หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (47)...กำลังใจที่มีให้กัน
“เนตรอาบน้ำแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“มีใครอยากอาบน้ำก่อนไปกินข้าวเรายังพอมีเวลาเหลือนะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ศิริอาบก่อนนะไม่ช้าหรอก” น้าวิวพยักหน้า
“พรุ่งนี้น้าว่าเราไปดูของตามยาร์ดเซลไหม”
“ในเมืองใหญ่มีด้วยเหรอคะ” ดวงเนตรถามอย่างสงสัย
“มีตามแถวชานเมืองอย่างแถวบ้านพี่ภัทรนี่ ถ้าใจกลางเมืองมีแต่ห้างใหญ่” พี่พลกางหนังสือพิมพ์ แล้วใช้ปากกาวง
“ได้หลายที่เลยครับ”
“สองที่แรกอยู่ห่างไปสองบล็อก..สองช่วงถนน”
“อุ๊ย! ดีค่ะพี่น้อยชอบซื้อของดีของถูก”
“แม้แต่ของถูกที่ใช้แล้วเหรอครับ” เหล็กถาม
“ค่ะ”
“งั้นพี่น้อยซื้อเหล็กไปใช้ได้นะครับ”
“ดี ๆ เอามันไปใช้แทนวัวควายก็ได้ครับ” เหล็กหันไปถลึงตาใส่พี่พัด
ทุกคนหัวเราะเมื่อพี่น้อยพูด ”เอาไปนวดบ้าง พัดวีให้บ้างคงได้” แล้วแกก็ทำตาหวานให้เหล็ก พูดถึงยาร์ดเซลดวงเนตรคิดถึงพี่หนอย เพราะ
เป็นกิจกรรมยามว่างที่ทั้งสองชอบทำกันอย่างเพลิดเพลินโดยมีพี่น้อยประกบไปด้วย
“อ้าว! พี่ ๆ น้อง ๆ เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศยังเย็นนะจ๊ะ โดยเฉพาะชิคาโกได้ฉายาว่าเป็นเมืองแห่งลมนะ...Windy City เอาเสื้อตัว
หนาติดไปอีกตัว ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเถอะพล พวกพี่เริ่มหิวกันแล้ว” น้าวิวบอกกล่าวเล่าสิบ พลเตรียมออกรถมาเจอพี่ภัทรขับรถหรูเข้ามาพอดี
“จะไปไหนกันพล” เสียงเรียบและไม่สนใจคนอื่น
“ไปร้านอาหารไทยครับ พี่ภัทรไปด้วยกันไหมครับ”
น้าวิวสะกิด “ไม่ต้องชวนไม่น่าคบ”
“ใช่! นิสัยไม่ดี” พี่ศิริเสริม
“ไอ้พลคุมสาว ๆ ให้ดีนะ ที่นี่มันอันตรายไม่เหมือนเมืองเล็ก”
“ดูพูดเข้าพวกเราไม่ใช่บ้านนอกหลังเขาซะหน่อยน่าเกลียด” น้าวิวพึมพำ
ไม่นานก็ถึงร้านอาหารไทย พี่พลนำคณะบุกเข้าไปในครัวเลย “พี่นัดดา สวัสดีครับ”
“อ้าว! พลนี่ รออยู่ว่าจะมาหาเมื่อไร เพราะคุยกับวรรณเมื่อวานนี้”
“พี่นัดดาครับเพื่อน ๆ จากคาร์บอนเดลครับ”
“ทุกคนนี่คือพี่นัดดาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่วรรณตั้งแต้มัธยมต้นจนจบมหาวิทยาลัยเลย” ทุกคนสวัสดีพี่นัดดา
“จ้ะ ๆ ตามสบายนะ หัวหน้านักศึกษาไทยน่ารักนะ ว่าไหม ดูแลน้อง ๆ อย่างดีเลยนะเนี่ย” พี่ดาเอ่ยปากชม
“ขอบคุณครับ” แล้วพี่ดาก็เดินมาจับมือดวงเนตร
“คนนี้พี่วรรณฝากพี่ดาให้ดูแลเป็นพิเศษ พี่ดาเสียใจด้วยนะเรื่องหนอย ตอนพลไม่สบายพี่วรรณได้หนอยช่วยวิ่งไปโน้นนี่ให้ และมารับข้าวที่นี่
ไปส่งโรงพยาบาลก็บ่อย” ดวงเนตรตาแดงน้ำตาคลอ ทุกคนเข้าใจดี ‘นั่นแหละ...ความเป็นตัวตนของพี่หนอย ไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือใคร’
ดวงเนตรคิด สิ่งที่ทำกันกับบทสนทนาทำให้หญิงสาวคิดถึงแต่พี่หนอย
“มา ๆ ไปนั่งที่โต๊ะกัน พี่ดาเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว มุมนี้ดีเป็นส่วนตัวดีด้วย” เธอเดินนำมาที่โต๊ะใหญ่
“มีอะไรอร่อยบ้างครับพี่ดา”
“พี่ดาสั่งให้แล้ว มื้อนี้ On the house...เจ้าของเลี้ยงเอง”
“ไม่ดีนะคะเรามากันเป็นฝูงเลยค่ะ” น้าวิวแย้ง
“เราเป็นเด็กต้องฟังผู้ใหญ่ ใช่ไหมดวงเนตร” พี่ดาพูดแล้วหันมายิ้มให้ดวงเนตรอย่างอบอุ่น
“ค่ะ” เธอตอบสั้นแล้วยิ้มตอบ ‘ทั้งน่ารัก กริยามารยาทก็งาม เฮ่อ! หนอยเอ๊ย’ พี่ดานึกแล้วสะท้อนใจ เธอเองก็เศร้าใจนักเมื่อได้ข่าวของหนอย
ผ่านพี่วรรณ
“ที่นี่มีดนตรีด้วยเหรอคะ” พี่น้อยถาม
“มีเฉพาะ วันจันทร์ พุธ และศุกร์จ้ะ นี่ถ้าพลอยู่แถวนี้ก็โดนจับตัวมาร้องที่นี่แน่ ๆ ”
“พี่ดาขายดีไหมครับ” พี่พลเปลี่ยนเรื่องเพราะดูดวงเนตรคงหนักกว่าที่เขาคิดถึงนิล...หญิงสาวที่พี่พลชอบแต่กลับไปเมืองไทย นั้นมันเป็นรัก
เขาข้างเดียวเลยแห้วแต่เจ็บลึก...พลคิด
อาหารหมดทุกอย่าง “อร่อยมากค่ะ” ดวงเนตรเอ่ย พี่ศิริต่อ
“ใช่ ๆ ค่ะสุดยอด กินแล้วหายคิดถึงบ้านเลย” คุยกันได้อีกครู่หนึ่งทุกคนก็ต้องลากลับ พี่ดาส่งนามบัตรให้ดวงเนตร มีเบอร์โทรที่บ้านด้วย
“โทรหาพี่ดาได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง อย่าเกรงใจนะดวงเนตร พี่วรรณโทรมาเพราะห่วงมาก สั่งเสียพี่ดาให้ช่วยดูแล” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณพี่ดาอีกครั้ง
เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้าน ก็แยกย้ายเข้านอน
***ราตรีนี้ข้ามิอาจหลับได้
เจ้าอยู่แห่งใดแม้ต้องบินหา
โอ้ดวงเดือนดวงดาวบนฟากฟ้า
ช่วยพาพี่กลับมาให้ข้าเอย***
รุ่งเช้าทุกคนตื่นเต้นมากกับการไปยาร์ดเซล รถวิ่งออกไปตามแผนที่ มีกัปตันนำร่องคือหมาก หมากดูเส้นทางให้...พี่พลขับ ส่วนหมากตั้งแต่
เป็นเด็กแลกเปลี่ยน เอ.เอฟ.เอส เขาก็เที่ยวเก่งพอตัว
พระเจ้าประทานตรรกะให้แก่ผู้ชายและผู้หญิงไม่เหมือนกัน หากเหมือนกันโลกใบนี้คงขาดความเป็นหยินและหยางด้วย ผู้ชายขับรถต่อให้
หลงแล้วหาทางออกเจียนตาย ก็มิเอ่ยปากถามใคร แต่ถ้าหญิงต้องขอจอดแล้วถามดีกว่าเสียเวลา
บ้านแรกที่จอดดูของ...มีแม่บ้านนั่งขายกับลูกสาวหน้าตาน่ารัก พี่พลให้ทุกคนเลือกของได้ไม่จำกัดเวลา แล้วบรรดาสาวกนักช็อปก็ออกเดิน
ท่าทางเหมือนนักล่า...ของดีราคาถูก ดวงเนตรได้ตะกร้าสานใบใหญ่หุ้มด้วยผ้าลายสวยเพิ่มอีกใบ ราคาหนึ่งเหรียญ แล้วเธอก็มาลูบคลำเก้าอี้โยกซึ่ง
ทำจากไม้โอ๊ค ขัดเงาลงน้ำยาไว้สวยงาม ราคาเพียงยี่สิบเหรียญ ดวงเนตรเล็งไว้แล้ว คนที่เป็นแม่ถามพี่พลว่ามาเที่ยวกันหรือ พี่พลบอกว่าเป็นนัก
ศึกษาจาก SIU คาร์บอนเดล
“สามีฉันก็จบจากที่นั่น แจ็กสัน ๆ ” เธอส่งเสียงเรียกสามีเธอ ชายอเมริกันร่างใหญ่ ตัดผมเกรียนเดินออกมาแล้วมีการแนะนำตัวกัน แจ็กสันบอก
ว่าเรียนจบเศรษฐศาสตร์มา
“ถ้าอย่างนั้นยูคงรู้จักดอกเตอร์แฮรี่”
“ใช่ ! เขาเป็นอาจารย์ที่ดีมาก ๆ ”
“เหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มีดอกเตอร์แฮรี่รวมอยู่ด้วยอาการสาหัสแต่พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“โอ้พระเจ้า! เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน ผมจะไปเยี่ยม” พี่พลบอกชื่อให้เขา แล้วชี้ไปที่ดวงเนตร เธอกำลังมองเซรามิกรูปผู้หญิงผมยาวนั่ง
หน้าเศร้าเหมือนรอคอยใคร มีลูกสุนัขซบอยู่ที่ปลายเท้า
“คนที่นั่งดูเซรามิกอยู่นั่นแหละครับ เธอย้ายที่เรียนมาอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก เพื่อมาตามเรื่องแฟนเธอ ซึ่งถูกระบุว่าสูญหาย เขาเป็นลูกศิษย์
คนสนิทของดอกเตอร์แฮรี่”
“หน้าตาเศร้ามาก น่าสงสารเธอ” เขาพูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเอง ส่วนหมากเดินรอบ ๆ รถโตโยต้าสีขาวที่เขียนว่า For Sale หลายรอบแล้ว
เขาเรียกพี่พลมาดู
แจ็กสันเดินตามมา “ยูจะซื้อเหรอ”
“ดูให้นิคกี้นะครับ”
“รถมันเล็กเกินตัวผม นั่งไม่สบายเลยจะขายแล้วซื้อคันใหญ่หน่อย” พี่พลดูสภาพรถและเครื่องยนต์ แล้วขอกุญแจลองขับรอบ ๆ ดู
“เป็นไงชอบไหม ถ้าซื้อให้เธอผมคิดให้ราคาพิเศษเลยเพราะผมสงสารเธอ” แจ็กสันพูด ภรรยาเขาเข้ามากอดสามีแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมคิดเธอแค่สองพันเหรียญ ถ้าชอบก็เอาไปเลย ผมรักคันนี้มากและรู้ว่าเธอจะดูแลมันอย่างดี” ดวงเนตรเดินไปจับสว่านไฟฟ้า มีเป็นชุด
รวมหัวขนาดต่าง ๆ ตามการใช้งาน ติดราคาไว้ยี่สิบเหรียญ เธอรวมของมากองไว้ พี่พลส่งเสียงเรียก เธอเดินเข้ามาทักทายกับคุณแจ็กสันและครอบ
ครัวพี่พลเอ่ยว่า
"ถ้าเนตรอยู่ที่นี่ เนตรจำเป็นต้องใช้รถนะ” น้าวิวเดินมาสมทบ
“ถูกต้อง แต่ดวงเนตรมีใบขับขี่นานาชาติหรือเปล่าจ๊ะ”
“มีค่ะน้าวิวและเนตรก็ขับรถคล่อง เมื่อก่อนขึ้นเหนือลงใต้ก็เปลี่ยนกันขับกับเตี่ยบ่อย ๆ ส่วนพี่หนอยก็พาเนตรไปขับบ่อยครั้ง”
“เออดี ๆ ” น้าวิวเห็นด้วย ตกลงว่าเช้าวันนั้น กระเป๋าดวงเนตรฉีก...รวมค่ารถ เก้าอี้โยก (ซึ่งแจ็กสันเสนอตัวเอาไปส่งให้ด้วยรถกระบะ) สว่าน
ไฟฟ้า ส่วนตะกร้ากับเซรามิกเป็นของแถม ดวงเนตรจ่ายมากกว่าใครด้วยว่าได้รถมาด้วยหนึ่งคัน ส่วนพี่คนอื่นก็มีการลดแลกแจกแถม เพราะคนขาย
อยากเลหลังของที่ขายไว ๆ ก่อนกลับทุกคนเรียงหน้ากระดาน ร่ำลากับภรรยาแจ็กสันเธอชื่อมาเรีย ทำงานสืบสวนสอบสวนที่กรมตำรวจ เธอเข้าไป
เอานามบัตรมาให้ดวงเนตรสองใบ
“ถ้ามีอะไรจะให้ฉันช่วยได้ ด้วยความยินดีนะคะ หรือถ้าวิ่งออกกำลังเช้า ๆ มาแวะกินกาแฟก็ได้ OK! ”
น้ำเอ๋ยน้ำใจใครว่าฝรั่งไม่มี หากถูกใจ...เขาจะให้ความรักเราอย่างจริงใจมากมาย
เธอมองดูนามบัตรของสามีเธอแล้วทำตาโต “พวกเราต้องขอโทษด้วย เราไม่รู้ว่าคุณก็สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก” พี่พลดึงนามบัตรไปดู ดอกเตอร์แจ็กสัน ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ทุกคนกล่าวคำขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบชาวเอเซียตรงนี้แหละพวกคุณสุภาพมาก ไม่รู้ก็ไม่ผิดหรอกครับ”
“ผมต้องลาล่ะครับ...Bye”
หัวใจสลายที่ปลายฟ้า (47)...กำลังใจที่มีให้กัน
“เนตรอาบน้ำแล้วใช่ไหม”
“ค่ะ”
“มีใครอยากอาบน้ำก่อนไปกินข้าวเรายังพอมีเวลาเหลือนะ”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ศิริอาบก่อนนะไม่ช้าหรอก” น้าวิวพยักหน้า
“พรุ่งนี้น้าว่าเราไปดูของตามยาร์ดเซลไหม”
“ในเมืองใหญ่มีด้วยเหรอคะ” ดวงเนตรถามอย่างสงสัย
“มีตามแถวชานเมืองอย่างแถวบ้านพี่ภัทรนี่ ถ้าใจกลางเมืองมีแต่ห้างใหญ่” พี่พลกางหนังสือพิมพ์ แล้วใช้ปากกาวง
“ได้หลายที่เลยครับ”
“สองที่แรกอยู่ห่างไปสองบล็อก..สองช่วงถนน”
“อุ๊ย! ดีค่ะพี่น้อยชอบซื้อของดีของถูก”
“แม้แต่ของถูกที่ใช้แล้วเหรอครับ” เหล็กถาม
“ค่ะ”
“งั้นพี่น้อยซื้อเหล็กไปใช้ได้นะครับ”
“ดี ๆ เอามันไปใช้แทนวัวควายก็ได้ครับ” เหล็กหันไปถลึงตาใส่พี่พัด
ทุกคนหัวเราะเมื่อพี่น้อยพูด ”เอาไปนวดบ้าง พัดวีให้บ้างคงได้” แล้วแกก็ทำตาหวานให้เหล็ก พูดถึงยาร์ดเซลดวงเนตรคิดถึงพี่หนอย เพราะ
เป็นกิจกรรมยามว่างที่ทั้งสองชอบทำกันอย่างเพลิดเพลินโดยมีพี่น้อยประกบไปด้วย
“อ้าว! พี่ ๆ น้อง ๆ เริ่มเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้วแต่อากาศยังเย็นนะจ๊ะ โดยเฉพาะชิคาโกได้ฉายาว่าเป็นเมืองแห่งลมนะ...Windy City เอาเสื้อตัว
หนาติดไปอีกตัว ถ้าพร้อมแล้วก็ไปเถอะพล พวกพี่เริ่มหิวกันแล้ว” น้าวิวบอกกล่าวเล่าสิบ พลเตรียมออกรถมาเจอพี่ภัทรขับรถหรูเข้ามาพอดี
“จะไปไหนกันพล” เสียงเรียบและไม่สนใจคนอื่น
“ไปร้านอาหารไทยครับ พี่ภัทรไปด้วยกันไหมครับ”
น้าวิวสะกิด “ไม่ต้องชวนไม่น่าคบ”
“ใช่! นิสัยไม่ดี” พี่ศิริเสริม
“ไอ้พลคุมสาว ๆ ให้ดีนะ ที่นี่มันอันตรายไม่เหมือนเมืองเล็ก”
“ดูพูดเข้าพวกเราไม่ใช่บ้านนอกหลังเขาซะหน่อยน่าเกลียด” น้าวิวพึมพำ
ไม่นานก็ถึงร้านอาหารไทย พี่พลนำคณะบุกเข้าไปในครัวเลย “พี่นัดดา สวัสดีครับ”
“อ้าว! พลนี่ รออยู่ว่าจะมาหาเมื่อไร เพราะคุยกับวรรณเมื่อวานนี้”
“พี่นัดดาครับเพื่อน ๆ จากคาร์บอนเดลครับ”
“ทุกคนนี่คือพี่นัดดาเป็นเพื่อนสนิทกับพี่วรรณตั้งแต้มัธยมต้นจนจบมหาวิทยาลัยเลย” ทุกคนสวัสดีพี่นัดดา
“จ้ะ ๆ ตามสบายนะ หัวหน้านักศึกษาไทยน่ารักนะ ว่าไหม ดูแลน้อง ๆ อย่างดีเลยนะเนี่ย” พี่ดาเอ่ยปากชม
“ขอบคุณครับ” แล้วพี่ดาก็เดินมาจับมือดวงเนตร
“คนนี้พี่วรรณฝากพี่ดาให้ดูแลเป็นพิเศษ พี่ดาเสียใจด้วยนะเรื่องหนอย ตอนพลไม่สบายพี่วรรณได้หนอยช่วยวิ่งไปโน้นนี่ให้ และมารับข้าวที่นี่
ไปส่งโรงพยาบาลก็บ่อย” ดวงเนตรตาแดงน้ำตาคลอ ทุกคนเข้าใจดี ‘นั่นแหละ...ความเป็นตัวตนของพี่หนอย ไม่เคยปฏิเสธที่จะช่วยเหลือใคร’
ดวงเนตรคิด สิ่งที่ทำกันกับบทสนทนาทำให้หญิงสาวคิดถึงแต่พี่หนอย
“มา ๆ ไปนั่งที่โต๊ะกัน พี่ดาเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว มุมนี้ดีเป็นส่วนตัวดีด้วย” เธอเดินนำมาที่โต๊ะใหญ่
“มีอะไรอร่อยบ้างครับพี่ดา”
“พี่ดาสั่งให้แล้ว มื้อนี้ On the house...เจ้าของเลี้ยงเอง”
“ไม่ดีนะคะเรามากันเป็นฝูงเลยค่ะ” น้าวิวแย้ง
“เราเป็นเด็กต้องฟังผู้ใหญ่ ใช่ไหมดวงเนตร” พี่ดาพูดแล้วหันมายิ้มให้ดวงเนตรอย่างอบอุ่น
“ค่ะ” เธอตอบสั้นแล้วยิ้มตอบ ‘ทั้งน่ารัก กริยามารยาทก็งาม เฮ่อ! หนอยเอ๊ย’ พี่ดานึกแล้วสะท้อนใจ เธอเองก็เศร้าใจนักเมื่อได้ข่าวของหนอย
ผ่านพี่วรรณ
“ที่นี่มีดนตรีด้วยเหรอคะ” พี่น้อยถาม
“มีเฉพาะ วันจันทร์ พุธ และศุกร์จ้ะ นี่ถ้าพลอยู่แถวนี้ก็โดนจับตัวมาร้องที่นี่แน่ ๆ ”
“พี่ดาขายดีไหมครับ” พี่พลเปลี่ยนเรื่องเพราะดูดวงเนตรคงหนักกว่าที่เขาคิดถึงนิล...หญิงสาวที่พี่พลชอบแต่กลับไปเมืองไทย นั้นมันเป็นรัก
เขาข้างเดียวเลยแห้วแต่เจ็บลึก...พลคิด
อาหารหมดทุกอย่าง “อร่อยมากค่ะ” ดวงเนตรเอ่ย พี่ศิริต่อ
“ใช่ ๆ ค่ะสุดยอด กินแล้วหายคิดถึงบ้านเลย” คุยกันได้อีกครู่หนึ่งทุกคนก็ต้องลากลับ พี่ดาส่งนามบัตรให้ดวงเนตร มีเบอร์โทรที่บ้านด้วย
“โทรหาพี่ดาได้ยี่สิบสี่ชั่วโมง อย่าเกรงใจนะดวงเนตร พี่วรรณโทรมาเพราะห่วงมาก สั่งเสียพี่ดาให้ช่วยดูแล” หญิงสาวยกมือไหว้ขอบคุณพี่ดาอีกครั้ง
เมื่อทุกคนกลับมาถึงบ้าน ก็แยกย้ายเข้านอน
***ราตรีนี้ข้ามิอาจหลับได้
เจ้าอยู่แห่งใดแม้ต้องบินหา
โอ้ดวงเดือนดวงดาวบนฟากฟ้า
ช่วยพาพี่กลับมาให้ข้าเอย***
รุ่งเช้าทุกคนตื่นเต้นมากกับการไปยาร์ดเซล รถวิ่งออกไปตามแผนที่ มีกัปตันนำร่องคือหมาก หมากดูเส้นทางให้...พี่พลขับ ส่วนหมากตั้งแต่
เป็นเด็กแลกเปลี่ยน เอ.เอฟ.เอส เขาก็เที่ยวเก่งพอตัว
พระเจ้าประทานตรรกะให้แก่ผู้ชายและผู้หญิงไม่เหมือนกัน หากเหมือนกันโลกใบนี้คงขาดความเป็นหยินและหยางด้วย ผู้ชายขับรถต่อให้
หลงแล้วหาทางออกเจียนตาย ก็มิเอ่ยปากถามใคร แต่ถ้าหญิงต้องขอจอดแล้วถามดีกว่าเสียเวลา
บ้านแรกที่จอดดูของ...มีแม่บ้านนั่งขายกับลูกสาวหน้าตาน่ารัก พี่พลให้ทุกคนเลือกของได้ไม่จำกัดเวลา แล้วบรรดาสาวกนักช็อปก็ออกเดิน
ท่าทางเหมือนนักล่า...ของดีราคาถูก ดวงเนตรได้ตะกร้าสานใบใหญ่หุ้มด้วยผ้าลายสวยเพิ่มอีกใบ ราคาหนึ่งเหรียญ แล้วเธอก็มาลูบคลำเก้าอี้โยกซึ่ง
ทำจากไม้โอ๊ค ขัดเงาลงน้ำยาไว้สวยงาม ราคาเพียงยี่สิบเหรียญ ดวงเนตรเล็งไว้แล้ว คนที่เป็นแม่ถามพี่พลว่ามาเที่ยวกันหรือ พี่พลบอกว่าเป็นนัก
ศึกษาจาก SIU คาร์บอนเดล
“สามีฉันก็จบจากที่นั่น แจ็กสัน ๆ ” เธอส่งเสียงเรียกสามีเธอ ชายอเมริกันร่างใหญ่ ตัดผมเกรียนเดินออกมาแล้วมีการแนะนำตัวกัน แจ็กสันบอก
ว่าเรียนจบเศรษฐศาสตร์มา
“ถ้าอย่างนั้นยูคงรู้จักดอกเตอร์แฮรี่”
“ใช่ ! เขาเป็นอาจารย์ที่ดีมาก ๆ ”
“เหตุการณ์เครื่องบินตกเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว มีดอกเตอร์แฮรี่รวมอยู่ด้วยอาการสาหัสแต่พ้นขีดอันตรายแล้ว”
“โอ้พระเจ้า! เขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน ผมจะไปเยี่ยม” พี่พลบอกชื่อให้เขา แล้วชี้ไปที่ดวงเนตร เธอกำลังมองเซรามิกรูปผู้หญิงผมยาวนั่ง
หน้าเศร้าเหมือนรอคอยใคร มีลูกสุนัขซบอยู่ที่ปลายเท้า
“คนที่นั่งดูเซรามิกอยู่นั่นแหละครับ เธอย้ายที่เรียนมาอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก เพื่อมาตามเรื่องแฟนเธอ ซึ่งถูกระบุว่าสูญหาย เขาเป็นลูกศิษย์
คนสนิทของดอกเตอร์แฮรี่”
“หน้าตาเศร้ามาก น่าสงสารเธอ” เขาพูดเหมือนกับรำพึงกับตัวเอง ส่วนหมากเดินรอบ ๆ รถโตโยต้าสีขาวที่เขียนว่า For Sale หลายรอบแล้ว
เขาเรียกพี่พลมาดู
แจ็กสันเดินตามมา “ยูจะซื้อเหรอ”
“ดูให้นิคกี้นะครับ”
“รถมันเล็กเกินตัวผม นั่งไม่สบายเลยจะขายแล้วซื้อคันใหญ่หน่อย” พี่พลดูสภาพรถและเครื่องยนต์ แล้วขอกุญแจลองขับรอบ ๆ ดู
“เป็นไงชอบไหม ถ้าซื้อให้เธอผมคิดให้ราคาพิเศษเลยเพราะผมสงสารเธอ” แจ็กสันพูด ภรรยาเขาเข้ามากอดสามีแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ผมคิดเธอแค่สองพันเหรียญ ถ้าชอบก็เอาไปเลย ผมรักคันนี้มากและรู้ว่าเธอจะดูแลมันอย่างดี” ดวงเนตรเดินไปจับสว่านไฟฟ้า มีเป็นชุด
รวมหัวขนาดต่าง ๆ ตามการใช้งาน ติดราคาไว้ยี่สิบเหรียญ เธอรวมของมากองไว้ พี่พลส่งเสียงเรียก เธอเดินเข้ามาทักทายกับคุณแจ็กสันและครอบ
ครัวพี่พลเอ่ยว่า
"ถ้าเนตรอยู่ที่นี่ เนตรจำเป็นต้องใช้รถนะ” น้าวิวเดินมาสมทบ
“ถูกต้อง แต่ดวงเนตรมีใบขับขี่นานาชาติหรือเปล่าจ๊ะ”
“มีค่ะน้าวิวและเนตรก็ขับรถคล่อง เมื่อก่อนขึ้นเหนือลงใต้ก็เปลี่ยนกันขับกับเตี่ยบ่อย ๆ ส่วนพี่หนอยก็พาเนตรไปขับบ่อยครั้ง”
“เออดี ๆ ” น้าวิวเห็นด้วย ตกลงว่าเช้าวันนั้น กระเป๋าดวงเนตรฉีก...รวมค่ารถ เก้าอี้โยก (ซึ่งแจ็กสันเสนอตัวเอาไปส่งให้ด้วยรถกระบะ) สว่าน
ไฟฟ้า ส่วนตะกร้ากับเซรามิกเป็นของแถม ดวงเนตรจ่ายมากกว่าใครด้วยว่าได้รถมาด้วยหนึ่งคัน ส่วนพี่คนอื่นก็มีการลดแลกแจกแถม เพราะคนขาย
อยากเลหลังของที่ขายไว ๆ ก่อนกลับทุกคนเรียงหน้ากระดาน ร่ำลากับภรรยาแจ็กสันเธอชื่อมาเรีย ทำงานสืบสวนสอบสวนที่กรมตำรวจ เธอเข้าไป
เอานามบัตรมาให้ดวงเนตรสองใบ
“ถ้ามีอะไรจะให้ฉันช่วยได้ ด้วยความยินดีนะคะ หรือถ้าวิ่งออกกำลังเช้า ๆ มาแวะกินกาแฟก็ได้ OK! ”
น้ำเอ๋ยน้ำใจใครว่าฝรั่งไม่มี หากถูกใจ...เขาจะให้ความรักเราอย่างจริงใจมากมาย
เธอมองดูนามบัตรของสามีเธอแล้วทำตาโต “พวกเราต้องขอโทษด้วย เราไม่รู้ว่าคุณก็สอนอยู่ที่มหาวิทยาลัยชิคาโก” พี่พลดึงนามบัตรไปดู ดอกเตอร์แจ็กสัน ภาควิชาเศรษฐศาสตร์ ทุกคนกล่าวคำขอโทษ
“ไม่เป็นไรครับ ผมชอบชาวเอเซียตรงนี้แหละพวกคุณสุภาพมาก ไม่รู้ก็ไม่ผิดหรอกครับ”
“ผมต้องลาล่ะครับ...Bye”