☀มงกุฎอัคคี - ปฐมบทต้นเพลิง
ตอนที่ ๑ กลางสมรภูมิ
https://pantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย
https://pantip.com/topic/39256876
ตอนที่ ๓ นางทาส
https://pantip.com/topic/39259835
ตอนที่ ๔ อามิน
https://pantip.com/topic/39262780
ตอนที่ ๕ ระบำอัคคี
https://pantip.com/topic/39265661
ตอนที่ ๖ ราชครู
https://pantip.com/topic/39273815
ตอนที่ ๗ ราชาวิญญาณ
https://pantip.com/topic/39276170
ตอนที่ ๘ ความลับของสองเรา
https://pantip.com/topic/39281282
ตอนที่ ๙ สัญญา พันธนาการ
https://pantip.com/topic/39284612
ตอนที่ ๑๐ แตกหัก
https://pantip.com/topic/39291908
ตอนที่ ๑๑ กลางเพลิง
https://pantip.com/topic/39298040
☀มงกุฎอัคคี - มัชฌิมบทโหมไฟ
ตอนที่ ๑๒ รอยอดีต
https://pantip.com/topic/39303503
ตอนที่ ๑๓ คนที่ใจรอคอย
https://pantip.com/topic/39312642
ตอนที่ ๑๔ เติบโต
https://pantip.com/topic/39322556

เจ้าของวันเกิดมองตามอย่างไม่ชอบใจ เธอสวยที่สุดคืนนี้เพื่อใคร คนคนนั้นไม่แม้แต่จะหยุดพิจารณาหรือขอเต้นรำสักเพลง หญิงสาวตัดสินใจออกไปเต้นกับพี่ชายคนรองซึ่งเข้ามาเชื้อเชิญ เพิ่งมานึกเสียดายเอาตอนนี้ที่ไม่อาจทดลองยั่วให้อาทัศน์หวงตน เพราะชายอื่นไม่มีใครเข้ามาเต้นกับเธอ เป็นที่รู้กัน ไม่ว่าบุรุษใดหาญกล้าขอเต้นรำกับอัคนีมายา คนผู้นั้นก็จะถูกคลื่นความร้อนที่ไม่รู้มาจากทิศใดโจมตีเสียจนเหงื่อกาฬแตกพลั่กอาบร่าง จำต้องล่าถอย หลายคนเหมาเอาว่าเป็นกระแสความหวงลูกสาวจากคนอย่างท่านผู้นำตระกูล หารู้ไม่ว่าต้นตอนั้นเป็นตัวหญิงสาวเองไม่ใช่ใครอื่น
‘เลือกมากเช่นนี้ ขายไม่ออกกันพอดี’
บิดาที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวยังถึงกับบ่น
แต่อัคนีมายาไม่สนใจ เธอไม่ชอบให้ใครต่อใครมาถูกเนื้อต้องตัว...เรียกว่าหยิ่งก็คงได้
ยามก้าวไปพร้อมท่านพี่มัชฌิม์ หญิงสาวเคลื่อนไหวด้วยลีลาเพริศแพร้วราวนักเต้นมืออาชีพ สิ่งนี้คือความชื่นชอบของอัคนีมายา ยิ่งทักษะการใช้ร่างกายของเธอเป็นเลิศ เมื่อยามวาดลีลาเต้นรำก็ยิ่งเหมือนเท้าคู่นี้ติดไฟ จนที่สุด เมื่ออาทัศน์กับคู่เต้นของเขาโฉบเข้าใกล้ เจ้าของฟลอร์จึงฉวยโอกาสสลับคู่ฉับไวโดยเป้าหมายไร้ทางปฏิเสธ
“ท่านหญิงทำอะไร”
“ถ้าไม่เรียกชื่อจะเหยียบเท้าเสียให้บี้เลย อาทัศน์” นางเสือสาวกระซิบเอาเรื่อง มือขยุ้มลงบนไหล่เขาอย่างเคืองๆ
“...ข่มขู่อาอีกแล้ว” คนฟังส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูเด็กดื้อ “อยากเต้นกับอาขนาดนั้นเลย ? ”
ถูกลมหายใจหอมเย็นที่แสนคุ้นเคยปัดเป่าลงหานวลแก้ม ส่งให้ผิวอ่อนๆ ระเรื่อซับสีขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
“ตัวเองหนีไปฝรั่งเศสนานเป็นเดือนๆ แล้วนี่วันเกิดใคร ยังใจร้ายได้ลงคอ ไม่ถามไม่ไถ่ ไม่เล่าอะไรให้ฟังสักนิด”
“อาขอโทษ” คนซึ่งเคยชินกับการตามใจเจ้าของร่างระหงในอ้อมแขนตอบถนอมเสียง
“จะว่าไป ตอนนี้มายาก็ไม่ได้อยากเต้นกับอาทัศน์สักเท่าไหร่แล้ว หมดอารมณ์”
จบคำ เจ้าของวันเกิดแกล้งพรวดพราดปล่อยมือจากไป ทิ้งผู้ดูแลคนพิเศษไว้กลางฟลอร์ให้ตกเป็นเป้าสายตาใครๆ เหมือนเขาเป็นฝ่ายรังแกเธอกระนั้น ชนะทัศน์ได้แต่หาทางเลี่ยงออกไปเงียบๆ ไม่อยู่สบตาอัครา เมห์ฮรา พี่ชายใหญ่ของท่านหญิงน้อยซึ่งหรี่ตามองมาคล้ายจะรู้ความนัย
ตกดึก คนค่อยซาจากงานเลี้ยง อัคนีมายาได้จังหวะหลบใครต่อใครขึ้นไปยังชั้นบนของรวงรัง สูงขึ้นไปบนภูผา คือระเบียงหินซึ่งเป็นที่ไว้รับสายลมแสงดาว เวลาต้องการปลีกวิเวก เธอมักเลือกมาที่นี่...พอย่างเท้าเข้าไป ที่ใต้เถาไม้เลื้อยซึ่งกำลังออกดอกสีม่วงอ่อนพร่างพรม กลับมีใครบางคนรออยู่
“อาทัศน์...”
เจ้าของร่างสูงยืนซ่อนหน้าเงียบงัน เผยเพียงรอยยิ้มน้อยๆ บางทีเขาก็เหมือนคนเจ้าเล่ห์ เหมือนคนสองบุคลิกที่เก็บซ่อนอีกตัวตนไว้แนบเนียนต่อหน้าใครๆ...อัคนีมายายังไม่ยอมก้าวเข้าใกล้ รอดูซิ จะง้อเธอแบบไหน
“เต้นรำกันใหม่ไหม สักเพลง” คนในเงามืดเปรย
บนนี้ไม่มีบทเพลงใดแว่วมาถึง ทว่าดวงดาวกำลังกะพริบเป็นท่วงทำนอง สายลมรวยรินกำลังขับกล่อม หญิงสาวยอมยื่นมือไปหา ในใจนึกกระหยิ่ม...เสร็จเรา สุดท้ายเขาก็ติดกับ ทว่าเมื่อแขนแข็งแรงนั้นกระชากเธอทั้งแรงและเร็วจนตัวปลิว อัคนีมายาก็ชักไม่แน่ใจ ฉากนี้ใครคุม
“คืนนี้หนาว...” เสียงอ่อนโยนคล้ายรำพึง
แต่ในอกเธอตอนนี้มันอบอุ่นแทบจะระเบิด ยิ่งเขาพยายามโอบเธอไว้อย่างสุภาพ อัคนีมายายิ่งอยากจะแกล้งด้วยการค่อยๆ เบียดเข้าหา ซุกซบในอ้อมแขนนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งยังเด็ก แถมยังเอาหน้าไถอกเขาเบาๆ คล้ายยามแปลงร่างเป็นลูกเสือดาว
“มายา...” เจ้าของร่างสูงเรียกชื่อปราม
ไม่คาด เมื่อชนะทัศน์ก้มลงกลับพบสาวน้อยในอ้อมแขนเงยมองตาใส แน่วนิ่ง...เขารู้ว่าภายใต้ดวงตาบริสุทธิ์นั้นซ่อนอะไรไว้มากมาย อัคนีมายาไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อ แต่ออกจะร้ายอยู่มาก ไม่ทันไร ก่อนจะทันได้อบรมแม่ตัวดีให้ทำกิริยาเหมาะสมเข้าร่องเข้ารอย คนในอ้อมกอดกลับเขย่งขึ้นจุ๊บปลายคางเขาแรงๆ
“คิดถึง”
ไม่เพียงเท่านั้น เด็กแก่แดดยังใช้ปลายจมูกโด่งมนงามเสียดสีกับปลายคางเขา ชายหนุ่มนิ่งงันรับสัมผัสนั้นอย่างกึ่งพึงใจ แต่วูบถัดมาเขากลับรีบปล่อยมือจากเธอเหมือนโดนของร้อน ถอยไปก้าวหนึ่ง ใช้สายตามองอย่างติติง
เหมือนครูมองลูกศิษย์สักคนที่ทำตัวไม่เหมาะสมร้ายแรง
“เดี๋ยวนี้มายาทำแบบนี้ไม่ได้แล้วเหรอ” หญิงสาวผ่อนลมหายใจหนักๆ
“ไม่ได้...ไม่ใช่เด็กแล้ว...” คนตอบกึ่งดุกึ่งอ่อนใจ
เขาไม่พูดมาก คล้ายตั้งใจให้เธอคิดได้เอง รอให้อัคนีมายาสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ฝันไปเถอะอาทัศน์ !
“มายารักอาทัศน์” คำนั้นหลุดออกไปโดยไม่ทันคิด แม้จะไม่เสียใจเลย ทว่าพูดจบหญิงสาวก็พลันกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว วันเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมานานแสนนานคล้ายจะหยุดนิ่งลงตรงนี้...จริงอยู่ คำนี้เธอเคยพูดกับเขามาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดจะเป็น รัก ในความหมายเช่นนี้ หวังว่าเขาจะรู้...และเขาก็รู้จริงๆ บอกได้จากแววตาซึ่งสั่นสะท้านแล้วผันแปรไปเป็นเยียบเย็นอย่างหาที่สุดมิได้ จนอัคนีมายาใจหายวาบ
“ดึกแล้ว...ท่านหญิงคงเหนื่อยมาทั้งวัน”
“ไม่จริง คืนนี้มายามีสติดีสุดๆ ไม่มีตอนไหนจะชัดเจนแจ่มแจ๋วไปกว่านี้” เธอยืนกรานด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด ไม่ยอมให้เขาตีความเป็นอื่นไปได้
ในที่สุด คนพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้ในทีแรกจึงขบกรามเอ่ยออกมา “จะพูดแบบนั้นไม่ได้เป็นอันขาด...ท่านหญิงน่าจะเข้าใจ เราเป็นอาหลานกัน”
“ไม่ใช่ ! อาทัศน์เป็นผู้ชายที่มายารัก” เอ่ยพลางยิ้มให้เขาซึ่งคล้ายนิ่งงันกับความชัดเจนที่เธอแสดงออก อัคนีมายารักเขามายี่สิบปี ! นับตั้งแต่วันที่เธอเกิดนั่นเทียวแหละ ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้ และถ้าไม่พูดออกไปให้หมดในเวลานี้ ก็คงไม่มีเวลาไหนเหมาะอีกแล้ว
เพราะอำนาจมายาบวกกับธาตุไฟในกายอัคนีมายานั้นถูกกับลม แต่ไหนแต่ไรมาห้องส่วนตัวของเธอจึงอยู่สูงขึ้นมาบนขุนเขา มีช่องเจาะเปิดออกรับลมฟ้าอากาศ ไม่เร้นอยู่ใกล้ดินใกล้น้ำใต้ภูผาเช่นท่านพี่ทั้งสอง
อาทัศน์...รู้ไหม มายายังจำภาพที่เห็นจากในเปลของตัวเองได้ด้วยซ้ำ ฉากหลังเป็นหน้าต่างกับท้องฟ้า เห็นอาทัศน์ชะโงกมาเรียกชื่อมายา เห็นดวงตาคู่นี้ แล้วก็...รัก
ไม่รู้เพราะเหตุใด หรือนั่นคือสัญญาเก่าก่อน
แล้วทำไมเขาถึงไม่คิดเหมือนเธอเล่า
“อาหลานอะไรกัน...ก็แค่พี่เลี้ยง ท่านพ่อไม่ว่าหรอก” หญิงสาวข่มความขมขื่นไว้ในใจ พยายามแย้มยิ้ม
“นอกจากพี่เลี้ยง ยังเป็นครูอีกอย่าง” คนพูดยิ่งขรึมเครียดลง “...ลืมแล้วรึ”
“อาทัศน์” หญิงสาวครางอย่างขมปร่าในคอ “ไม่รู้สึกอะไรกับมายาสักนิดเลยหรือ แม้แต่นิดเดียว ? ” คนถามทั้งหงุดหงิด ผิดหวังจนแทบสำลักความรู้สึก ภาพที่วาดไว้…ยามตนสารภาพรัก เขาน่าจะเขินอายระคนยินดีบ้าง ไม่ใช่เครียดเกร็งจนตัวแข็งไปทั้งตัวอย่างนี้ น้ำตาเจียนจะไหลอยู่รอมร่อ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาได้เห็น หญิงสาวกระชับอ้อมแขนกอดเขาแน่น หมายมองให้เห็นความจริงที่ซ่อนเร้นในดวงตา
ทว่า...มันว่างเปล่า ไม่มีเยื่อใยรักอะไรนั่นที่เธอหมายจะค้นหา ไม่มีเลย
คนผิดหวังสั่นเยือกจากภายในออกมาถึงภายนอก ค่อยๆ ละมือจากเขา แววตาอย่างนางเสือวาบแสงไฟ ก่อนที่มือซึ่งคล้ายบอบบางจะยกขึ้นกระชากไหล่เสื้อของตนขาดแควก คลี่ยิ้มมุมปากอย่างเอาเรื่องดุจกำลังจ้องมองศัตรูคู่อาฆาต
“ถ้ามายาทำแบบนี้ อาทัศน์จะว่าไง” ...ถ้าเธอลองร้องโวยวายเรียกหาคนช่วยเหมือนนางละครคลั่งรัก เขาจะแก้ตัวท่าไหน “ท่านพ่อกับท่านพี่คงเอาตาย ถ้ามาเห็นมายาในสภาพนี้” พูดพลางแสร้งทอดถอน
ชนะทัศน์มองลาดไหล่นวลเนียนซึ่งเผยออกรับแสงดาว เด็กตรงหน้าคิดจะใช้มารยาหญิงกับเขาที่ดูแลเธอมาแต่เล็กแต่น้อย มันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย เก็บกลั้น ซุกซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้รอยยิ้มอ่อนบาง
“เอาตายน่ะใช่ แต่คนที่จะโดนไม่ใช่อา” คนพูดหยุดหัวเราะคำหนึ่ง “คิดว่าเราสองคน...ใครน่าเชื่อถือกว่ากัน”
อัคนีมายาเม้มริมฝีปาก ใจจริงเธอก็รู้อยู่หรอก ไม่เห็นต้องมาย้ำ ! ใช่สิ ท่านพ่อคงเชื่ออาทัศน์มากกว่าเธอ อย่าว่าแต่ท่านพ่อ พวกท่านพี่ก็ด้วย ! เขาน่าจะรู้ว่าเธอแกล้งท้าทายไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงก็หยิ่งเกินกว่าจะเรียกคนมา
ภาพคำชมเป็นร้อยคำ สายตาชื่นชมที่มองมานับร้อยๆ คู่ในงานวันเกิดราวกับเลือนหายไปในวินาทีนั้น อย่างเธอไม่เคยเลยที่จะถูกเมิน ผู้ชายทุกคนต้องเหลียวหันตามและพากันชะเง้อมองไม่ละสายตา แต่อาทัศน์ ผู้ชายที่อัคนีมายาแคร์มากที่สุด เขากลับ...หันหลังให้เธอ เขาก้าวไปจวนจะถึงประตูนั่นอยู่แล้ว ตอนที่อัคนีมายาร้องออกมาคำหนึ่งด้วยความโกรธ เปลวไฟพลันลุกท่วมทางออก สกัดขวางไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนีหน้า พร้อมกันนั้นก็เดินเข้าไปรั้งแขนคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมหันมา
“คนไม่มีหัวใจ ! พูดกับมายาดีๆ ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องตัดรอนกัน นี่วันเกิดมายาแท้ๆ ให้ของขวัญกันแบบนี้นี่นะ ทำดีมาก อาทัศน์ทำให้ความรู้สึกดีๆ ของวันนี้มันพังไปหมดเลย รู้ตัวไหม” หญิงสาวหน้าตาแดงก่ำ...ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของวันนี้ ก็นั่นแหละ ขนาดความรู้สึกที่สั่งสมมาตลอดทั้งชาติของเธอ เขายังไม่เห็นว่ามีค่าที่ตรงไหน
ในที่สุด เขาวางมือลงบนมือเธอ ขณะยอมหันมาเผชิญหน้า “ก็เพราะถูกตามใจมาตลอดชีวิตแบบนั้นไง อัคนีมายา !”
คนถูกขานชื่อเต็มยศอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
“เคยอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่” เขาค่อยๆ ปลดมือเธอออกพ้นต้นแขนอย่างนิ่มนวล ก่อนจะถอยไปก้าวหนึ่ง ใช้นิ้วจิ้มที่อกซ้ายของตนเอง “อย่าใช้แต่ตรงนี้คิด” นิ้วชี้นั้นย้ายไปเคาะเบาๆ ที่ขมับของเขาเอง “หัดใช้นี่เสียบ้าง จะได้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อาไม่มีวันทำให้ท่านอัคนิต้องลำบากใจ เราสองคนจะเป็นอาหลานกันแบบนี้...ไปจนตาย”
อัคนีมายาเซถอยหลังไปหลายก้าว มึนงงไปหมดกับคำพูดไร้เยื่อใย ไม่ทันสังเกตว่าไม่เพียงตรงประตู ตอนนี้ไฟของเธอยังลามไปเผาพุ่มไม้ข้างๆ ไหม้ไปแถบใหญ่
“อย่าพยายามเลย ต่อให้เผาสนามหญ้านี้ทั้งสนามให้ลุกเป็นไฟ อาก็ไม่กลับคำ”
สิ้นคำพูดของชนะทัศน์ เปลวไฟทั้งหมดพลันวูบวับลับหาย เหลือเพียงอัคนีมายาที่ก้มหน้าลงกอดตัวเองไว้แน่น จำต้องยอมรับคำปฏิเสธ ของขวัญวันเกิดชิ้นอัปยศที่สุดที่เขาเพิ่งโยนใส่หน้าสดๆ ร้อนๆ
“อย่าให้เอิกเกริกถึงขั้นนั้นเลย ดี ! คนแก่ปูนนี้ใครจะอยากได้ไปทำยา !” อัคนีมายาหอบหายใจแรง “มายาแค่ลองใจอาทัศน์” ท้ายเสียงปร่าแปร่งอย่างเสียหน้า
คนตัวสูงขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขามารอเธอ หมายจะง้องอนให้อารมณ์ดี ใครจะคาด...เด็กดื้อกลับทำตัวเกินเด็ก แม้คิดว่ารับมือได้ แต่สถานการณ์กระอักกระอ่วนเพียงนี้ไม่ใช่สิ่งที่อยากเผชิญ “สุขสันต์วันเกิดนะท่านหญิง อาขอตัวไปนอนก่อน ไว้เราค่อยคุยกัน”
“ไม่ต้องคุยแล้ว วันไหนก็ไม่ต้องคุย ! อย่ามาให้เห็นหน้าเชียว...”
หญิงสาวใช้มือสั่นระริกจับไหล่ชุดที่ขาดขึ้นมาปกปิดผิวกายซึ่งถูกเขาเมิน มีเพียงลมหนาวพัดมาแตะต้องสัมผัส ใจสับสน ทั้งอับอาย ทั้งน้อยใจ เขามองเธอเป็นหลาน หรือไม่ก็แค่ลูกสาวเจ้านายที่อ่อนกว่าเป็นคนละรุ่น ยิ่งอัคนีมายาพยายามเท่าไร อาทัศน์คงมีแต่จะรังเกียจ หมดความเอ็นดูในตัวเธอลงไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้น
อาทัศน์ไม่รักมายาเลยเหรอ คนเคยเข้มแข็งกับเรื่องสารพัดสูดจมูกอย่างเสียใจยามเมื่อมองประตูหินที่เขาเพิ่งหนีหายเข้าไป หุบปิดลง
ชั่วขณะนั้นเอง จากปลายหางตา บางอย่างวูบไหวอยู่ริมสวนเล็กๆ ที่มีพุ่มไม้ใบบัง หญิงสา
☀มงกุฎอัคคี ตอนที่ ๑๕ จุดพลิกผัน .................. {อสิตา}
ตอนที่ ๑ กลางสมรภูมิ https://pantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย https://pantip.com/topic/39256876
ตอนที่ ๓ นางทาส https://pantip.com/topic/39259835
ตอนที่ ๔ อามิน https://pantip.com/topic/39262780
ตอนที่ ๕ ระบำอัคคี https://pantip.com/topic/39265661
ตอนที่ ๖ ราชครู https://pantip.com/topic/39273815
ตอนที่ ๗ ราชาวิญญาณ https://pantip.com/topic/39276170
ตอนที่ ๘ ความลับของสองเรา https://pantip.com/topic/39281282
ตอนที่ ๙ สัญญา พันธนาการ https://pantip.com/topic/39284612
ตอนที่ ๑๐ แตกหัก https://pantip.com/topic/39291908
ตอนที่ ๑๑ กลางเพลิง https://pantip.com/topic/39298040
☀มงกุฎอัคคี - มัชฌิมบทโหมไฟ
ตอนที่ ๑๒ รอยอดีต https://pantip.com/topic/39303503
ตอนที่ ๑๓ คนที่ใจรอคอย https://pantip.com/topic/39312642
ตอนที่ ๑๔ เติบโต https://pantip.com/topic/39322556
เจ้าของวันเกิดมองตามอย่างไม่ชอบใจ เธอสวยที่สุดคืนนี้เพื่อใคร คนคนนั้นไม่แม้แต่จะหยุดพิจารณาหรือขอเต้นรำสักเพลง หญิงสาวตัดสินใจออกไปเต้นกับพี่ชายคนรองซึ่งเข้ามาเชื้อเชิญ เพิ่งมานึกเสียดายเอาตอนนี้ที่ไม่อาจทดลองยั่วให้อาทัศน์หวงตน เพราะชายอื่นไม่มีใครเข้ามาเต้นกับเธอ เป็นที่รู้กัน ไม่ว่าบุรุษใดหาญกล้าขอเต้นรำกับอัคนีมายา คนผู้นั้นก็จะถูกคลื่นความร้อนที่ไม่รู้มาจากทิศใดโจมตีเสียจนเหงื่อกาฬแตกพลั่กอาบร่าง จำต้องล่าถอย หลายคนเหมาเอาว่าเป็นกระแสความหวงลูกสาวจากคนอย่างท่านผู้นำตระกูล หารู้ไม่ว่าต้นตอนั้นเป็นตัวหญิงสาวเองไม่ใช่ใครอื่น
‘เลือกมากเช่นนี้ ขายไม่ออกกันพอดี’
บิดาที่ขึ้นชื่อว่าหวงลูกสาวยังถึงกับบ่น
แต่อัคนีมายาไม่สนใจ เธอไม่ชอบให้ใครต่อใครมาถูกเนื้อต้องตัว...เรียกว่าหยิ่งก็คงได้
ยามก้าวไปพร้อมท่านพี่มัชฌิม์ หญิงสาวเคลื่อนไหวด้วยลีลาเพริศแพร้วราวนักเต้นมืออาชีพ สิ่งนี้คือความชื่นชอบของอัคนีมายา ยิ่งทักษะการใช้ร่างกายของเธอเป็นเลิศ เมื่อยามวาดลีลาเต้นรำก็ยิ่งเหมือนเท้าคู่นี้ติดไฟ จนที่สุด เมื่ออาทัศน์กับคู่เต้นของเขาโฉบเข้าใกล้ เจ้าของฟลอร์จึงฉวยโอกาสสลับคู่ฉับไวโดยเป้าหมายไร้ทางปฏิเสธ
“ท่านหญิงทำอะไร”
“ถ้าไม่เรียกชื่อจะเหยียบเท้าเสียให้บี้เลย อาทัศน์” นางเสือสาวกระซิบเอาเรื่อง มือขยุ้มลงบนไหล่เขาอย่างเคืองๆ
“...ข่มขู่อาอีกแล้ว” คนฟังส่ายหน้า อดไม่ได้ที่จะยิ้มเอ็นดูเด็กดื้อ “อยากเต้นกับอาขนาดนั้นเลย ? ”
ถูกลมหายใจหอมเย็นที่แสนคุ้นเคยปัดเป่าลงหานวลแก้ม ส่งให้ผิวอ่อนๆ ระเรื่อซับสีขึ้นอย่างไม่อาจควบคุม
“ตัวเองหนีไปฝรั่งเศสนานเป็นเดือนๆ แล้วนี่วันเกิดใคร ยังใจร้ายได้ลงคอ ไม่ถามไม่ไถ่ ไม่เล่าอะไรให้ฟังสักนิด”
“อาขอโทษ” คนซึ่งเคยชินกับการตามใจเจ้าของร่างระหงในอ้อมแขนตอบถนอมเสียง
“จะว่าไป ตอนนี้มายาก็ไม่ได้อยากเต้นกับอาทัศน์สักเท่าไหร่แล้ว หมดอารมณ์”
จบคำ เจ้าของวันเกิดแกล้งพรวดพราดปล่อยมือจากไป ทิ้งผู้ดูแลคนพิเศษไว้กลางฟลอร์ให้ตกเป็นเป้าสายตาใครๆ เหมือนเขาเป็นฝ่ายรังแกเธอกระนั้น ชนะทัศน์ได้แต่หาทางเลี่ยงออกไปเงียบๆ ไม่อยู่สบตาอัครา เมห์ฮรา พี่ชายใหญ่ของท่านหญิงน้อยซึ่งหรี่ตามองมาคล้ายจะรู้ความนัย
ตกดึก คนค่อยซาจากงานเลี้ยง อัคนีมายาได้จังหวะหลบใครต่อใครขึ้นไปยังชั้นบนของรวงรัง สูงขึ้นไปบนภูผา คือระเบียงหินซึ่งเป็นที่ไว้รับสายลมแสงดาว เวลาต้องการปลีกวิเวก เธอมักเลือกมาที่นี่...พอย่างเท้าเข้าไป ที่ใต้เถาไม้เลื้อยซึ่งกำลังออกดอกสีม่วงอ่อนพร่างพรม กลับมีใครบางคนรออยู่
“อาทัศน์...”
เจ้าของร่างสูงยืนซ่อนหน้าเงียบงัน เผยเพียงรอยยิ้มน้อยๆ บางทีเขาก็เหมือนคนเจ้าเล่ห์ เหมือนคนสองบุคลิกที่เก็บซ่อนอีกตัวตนไว้แนบเนียนต่อหน้าใครๆ...อัคนีมายายังไม่ยอมก้าวเข้าใกล้ รอดูซิ จะง้อเธอแบบไหน
“เต้นรำกันใหม่ไหม สักเพลง” คนในเงามืดเปรย
บนนี้ไม่มีบทเพลงใดแว่วมาถึง ทว่าดวงดาวกำลังกะพริบเป็นท่วงทำนอง สายลมรวยรินกำลังขับกล่อม หญิงสาวยอมยื่นมือไปหา ในใจนึกกระหยิ่ม...เสร็จเรา สุดท้ายเขาก็ติดกับ ทว่าเมื่อแขนแข็งแรงนั้นกระชากเธอทั้งแรงและเร็วจนตัวปลิว อัคนีมายาก็ชักไม่แน่ใจ ฉากนี้ใครคุม
“คืนนี้หนาว...” เสียงอ่อนโยนคล้ายรำพึง
แต่ในอกเธอตอนนี้มันอบอุ่นแทบจะระเบิด ยิ่งเขาพยายามโอบเธอไว้อย่างสุภาพ อัคนีมายายิ่งอยากจะแกล้งด้วยการค่อยๆ เบียดเข้าหา ซุกซบในอ้อมแขนนั้นเหมือนอย่างที่เคยทำเมื่อครั้งยังเด็ก แถมยังเอาหน้าไถอกเขาเบาๆ คล้ายยามแปลงร่างเป็นลูกเสือดาว
“มายา...” เจ้าของร่างสูงเรียกชื่อปราม
ไม่คาด เมื่อชนะทัศน์ก้มลงกลับพบสาวน้อยในอ้อมแขนเงยมองตาใส แน่วนิ่ง...เขารู้ว่าภายใต้ดวงตาบริสุทธิ์นั้นซ่อนอะไรไว้มากมาย อัคนีมายาไม่ใช่เด็กสาวใสซื่อ แต่ออกจะร้ายอยู่มาก ไม่ทันไร ก่อนจะทันได้อบรมแม่ตัวดีให้ทำกิริยาเหมาะสมเข้าร่องเข้ารอย คนในอ้อมกอดกลับเขย่งขึ้นจุ๊บปลายคางเขาแรงๆ
“คิดถึง”
ไม่เพียงเท่านั้น เด็กแก่แดดยังใช้ปลายจมูกโด่งมนงามเสียดสีกับปลายคางเขา ชายหนุ่มนิ่งงันรับสัมผัสนั้นอย่างกึ่งพึงใจ แต่วูบถัดมาเขากลับรีบปล่อยมือจากเธอเหมือนโดนของร้อน ถอยไปก้าวหนึ่ง ใช้สายตามองอย่างติติง
เหมือนครูมองลูกศิษย์สักคนที่ทำตัวไม่เหมาะสมร้ายแรง
“เดี๋ยวนี้มายาทำแบบนี้ไม่ได้แล้วเหรอ” หญิงสาวผ่อนลมหายใจหนักๆ
“ไม่ได้...ไม่ใช่เด็กแล้ว...” คนตอบกึ่งดุกึ่งอ่อนใจ
เขาไม่พูดมาก คล้ายตั้งใจให้เธอคิดได้เอง รอให้อัคนีมายาสัญญาว่าจะไม่ทำอีก ฝันไปเถอะอาทัศน์ !
“มายารักอาทัศน์” คำนั้นหลุดออกไปโดยไม่ทันคิด แม้จะไม่เสียใจเลย ทว่าพูดจบหญิงสาวก็พลันกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว วันเวลาที่เคยใช้ร่วมกันมานานแสนนานคล้ายจะหยุดนิ่งลงตรงนี้...จริงอยู่ คำนี้เธอเคยพูดกับเขามาแล้วเป็นร้อยๆ ครั้ง แต่ไม่มีครั้งใดจะเป็น รัก ในความหมายเช่นนี้ หวังว่าเขาจะรู้...และเขาก็รู้จริงๆ บอกได้จากแววตาซึ่งสั่นสะท้านแล้วผันแปรไปเป็นเยียบเย็นอย่างหาที่สุดมิได้ จนอัคนีมายาใจหายวาบ
“ดึกแล้ว...ท่านหญิงคงเหนื่อยมาทั้งวัน”
“ไม่จริง คืนนี้มายามีสติดีสุดๆ ไม่มีตอนไหนจะชัดเจนแจ่มแจ๋วไปกว่านี้” เธอยืนกรานด้วยน้ำเสียงกึ่งประชด ไม่ยอมให้เขาตีความเป็นอื่นไปได้
ในที่สุด คนพยายามทำไม่รู้ไม่ชี้ในทีแรกจึงขบกรามเอ่ยออกมา “จะพูดแบบนั้นไม่ได้เป็นอันขาด...ท่านหญิงน่าจะเข้าใจ เราเป็นอาหลานกัน”
“ไม่ใช่ ! อาทัศน์เป็นผู้ชายที่มายารัก” เอ่ยพลางยิ้มให้เขาซึ่งคล้ายนิ่งงันกับความชัดเจนที่เธอแสดงออก อัคนีมายารักเขามายี่สิบปี ! นับตั้งแต่วันที่เธอเกิดนั่นเทียวแหละ ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้ และถ้าไม่พูดออกไปให้หมดในเวลานี้ ก็คงไม่มีเวลาไหนเหมาะอีกแล้ว
เพราะอำนาจมายาบวกกับธาตุไฟในกายอัคนีมายานั้นถูกกับลม แต่ไหนแต่ไรมาห้องส่วนตัวของเธอจึงอยู่สูงขึ้นมาบนขุนเขา มีช่องเจาะเปิดออกรับลมฟ้าอากาศ ไม่เร้นอยู่ใกล้ดินใกล้น้ำใต้ภูผาเช่นท่านพี่ทั้งสอง
อาทัศน์...รู้ไหม มายายังจำภาพที่เห็นจากในเปลของตัวเองได้ด้วยซ้ำ ฉากหลังเป็นหน้าต่างกับท้องฟ้า เห็นอาทัศน์ชะโงกมาเรียกชื่อมายา เห็นดวงตาคู่นี้ แล้วก็...รัก
ไม่รู้เพราะเหตุใด หรือนั่นคือสัญญาเก่าก่อน
แล้วทำไมเขาถึงไม่คิดเหมือนเธอเล่า
“อาหลานอะไรกัน...ก็แค่พี่เลี้ยง ท่านพ่อไม่ว่าหรอก” หญิงสาวข่มความขมขื่นไว้ในใจ พยายามแย้มยิ้ม
“นอกจากพี่เลี้ยง ยังเป็นครูอีกอย่าง” คนพูดยิ่งขรึมเครียดลง “...ลืมแล้วรึ”
“อาทัศน์” หญิงสาวครางอย่างขมปร่าในคอ “ไม่รู้สึกอะไรกับมายาสักนิดเลยหรือ แม้แต่นิดเดียว ? ” คนถามทั้งหงุดหงิด ผิดหวังจนแทบสำลักความรู้สึก ภาพที่วาดไว้…ยามตนสารภาพรัก เขาน่าจะเขินอายระคนยินดีบ้าง ไม่ใช่เครียดเกร็งจนตัวแข็งไปทั้งตัวอย่างนี้ น้ำตาเจียนจะไหลอยู่รอมร่อ แต่เธอจะไม่ยอมให้เขาได้เห็น หญิงสาวกระชับอ้อมแขนกอดเขาแน่น หมายมองให้เห็นความจริงที่ซ่อนเร้นในดวงตา
ทว่า...มันว่างเปล่า ไม่มีเยื่อใยรักอะไรนั่นที่เธอหมายจะค้นหา ไม่มีเลย
คนผิดหวังสั่นเยือกจากภายในออกมาถึงภายนอก ค่อยๆ ละมือจากเขา แววตาอย่างนางเสือวาบแสงไฟ ก่อนที่มือซึ่งคล้ายบอบบางจะยกขึ้นกระชากไหล่เสื้อของตนขาดแควก คลี่ยิ้มมุมปากอย่างเอาเรื่องดุจกำลังจ้องมองศัตรูคู่อาฆาต
“ถ้ามายาทำแบบนี้ อาทัศน์จะว่าไง” ...ถ้าเธอลองร้องโวยวายเรียกหาคนช่วยเหมือนนางละครคลั่งรัก เขาจะแก้ตัวท่าไหน “ท่านพ่อกับท่านพี่คงเอาตาย ถ้ามาเห็นมายาในสภาพนี้” พูดพลางแสร้งทอดถอน
ชนะทัศน์มองลาดไหล่นวลเนียนซึ่งเผยออกรับแสงดาว เด็กตรงหน้าคิดจะใช้มารยาหญิงกับเขาที่ดูแลเธอมาแต่เล็กแต่น้อย มันมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร ชายหนุ่มกลืนน้ำลาย เก็บกลั้น ซุกซ่อนอารมณ์ไว้ภายใต้รอยยิ้มอ่อนบาง
“เอาตายน่ะใช่ แต่คนที่จะโดนไม่ใช่อา” คนพูดหยุดหัวเราะคำหนึ่ง “คิดว่าเราสองคน...ใครน่าเชื่อถือกว่ากัน”
อัคนีมายาเม้มริมฝีปาก ใจจริงเธอก็รู้อยู่หรอก ไม่เห็นต้องมาย้ำ ! ใช่สิ ท่านพ่อคงเชื่ออาทัศน์มากกว่าเธอ อย่าว่าแต่ท่านพ่อ พวกท่านพี่ก็ด้วย ! เขาน่าจะรู้ว่าเธอแกล้งท้าทายไปอย่างนั้น ทั้งที่จริงก็หยิ่งเกินกว่าจะเรียกคนมา
ภาพคำชมเป็นร้อยคำ สายตาชื่นชมที่มองมานับร้อยๆ คู่ในงานวันเกิดราวกับเลือนหายไปในวินาทีนั้น อย่างเธอไม่เคยเลยที่จะถูกเมิน ผู้ชายทุกคนต้องเหลียวหันตามและพากันชะเง้อมองไม่ละสายตา แต่อาทัศน์ ผู้ชายที่อัคนีมายาแคร์มากที่สุด เขากลับ...หันหลังให้เธอ เขาก้าวไปจวนจะถึงประตูนั่นอยู่แล้ว ตอนที่อัคนีมายาร้องออกมาคำหนึ่งด้วยความโกรธ เปลวไฟพลันลุกท่วมทางออก สกัดขวางไม่ยอมให้อีกฝ่ายหนีหน้า พร้อมกันนั้นก็เดินเข้าไปรั้งแขนคนตัวสูงที่ยังไม่ยอมหันมา
“คนไม่มีหัวใจ ! พูดกับมายาดีๆ ไม่ได้เหรอ ทำไมต้องตัดรอนกัน นี่วันเกิดมายาแท้ๆ ให้ของขวัญกันแบบนี้นี่นะ ทำดีมาก อาทัศน์ทำให้ความรู้สึกดีๆ ของวันนี้มันพังไปหมดเลย รู้ตัวไหม” หญิงสาวหน้าตาแดงก่ำ...ไม่ใช่แค่ความรู้สึกของวันนี้ ก็นั่นแหละ ขนาดความรู้สึกที่สั่งสมมาตลอดทั้งชาติของเธอ เขายังไม่เห็นว่ามีค่าที่ตรงไหน
ในที่สุด เขาวางมือลงบนมือเธอ ขณะยอมหันมาเผชิญหน้า “ก็เพราะถูกตามใจมาตลอดชีวิตแบบนั้นไง อัคนีมายา !”
คนถูกขานชื่อเต็มยศอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
“เคยอยากได้อะไรก็ต้องได้ แต่ไม่ใช่เรื่องนี้แน่” เขาค่อยๆ ปลดมือเธอออกพ้นต้นแขนอย่างนิ่มนวล ก่อนจะถอยไปก้าวหนึ่ง ใช้นิ้วจิ้มที่อกซ้ายของตนเอง “อย่าใช้แต่ตรงนี้คิด” นิ้วชี้นั้นย้ายไปเคาะเบาๆ ที่ขมับของเขาเอง “หัดใช้นี่เสียบ้าง จะได้รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อาไม่มีวันทำให้ท่านอัคนิต้องลำบากใจ เราสองคนจะเป็นอาหลานกันแบบนี้...ไปจนตาย”
อัคนีมายาเซถอยหลังไปหลายก้าว มึนงงไปหมดกับคำพูดไร้เยื่อใย ไม่ทันสังเกตว่าไม่เพียงตรงประตู ตอนนี้ไฟของเธอยังลามไปเผาพุ่มไม้ข้างๆ ไหม้ไปแถบใหญ่
“อย่าพยายามเลย ต่อให้เผาสนามหญ้านี้ทั้งสนามให้ลุกเป็นไฟ อาก็ไม่กลับคำ”
สิ้นคำพูดของชนะทัศน์ เปลวไฟทั้งหมดพลันวูบวับลับหาย เหลือเพียงอัคนีมายาที่ก้มหน้าลงกอดตัวเองไว้แน่น จำต้องยอมรับคำปฏิเสธ ของขวัญวันเกิดชิ้นอัปยศที่สุดที่เขาเพิ่งโยนใส่หน้าสดๆ ร้อนๆ
“อย่าให้เอิกเกริกถึงขั้นนั้นเลย ดี ! คนแก่ปูนนี้ใครจะอยากได้ไปทำยา !” อัคนีมายาหอบหายใจแรง “มายาแค่ลองใจอาทัศน์” ท้ายเสียงปร่าแปร่งอย่างเสียหน้า
คนตัวสูงขมวดคิ้วนิ่วหน้า เขามารอเธอ หมายจะง้องอนให้อารมณ์ดี ใครจะคาด...เด็กดื้อกลับทำตัวเกินเด็ก แม้คิดว่ารับมือได้ แต่สถานการณ์กระอักกระอ่วนเพียงนี้ไม่ใช่สิ่งที่อยากเผชิญ “สุขสันต์วันเกิดนะท่านหญิง อาขอตัวไปนอนก่อน ไว้เราค่อยคุยกัน”
“ไม่ต้องคุยแล้ว วันไหนก็ไม่ต้องคุย ! อย่ามาให้เห็นหน้าเชียว...”
หญิงสาวใช้มือสั่นระริกจับไหล่ชุดที่ขาดขึ้นมาปกปิดผิวกายซึ่งถูกเขาเมิน มีเพียงลมหนาวพัดมาแตะต้องสัมผัส ใจสับสน ทั้งอับอาย ทั้งน้อยใจ เขามองเธอเป็นหลาน หรือไม่ก็แค่ลูกสาวเจ้านายที่อ่อนกว่าเป็นคนละรุ่น ยิ่งอัคนีมายาพยายามเท่าไร อาทัศน์คงมีแต่จะรังเกียจ หมดความเอ็นดูในตัวเธอลงไปเรื่อยๆ ก็เท่านั้น
อาทัศน์ไม่รักมายาเลยเหรอ คนเคยเข้มแข็งกับเรื่องสารพัดสูดจมูกอย่างเสียใจยามเมื่อมองประตูหินที่เขาเพิ่งหนีหายเข้าไป หุบปิดลง
ชั่วขณะนั้นเอง จากปลายหางตา บางอย่างวูบไหวอยู่ริมสวนเล็กๆ ที่มีพุ่มไม้ใบบัง หญิงสา