บอกคนอ่านหน่อยว่า นี่ไม่ใช่นิยายอาณาจักรสมมุติกลิ่นอายทะเลทรายทั่วไปนะคะ
พล็อตค่อนข้างจะแหวกพอสมควร แต่จะรูปแบบไหน ต้องรอติดตาม.........

คุณ สมาชิกหมายเลข 5212378
- ขอบคุณมากนะคะ ให้กำลังใจคนแรกเลย นึกว่าจะไม่มีคยเข้ามาซะแล้ววว
คุณ ลุงแก่แต่ยังซ่าส์
- เรื่องนี้ใส่ฝีมือเต็มที่ค่ะ ผู้ชายก็อ่านได้ ตอนเด็กๆ อสิตาชอบอ่านเพชรพระอุมามาก จะชอบอะไรโหดๆ หน่อย
☀มงกุฎอัคคี
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง .................. {อสิตา}
https://pantip.com/topic/39253472
คามา... นามนั้นติดอยู่ในอก เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ใจระลึกถึง
ไม่ว่ายามหลับ ยามตื่น หรือเวลาที่ลมหายใจใกล้หลุดลอยจากร่าง...
เตมันรู้ดีว่าตนป่วย กายร้อนรุ่มสั่นสะท้าน แม้อยากลืมตาเพียงใดก็ไม่อาจฝืน ร่างหนุ่มแน่นคล้ายหดลง ตัวเขากลับไปเป็นเด็ก ยืนโอบบ่าเคียงข้างน้องชายผู้แสนดี
ใต้ร่มไม้โอฬารไร้ใบ คนผู้หนึ่งหยัดยืนสง่าอยู่ในชุดคลุมหนังสัตว์สีน้ำตาลอ่อนนุ่ม เรือนผมยาวยิ่งพลิ้วไหวรับกับศีรษะประดับศิราภรณ์ทองคำตีเป็นโครงกะโหลกกวางพันธุ์ถิ่น ทั้งยังต่อเข้ากับเขากวางจริงซึ่งงามเป็นพิเศษ ปลายยอดแขนงเขานั้นแตกออกเป็นสิบ ดูสูงส่งไพศาลราวกิ่งก้านไม้ที่แตกสาขาแห่งปัญญา ท่านครูบาผู้สุขุมสงบเงียบ คือผู้พร่ำสอนเตมันและอนัคให้เติบใหญ่ภายใต้ร่มไม้แห่งคามา
‘องค์ชายทั้งสองจงเงยหน้าขึ้นดูเถิด...นี่คือต้นเพลิง ที่สถิตแห่งราชพฤกษ์ อย่างที่รู้กัน ต้นเพลิงคือหายนะซึ่งชาวเรายำเกรง มันจำเป็นต้องถูกพันธนาการไว้ด้วยสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไร้อำนาจ ราชพฤกษ์ ดูผิวเผินภายนอกเป็นเพียงกาฝากเลื้อยรัด มิได้ยิ่งใหญ่ แต่กลับช่วยพันธนา...กดอำนาจร้ายแรงของต้นเพลิงมิให้ลุกลามทำลายอาณาจักรแห่งเราลง’
เตมันยามนั้นมองท่านราชครูซึ่งผู้อื่นเรียกขานเป็นราชาวิญญาณ ที่เข้าถึงทั้งคน พืช สัตว์ แต่สำหรับเขา ชายผู้นี้คือครูบาที่ตนเลื่อมใส
ตามความเข้าใจของชาวคามา ต้นเพลิง คือมหาพฤกษ์ค้ำแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ ทว่าในความเป็นจริง มันคือภัยอันหยั่งรากลึกไม่อาจไถ่ถอน ไม่มีใครอาจหาญทำลาย...ว่ากันว่ามันผุดจากบาดาล เป็นพืชต้องสาปที่กลืนกินความชุ่มชื้นจากสรรพสิ่ง รากของมันเลื้อยลามไปได้ไกลแสนไกล และสามารถสูบพื้นดินจนแตกระแหงลุกเป็นไฟ ทำให้มาตุภูมิแห้งแล้งระโหยไห้ เปลือกไม้หนาหากแตะต้องก็จะถูกพิษรุนแรง ผลกินแล้วตาย แม้แต่ดอกที่ส่งกลิ่นหอมแรง สูดเข้าไปยังอาจทำให้คนเสียสติ สิ่งอภิมหาอันตรายเช่นนี้...สุดท้ายยังพ่ายราชพฤกษ์แห่งคามา ไม้เถาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งบรรพบุรุษช่างสรรหามาใช้กักบริเวณไม้ใหญ่ เมื่อต้นเพลิงถูกกาฝากเลื้อยรัดกำราบ แม้ไม่ถึงกับสิ้นฤทธิ์ แต่ก็สงบลง ดอกใบโรยรา เมื่อนั้นก็มิอาจเป็นภัยได้อีกต่อไป
พฤกษาโบราณยังคงยืนต้นส่งกลิ่นไหม้อ่อนจางคล้ายกำยานไม้หอม เหลือไฟอ่อนระอุไหลลามไปทั้งลำต้นตระหง่าน อยู่เป็นหลักให้ได้เห็น...เป็นดั่งสัญลักษณ์ว่าพวกเขาสามารถมีชัยเหนือธรรมชาติ เหนืออำนาจแห่งพระเป็นเจ้าที่ผุดมาจากแม่พระธรณี
‘หากไม้ใหญ่เป็นภัยต่อแผ่นดิน ไม้เล็กสมควรลงแรงข่มต้นตอใหญ่ที่บ้าคลั่งนั้นให้สงบลง’ ราชครูเปรยยิ้มมายังเตมัน แต่ปรายตาไล่เลยไปหยุดยังอนัค
องค์ชายเตมันผู้ทะยานหาญกล้ามิเคยฉุกคิดถึงสิ่งละเอียดอ่อนใด เมื่อเติบโตขึ้นจากวันนั้น คำที่มักเอ่ยยังคงเป็น...
‘ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้คามาเรายิ่งใหญ่ เลื่องลือไปในดินแดนแห่งภูผาและที่ราบกว้างไกลสุดสายตา’
มารดาผู้ล่วงลับเคยเล่าถึงความลำบากยากแค้นในช่วงที่บรรพชนยังไร้แผ่นดินจะอยู่ มีเพียงความแข็งแกร่งที่ช่วยให้ยืนหยัดขึ้นมา
‘จงจำไว้เตมัน...มีเพียงต้องอยู่เหนือใครจึงจะไม่ถูกเหยียบย่ำ เมื่อคามาเราผงาดขึ้นจากธุลีแล้ว เจ้าและพี่น้องจงสัญญากับพ่อแม่ ว่าจะมิมีวันยอมให้ตกต่ำกลับสู่ดินลงไปอีก’
เขาจึงยืนหยัดต่อพระบิดา ต่อท่านราชครู ต่อน้องชายที่รักยิ่งอย่างอนัค
...แน่นอนว่าก่อนนั้นยังมีคนอีกผู้หนึ่ง เตมันเคยมีพี่ชาย
เจ้าพี่ผู้แปรไปฝักใฝ่สันติยิ่งกว่าการสงคราม และได้ตายจากไปนานแล้ว
เนื่องเพราะความเชื่อผิดๆ ที่เป็นเสมือนเนื้อร้ายอันนั้น
ห้วงความคิดคำนึงถึงอดีตพร่าเลือนกระเพื่อมไหว กายเขาร้อนราวกับถูกไฟลุกไหม้ หัวใจเหมือนถูกพันธนาการ พยายามเท่าไรก็มิอาจลืมตา หรือนี่คือความรู้สึกของต้นเพลิง กระหาย แต่ก็ไม่มีกระแสความชุ่มชื้นใดผ่านมาให้สูบกลืนแม้เพียงน้อย ร่างของเขาคล้ายถูกวางอยู่บนพาหนะบางอย่างที่โยกไหวสะเทือนรุนแรง
รถศึก...
ข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ แล้วความรู้สึกราวกับหัวใจจะปริร้าวนี่คืออะไร บางอย่างที่คมกริบ ทิ่มแทงเข้ามาจนปลายของมันทะลุออกเบื้องหลัง อาจเพราะแบบนั้นข้าจึงยังหายใจ เพราะถ้าคมของมันยังคาอก ความไหวสะเทือนระดับนี้ไม่แคล้วคงทำให้มันขยับเฉือนถูกเนื้อหัวใจเข้าแล้ว
เวลาผ่านไป จากรถที่แล่นเร็วรี่ เตมันรู้สึกว่าตนถูกยกย้ายไปอยู่บนสิ่งที่สบายขึ้นเล็กน้อย มันยังคงเคลื่อนที่ แม้จะเนิบช้าอืดอาด ระหว่างการเดินทางอันยาวนาน สิ่งที่ปักคาอกถูกถอดถอนออกไปแล้ว แต่มิได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความตายยิ่งบีบคั้นคุกคามเข้าหา หากไม่ระลึกถึงคำเดียว ‘คามา’ ตนคงถอดใจ...
“น้ำ...” เสียงที่แทบไม่เป็นเสียงรำพึงออกไป แต่ที่ลิ้นได้รับกลับเป็นยาขมครั้งแล้วครั้งเล่า เสมือนจะให้กินมันต่างน้ำกระนั้น
ขัดคำสั่งเช่นนี้ รอให้มีแรงลุกก่อนเถิด ข้าจะสั่งประหารมันเสีย
มือเล็กที่ยื่นมาสัมผัสตัวตนขององค์ชายมิได้อ่อนโยนเลย แต่เตมันรู้ดี เจ้าของมือต้องการให้เขารอดชีวิต เด็กหรือ...ไม่ใช่สิ เด็กคงไม่รู้มากแคล่วคล่องถึงเพียงนี้ ชะรอยคงเป็นสตรี ผิวสัมผัสจากฝ่ามือนั้นกระด้าง เป็นสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย แทบเรียกได้ว่าจ้วงจาบ หยาบคาย
บางครามือเล็กก็ทึ้งผ้าผ่อนออกพ้นกายกำยำของเขา เช็ดตัวให้อย่างลวกๆ กระแทกกระทั้น ดึงรั้งเขาให้พลิกกายตามใจชอบ ชายหนุ่มเจ็บจนขบฟัน ครางคำรามแม้ยังไม่ได้สติ
ผู้มีพระคุณงั้นหรือ
เจ้ารอก่อนเถอะ รอให้ข้าฟื้น ดูทีหรือจะตอบแทนให้สาสม
คุณก็ส่วนคุณ แค้นก็ส่วนแค้น ไม่นับรวม...
☀มงกุฎอัคคี ตอนที่ ๒ องค์ชาย .................. {อสิตา}
พล็อตค่อนข้างจะแหวกพอสมควร แต่จะรูปแบบไหน ต้องรอติดตาม.........
คุณ สมาชิกหมายเลข 5212378
- ขอบคุณมากนะคะ ให้กำลังใจคนแรกเลย นึกว่าจะไม่มีคยเข้ามาซะแล้ววว
คุณ ลุงแก่แต่ยังซ่าส์
- เรื่องนี้ใส่ฝีมือเต็มที่ค่ะ ผู้ชายก็อ่านได้ ตอนเด็กๆ อสิตาชอบอ่านเพชรพระอุมามาก จะชอบอะไรโหดๆ หน่อย
☀มงกุฎอัคคี
ตอนที่ ๑ ปฐมบท ต้นเพลิง .................. {อสิตา}
https://pantip.com/topic/39253472
คามา... นามนั้นติดอยู่ในอก เป็นสิ่งยิ่งใหญ่ที่ใจระลึกถึง
ไม่ว่ายามหลับ ยามตื่น หรือเวลาที่ลมหายใจใกล้หลุดลอยจากร่าง...
เตมันรู้ดีว่าตนป่วย กายร้อนรุ่มสั่นสะท้าน แม้อยากลืมตาเพียงใดก็ไม่อาจฝืน ร่างหนุ่มแน่นคล้ายหดลง ตัวเขากลับไปเป็นเด็ก ยืนโอบบ่าเคียงข้างน้องชายผู้แสนดี
ใต้ร่มไม้โอฬารไร้ใบ คนผู้หนึ่งหยัดยืนสง่าอยู่ในชุดคลุมหนังสัตว์สีน้ำตาลอ่อนนุ่ม เรือนผมยาวยิ่งพลิ้วไหวรับกับศีรษะประดับศิราภรณ์ทองคำตีเป็นโครงกะโหลกกวางพันธุ์ถิ่น ทั้งยังต่อเข้ากับเขากวางจริงซึ่งงามเป็นพิเศษ ปลายยอดแขนงเขานั้นแตกออกเป็นสิบ ดูสูงส่งไพศาลราวกิ่งก้านไม้ที่แตกสาขาแห่งปัญญา ท่านครูบาผู้สุขุมสงบเงียบ คือผู้พร่ำสอนเตมันและอนัคให้เติบใหญ่ภายใต้ร่มไม้แห่งคามา
‘องค์ชายทั้งสองจงเงยหน้าขึ้นดูเถิด...นี่คือต้นเพลิง ที่สถิตแห่งราชพฤกษ์ อย่างที่รู้กัน ต้นเพลิงคือหายนะซึ่งชาวเรายำเกรง มันจำเป็นต้องถูกพันธนาการไว้ด้วยสิ่งเล็กๆ ที่ดูเหมือนจะไร้อำนาจ ราชพฤกษ์ ดูผิวเผินภายนอกเป็นเพียงกาฝากเลื้อยรัด มิได้ยิ่งใหญ่ แต่กลับช่วยพันธนา...กดอำนาจร้ายแรงของต้นเพลิงมิให้ลุกลามทำลายอาณาจักรแห่งเราลง’
เตมันยามนั้นมองท่านราชครูซึ่งผู้อื่นเรียกขานเป็นราชาวิญญาณ ที่เข้าถึงทั้งคน พืช สัตว์ แต่สำหรับเขา ชายผู้นี้คือครูบาที่ตนเลื่อมใส
ตามความเข้าใจของชาวคามา ต้นเพลิง คือมหาพฤกษ์ค้ำแผ่นดินที่ยิ่งใหญ่ ทว่าในความเป็นจริง มันคือภัยอันหยั่งรากลึกไม่อาจไถ่ถอน ไม่มีใครอาจหาญทำลาย...ว่ากันว่ามันผุดจากบาดาล เป็นพืชต้องสาปที่กลืนกินความชุ่มชื้นจากสรรพสิ่ง รากของมันเลื้อยลามไปได้ไกลแสนไกล และสามารถสูบพื้นดินจนแตกระแหงลุกเป็นไฟ ทำให้มาตุภูมิแห้งแล้งระโหยไห้ เปลือกไม้หนาหากแตะต้องก็จะถูกพิษรุนแรง ผลกินแล้วตาย แม้แต่ดอกที่ส่งกลิ่นหอมแรง สูดเข้าไปยังอาจทำให้คนเสียสติ สิ่งอภิมหาอันตรายเช่นนี้...สุดท้ายยังพ่ายราชพฤกษ์แห่งคามา ไม้เถาศักดิ์สิทธิ์ซึ่งบรรพบุรุษช่างสรรหามาใช้กักบริเวณไม้ใหญ่ เมื่อต้นเพลิงถูกกาฝากเลื้อยรัดกำราบ แม้ไม่ถึงกับสิ้นฤทธิ์ แต่ก็สงบลง ดอกใบโรยรา เมื่อนั้นก็มิอาจเป็นภัยได้อีกต่อไป
พฤกษาโบราณยังคงยืนต้นส่งกลิ่นไหม้อ่อนจางคล้ายกำยานไม้หอม เหลือไฟอ่อนระอุไหลลามไปทั้งลำต้นตระหง่าน อยู่เป็นหลักให้ได้เห็น...เป็นดั่งสัญลักษณ์ว่าพวกเขาสามารถมีชัยเหนือธรรมชาติ เหนืออำนาจแห่งพระเป็นเจ้าที่ผุดมาจากแม่พระธรณี
‘หากไม้ใหญ่เป็นภัยต่อแผ่นดิน ไม้เล็กสมควรลงแรงข่มต้นตอใหญ่ที่บ้าคลั่งนั้นให้สงบลง’ ราชครูเปรยยิ้มมายังเตมัน แต่ปรายตาไล่เลยไปหยุดยังอนัค
องค์ชายเตมันผู้ทะยานหาญกล้ามิเคยฉุกคิดถึงสิ่งละเอียดอ่อนใด เมื่อเติบโตขึ้นจากวันนั้น คำที่มักเอ่ยยังคงเป็น...
‘ข้าทำทุกอย่างเพื่อให้คามาเรายิ่งใหญ่ เลื่องลือไปในดินแดนแห่งภูผาและที่ราบกว้างไกลสุดสายตา’
มารดาผู้ล่วงลับเคยเล่าถึงความลำบากยากแค้นในช่วงที่บรรพชนยังไร้แผ่นดินจะอยู่ มีเพียงความแข็งแกร่งที่ช่วยให้ยืนหยัดขึ้นมา
‘จงจำไว้เตมัน...มีเพียงต้องอยู่เหนือใครจึงจะไม่ถูกเหยียบย่ำ เมื่อคามาเราผงาดขึ้นจากธุลีแล้ว เจ้าและพี่น้องจงสัญญากับพ่อแม่ ว่าจะมิมีวันยอมให้ตกต่ำกลับสู่ดินลงไปอีก’
เขาจึงยืนหยัดต่อพระบิดา ต่อท่านราชครู ต่อน้องชายที่รักยิ่งอย่างอนัค
...แน่นอนว่าก่อนนั้นยังมีคนอีกผู้หนึ่ง เตมันเคยมีพี่ชาย
เจ้าพี่ผู้แปรไปฝักใฝ่สันติยิ่งกว่าการสงคราม และได้ตายจากไปนานแล้ว
เนื่องเพราะความเชื่อผิดๆ ที่เป็นเสมือนเนื้อร้ายอันนั้น
ห้วงความคิดคำนึงถึงอดีตพร่าเลือนกระเพื่อมไหว กายเขาร้อนราวกับถูกไฟลุกไหม้ หัวใจเหมือนถูกพันธนาการ พยายามเท่าไรก็มิอาจลืมตา หรือนี่คือความรู้สึกของต้นเพลิง กระหาย แต่ก็ไม่มีกระแสความชุ่มชื้นใดผ่านมาให้สูบกลืนแม้เพียงน้อย ร่างของเขาคล้ายถูกวางอยู่บนพาหนะบางอย่างที่โยกไหวสะเทือนรุนแรง
รถศึก...
ข้ายังมีชีวิตอยู่หรือ แล้วความรู้สึกราวกับหัวใจจะปริร้าวนี่คืออะไร บางอย่างที่คมกริบ ทิ่มแทงเข้ามาจนปลายของมันทะลุออกเบื้องหลัง อาจเพราะแบบนั้นข้าจึงยังหายใจ เพราะถ้าคมของมันยังคาอก ความไหวสะเทือนระดับนี้ไม่แคล้วคงทำให้มันขยับเฉือนถูกเนื้อหัวใจเข้าแล้ว
เวลาผ่านไป จากรถที่แล่นเร็วรี่ เตมันรู้สึกว่าตนถูกยกย้ายไปอยู่บนสิ่งที่สบายขึ้นเล็กน้อย มันยังคงเคลื่อนที่ แม้จะเนิบช้าอืดอาด ระหว่างการเดินทางอันยาวนาน สิ่งที่ปักคาอกถูกถอดถอนออกไปแล้ว แต่มิได้ทำให้รู้สึกดีขึ้นเลย ความตายยิ่งบีบคั้นคุกคามเข้าหา หากไม่ระลึกถึงคำเดียว ‘คามา’ ตนคงถอดใจ...
“น้ำ...” เสียงที่แทบไม่เป็นเสียงรำพึงออกไป แต่ที่ลิ้นได้รับกลับเป็นยาขมครั้งแล้วครั้งเล่า เสมือนจะให้กินมันต่างน้ำกระนั้น
ขัดคำสั่งเช่นนี้ รอให้มีแรงลุกก่อนเถิด ข้าจะสั่งประหารมันเสีย
มือเล็กที่ยื่นมาสัมผัสตัวตนขององค์ชายมิได้อ่อนโยนเลย แต่เตมันรู้ดี เจ้าของมือต้องการให้เขารอดชีวิต เด็กหรือ...ไม่ใช่สิ เด็กคงไม่รู้มากแคล่วคล่องถึงเพียงนี้ ชะรอยคงเป็นสตรี ผิวสัมผัสจากฝ่ามือนั้นกระด้าง เป็นสัมผัสที่ไม่คุ้นเคย แทบเรียกได้ว่าจ้วงจาบ หยาบคาย
บางครามือเล็กก็ทึ้งผ้าผ่อนออกพ้นกายกำยำของเขา เช็ดตัวให้อย่างลวกๆ กระแทกกระทั้น ดึงรั้งเขาให้พลิกกายตามใจชอบ ชายหนุ่มเจ็บจนขบฟัน ครางคำรามแม้ยังไม่ได้สติ
ผู้มีพระคุณงั้นหรือ
เจ้ารอก่อนเถอะ รอให้ข้าฟื้น ดูทีหรือจะตอบแทนให้สาสม
คุณก็ส่วนคุณ แค้นก็ส่วนแค้น ไม่นับรวม...