หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (36)...บุญปีใหม่
ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะไปเซนต์หลุยส์แล้ว โดยมีรถสองคัน คันหนึางพี่พลขับ...ผู้โดยสารหนุ่ม ๆ หน้าใสสี่คนจากสงขลา ส่วนคันของหนอยก็บรรทุกสาวน้อย สาวใหญ่ทั้งกลุ่ม
“มาครบหรือยัง” น้าวิวเตรียมเร่งเครื่อง
“ครบแล้วครับ” เสียงใสหนุ่มสงขลาตอบ
“อ้าว! อย่างพวกเธอนี้นะจะเข้าวัดเข้าวากับเขาด้วยเหรอ”
“น้าวิวพูดแบบนี้ผมเสียหายหมดนะครับ” คนตอบคือเหล็กน้องสุดท้องในกลุ่ม
“ดูเหล็กจะพูดเก่งกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นนะคะ” พี่น้อยหยอกหนุ่มน้อย
หมากพี่คนโตเล่าให้พี่ ๆ ฟัง
“ขนาดมันพูดอังกฤษคอทองแดงอย่างนั้นนะครับ ตอนบินมาเรียนที่นี่ มันนั่งติดกับสาวเกาหลี ชวนเขาคุยไม่หยุด จนเขาต้องขอย้ายที่นั่ง
เลยครับ” พี่ศิริกับน้าวิวได้ฟังถึงกับหัวเราะตัวงอ หลักจากเริ่มสนิทกับพี่ ๆ ทั้งกลุ่มดูจะหยอกล้อเก่งทีเดียว
“หัวเราะกันเข้าไปเดี๋ยวหายใจไม่ทันหรอก เอาถังออกซิเจนไหมครับ” เหล็กแหย่ น้าวิวหันมาฟาดเพี้ยะที่แขน ดวงเนตรยิ้ม...วันนี้เธอดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาก เพราะเมื่อวานเจ๊ใหญ่ สั่งให้กินและนอน ดวงเนตรเลยนอนทั้งวัน มีเพียงรอยเขียวจางรอบ ๆ ตาที่ยังอยู่
“พอแล้วค่ะ มัวแต่เล่นกันเดี๋ยวสายนะคะ” พี่น้อยเร่งบ้าง ของถวายสังฆทาน...น้าวิวและพี่พลแนะนำให้ไปซื้อที่เซนต์หลุยส์เพราะห้างใหญ่กว่า
กันมาก
รถพี่พลวิ่งนำมาถึงห้างใหญ่เข้าที่จอดเรียบร้อย ทุกคนรีบออกมาโดยเฉพาะ สี่หนุ่มจากสงขลา ทำท่าดีใจเหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากโลกที่สาม
น้าวิวให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว
“ตอนที่มาถึงก็เกือบสิบโมงแล้ว เลือกของเสร็จถึงวัดก็คงสิบเอ็ดโมงกว่า” เธอประเมินเวลา
“อ้าว! ทางใครทางมัน ใครจะไปกับใครตามสบาย แล้วมาเจอกันหน้าแมคโดนัลด์ตรงเวลา ถ้าไม่งั้นก็โบกรถกลับคาร์บอนเดลกันเองนะ” เธอ
กำกับเหมือนคนใจร้อน ชอบคนตรงเวลาน้าวิวปากร้ายแต่ใจดี ใครมีปัญหาอะไรก็วิ่งมาที่ห้องแกเสมอ
ทั้งกลุ่มแยกกันเดินดูของตามที่ตัวชอบ พี่หนอยเข็นรถตามดวงเนตรเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
“วันนี้พี่หนอยจะให้บริการเป็นพิเศษเลยนะครับคุณหนู แค่ชี้นิ้วอย่างเดียวรับรองเรียบร้อย แต่วันนี้ต้องทิปหนัก ๆ หน่อยนะครับ”
“จะเอาทิป หรือทุบค่ะ” ดวงเนตรตอบกลับ พร้อมยิ้มหวานให้
“วันนี้เนตรต้องอาศัยคุณผู้ชายแล้วค่ะ เพราะมือขวายังจับอะไรไม่ได้เลย” รอยยิ้ม และดวงหน้าที่สดใสของดวงเนตรทำให้หนอยคลายกังวล
ไปหลายเรื่อง ‘ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่เรายังมีกันและกัน...ขอให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป’ หนอยคิด
ดวงเนตรเลือกของหลายอย่างที่คิดว่าพระท่านจะใช้ประโยชน์ได้
“ไม่เอาธูปเทียนหรือครับ” หนอยสงสัย เพราะส่วนใหญ่เขานิยมซื้อกัน
“ไม่ล่ะค่ะ เพราะธูปจุดแล้วไม่ปลอดภัยกับสุขภาพ มันมีสารก่อมะเร็ง เราไม่จำเป็นต้องใช้ การกราบไหว้พระระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระ
สงฆ์ และความดีงาม ความถูกต้องที่เราควรทำแค่นั้นก็พอแล้ว” ดวงเนตรตอบคำถามของพี่หนอยยาว
“อือ! ยอดเยี่ยม คนเราคิดดี คิดชอบ ทำแต่ความถูกต้องดีงามใจดีใจสบายแค่นี้ก็เป็นบุญแล้ว พี่หนอยเชื่ออย่างเนตรเหมือนกัน” นอกจากของ
ใช้จำเป็น ดวงเนตรเลือกผลไม้มี แอปเปิล กีวี และ ลูกพีช
“เอาผลไม้ด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ ระหว่างขนมเค้กกับผลไม้พี่หนอยเลือกทานอะไรดีค่ะ”
“ก็ต้องเป็นผลไม้สิครับ”
“นั่นแหละคำตอบของเนตร พระท่านเลือกไม่ได้ พวกเราถวายอะไรก็ต้องฉันตามนั้น แล้วส่วนใหญ่เรานิยมถวายเป็นขนมหวาน สุดท้ายพระก็
หนีไม่พ้นโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือด และเบาหวาน ตามกันมาเป็นชุดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นถวายเป็นผลไม้ดีกว่า”
“สาธุ” หนอยต่อท้ายให้ ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพ ดวงเนตรจะระวังมาก เพราะก๋งของดวงเนตรเป็นอัมพาต มันเป็นโรคที่โหดร้ายสำหรับคนเป็นและ
คนดูแล ในเมื่อเราดูแลตัวเองดีเสียแต่แรก โอกาสที่เราจะเป็นโรคเหล่านี้ก็จะน้อยลง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมทุกครั้งที่ดวงเนตรทำ ก๋วยเตี๋ยวหลอด หรือ
ปอเปี๊ยะ เธอจะจัดผักสลัดหลายอย่างมาเป็นเครื่องเคียง
“ตกลงเราจะกินก๋วยเตี๋ยวหลอดหรือสลัดผักจ้ะเนตร” พี่ศิริซึ่งเป็นโรคเกลียดผัก มักพูดแบบนี้บ่อย ๆ
ยังเหลือเวลาเกือบสิบห้านาที พี่หนอยไปฝากของที่เคาน์เตอร์ แล้วดึงมือดวงเนตรไปดูเสื้อผ้า
“เบา ๆ ค่ะเนตรเจ็บ”
“พี่หนอยขอโทษ ลืมไเจ็บมากไหม” หญิงสาวส่ายหน้า
“มาช่วยพี่หนอยเลือกชุดหน่อยสิ จะซื้อให้แฟนวันปีใหม่”
“ได้ค่ะ”
“แต่เท่าที่เนตรรู้มาแฟนพี่เขาไม่ชอบรับของขวัญบ่อย ๆ แค่รักกันนาน ๆ ก็พอ” คำพูดสุดท้ายหนอยหันมามองตรงเข้าไปที่ดวงตาสวยนั่น แวว
ตาบอกกับหนอยอย่างนั้นจริง ๆ
“เอาเถอะน่าแค่ชุดเดียว แล้วดูสิเขาลดราคาตั้ง 50% นะครับ” ท้ายเสียงหนอยเหมือนอ้อน สุดท้ายหนอยก็ดันทุลังซื้อจนได้ เป็นชุดผ้าเนื้อ
หนากำลังดี ๆ แขนยาว ชุดจีบที่เอวแล้วปล่อยยาวลงมาเกือบถึงน่อง พื้นของชุดเป็นสีน้ำตาลแดง ลายกุหลาบ มีเฉดสีไล่กันไปอย่างสวยงาม คอกลม
ระบายด้วยลูกไม้เล็กสีแดงเข้มรอบคอ
ทุกคนมารวมกันพร้อมขาดแต่สี่หนุ่มสงขลา กำลังวิ่งกระหือกระหอบมาอย่างเฉียดฉิว
“ต๊ายตายของนี้เขาแจกหรือไงหอบมาซะยกใหญ่ ซื้อเก่งยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะ” น้าวิวส่งเสียงแบบเจ๊ใหญ่ ทุกคนยิ้มเจื่อน ๆ ยกเว้น ! เหล็ก
“พี่พลครับพอออกจากวัดแล้วเราจะไปช็อปปิงต่ออีกใช่ไหมครับ” คำถาม ๆ พี่พล แต่ตามองน้าวิวแบบอ้อน ทุกคนยิ้มอย่างเอ็นดู แต่น้าวิวแว๊ด
ขึ้นมา
“มัวแต่หาซื้อของ ๆ ตัว...แล้วนี้จะเอาอะไรไปถวายพระล่ะ” หมากยกถุงให้ดู
“มีแล้วครับ ผมแยกไปซื้อตอนเขาเลือกของกันครับ”
“เออ! ค่อยยังชั่วหน่อย เฮ้อ! คบกับเด็ก...ไป ๆ ” ทุกคนตามพี่พลออกมาจากห้างเพราะเขารู้ทางดี
ครู่เดียวก็ถึงลานวัด ข้างในร่มรื่น และเงียบสงบ มีคนสองสามคนกำลังเก็บกวาดลานอยู่ เข้าใจว่าเมื่อเช้าคนต้องเยอะแน่ เพราะทุก ๆ ปีใหม่คน
ชอบมาทำบุญกัน ปีใหม่เป็นประเพณีดีงามที่จะเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิต และคือความผูกพันที่คนต่างแดนที่คิดถึงประเทศไทย ทั้งกลุ่มเดินตามพี่พลไปที่
กุฏิหลวงพ่อ
“อ้าว!พลพาเพื่อนมาทำบุญหรือ”
“ครับหลวงพ่อ”
“ดี ๆ เข้ามา ๆ ” ทุกคนมีสไตล์ในการกราบไม่เหมือนกัน หนุ่มน้อยก้มกราบก้นกระดกขึ้น ๆ ลง ๆ มีเพียงสองคนที่กราบได้สวยเป็นท่าเบญจางคประดิษฐ์ หรือท่ากราบแบบนางฟ้า...เข่าสอง มือสอง และหน้าผาก จรดพื้น ทั้งสองสาวกราบได้งดงามและลงจังหวะไล่ ๆ กัน
“เออ ! กราบสวยคงเข้าวัดบ่อยสินะ”
“เจ้าค่ะ” เสียงพี่น้อยและดวงเนตรตอบพร้อมกัน แล้วเราก็ทยอยถวายสังฆทานจนเสร็จ กล่าวคำถวายสังฆทาน รับศีล รับพร และหลวงพ่อก็สวด
ชยันโตให้อีกด้วย....การสวดชยันโต มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นบทสวดหนึ่งบทในบทมหากาพย์ ชยันโตคือบทสวดชนะมาร ทุกคนอิ่มบุญกันถ้วนหน้า
หลังจากกรวดน้ำเสร็จ
*** เจริญ ชีพก้าวไกลในชีวิต
เจริญ กิจรุ่งเรืองเฟื่องสดใส
เจริญ ลักษณ์เลิศล้ำอิ่มอำไพ
เจริญ ใจให้สุขีปีใหม่เอย (บทคัดลอก)
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (36)...บุญปีใหม่
ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะไปเซนต์หลุยส์แล้ว โดยมีรถสองคัน คันหนึางพี่พลขับ...ผู้โดยสารหนุ่ม ๆ หน้าใสสี่คนจากสงขลา ส่วนคันของหนอยก็บรรทุกสาวน้อย สาวใหญ่ทั้งกลุ่ม
“มาครบหรือยัง” น้าวิวเตรียมเร่งเครื่อง
“ครบแล้วครับ” เสียงใสหนุ่มสงขลาตอบ
“อ้าว! อย่างพวกเธอนี้นะจะเข้าวัดเข้าวากับเขาด้วยเหรอ”
“น้าวิวพูดแบบนี้ผมเสียหายหมดนะครับ” คนตอบคือเหล็กน้องสุดท้องในกลุ่ม
“ดูเหล็กจะพูดเก่งกว่าพี่ ๆ น้อง ๆ คนอื่นนะคะ” พี่น้อยหยอกหนุ่มน้อย
หมากพี่คนโตเล่าให้พี่ ๆ ฟัง
“ขนาดมันพูดอังกฤษคอทองแดงอย่างนั้นนะครับ ตอนบินมาเรียนที่นี่ มันนั่งติดกับสาวเกาหลี ชวนเขาคุยไม่หยุด จนเขาต้องขอย้ายที่นั่ง
เลยครับ” พี่ศิริกับน้าวิวได้ฟังถึงกับหัวเราะตัวงอ หลักจากเริ่มสนิทกับพี่ ๆ ทั้งกลุ่มดูจะหยอกล้อเก่งทีเดียว
“หัวเราะกันเข้าไปเดี๋ยวหายใจไม่ทันหรอก เอาถังออกซิเจนไหมครับ” เหล็กแหย่ น้าวิวหันมาฟาดเพี้ยะที่แขน ดวงเนตรยิ้ม...วันนี้เธอดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาก เพราะเมื่อวานเจ๊ใหญ่ สั่งให้กินและนอน ดวงเนตรเลยนอนทั้งวัน มีเพียงรอยเขียวจางรอบ ๆ ตาที่ยังอยู่
“พอแล้วค่ะ มัวแต่เล่นกันเดี๋ยวสายนะคะ” พี่น้อยเร่งบ้าง ของถวายสังฆทาน...น้าวิวและพี่พลแนะนำให้ไปซื้อที่เซนต์หลุยส์เพราะห้างใหญ่กว่า
กันมาก
รถพี่พลวิ่งนำมาถึงห้างใหญ่เข้าที่จอดเรียบร้อย ทุกคนรีบออกมาโดยเฉพาะ สี่หนุ่มจากสงขลา ทำท่าดีใจเหมือนเพิ่งหลุดออกมาจากโลกที่สาม
น้าวิวให้เวลาแค่ชั่วโมงเดียว
“ตอนที่มาถึงก็เกือบสิบโมงแล้ว เลือกของเสร็จถึงวัดก็คงสิบเอ็ดโมงกว่า” เธอประเมินเวลา
“อ้าว! ทางใครทางมัน ใครจะไปกับใครตามสบาย แล้วมาเจอกันหน้าแมคโดนัลด์ตรงเวลา ถ้าไม่งั้นก็โบกรถกลับคาร์บอนเดลกันเองนะ” เธอ
กำกับเหมือนคนใจร้อน ชอบคนตรงเวลาน้าวิวปากร้ายแต่ใจดี ใครมีปัญหาอะไรก็วิ่งมาที่ห้องแกเสมอ
ทั้งกลุ่มแยกกันเดินดูของตามที่ตัวชอบ พี่หนอยเข็นรถตามดวงเนตรเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
“วันนี้พี่หนอยจะให้บริการเป็นพิเศษเลยนะครับคุณหนู แค่ชี้นิ้วอย่างเดียวรับรองเรียบร้อย แต่วันนี้ต้องทิปหนัก ๆ หน่อยนะครับ”
“จะเอาทิป หรือทุบค่ะ” ดวงเนตรตอบกลับ พร้อมยิ้มหวานให้
“วันนี้เนตรต้องอาศัยคุณผู้ชายแล้วค่ะ เพราะมือขวายังจับอะไรไม่ได้เลย” รอยยิ้ม และดวงหน้าที่สดใสของดวงเนตรทำให้หนอยคลายกังวล
ไปหลายเรื่อง ‘ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้าที่เรายังมีกันและกัน...ขอให้เป็นเช่นนี้ตลอดไป’ หนอยคิด
ดวงเนตรเลือกของหลายอย่างที่คิดว่าพระท่านจะใช้ประโยชน์ได้
“ไม่เอาธูปเทียนหรือครับ” หนอยสงสัย เพราะส่วนใหญ่เขานิยมซื้อกัน
“ไม่ล่ะค่ะ เพราะธูปจุดแล้วไม่ปลอดภัยกับสุขภาพ มันมีสารก่อมะเร็ง เราไม่จำเป็นต้องใช้ การกราบไหว้พระระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระ
สงฆ์ และความดีงาม ความถูกต้องที่เราควรทำแค่นั้นก็พอแล้ว” ดวงเนตรตอบคำถามของพี่หนอยยาว
“อือ! ยอดเยี่ยม คนเราคิดดี คิดชอบ ทำแต่ความถูกต้องดีงามใจดีใจสบายแค่นี้ก็เป็นบุญแล้ว พี่หนอยเชื่ออย่างเนตรเหมือนกัน” นอกจากของ
ใช้จำเป็น ดวงเนตรเลือกผลไม้มี แอปเปิล กีวี และ ลูกพีช
“เอาผลไม้ด้วยเหรอครับ”
“ค่ะ ระหว่างขนมเค้กกับผลไม้พี่หนอยเลือกทานอะไรดีค่ะ”
“ก็ต้องเป็นผลไม้สิครับ”
“นั่นแหละคำตอบของเนตร พระท่านเลือกไม่ได้ พวกเราถวายอะไรก็ต้องฉันตามนั้น แล้วส่วนใหญ่เรานิยมถวายเป็นขนมหวาน สุดท้ายพระก็
หนีไม่พ้นโรคอ้วน ไขมันในเส้นเลือด และเบาหวาน ตามกันมาเป็นชุดเลยค่ะ เพราะฉะนั้นถวายเป็นผลไม้ดีกว่า”
“สาธุ” หนอยต่อท้ายให้ ถ้าเป็นเรื่องสุขภาพ ดวงเนตรจะระวังมาก เพราะก๋งของดวงเนตรเป็นอัมพาต มันเป็นโรคที่โหดร้ายสำหรับคนเป็นและ
คนดูแล ในเมื่อเราดูแลตัวเองดีเสียแต่แรก โอกาสที่เราจะเป็นโรคเหล่านี้ก็จะน้อยลง นั่นคือเหตุผลที่ทำไมทุกครั้งที่ดวงเนตรทำ ก๋วยเตี๋ยวหลอด หรือ
ปอเปี๊ยะ เธอจะจัดผักสลัดหลายอย่างมาเป็นเครื่องเคียง
“ตกลงเราจะกินก๋วยเตี๋ยวหลอดหรือสลัดผักจ้ะเนตร” พี่ศิริซึ่งเป็นโรคเกลียดผัก มักพูดแบบนี้บ่อย ๆ
ยังเหลือเวลาเกือบสิบห้านาที พี่หนอยไปฝากของที่เคาน์เตอร์ แล้วดึงมือดวงเนตรไปดูเสื้อผ้า
“เบา ๆ ค่ะเนตรเจ็บ”
“พี่หนอยขอโทษ ลืมไเจ็บมากไหม” หญิงสาวส่ายหน้า
“มาช่วยพี่หนอยเลือกชุดหน่อยสิ จะซื้อให้แฟนวันปีใหม่”
“ได้ค่ะ”
“แต่เท่าที่เนตรรู้มาแฟนพี่เขาไม่ชอบรับของขวัญบ่อย ๆ แค่รักกันนาน ๆ ก็พอ” คำพูดสุดท้ายหนอยหันมามองตรงเข้าไปที่ดวงตาสวยนั่น แวว
ตาบอกกับหนอยอย่างนั้นจริง ๆ
“เอาเถอะน่าแค่ชุดเดียว แล้วดูสิเขาลดราคาตั้ง 50% นะครับ” ท้ายเสียงหนอยเหมือนอ้อน สุดท้ายหนอยก็ดันทุลังซื้อจนได้ เป็นชุดผ้าเนื้อ
หนากำลังดี ๆ แขนยาว ชุดจีบที่เอวแล้วปล่อยยาวลงมาเกือบถึงน่อง พื้นของชุดเป็นสีน้ำตาลแดง ลายกุหลาบ มีเฉดสีไล่กันไปอย่างสวยงาม คอกลม
ระบายด้วยลูกไม้เล็กสีแดงเข้มรอบคอ
ทุกคนมารวมกันพร้อมขาดแต่สี่หนุ่มสงขลา กำลังวิ่งกระหือกระหอบมาอย่างเฉียดฉิว
“ต๊ายตายของนี้เขาแจกหรือไงหอบมาซะยกใหญ่ ซื้อเก่งยิ่งกว่าผู้หญิงอีกนะ” น้าวิวส่งเสียงแบบเจ๊ใหญ่ ทุกคนยิ้มเจื่อน ๆ ยกเว้น ! เหล็ก
“พี่พลครับพอออกจากวัดแล้วเราจะไปช็อปปิงต่ออีกใช่ไหมครับ” คำถาม ๆ พี่พล แต่ตามองน้าวิวแบบอ้อน ทุกคนยิ้มอย่างเอ็นดู แต่น้าวิวแว๊ด
ขึ้นมา
“มัวแต่หาซื้อของ ๆ ตัว...แล้วนี้จะเอาอะไรไปถวายพระล่ะ” หมากยกถุงให้ดู
“มีแล้วครับ ผมแยกไปซื้อตอนเขาเลือกของกันครับ”
“เออ! ค่อยยังชั่วหน่อย เฮ้อ! คบกับเด็ก...ไป ๆ ” ทุกคนตามพี่พลออกมาจากห้างเพราะเขารู้ทางดี
ครู่เดียวก็ถึงลานวัด ข้างในร่มรื่น และเงียบสงบ มีคนสองสามคนกำลังเก็บกวาดลานอยู่ เข้าใจว่าเมื่อเช้าคนต้องเยอะแน่ เพราะทุก ๆ ปีใหม่คน
ชอบมาทำบุญกัน ปีใหม่เป็นประเพณีดีงามที่จะเริ่มสิ่งใหม่ ๆ ให้ชีวิต และคือความผูกพันที่คนต่างแดนที่คิดถึงประเทศไทย ทั้งกลุ่มเดินตามพี่พลไปที่
กุฏิหลวงพ่อ
“อ้าว!พลพาเพื่อนมาทำบุญหรือ”
“ครับหลวงพ่อ”
“ดี ๆ เข้ามา ๆ ” ทุกคนมีสไตล์ในการกราบไม่เหมือนกัน หนุ่มน้อยก้มกราบก้นกระดกขึ้น ๆ ลง ๆ มีเพียงสองคนที่กราบได้สวยเป็นท่าเบญจางคประดิษฐ์ หรือท่ากราบแบบนางฟ้า...เข่าสอง มือสอง และหน้าผาก จรดพื้น ทั้งสองสาวกราบได้งดงามและลงจังหวะไล่ ๆ กัน
“เออ ! กราบสวยคงเข้าวัดบ่อยสินะ”
“เจ้าค่ะ” เสียงพี่น้อยและดวงเนตรตอบพร้อมกัน แล้วเราก็ทยอยถวายสังฆทานจนเสร็จ กล่าวคำถวายสังฆทาน รับศีล รับพร และหลวงพ่อก็สวด
ชยันโตให้อีกด้วย....การสวดชยันโต มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เป็นบทสวดหนึ่งบทในบทมหากาพย์ ชยันโตคือบทสวดชนะมาร ทุกคนอิ่มบุญกันถ้วนหน้า
หลังจากกรวดน้ำเสร็จ
*** เจริญ ชีพก้าวไกลในชีวิต
เจริญ กิจรุ่งเรืองเฟื่องสดใส
เจริญ ลักษณ์เลิศล้ำอิ่มอำไพ
เจริญ ใจให้สุขีปีใหม่เอย (บทคัดลอก)