กระทู้นี้คิดว่าแบ่งปันประสบการณ์เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพตัวเองนะคะ ไม่มีการขายของ ขายอาหารเสริมเพราะไม่กิน ไม่เทรนอะไรทั้งนั้น จะบอกว่าไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ และยั่งยืนหากไม่ได้ตั้งใจดูแลเอาใจใส่ร่างกายตัวเองอย่างที่ควรจะเป็น
สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนหน้านี้หลายปีก่อน ตอนนั้นอายุ 48 ขวบ
https://pantip.com/topic/35467741
ความต้องการคืออยากดูดีในวัยของตน ไม่อยากเจ็บป่วยมีโรคเรื้อรัง จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีคุณภาพ ใช้ชีวิตกับลูกหลาน เพื่อน ครอบครัวที่รัก และไม่อยากเป็นโรคใดๆ ที่คิดว่าสามารถป้องกันได้ และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนย่อมปราถนาสิ่งนี้ เพราะถึงแม้มีเงินทองมากมายแต่ร่างกายเจ็บออดๆแอดๆ เป็นอุปสรรคต่อการไปเที่ยว คงไปไหนไม่ได้เลย
สี่ปีผ่านไป ก็ยังพยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอโดยการวิ่ง และเพิ่มเวทมาบ้าง เลือกกินอาหารจริงๆ ไม่ใช่อาหารปรุงแต่งหรือฟาสต์ฟูดบ่อยๆ
ปีที่แล้วเกิดอาการเจ็บเอ็นใต้ฝ่าเท้าด้านซ้าย จึงต้องหยุดวิ่งไปเกือบปี นน.ก็พุ่งกลับมาเกือบเท่าเดิมคือ 60 กก. ยิ่งเข้าสู่วัยทองเต็มตัวปีนี้อายุเต็ม 52 ย่างเข้า 53 แล้ว กินอะไรนิดหน่อยนน.ก็ขึ้นตลอดเลย ลืมบอกว่าสูง 162 ซม.
กิจวัตรคือ นอนไว สองถึงสามทุ่ม ตื่นตีสามตีสี่แล้วแต่ ดิ่มกาแฟดำล้วนๆ หนึ่งแก้ว แล้วก็ไปวิ่งตอนหกโมงเช้าที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน
ตอนนี้ลากคุณสามีออกมาวิ่งด้วยกัน จากที่ไม่เคยถึงสอง กม. สองเดือนนี้เขาวิ่งได้ 6-7 กม.สบายๆ ห่วงยางรอบเอวหายไป
ส่วนตัวเอง ก็กลับมาวิ่งเกือบทุกวันๆละ 8-10 กม. วิ่งช้าๆ งอเข่า ไปเรื่อยๆ พูดคุยเม้าท์กับเพื่อนวิ่งด้วยกันได้
อาหารก็พยายามทำเอง ปรุงเองน้ำมันใส่น้อยๆหน่อย กินข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกล้อง ปริมาณไม่เกินสองทัพพี ช่วงลด นน.ก็กินวันละสองมื้อใหญ่ๆ เน้นซุป ผัดผักโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา ไม่กินของทอด น้ำหวานน้ำอัดลม ไอศกรีม ชานมไข่มุก หมูกระทะ ทุเรียน ที่กล่าวมาคือกินได้แต่น้อยๆ เดือนละครั้งหรือไม่มีเลย
ทำไปทำมา นน.ก็ค่อยๆลดลง สี่เดือนหายไปห้า กก.ได้
ไม่ได้มองว่าเยอะ แต่เคยหนักถึง 90 กก.สมัยสาวๆกว่านี้ นน.น่ะลดง่ายแต่จะทำอย่างไรให้ยั่งยืนและดูดีในวัยของตัวเอง นี่ิสิเป็นเรื่องสำคัญ
ยิ่งสมัยนี้ีมีโชว์โพสต์ ฟีดขึ้นมาเต็มพวกโชว์อวดกิน MUKBANG ทั้งหลาย น่าอร่อยเลย โพสต์ชี้เป้าอาหาร โปรบุฟเฟต์สารพัด
ง่ายนิดเดียวค่ะ หากคิดยาวๆ ว่าเรากินไปเพื่ออะไร คิดถึงเส้นเลือดเล็กๆในสมองที่ไขมันไม่ดีอาจเข้าไปอุดตันได้ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการทางสมองทั้งหลาย หรือเส้นเลือดเข้าหัวใจสี่เส้นน้อยๆนั่น ไหนจะไขมันพอกพูนรอบเอวทำให้เบียดเบียนอวัยวะอื่นๆ ตับ ไต เบาหวานที่เกิดจากการกินอาหารไม่ยั้ง สรุปง่ายๆคือ มีสติในการกิน
ยังไม่นับการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ทำให้ร่างกายจะเก็บไขมันไว้เยอะกว่าตอนสาวๆ นอนไม่หลับ วูบๆวาบๆ ปวดเอว ปวดหลังเพราะต้องแบกน้ำหนักเยอะๆ
หากคิดในภาพใหญ่ การที่ประชากรมีสุขภาพดี แข็งแรงนี่ช่วยให้สาธารณสุขทำงานง่ายขึ้น รพ.รัฐที่ล้นแล้วล้นอีก คุณหมอ พยาบาลจะได้โฟกัสดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากเรื่องสุดวิสัยอื่นๆ
โม้มาเสียยืดยาว สรุปคือ เราอยากเป็นอย่างไร เราก็เลือกทางนั้น วิธีการทำมีให้เลือกเยอะค่ะ พยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่รักสุขภาพ อ่าน ฟัง หาความรู้และปฏิบัติ เพราะอ่าน ฟังอย่างเดียวไม่ได้ผลอะไรนะคะ
เวลาที่ผ่านมาสี่ปี ได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างแดนเยอะแยะ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนที่ได้อ่านข้อความที่เราโพสต์ไว้ ลด นน.ได้ตามใจหวัง ได้ผลักดัน(ทางอ้อม) ให้คนรักสุขภาพตัวเอง และดูแลคนใกล้ตัว และที่สำคัญ ไม่คิดว่าจะติดโควิทง่ายๆด้วยค่ะ

เพราะไม่เป็นหวัดมายี่สิบกว่าปีแล้ว ทุกวันนี้เดินเที่ยวต่างประเทศไม่ปวดหลัง ปวดเข่า เดินขึ้นเขา ขึ้นบรรได ไม่หอบเลย
เอาไว้คราวหน้าอีกห้าปีจะมาโพสต์ใหม่นะคะ ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ


เมื่อฉันอายุ 52 ^^
สืบเนื่องจากกระทู้ก่อนหน้านี้หลายปีก่อน ตอนนั้นอายุ 48 ขวบ
https://pantip.com/topic/35467741
ความต้องการคืออยากดูดีในวัยของตน ไม่อยากเจ็บป่วยมีโรคเรื้อรัง จะได้ใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ให้มีคุณภาพ ใช้ชีวิตกับลูกหลาน เพื่อน ครอบครัวที่รัก และไม่อยากเป็นโรคใดๆ ที่คิดว่าสามารถป้องกันได้ และเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนย่อมปราถนาสิ่งนี้ เพราะถึงแม้มีเงินทองมากมายแต่ร่างกายเจ็บออดๆแอดๆ เป็นอุปสรรคต่อการไปเที่ยว คงไปไหนไม่ได้เลย
สี่ปีผ่านไป ก็ยังพยายามออกกำลังกายสม่ำเสมอโดยการวิ่ง และเพิ่มเวทมาบ้าง เลือกกินอาหารจริงๆ ไม่ใช่อาหารปรุงแต่งหรือฟาสต์ฟูดบ่อยๆ
ปีที่แล้วเกิดอาการเจ็บเอ็นใต้ฝ่าเท้าด้านซ้าย จึงต้องหยุดวิ่งไปเกือบปี นน.ก็พุ่งกลับมาเกือบเท่าเดิมคือ 60 กก. ยิ่งเข้าสู่วัยทองเต็มตัวปีนี้อายุเต็ม 52 ย่างเข้า 53 แล้ว กินอะไรนิดหน่อยนน.ก็ขึ้นตลอดเลย ลืมบอกว่าสูง 162 ซม.
กิจวัตรคือ นอนไว สองถึงสามทุ่ม ตื่นตีสามตีสี่แล้วแต่ ดิ่มกาแฟดำล้วนๆ หนึ่งแก้ว แล้วก็ไปวิ่งตอนหกโมงเช้าที่สวนสาธารณะใกล้บ้าน
ตอนนี้ลากคุณสามีออกมาวิ่งด้วยกัน จากที่ไม่เคยถึงสอง กม. สองเดือนนี้เขาวิ่งได้ 6-7 กม.สบายๆ ห่วงยางรอบเอวหายไป
ส่วนตัวเอง ก็กลับมาวิ่งเกือบทุกวันๆละ 8-10 กม. วิ่งช้าๆ งอเข่า ไปเรื่อยๆ พูดคุยเม้าท์กับเพื่อนวิ่งด้วยกันได้
อาหารก็พยายามทำเอง ปรุงเองน้ำมันใส่น้อยๆหน่อย กินข้าวไรซ์เบอรี่ ข้าวกล้อง ปริมาณไม่เกินสองทัพพี ช่วงลด นน.ก็กินวันละสองมื้อใหญ่ๆ เน้นซุป ผัดผักโปรตีนจากเนื้อสัตว์ ปลา ไม่กินของทอด น้ำหวานน้ำอัดลม ไอศกรีม ชานมไข่มุก หมูกระทะ ทุเรียน ที่กล่าวมาคือกินได้แต่น้อยๆ เดือนละครั้งหรือไม่มีเลย
ทำไปทำมา นน.ก็ค่อยๆลดลง สี่เดือนหายไปห้า กก.ได้
ไม่ได้มองว่าเยอะ แต่เคยหนักถึง 90 กก.สมัยสาวๆกว่านี้ นน.น่ะลดง่ายแต่จะทำอย่างไรให้ยั่งยืนและดูดีในวัยของตัวเอง นี่ิสิเป็นเรื่องสำคัญ
ยิ่งสมัยนี้ีมีโชว์โพสต์ ฟีดขึ้นมาเต็มพวกโชว์อวดกิน MUKBANG ทั้งหลาย น่าอร่อยเลย โพสต์ชี้เป้าอาหาร โปรบุฟเฟต์สารพัด
ง่ายนิดเดียวค่ะ หากคิดยาวๆ ว่าเรากินไปเพื่ออะไร คิดถึงเส้นเลือดเล็กๆในสมองที่ไขมันไม่ดีอาจเข้าไปอุดตันได้ ที่เป็นสาเหตุให้เกิดอาการทางสมองทั้งหลาย หรือเส้นเลือดเข้าหัวใจสี่เส้นน้อยๆนั่น ไหนจะไขมันพอกพูนรอบเอวทำให้เบียดเบียนอวัยวะอื่นๆ ตับ ไต เบาหวานที่เกิดจากการกินอาหารไม่ยั้ง สรุปง่ายๆคือ มีสติในการกิน
ยังไม่นับการเปลี่ยนแปลงทางฮอร์โมน ทำให้ร่างกายจะเก็บไขมันไว้เยอะกว่าตอนสาวๆ นอนไม่หลับ วูบๆวาบๆ ปวดเอว ปวดหลังเพราะต้องแบกน้ำหนักเยอะๆ
หากคิดในภาพใหญ่ การที่ประชากรมีสุขภาพดี แข็งแรงนี่ช่วยให้สาธารณสุขทำงานง่ายขึ้น รพ.รัฐที่ล้นแล้วล้นอีก คุณหมอ พยาบาลจะได้โฟกัสดูแลผู้ป่วยที่ป่วยจากเรื่องสุดวิสัยอื่นๆ
โม้มาเสียยืดยาว สรุปคือ เราอยากเป็นอย่างไร เราก็เลือกทางนั้น วิธีการทำมีให้เลือกเยอะค่ะ พยายามเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่รักสุขภาพ อ่าน ฟัง หาความรู้และปฏิบัติ เพราะอ่าน ฟังอย่างเดียวไม่ได้ผลอะไรนะคะ
เวลาที่ผ่านมาสี่ปี ได้มีโอกาสไปเที่ยวต่างแดนเยอะแยะ ได้เป็นแรงบันดาลใจให้หลายๆคนที่ได้อ่านข้อความที่เราโพสต์ไว้ ลด นน.ได้ตามใจหวัง ได้ผลักดัน(ทางอ้อม) ให้คนรักสุขภาพตัวเอง และดูแลคนใกล้ตัว และที่สำคัญ ไม่คิดว่าจะติดโควิทง่ายๆด้วยค่ะ
เอาไว้คราวหน้าอีกห้าปีจะมาโพสต์ใหม่นะคะ ขอให้ทุกท่านสุขภาพแข็งแรงค่ะ