หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (3)...โบยบิน
นี่แหละที่พระเจ้ากำหนดโชคชะตาของเราไว้ ดวงเนตรเหมือนคนสิ้นหวังและสิ้นคิด เพราะคิดไม่ออกเอาเลย เธอตั้งตัวไม่ติดตั้งแต่เท้า
เหยียบลงบนแผ่นดินนี้
“อ้าว...เลยเอ๋อเลยโธ่! “ สีหน้างง! ทำอะไรไม่ถูก หมอไฉไลเลยบอกทางเลือกให้เธอสองทาง อันแรกหมอจะซื้อตั๋วใหม่ให้แล้วรอต่อเครื่องภายในประเทศอยู่ที่สนามบิน ทางเลือกที่สองดวงเนตรหยุดพักที่บ้านหมอปราโมทย์เพื่อนหมอไฉไล แล้วค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้ตอนเช้า ทางเลือก
สุดท้ายเป็นทางเลือกที่หมอเห็นว่าดีที่สุด ดวงเนตรจะได้พักผ่อนเพราะจากนี้ไปมันจะเป็นการผจญภัยของเธอเพียงลำพัง หญิงสาวออกอาการสับสน
จนกระทั่งได้ยินเสียงนุ่ม ๆ ด้านหลัง
“พี่ไฉไล สวัสดีค่ะ” ผู้หญิงวัยสี่สิบ เดินตรงมาพร้อมเด็กหญิงชายคู่หนึ่ง กับผู้ชายไทยผิวเข้ม ร่างสูงโปร่ง พี่ผู้หญิงวัยหมอเดียวกับหมอไฉไล เอ่ยถามต่อ
“เป็นไงคะ กลับบ้านสนุกไหม ได้กลับตั้งเดือนอิจฉาจัง” หมอไฉไลหันมายิ้มกว้าง
“สวัสดีคุณอำพร สวัสดีค่ะหมอปราโมทย์” ตามธรรมเนียมไทยยกมือไหว้จนครบ ดวงเนตรทำตามบ้าง
“อ้าว! แล้วนี่ไปหนีบลูกใครมาด้วย ไหว้ซะสวยเลย ทีแรกผมนึกว่าเป็นญี่ปุ่นหรือไต้หวัน” คุณหมอปราโมทย์ ยิ้มดูอบอุ่นและเป็นมิตร ดวงเนตร
ตัดสินใจ แล้วทุกคนก็ขึ้นรถตู้คันใหญ่ ที่คุณหมอขับมา หมอสองคนคุยกันตลอดทางมีคุณอำพรร่วมวงอยู่ด้วย ดวงเนตรมองดูคุณอำพร ผิวเนียน ขาวกว่า
สามี ผมยาวเป็นเกลียว เธอเกล้ามุ่นไว้แล้วเสียบด้วยปิ่น ชุดที่ใส่ตัดด้วยผ้าไหม เป็นชุดกระโปรงติดกัน
เด็ก ๆ นั่งเล่นกันอยู่เบาะหลังสุด ส่วนดวงเนตรนั่งเบาะตอนกลางชิดหน้าต่าง เธอมองทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด ทิวสนปลูกเป็นแนวสวยงาม
เดือนหน้าก็จะเข้าภาคเรียนฤดูร้อน ซึ่งก็เท่ากับว่าช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ตามไหล่ทางถนนมีดอกไม้ป่าดอกเล็กหลากสีสันกระจายอยู่ทั่วไป...ดอกไม้ไร้
นามต้นเล็กขึ้นที่ใดก็งดงาม สายลมพัดพาเอาเกสรเหล่านี้ไปเติบโตอยู่ทั่วทุกแห่ง ตะวันยอแสงทาบทับอยู่บนเนินเขา
ดวงเนตรไม่ได้ปรับเวลาตามเวลาที่นี่ หลายอย่างที่โถมเข้าใส่ ทำให้เธอไม่มีเวลาคิด ความจริงแล้วที่นี่กับเมืองไทยห่างกันประมาณสิบสอง
ชั่วโมง ความคิดที่ล่องลอยอยู่กับสิ่งต่าง ๆ หยุดลงเมื่อคุณหมอปราโมทย์ตบไฟกระพริบขวาเลี้ยวเข้าบ้าน คุณหมอไฉไลหันมาหาดวงเนตรแล้วเอ่ย
“นี่แหละบ้านคุณหมอ คุณอำพรชอบจัดสวนแต่งบ้าน แถมมีคุณยายคนเก่งฝีมืออาหารระดับโปรฯเลยล่ะ” พูดจบก็ถึงพอดี
สำหรับดวงเนตรที่นี่คือคฤหาสน์หลังใหญ่ทีเดียว สวนดอกไม้แต่งไว้สวยงาม มีทั้งลิลลี่ดอกใหญ่กลีบขาวอมชมพู ติดกับแนวดอกทิวลิปที่ขึ้นแข่งสีสันสดสวย
“โอ้พระเจ้า ! ” ดวงเนตรตะลึง มองเพลินกับความงามของบ้านคุณหมอ มารู้ตัวอีกที่ทุกคนก็ขนของเข้าบ้านหมดแล้ว มือเล็ก ๆ ของคุณหมอ
ไฉไลมาคว้ามือเธอพาเข้าบ้าน ทุกคนเอ็นดูกระเหรี่ยงที่เพิ่งลงมาจากดอย ไม่ใช่สิ เพิ่งลงจากเครื่อง ดวงเนตรมองกราดไปทั่ว ทุกคนอยู่ในอาการอมยิ้ม
มองเธอเหมือนเด็กหลงทาง
“โอ้โฮ! บ้านคุณหมอใหญ่มากเลยนะคะ” ดวงเนตรเอ่ยขึ้น แลสบตากับหญิงชราอีกท่านซึ่งเปิดรอยยิ้มอย่างอบอุ่นให้เธอ
คุณยายหรือหญิงชรารูปร่างท่วม ผิวสองสี หน้าของคุณยายและพี่อำพรคล้ายกันมาก ดวงเนตรยกมือไหว้พร้อมเอ่ยปากเรียกคุณยาย คุณยาย
กวักมือ “มานี่ ๆ ไหนให้ยายดูหน้าหน่อย ลูกใครนะหลงมาบ้านนี้ เอ!กลับไปบ้านเดือนเดียวมีลูกโตขนาดนี้เลยรึ แต่สวยกว่าแม่เยอะเลยนะ” คุณยายแหย่
ทั้งสองสาว หมอไฉไลตามน้ำ
“รับเป็นลูกก็ได้ น่าสงสารกับน่ารักออกอย่างนี้นะคะ” หันมาขอเสียงสนับสนุนจากคุณอำพร
“ใช่ ๆ ” คุณอำพรยิ้ม ตาคมโตเป็นประกาย
คุณยายรีบจัดโต๊ะ “คงหิวกันแย่ นี่จะสามทุ่มครึ่งแล้วนะ”
“เหรอคะ” ดวงเนตรเอ่ยถามอย่างงง...งง! เพราะเพิ่งเห็นตะวันลับขอบฟ้าไปเมื่อครู่นี้เอง
“ไม่ได้ปรับนาฬิกาใช่ไหม มา ๆ ปรับเวลาเลยเดี๋ยวไม่รู้เรื่องอีกตอนไปสนามบินพรุ่งนี้”
“กินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้มีแต่ของโปรดของคุณหมอไฉไลทั้งนั้น” หมอไฉไลส่งนาฬิกาให้หมอปราโมทย์ทำต่อ
“ขอบคุณค่ะคุณยาย”
“ขอบพระคุณค่ะ” ดวงเนตรเอ่ยบ้าง แลไปที่โต๊ะมีทั้งแกงเขียวหวานไก่, ผัดผัก และ ไข่เจียว ครู่ใหญ่ทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง
“ต้องอย่างนี้สิ คนทำถึงจะปลื้ม” คุณยายเอ่ย ไม่นานแม่บ้านที่ดูแลเก็บกวาดก็เข้ามาเก็บทุกอย่างไป
จอห์นหรือเจตนันท์ลูกชายคนเล็กของคุณหมอปราโมทย์ เข้ามาเบียดนั่งใกล้ ๆ ดวงเนตร เธอจับมือน้อยกุมไว้ เขายิ้มหวานให้พร้อมแนะนำ
พี่สาวซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล
“พี่ผมชื่อลิลลี่ครับ” ลิลลี่อายุสิบสามแล้ว สภาพแวดล้อม และอาหารทำให้เธอเหมือนสาวน้อย ลิลลี่ยิ้มกว้างมองเห็นเหล็กดัดฟันเป็นแนว
“คืนนี้หมอไฉไลนอนกับหนู...เอ ! ชื่ออะไรนะยายลืมแล้ว นี่แหละคนแก่” คุณยายพูดเองหมด
“ชื่อดวงเนตรค่ะ”
“ทั้งสองคนนั้นแหละนอนห้องลิลลี่ แล้วให้ลิลลี่ มานอนห้องยายนะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย”
“ทำตัวสบาย ๆ นะลูก เดี๋ยวให้พวกผู้ใหญ่เขาจองตั๋วใหม่ให้”
“นอนเอาแรงไว้ก่อน จะได้พร้อมออกเดินทางพรุ่งนี้เช้านะจ๊ะ” คุณอำพรพูดต่อจากคุณยาย
“เดือน ๆ ” คุณยายเรียกหาแม่บ้าน
“ขามีอะไรคะ”
“มีสิ...ไม่มีแล้วจะเรียกหาทำไม” ทุกคนอมยิ้มเพราะคุณยายจะสร้อยคำพูดต่อท้ายแบบนี้ทุกครั้ง
“พาดวงเนตรไปอาบน้ำนอนก่อนไป”
ดวงเนตรเดินตามพี่เดือน เห็นห้องน้ำอยู่ซ้ายมือของห้องนอนหลังอาบน้ำดวงเนตรไหว้พระสวดมนต์แล้วล้มตัวลงนอน เธอปิดตาลงแต่ยังไม่หลับ นึกถึงความกว้างขวางและสวยงามของห้องน้ำ คงเป็นฝีมือของคุณอำพร มุมต้นบอนไซ และกล้วยไม้ ที่ตกแต่งไว้ข้างหน้าต่าง กับชั้นวางหนังสือ
ที่แยกเป็นระเบียบ มีที่ว่างอีกด้านหนึ่ง ไม่กว้างนักสำหรับทำอะไรจิปาถะและกระจกแต่งตัวบานใหญ่ เชื่อมเข้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ติดกันเป็นห้องอาบน้ำ
ทำด้วยโครงสแตนเลส แเละกระจกใสสองแผ่นพร้อมบานเลื่อน ด้านในสุดของห้องน้ำ เป็นแผ่นกระเบื้องสีนุ่มลายสวย ต่ำลงมาคืออ่างอาบน้ำไว้แช่ตัว
ดวงเนตรมาจากครอบครัวพ่อค้า บ้านก็คือตึกแถว ชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้นสอง สาม และสี่ สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง ชั้นสองเตี่ยไว้เก็บสต็อก ที่เหลือ
ก็คือห้องนอน ไม่มีอะไรพิเศษนัก มีเตียงใหญ่ เครื่องนอน ห้องมุ้งลวดห้องใหญ่สองห้องติดแอร์ อีกสองห้องใช้พัดลม...คิดจนหลับไปถึงรุ่งเช้า
สาวน้อยรู้สึกหนักหัวไปหมด ตัวรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้ อาการอย่างนี้จะเกิดทุกครั้งที่ดวงเนตรเหนื่อยและเครียด เธอรู้จักมันดีจึงรีบลุกและอาบน้ำ
“โอ้! รู้สึกดีขึ้นมากเลย” เก็บเตียงเรียบร้อย และเดินลงมาเบา ๆ
เห็นข้างหลังคุณยาย กับพี่เดือน กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ”
“อ้าว! รีบตื่นแต่เช้าเลยนะ” คุณยายทัก
“จะดื่มอะไรดี บนโต๊ะมีชา, กาแฟ, แล้วก็โอวัลติน มีทั้งขนมปัง กับแพนเค้กด้วย อ้าว! เดือนชงให้ดวงเนตรสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เนตรขออนุญาตชงเองนะคะ คุณยายกับพี่เดือนจะดื่มอะไรคะ เดี๋ยวเนตรชงให้ค่ะ” เธอเสนอตัว คุณยายยิ้ม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวต่างคนต่างช่วยตัวเองดีกว่า” คุณยายออกอาการเอ็นดูดวงเนตร วันนี้หน้าตาแจ่มใสเลยเชียว พ่อ-แม่สอนมาดีวาจาก็สุภาพ
คุณยายอดไม่ได้ที่จะไหว้พระให้คุ้มครองเธอจนถึงปลายทางอย่างปลอดภัย
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (3)...โชค
นี่แหละที่พระเจ้ากำหนดโชคชะตาของเราไว้ ดวงเนตรเหมือนคนสิ้นหวังและสิ้นคิด เพราะคิดไม่ออกเอาเลย เธอตั้งตัวไม่ติดตั้งแต่เท้า
เหยียบลงบนแผ่นดินนี้
“อ้าว...เลยเอ๋อเลยโธ่! “ สีหน้างง! ทำอะไรไม่ถูก หมอไฉไลเลยบอกทางเลือกให้เธอสองทาง อันแรกหมอจะซื้อตั๋วใหม่ให้แล้วรอต่อเครื่องภายในประเทศอยู่ที่สนามบิน ทางเลือกที่สองดวงเนตรหยุดพักที่บ้านหมอปราโมทย์เพื่อนหมอไฉไล แล้วค่อยออกเดินทางพรุ่งนี้ตอนเช้า ทางเลือก
สุดท้ายเป็นทางเลือกที่หมอเห็นว่าดีที่สุด ดวงเนตรจะได้พักผ่อนเพราะจากนี้ไปมันจะเป็นการผจญภัยของเธอเพียงลำพัง หญิงสาวออกอาการสับสน
จนกระทั่งได้ยินเสียงนุ่ม ๆ ด้านหลัง
“พี่ไฉไล สวัสดีค่ะ” ผู้หญิงวัยสี่สิบ เดินตรงมาพร้อมเด็กหญิงชายคู่หนึ่ง กับผู้ชายไทยผิวเข้ม ร่างสูงโปร่ง พี่ผู้หญิงวัยหมอเดียวกับหมอไฉไล เอ่ยถามต่อ
“เป็นไงคะ กลับบ้านสนุกไหม ได้กลับตั้งเดือนอิจฉาจัง” หมอไฉไลหันมายิ้มกว้าง
“สวัสดีคุณอำพร สวัสดีค่ะหมอปราโมทย์” ตามธรรมเนียมไทยยกมือไหว้จนครบ ดวงเนตรทำตามบ้าง
“อ้าว! แล้วนี่ไปหนีบลูกใครมาด้วย ไหว้ซะสวยเลย ทีแรกผมนึกว่าเป็นญี่ปุ่นหรือไต้หวัน” คุณหมอปราโมทย์ ยิ้มดูอบอุ่นและเป็นมิตร ดวงเนตร
ตัดสินใจ แล้วทุกคนก็ขึ้นรถตู้คันใหญ่ ที่คุณหมอขับมา หมอสองคนคุยกันตลอดทางมีคุณอำพรร่วมวงอยู่ด้วย ดวงเนตรมองดูคุณอำพร ผิวเนียน ขาวกว่า
สามี ผมยาวเป็นเกลียว เธอเกล้ามุ่นไว้แล้วเสียบด้วยปิ่น ชุดที่ใส่ตัดด้วยผ้าไหม เป็นชุดกระโปรงติดกัน
เด็ก ๆ นั่งเล่นกันอยู่เบาะหลังสุด ส่วนดวงเนตรนั่งเบาะตอนกลางชิดหน้าต่าง เธอมองทุกอย่างดูแปลกตาไปหมด ทิวสนปลูกเป็นแนวสวยงาม
เดือนหน้าก็จะเข้าภาคเรียนฤดูร้อน ซึ่งก็เท่ากับว่าช่วงนี้เป็นฤดูใบไม้ผลิ ตามไหล่ทางถนนมีดอกไม้ป่าดอกเล็กหลากสีสันกระจายอยู่ทั่วไป...ดอกไม้ไร้
นามต้นเล็กขึ้นที่ใดก็งดงาม สายลมพัดพาเอาเกสรเหล่านี้ไปเติบโตอยู่ทั่วทุกแห่ง ตะวันยอแสงทาบทับอยู่บนเนินเขา
ดวงเนตรไม่ได้ปรับเวลาตามเวลาที่นี่ หลายอย่างที่โถมเข้าใส่ ทำให้เธอไม่มีเวลาคิด ความจริงแล้วที่นี่กับเมืองไทยห่างกันประมาณสิบสอง
ชั่วโมง ความคิดที่ล่องลอยอยู่กับสิ่งต่าง ๆ หยุดลงเมื่อคุณหมอปราโมทย์ตบไฟกระพริบขวาเลี้ยวเข้าบ้าน คุณหมอไฉไลหันมาหาดวงเนตรแล้วเอ่ย
“นี่แหละบ้านคุณหมอ คุณอำพรชอบจัดสวนแต่งบ้าน แถมมีคุณยายคนเก่งฝีมืออาหารระดับโปรฯเลยล่ะ” พูดจบก็ถึงพอดี
สำหรับดวงเนตรที่นี่คือคฤหาสน์หลังใหญ่ทีเดียว สวนดอกไม้แต่งไว้สวยงาม มีทั้งลิลลี่ดอกใหญ่กลีบขาวอมชมพู ติดกับแนวดอกทิวลิปที่ขึ้นแข่งสีสันสดสวย
“โอ้พระเจ้า ! ” ดวงเนตรตะลึง มองเพลินกับความงามของบ้านคุณหมอ มารู้ตัวอีกที่ทุกคนก็ขนของเข้าบ้านหมดแล้ว มือเล็ก ๆ ของคุณหมอ
ไฉไลมาคว้ามือเธอพาเข้าบ้าน ทุกคนเอ็นดูกระเหรี่ยงที่เพิ่งลงมาจากดอย ไม่ใช่สิ เพิ่งลงจากเครื่อง ดวงเนตรมองกราดไปทั่ว ทุกคนอยู่ในอาการอมยิ้ม
มองเธอเหมือนเด็กหลงทาง
“โอ้โฮ! บ้านคุณหมอใหญ่มากเลยนะคะ” ดวงเนตรเอ่ยขึ้น แลสบตากับหญิงชราอีกท่านซึ่งเปิดรอยยิ้มอย่างอบอุ่นให้เธอ
คุณยายหรือหญิงชรารูปร่างท่วม ผิวสองสี หน้าของคุณยายและพี่อำพรคล้ายกันมาก ดวงเนตรยกมือไหว้พร้อมเอ่ยปากเรียกคุณยาย คุณยาย
กวักมือ “มานี่ ๆ ไหนให้ยายดูหน้าหน่อย ลูกใครนะหลงมาบ้านนี้ เอ!กลับไปบ้านเดือนเดียวมีลูกโตขนาดนี้เลยรึ แต่สวยกว่าแม่เยอะเลยนะ” คุณยายแหย่
ทั้งสองสาว หมอไฉไลตามน้ำ
“รับเป็นลูกก็ได้ น่าสงสารกับน่ารักออกอย่างนี้นะคะ” หันมาขอเสียงสนับสนุนจากคุณอำพร
“ใช่ ๆ ” คุณอำพรยิ้ม ตาคมโตเป็นประกาย
คุณยายรีบจัดโต๊ะ “คงหิวกันแย่ นี่จะสามทุ่มครึ่งแล้วนะ”
“เหรอคะ” ดวงเนตรเอ่ยถามอย่างงง...งง! เพราะเพิ่งเห็นตะวันลับขอบฟ้าไปเมื่อครู่นี้เอง
“ไม่ได้ปรับนาฬิกาใช่ไหม มา ๆ ปรับเวลาเลยเดี๋ยวไม่รู้เรื่องอีกตอนไปสนามบินพรุ่งนี้”
“กินข้าวกันก่อนเถอะ วันนี้มีแต่ของโปรดของคุณหมอไฉไลทั้งนั้น” หมอไฉไลส่งนาฬิกาให้หมอปราโมทย์ทำต่อ
“ขอบคุณค่ะคุณยาย”
“ขอบพระคุณค่ะ” ดวงเนตรเอ่ยบ้าง แลไปที่โต๊ะมีทั้งแกงเขียวหวานไก่, ผัดผัก และ ไข่เจียว ครู่ใหญ่ทุกอย่างก็หมดเกลี้ยง
“ต้องอย่างนี้สิ คนทำถึงจะปลื้ม” คุณยายเอ่ย ไม่นานแม่บ้านที่ดูแลเก็บกวาดก็เข้ามาเก็บทุกอย่างไป
จอห์นหรือเจตนันท์ลูกชายคนเล็กของคุณหมอปราโมทย์ เข้ามาเบียดนั่งใกล้ ๆ ดวงเนตร เธอจับมือน้อยกุมไว้ เขายิ้มหวานให้พร้อมแนะนำ
พี่สาวซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกล
“พี่ผมชื่อลิลลี่ครับ” ลิลลี่อายุสิบสามแล้ว สภาพแวดล้อม และอาหารทำให้เธอเหมือนสาวน้อย ลิลลี่ยิ้มกว้างมองเห็นเหล็กดัดฟันเป็นแนว
“คืนนี้หมอไฉไลนอนกับหนู...เอ ! ชื่ออะไรนะยายลืมแล้ว นี่แหละคนแก่” คุณยายพูดเองหมด
“ชื่อดวงเนตรค่ะ”
“ทั้งสองคนนั้นแหละนอนห้องลิลลี่ แล้วให้ลิลลี่ มานอนห้องยายนะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณยาย”
“ทำตัวสบาย ๆ นะลูก เดี๋ยวให้พวกผู้ใหญ่เขาจองตั๋วใหม่ให้”
“นอนเอาแรงไว้ก่อน จะได้พร้อมออกเดินทางพรุ่งนี้เช้านะจ๊ะ” คุณอำพรพูดต่อจากคุณยาย
“เดือน ๆ ” คุณยายเรียกหาแม่บ้าน
“ขามีอะไรคะ”
“มีสิ...ไม่มีแล้วจะเรียกหาทำไม” ทุกคนอมยิ้มเพราะคุณยายจะสร้อยคำพูดต่อท้ายแบบนี้ทุกครั้ง
“พาดวงเนตรไปอาบน้ำนอนก่อนไป”
ดวงเนตรเดินตามพี่เดือน เห็นห้องน้ำอยู่ซ้ายมือของห้องนอนหลังอาบน้ำดวงเนตรไหว้พระสวดมนต์แล้วล้มตัวลงนอน เธอปิดตาลงแต่ยังไม่หลับ นึกถึงความกว้างขวางและสวยงามของห้องน้ำ คงเป็นฝีมือของคุณอำพร มุมต้นบอนไซ และกล้วยไม้ ที่ตกแต่งไว้ข้างหน้าต่าง กับชั้นวางหนังสือ
ที่แยกเป็นระเบียบ มีที่ว่างอีกด้านหนึ่ง ไม่กว้างนักสำหรับทำอะไรจิปาถะและกระจกแต่งตัวบานใหญ่ เชื่อมเข้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ติดกันเป็นห้องอาบน้ำ
ทำด้วยโครงสแตนเลส แเละกระจกใสสองแผ่นพร้อมบานเลื่อน ด้านในสุดของห้องน้ำ เป็นแผ่นกระเบื้องสีนุ่มลายสวย ต่ำลงมาคืออ่างอาบน้ำไว้แช่ตัว
ดวงเนตรมาจากครอบครัวพ่อค้า บ้านก็คือตึกแถว ชั้นล่างเป็นร้านค้า ชั้นสอง สาม และสี่ สร้างด้วยไม้เนื้อแข็ง ชั้นสองเตี่ยไว้เก็บสต็อก ที่เหลือ
ก็คือห้องนอน ไม่มีอะไรพิเศษนัก มีเตียงใหญ่ เครื่องนอน ห้องมุ้งลวดห้องใหญ่สองห้องติดแอร์ อีกสองห้องใช้พัดลม...คิดจนหลับไปถึงรุ่งเช้า
สาวน้อยรู้สึกหนักหัวไปหมด ตัวรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้ อาการอย่างนี้จะเกิดทุกครั้งที่ดวงเนตรเหนื่อยและเครียด เธอรู้จักมันดีจึงรีบลุกและอาบน้ำ
“โอ้! รู้สึกดีขึ้นมากเลย” เก็บเตียงเรียบร้อย และเดินลงมาเบา ๆ
เห็นข้างหลังคุณยาย กับพี่เดือน กำลังเตรียมอาหารเช้าอยู่
“สวัสดีตอนเช้าค่ะ”
“อ้าว! รีบตื่นแต่เช้าเลยนะ” คุณยายทัก
“จะดื่มอะไรดี บนโต๊ะมีชา, กาแฟ, แล้วก็โอวัลติน มีทั้งขนมปัง กับแพนเค้กด้วย อ้าว! เดือนชงให้ดวงเนตรสิ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เนตรขออนุญาตชงเองนะคะ คุณยายกับพี่เดือนจะดื่มอะไรคะ เดี๋ยวเนตรชงให้ค่ะ” เธอเสนอตัว คุณยายยิ้ม
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวต่างคนต่างช่วยตัวเองดีกว่า” คุณยายออกอาการเอ็นดูดวงเนตร วันนี้หน้าตาแจ่มใสเลยเชียว พ่อ-แม่สอนมาดีวาจาก็สุภาพ
คุณยายอดไม่ได้ที่จะไหว้พระให้คุ้มครองเธอจนถึงปลายทางอย่างปลอดภัย