สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน
เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายแก่ ๆ ท่าน ผบ.ชวนทำแกงไก่เพื่อที่จะได้เคลียร์หน่อไม้สดที่เพื่อนบ้านเอามาฝากเมื่อสองสามวันก่อนกันครับ
อันดับแรกก็ต้องมาทำการลอกเปลือกออกกันก่อน ทุลักทุเลพอสมควรสำหรับคนเมือง
ลอกเสร็จก็เลือกหั่นเฉพาะเนื้อหน่อไม้ส่วนที่อ่อน ส่วนที่แข็งหรือดูแล้วเนื้อน่าจะเป็นเสี้ยนผมคัดทิ้งหมด
เอามาหั่นให้เป็นแผ่นบางก่อน แล้วค่อยหั่นให้เป็นเส้น
จากนั้นก็ขยำกับเกลือถุงเล็ก ๆ ถุงนึง แล้วค่อยล้างออก
จากนั้นก็ตั้งกระทะต้มน้ำ รอจนน้ำเดือดก็ใส่หน่อไม้ลงต้ม พร้อมกับใส่เกลือและผงชูรส MSG ใส่ไปเลยหนึ่งช้อนโต๊ะ ไม่ต้องไปกลัวว่าเยอะจัง เพราะเดี๋ยวต้องล้างออกอีกอยู่ดี
ต้มไฟกลางค่อนแรงไปเรื่อย ๆ จนน้ำต้มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น แสดงว่าพิษหรือความขมของเนื้อหน่อไม้ถูกขับออกมาแล้วด้วยพลังของ MSG และเกลือ
เทน้ำต้มทิ้ง ล้างหน่อไม้ด้วยน้ำเปล่า เปลี่ยนน้ำใหม่แล้วต้มอีกรอบ โดยรอบนี้ให้เปลี่ยนเป็นใส่น้ำตาลทรายซักหนึ่งช้อนแทน
ต้มไฟกลางไปเรื่อย ๆ พักใหญ่ ๆ เป็นสิบนาทีสิบห้านาทีค่อยหยิบขึ้นมาเคี้ยวชิมว่านิ่มพอตามที่ต้ิงการหรือยัง ถ้ายังก็ต้มต่อจนกว่าจะได้ที่ เติมน้ำได้ถ้าดูว่ากระทะแห้งไป แต่ถ้าได้ที่แล้วก็ยกลง เทน้ำทิ้ง ล้างหน่อไม้ด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ แล้วพักทิ้งไว้ก่อน
ถ้าไม่ต้ม หั่นเสร็จแล้วนำไปปรุงอาหารเลย มันอาจจะมีสารพิษตามธรรมชาติของหน่อไม้ตกค้างอยู่ และมันจะมีรสขม ปรุงอาหารกินแล้วจะไม่อร่อยเอาเสียเลย
ต่อให้ซื้อหน่อไม้ตลาด จะเป็นแบบสดหรือแบบดอง มาจากตลาด ถึงเขาจะทำมาแล้วก็ตามแต่เราก็ควรมาต้มเกลือเองที่บ้านอย่างน้อยก็อีกซักรอบก่อนนำไปปรุงอาหารเพื่อความชัวร์ของปากท้องเรา
แกงวันนี้ท่าน ผบ.อยากกินเผ็ด ๆ แซ่บ ๆ ก็เลยตำพริกสดเพิ่มครับ พริกขี้หนูสิบกว่าเม็ด พริกจินดาอีกเจ็ดแปดเม็ด ผสมกับพริกแกงเผ็ดสะใจแน่
พริกแกงตำเองหรือพริกแกงตลาด อยากให้เผ็ดเพิ่มสามารถตำพริกสดผสมกับพริกแกงที่จะใช้แกงได้เลยครับ แต่อย่าไปผสมในพริกแกงที่จะเก็บ เพราะถ้าเก็บนานมันอาจจะเสียได้
ตั้งกระทะไฟอ่อน ๆ ใส่กระทิแล้วรอให้มันแตกมันเอง
รอจนกระทิแตกมันแป๊บนึงค่อยเอาพริกแกงลงไปผัดให้เข้ากัน ยังใช้ไฟอ่อนเหมือนเดิม
เติมน้ำหรือน้ำซุปหรือน้ำสต๊อคได้ตามสะดวก เพื่อกันไหม้
ปรุงรสด้วย น้ำปลาและน้ำตาล แต่ผมใช้เป็นน้ำตาลมะพร้าว เกลือนิดหน่อย
ยังใช้ไฟอ่อน ๆ เพื่อรอให้กระทิกับพริกแกงแตกมันเพิ่มค่อยใส่เนื้อไก่
ยังใช้ไฟอ่อน ๆ คนให้เข้ากัน ใจเย็น ๆ รอให้ไก่เริ่มสุกและแตกมันเพิ่มมาเรื่อย ๆ
ใส่หน่อไม้
คนให้เข้ากันด้วยไฟอ่อน ๆ เหมือนเดิม
ยังใช้ไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ ระหว่างนี้ควรชิมเพื่อปรุงรสให้ได้ตามต้องการ
ใกล้จะเสร็จ เร่งไฟแรงพักนึง
ใส่ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ
ปิดท้ายด้วยโหระพา
แต่โหระพาไม่มีก็ใส่เป็นใบกะเพราแทน
เทลงหม้อ แกงแบบใจเย็นรับรองได้ว่า
หน่อไม้ไม่ขม ไก่ไม่เหม็นคาวแม้จะค้างคืน
ตักราดขนมจีนสองจับพร้อมข้าวสวยอีกหนึ่งทัพพี
แค่นี้ก็อิ่มแปล้ได้หนึ่งมื้อครับ ส่วนแกงที่เหลือเก็บไว้มื้อต่อไปได้อีก
น้า Low Batt :: แกงอกไก่หน่อไม้สด
เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายแก่ ๆ ท่าน ผบ.ชวนทำแกงไก่เพื่อที่จะได้เคลียร์หน่อไม้สดที่เพื่อนบ้านเอามาฝากเมื่อสองสามวันก่อนกันครับ
อันดับแรกก็ต้องมาทำการลอกเปลือกออกกันก่อน ทุลักทุเลพอสมควรสำหรับคนเมือง
ลอกเสร็จก็เลือกหั่นเฉพาะเนื้อหน่อไม้ส่วนที่อ่อน ส่วนที่แข็งหรือดูแล้วเนื้อน่าจะเป็นเสี้ยนผมคัดทิ้งหมด
เอามาหั่นให้เป็นแผ่นบางก่อน แล้วค่อยหั่นให้เป็นเส้น
จากนั้นก็ขยำกับเกลือถุงเล็ก ๆ ถุงนึง แล้วค่อยล้างออก
จากนั้นก็ตั้งกระทะต้มน้ำ รอจนน้ำเดือดก็ใส่หน่อไม้ลงต้ม พร้อมกับใส่เกลือและผงชูรส MSG ใส่ไปเลยหนึ่งช้อนโต๊ะ ไม่ต้องไปกลัวว่าเยอะจัง เพราะเดี๋ยวต้องล้างออกอีกอยู่ดี
ต้มไฟกลางค่อนแรงไปเรื่อย ๆ จนน้ำต้มเปลี่ยนเป็นสีคล้ำขึ้น แสดงว่าพิษหรือความขมของเนื้อหน่อไม้ถูกขับออกมาแล้วด้วยพลังของ MSG และเกลือ
เทน้ำต้มทิ้ง ล้างหน่อไม้ด้วยน้ำเปล่า เปลี่ยนน้ำใหม่แล้วต้มอีกรอบ โดยรอบนี้ให้เปลี่ยนเป็นใส่น้ำตาลทรายซักหนึ่งช้อนแทน
ต้มไฟกลางไปเรื่อย ๆ พักใหญ่ ๆ เป็นสิบนาทีสิบห้านาทีค่อยหยิบขึ้นมาเคี้ยวชิมว่านิ่มพอตามที่ต้ิงการหรือยัง ถ้ายังก็ต้มต่อจนกว่าจะได้ที่ เติมน้ำได้ถ้าดูว่ากระทะแห้งไป แต่ถ้าได้ที่แล้วก็ยกลง เทน้ำทิ้ง ล้างหน่อไม้ด้วยน้ำเปล่าอีกรอบ แล้วพักทิ้งไว้ก่อน
ถ้าไม่ต้ม หั่นเสร็จแล้วนำไปปรุงอาหารเลย มันอาจจะมีสารพิษตามธรรมชาติของหน่อไม้ตกค้างอยู่ และมันจะมีรสขม ปรุงอาหารกินแล้วจะไม่อร่อยเอาเสียเลย
ต่อให้ซื้อหน่อไม้ตลาด จะเป็นแบบสดหรือแบบดอง มาจากตลาด ถึงเขาจะทำมาแล้วก็ตามแต่เราก็ควรมาต้มเกลือเองที่บ้านอย่างน้อยก็อีกซักรอบก่อนนำไปปรุงอาหารเพื่อความชัวร์ของปากท้องเรา
แกงวันนี้ท่าน ผบ.อยากกินเผ็ด ๆ แซ่บ ๆ ก็เลยตำพริกสดเพิ่มครับ พริกขี้หนูสิบกว่าเม็ด พริกจินดาอีกเจ็ดแปดเม็ด ผสมกับพริกแกงเผ็ดสะใจแน่
พริกแกงตำเองหรือพริกแกงตลาด อยากให้เผ็ดเพิ่มสามารถตำพริกสดผสมกับพริกแกงที่จะใช้แกงได้เลยครับ แต่อย่าไปผสมในพริกแกงที่จะเก็บ เพราะถ้าเก็บนานมันอาจจะเสียได้
ตั้งกระทะไฟอ่อน ๆ ใส่กระทิแล้วรอให้มันแตกมันเอง
รอจนกระทิแตกมันแป๊บนึงค่อยเอาพริกแกงลงไปผัดให้เข้ากัน ยังใช้ไฟอ่อนเหมือนเดิม
เติมน้ำหรือน้ำซุปหรือน้ำสต๊อคได้ตามสะดวก เพื่อกันไหม้
ปรุงรสด้วย น้ำปลาและน้ำตาล แต่ผมใช้เป็นน้ำตาลมะพร้าว เกลือนิดหน่อย
ยังใช้ไฟอ่อน ๆ เพื่อรอให้กระทิกับพริกแกงแตกมันเพิ่มค่อยใส่เนื้อไก่
ยังใช้ไฟอ่อน ๆ คนให้เข้ากัน ใจเย็น ๆ รอให้ไก่เริ่มสุกและแตกมันเพิ่มมาเรื่อย ๆ
ใส่หน่อไม้
คนให้เข้ากันด้วยไฟอ่อน ๆ เหมือนเดิม
ยังใช้ไฟอ่อน ๆ ไปเรื่อย ๆ ระหว่างนี้ควรชิมเพื่อปรุงรสให้ได้ตามต้องการ
ใกล้จะเสร็จ เร่งไฟแรงพักนึง
ใส่ใบมะกรูด พริกชี้ฟ้าแดงหั่นแฉลบ
ปิดท้ายด้วยโหระพา
แต่โหระพาไม่มีก็ใส่เป็นใบกะเพราแทน
เทลงหม้อ แกงแบบใจเย็นรับรองได้ว่า
หน่อไม้ไม่ขม ไก่ไม่เหม็นคาวแม้จะค้างคืน
ตักราดขนมจีนสองจับพร้อมข้าวสวยอีกหนึ่งทัพพี
แค่นี้ก็อิ่มแปล้ได้หนึ่งมื้อครับ ส่วนแกงที่เหลือเก็บไว้มื้อต่อไปได้อีก