แต่ความทรงจำก่อนหน้านี้ คล้ายปลิวหายไปดื้อๆ

เขาออกมาเดินย่านตลาด รู้สึกผู้คนมองมาด้วยท่าทางแปลกๆ แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับ เขาต้องหลงลืมอะไรบางอย่างไปแน่ๆ

ยิ่งเดินไป ผู้คนที่มักคุ้นก็เริ่มทักทาย บางคนถึงกับประสานมือทำความเคารพ หลายคนชี้ชวนลูกหลาน ให้ดูเขาเป็นตัวอย่าง เป็นผู้ยอดเยี่ยมแห่งความกตัญญู

ราอูลล์ยังไม่เข้าใจ ได้แต่ดุ่มเดินเรื่อยไป

แล้วอยู่ๆ ก็มีคนมาโดดขี่หลัง เป็นเรมีที่ดีใจกว่าใครๆ

“ลูกพี่ ฟื้นแล้วเรอะ ดีใจ ข้าดีใจจริงๆ”

พอชาวบ้านเห็นสองหนุ่ม คนหนึ่งตัวเล็กกว่าขี่หลังอีกคน แทนจะด่าว่า ว่าโตแล้วยังไม่รู้จักโต วันนี้กลับมองมาด้วยความเอ็นดู พากันยิ้มชื่นชม

“ลูกพี่ ต้องเลี้ยงเหล้าข้าสักหลายขวดแล้วละ”

เรมียังไม่ยอมลงจากหลัง จนราอูลล์ต้องสะบัดไล่

“ไอ้บ้า! ทำไมข้าต้องเลี้ยงเหล้าเอ็งด้วยล่ะ”

“ก็ข้าเป็นคนช่วยชีวิตลูกพี่เอาไว้น่ะซี เมื่อหลายวันก่อน ที่พี่มาเกยตื้นที่ชายหาด”

“ไอ้เรมี่ อธิบายมาเดี๋ยวนี้ เอ็งพูดเรื่องอะไร!”

“ทำไมๆ ได้ชื่อเป็นวีรบุรุษยอดกตัญญูเข้าหน่อย คิดจะเลิกคบกับข้างั้นเรอะ!”

“อะไรวะ นี้ยิ่งงงๆ ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง เอ็งก็ไม่ต้องพูด”

ราอูลล์ตะเพิดไล่ เขาเดินหนี แต่เรมียังตามติด พอพ้นมุมถนนมาได้ คราวนี้ยิ่งไปกันใหญ่ พ่อค้ามีด ถึงกับตีเกราะเคาะไม้ ป่าวประกาศให้พวกที่เดินเตร็ดเตร่ มุงกันเข้ามา ชวนกันชื่นชมชายหนุ่มทั้งสองคน ราวกับวีรบุรุษอย่างที่เรมีพูดจริงๆ

(มีต่อ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่