☀มงกุฎอัคคี
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง
https://pantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย
https://pantip.com/topic/39256876
ตอนที่ ๓ นางทาส
https://pantip.com/topic/39259835
ตอนที่ ๔ อามิน
https://pantip.com/topic/39262780
ตอนที่ ๕ ระบำอัคคี
https://pantip.com/topic/39265661
ตอนที่ ๖ ราชครู
https://pantip.com/topic/39273815
ตอนที่ ๗ ราชาวิญญาณ
https://pantip.com/topic/39276170
ตอนที่ ๘ ความลับของสองเรา
https://pantip.com/topic/39281282
คืนนั้น เป็นนางที่เข้าหาราชครูถึงที่พำนักของเขาในวังหิน
เจ้าของร่างสะโอดสะองนั่งเฉยเสมือนไร้ชีวิต แต่นางรับรู้ เขากำลังลอบยิ้ม ไม่เพียงเท่านั้น ยังพร้อมจะเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวนางในพริบตา
“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มามอบกายถวายตัวให้ท่านดอกนะ” ผู้มาเยือนปรามเสียงต่ำ
เสียงหัวเราะเบาแสนเบาในลำคอเป็นคำตอบ พาให้นางนึกฉุนจนต้องกอดอก เสมองไปยังกระถางไฟเพื่อกลบเกลื่อน
“อย่าได้ใจไปนัก ! ข้ามาเพื่อทำสัญญา”
อามินก้าวเข้าไป ทำใจกล้าด้วยการปีนขึ้นไปอยู่บนตั่งเดียวกับคนกำลังทรงสมาธิ นางค่อยๆ ถอดศิราภรณ์กะโหลกกวางอันประกอบไปด้วยกิ่งเขาสูงสง่าออกพ้นศีรษะได้รูปของคนที่แกล้งนั่งเฉย ตามด้วยเอื้อมไปคลายผ้าปิดตาของเขาเนิบช้า กึ่งทุลักทุเลอยู่บ้างด้วยความประหม่า รู้สึกได้ว่าเขากำลังยิ้มหนักขึ้น
นางประคองใบหน้างามคมเฉียบของราชครูเล่ห์ร้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ดูเถอะ ทั้งยามเมื่อผ้าปิดตาผืนนั้นหลุดร่วงลงไปแล้ว คนพิลึกยังทำทีแสร้งหลับตา
หญิงสาวขบริมฝีปากอย่างชั่งใจ ละมือจากใบหน้าเขา ค่อยๆ ย้ายมาปลดแถบรัดอกตนเอง
“จะ...จะไม่มองก็เรื่องของท่าน” เสียงแผ่วของนางเสือสั่นหวิว ทั้งเบาราวกับกลายร่างเป็นนางแมวตัวเล็กๆ
ทัศยะลืมเนตรสีทองขึ้นอย่างตะลึงลาน เร็วเกินกว่าที่อามินจะทันยกแขนขึ้นป้องปิดพัลวัน
“ใครใช้ให้ลืมตาเร็วขนาดนี้ !” นางอุทานระรัว พยายามดันหน้าเขาให้ไปทางไหนก็ได้ที่จะไม่เห็นนาง
“หลับตาก็ว่า ลืมตาก็ผิด” คนเจ้าเล่ห์อดเย้าเบาๆ ไม่ได้
หาใช่ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้ แต่ต่อให้มีเลือดเนื้อหรือเป็นเพียงภาพมายาอันงดงามที่สร้างด้วยมนตรา แม้กี่ร้อยพันมายาก็ยังไม่อาจเสกสรรได้ดั่งภาพนางสวรรค์ตรงหน้า นางมาไม้ไหน...ต้องการสิ่งไร...ราชครูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ข่มกลั้น
“อย่างไรข้าก็ติดบ่วงเจ้าแล้ว ไม่เห็นต้องลงทุนถึงเพียงนี้” มือเรียวขาวขยับขึ้นหานางราวละเมอ ไม่คาด สิ่งที่ขวางมือเขาไว้คือมีดโบราณคมกริบเล่มเล็ก
“ข้าต้องการให้ท่านกรีดผิวกลางหน้าอกข้า เป็นคำว่า คาร์ สัญลักษณ์แห่งคำสัญญาของสองเรา ว่าจะอยู่เพื่อฆ่า...ไม่มีลดรา” หญิงสาวจับจ้องเขาตรงๆ “ร่วมมือ ไม่ทรยศต่อกัน” อามินคำราม คล้ายทั้งอ้อนวอนและเป็นคำสั่ง
เขารับมีดไป นางเร่งใช้สองมือปิดสิ่งพึงสงวนเอาไว้ กลั้นใจรอ
“...เป็นรอยหมด” คนถูกออกคำสั่งจุปาก ทว่าก็ขยับทำตามอย่างมิมีเกี่ยงงอน เขา...ผู้ไม่เคยฟังใครแม้เพียงครึ่งคำ ค่อยๆ จดปลายมีดคมปลาบสะกิดลงบนผิวเนียนราวตกอยู่ในภวังค์ ชะรอยคงเป็นสตรีผู้นี้มากกว่า ที่กุมอำนาจแห่งมายาเหนือข้า
อามินหลับตา ผ่อนลมหายใจ ครางแผ่วไหวงึมงำ “ทัศยะ จงรู้ไว้ ข้าจะไม่เป็นของท่าน จนกว่าวันที่บรรลุเป้าหมายตามที่เคยลั่นวาจา”
“ข้ายิ่งต้องรีบ ช่วยให้เจ้าไปถึงวันนั้นเร็วๆ ” ราชครูขบฟัน เอ่ยตอบอย่างยากเย็น
นางทาสสาวสะดุ้ง ผวากายเยือกขึ้น ความเจ็บปวดจากปลายมีดนั้นยิ่งกว่าที่คาดคิด
“ข้าต้องการอำนาจมายา ข้าจะให้เตมันมีลูก...แต่ไม่ใช่กับข้า”
คมมีดและมนตราของเขา ส่งให้อามินเผลอตัวละมือจากอกตนไปขยุ้มศีรษะที่เข้ามาอยู่แทบจะติดชิดกายนาง เท่านั้นไม่พอ ยังทึ้งเรือนผมสลวยลื่นมือนั้นอย่างเผลอไผล อย่างกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาทั้งเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่ปลายผมจดปลายเท้า
“อา-า-า”
ไยนางกล้าส่งเสียงแผ่วไหวราวกับจะออดอ้อนถึงเพียงนี้ ?!
“นี่เจ้าจะให้ข้าคลั่งใจตายลงไปเลยหรือไร” ราชครูโอดเสียงเบา แลบปลายลิ้นแตะริมฝีปากอันแห้งผาก พยายามควบคุมมือไม้ให้ได้ดั่งใจ
นี่หาใช่เพียงสัญลักษณ์ของความแค้นที่มีร่วมกัน อำนาจมายาของเขาส่งผ่านไปกับคมมีด หมายจะให้มันอยู่ติดตัวนาง คุ้มครองนางไป ไม่ว่าตัวเจ้าของอำนาจจะอยู่ไกลเพียงไหน
ทั้งในยามที่ตัวเขายังเป็น...
หรือแม้ว่าตายจากไปแล้ว...
เลือดหอมกรุ่นทำให้ราชครูมึนเมาลุ่มหลง หลังจารเส้นสายสุดท้าย ราชาวิญญาณจึงอดไม่ได้ เลียเลือดที่ติดอยู่กับมีดไปเสียทีหนึ่ง ช่างหวานล้ำ...
“ขออีกได้หรือไม่” เขาครางเกือบเป็นวิงวอน
ทันใด ร่างอามินถูกยกขึ้นกระชับไว้ในอ้อมแขน ปลายลิ้นของเขาฉกฉวยลงก่อนที่นางจะทันอนุญาต ไม่เพียงบนแผลที่กำลังเชื่อมประสานด้วยมนตรา ยังเลยเถิดไปครอบครองนวลเนื้อซึ่งนางพยายามสงวนเอาไว้อย่างหวงแหนสุดชีวิต เคล้าคลึงวนเวียนอยู่เหนือดวงใจ
“พอแล้ว ได้โปรด” อามินน้ำตาซึม ความรู้สึกหลากหลายประดังประเด...
“อย่าลืมข้า จงอย่าลืม ไม่ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน ตัวและวิญญาณของเจ้านี้ได้ถูกข้าตีตราจองไว้แล้ว”
ดูเถอะ เขาถ่ายทอดความรู้สึกมาให้นางระลอกแล้วระลอกเล่า แม้มิได้มีสัมพันธ์ แต่สัมผัสจากจิตวิญญาณที่กระทำต่อกัน ต่อให้ฟ้าสลายลงคงไม่อาจลบเลือน
ครั้นคืนต่อมา...
วาระที่อามินร่ายระบำรับแขกเมือง ด้วยสัมผัสของคืนก่อนยังติดตรึง ชั่วขณะที่ถวายบำบวงต่อฟ้าดิน ใจนางยังประหวัดนึกถึงเพียงทัศยะ นางจึงทอดตามองไปแต่เพียงราชครูผู้นั่งเคียงองค์ชาย ไม่อาจไม่มอง ในชั่วเวลาอันควรยินดีที่ได้ทำให้องค์ชายกลายเป็นคนโง่ นางกลับมิได้สนใจเตมันอีก
มีเพียงทัศยะ มีเพียงท่านเท่านั้นที่ข้าต้องการ
‘จันทรา ฟากฟ้า ดาราเอย...ดินน้ำลมไฟเอย...จงเป็นพยาน’
อามินสบตาคนที่นางรักผ่านผ้าปิดตาของเขาซึ่งมิอาจขวางกั้นกระแสใจ
‘ขอสัญญา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรอคอยแต่เพียงท่าน จากนี้จนวันสิ้นกาล’
☀มงกุฎอัคคี ตอนที่ ๙ สัญญา พันธนาการ .................. {อสิตา}
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง
https://pantip.com/topic/39253472
ตอนที่ ๒ องค์ชาย
https://pantip.com/topic/39256876
ตอนที่ ๓ นางทาส
https://pantip.com/topic/39259835
ตอนที่ ๔ อามิน
https://pantip.com/topic/39262780
ตอนที่ ๕ ระบำอัคคี
https://pantip.com/topic/39265661
ตอนที่ ๖ ราชครู
https://pantip.com/topic/39273815
ตอนที่ ๗ ราชาวิญญาณ
https://pantip.com/topic/39276170
ตอนที่ ๘ ความลับของสองเรา
https://pantip.com/topic/39281282
คืนนั้น เป็นนางที่เข้าหาราชครูถึงที่พำนักของเขาในวังหิน
เจ้าของร่างสะโอดสะองนั่งเฉยเสมือนไร้ชีวิต แต่นางรับรู้ เขากำลังลอบยิ้ม ไม่เพียงเท่านั้น ยังพร้อมจะเป็นฝ่ายเข้าถึงตัวนางในพริบตา
“อย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้มามอบกายถวายตัวให้ท่านดอกนะ” ผู้มาเยือนปรามเสียงต่ำ
เสียงหัวเราะเบาแสนเบาในลำคอเป็นคำตอบ พาให้นางนึกฉุนจนต้องกอดอก เสมองไปยังกระถางไฟเพื่อกลบเกลื่อน
“อย่าได้ใจไปนัก ! ข้ามาเพื่อทำสัญญา”
อามินก้าวเข้าไป ทำใจกล้าด้วยการปีนขึ้นไปอยู่บนตั่งเดียวกับคนกำลังทรงสมาธิ นางค่อยๆ ถอดศิราภรณ์กะโหลกกวางอันประกอบไปด้วยกิ่งเขาสูงสง่าออกพ้นศีรษะได้รูปของคนที่แกล้งนั่งเฉย ตามด้วยเอื้อมไปคลายผ้าปิดตาของเขาเนิบช้า กึ่งทุลักทุเลอยู่บ้างด้วยความประหม่า รู้สึกได้ว่าเขากำลังยิ้มหนักขึ้น
นางประคองใบหน้างามคมเฉียบของราชครูเล่ห์ร้ายเอาไว้ด้วยสองมือ ดูเถอะ ทั้งยามเมื่อผ้าปิดตาผืนนั้นหลุดร่วงลงไปแล้ว คนพิลึกยังทำทีแสร้งหลับตา
หญิงสาวขบริมฝีปากอย่างชั่งใจ ละมือจากใบหน้าเขา ค่อยๆ ย้ายมาปลดแถบรัดอกตนเอง
“จะ...จะไม่มองก็เรื่องของท่าน” เสียงแผ่วของนางเสือสั่นหวิว ทั้งเบาราวกับกลายร่างเป็นนางแมวตัวเล็กๆ
ทัศยะลืมเนตรสีทองขึ้นอย่างตะลึงลาน เร็วเกินกว่าที่อามินจะทันยกแขนขึ้นป้องปิดพัลวัน
“ใครใช้ให้ลืมตาเร็วขนาดนี้ !” นางอุทานระรัว พยายามดันหน้าเขาให้ไปทางไหนก็ได้ที่จะไม่เห็นนาง
“หลับตาก็ว่า ลืมตาก็ผิด” คนเจ้าเล่ห์อดเย้าเบาๆ ไม่ได้
หาใช่ไม่เคยเห็นอะไรอย่างนี้ แต่ต่อให้มีเลือดเนื้อหรือเป็นเพียงภาพมายาอันงดงามที่สร้างด้วยมนตรา แม้กี่ร้อยพันมายาก็ยังไม่อาจเสกสรรได้ดั่งภาพนางสวรรค์ตรงหน้า นางมาไม้ไหน...ต้องการสิ่งไร...ราชครูกลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น ข่มกลั้น
“อย่างไรข้าก็ติดบ่วงเจ้าแล้ว ไม่เห็นต้องลงทุนถึงเพียงนี้” มือเรียวขาวขยับขึ้นหานางราวละเมอ ไม่คาด สิ่งที่ขวางมือเขาไว้คือมีดโบราณคมกริบเล่มเล็ก
“ข้าต้องการให้ท่านกรีดผิวกลางหน้าอกข้า เป็นคำว่า คาร์ สัญลักษณ์แห่งคำสัญญาของสองเรา ว่าจะอยู่เพื่อฆ่า...ไม่มีลดรา” หญิงสาวจับจ้องเขาตรงๆ “ร่วมมือ ไม่ทรยศต่อกัน” อามินคำราม คล้ายทั้งอ้อนวอนและเป็นคำสั่ง
เขารับมีดไป นางเร่งใช้สองมือปิดสิ่งพึงสงวนเอาไว้ กลั้นใจรอ
“...เป็นรอยหมด” คนถูกออกคำสั่งจุปาก ทว่าก็ขยับทำตามอย่างมิมีเกี่ยงงอน เขา...ผู้ไม่เคยฟังใครแม้เพียงครึ่งคำ ค่อยๆ จดปลายมีดคมปลาบสะกิดลงบนผิวเนียนราวตกอยู่ในภวังค์ ชะรอยคงเป็นสตรีผู้นี้มากกว่า ที่กุมอำนาจแห่งมายาเหนือข้า
อามินหลับตา ผ่อนลมหายใจ ครางแผ่วไหวงึมงำ “ทัศยะ จงรู้ไว้ ข้าจะไม่เป็นของท่าน จนกว่าวันที่บรรลุเป้าหมายตามที่เคยลั่นวาจา”
“ข้ายิ่งต้องรีบ ช่วยให้เจ้าไปถึงวันนั้นเร็วๆ ” ราชครูขบฟัน เอ่ยตอบอย่างยากเย็น
นางทาสสาวสะดุ้ง ผวากายเยือกขึ้น ความเจ็บปวดจากปลายมีดนั้นยิ่งกว่าที่คาดคิด
“ข้าต้องการอำนาจมายา ข้าจะให้เตมันมีลูก...แต่ไม่ใช่กับข้า”
คมมีดและมนตราของเขา ส่งให้อามินเผลอตัวละมือจากอกตนไปขยุ้มศีรษะที่เข้ามาอยู่แทบจะติดชิดกายนาง เท่านั้นไม่พอ ยังทึ้งเรือนผมสลวยลื่นมือนั้นอย่างเผลอไผล อย่างกับเป็นเจ้าข้าวเจ้าของเขาทั้งเนื้อทั้งตัว ตั้งแต่ปลายผมจดปลายเท้า
“อา-า-า”
ไยนางกล้าส่งเสียงแผ่วไหวราวกับจะออดอ้อนถึงเพียงนี้ ?!
“นี่เจ้าจะให้ข้าคลั่งใจตายลงไปเลยหรือไร” ราชครูโอดเสียงเบา แลบปลายลิ้นแตะริมฝีปากอันแห้งผาก พยายามควบคุมมือไม้ให้ได้ดั่งใจ
นี่หาใช่เพียงสัญลักษณ์ของความแค้นที่มีร่วมกัน อำนาจมายาของเขาส่งผ่านไปกับคมมีด หมายจะให้มันอยู่ติดตัวนาง คุ้มครองนางไป ไม่ว่าตัวเจ้าของอำนาจจะอยู่ไกลเพียงไหน
ทั้งในยามที่ตัวเขายังเป็น...
หรือแม้ว่าตายจากไปแล้ว...
เลือดหอมกรุ่นทำให้ราชครูมึนเมาลุ่มหลง หลังจารเส้นสายสุดท้าย ราชาวิญญาณจึงอดไม่ได้ เลียเลือดที่ติดอยู่กับมีดไปเสียทีหนึ่ง ช่างหวานล้ำ...
“ขออีกได้หรือไม่” เขาครางเกือบเป็นวิงวอน
ทันใด ร่างอามินถูกยกขึ้นกระชับไว้ในอ้อมแขน ปลายลิ้นของเขาฉกฉวยลงก่อนที่นางจะทันอนุญาต ไม่เพียงบนแผลที่กำลังเชื่อมประสานด้วยมนตรา ยังเลยเถิดไปครอบครองนวลเนื้อซึ่งนางพยายามสงวนเอาไว้อย่างหวงแหนสุดชีวิต เคล้าคลึงวนเวียนอยู่เหนือดวงใจ
“พอแล้ว ได้โปรด” อามินน้ำตาซึม ความรู้สึกหลากหลายประดังประเด...
“อย่าลืมข้า จงอย่าลืม ไม่ว่าจะต้องรอนานแค่ไหน ตัวและวิญญาณของเจ้านี้ได้ถูกข้าตีตราจองไว้แล้ว”
ดูเถอะ เขาถ่ายทอดความรู้สึกมาให้นางระลอกแล้วระลอกเล่า แม้มิได้มีสัมพันธ์ แต่สัมผัสจากจิตวิญญาณที่กระทำต่อกัน ต่อให้ฟ้าสลายลงคงไม่อาจลบเลือน
ครั้นคืนต่อมา...
วาระที่อามินร่ายระบำรับแขกเมือง ด้วยสัมผัสของคืนก่อนยังติดตรึง ชั่วขณะที่ถวายบำบวงต่อฟ้าดิน ใจนางยังประหวัดนึกถึงเพียงทัศยะ นางจึงทอดตามองไปแต่เพียงราชครูผู้นั่งเคียงองค์ชาย ไม่อาจไม่มอง ในชั่วเวลาอันควรยินดีที่ได้ทำให้องค์ชายกลายเป็นคนโง่ นางกลับมิได้สนใจเตมันอีก
มีเพียงทัศยะ มีเพียงท่านเท่านั้นที่ข้าต้องการ
‘จันทรา ฟากฟ้า ดาราเอย...ดินน้ำลมไฟเอย...จงเป็นพยาน’
อามินสบตาคนที่นางรักผ่านผ้าปิดตาของเขาซึ่งมิอาจขวางกั้นกระแสใจ
‘ขอสัญญา...ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะรอคอยแต่เพียงท่าน จากนี้จนวันสิ้นกาล’