กลับสู่จุดเริ่มต้น...เมื่อผม(เคย)อ้วน..100กว่าโล

กลับสู่จุดเริ่มต้น...เมื่อผมเคยอ้วน..100กว่าโล


สวัสดีครับ สำหรับครั้งแรกที่สวนลุม ปกติผมจะสิงห้องการ์ตูน กับ มาบุญครอง
...ขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมชื่อมิกกี้ เรียกสั้นๆว่ามิกนะครับ

.
...ก่อนอื่นเลย ผมต้องขอท้าวความเป็นมาคร่าวๆ ตั้งแต่เด็กเลยนะครับ
ผมเกิดปี 2533 เป็นน้องชายคนเล็ก จากจำนวนพี่น้อง 2 คน(พี่ชายเกิด 2529)
ผมศึกษา อนุบาล - ประถมศึกษา จากโรงเรียนแห่งหนึ่งแถวๆ ตอนต้นของถนนจรัญสนิทวงศ์(ปัจจุบันได้ยินข่าวลือว่า จะยุบ รร)
แล้วย้ายมาศึกษา มัธยมศึกษา ที่โรงเรียนย่านสายใต้ใหม่ ตั้งอยู่ข้างถนนพุทธมณฑลสาย 1 ไว้แค่นี้ก่อน

.
...ขณะที่เรียนประถม ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านก็ย่อมต้องเคย, เตะบอล, ตีแบต, เล่นบาส, กับเพื่อนๆ ซึ่งจขกท ก็เล่น(แล้ว...)
แต่ประเด็นที่จะยกมาพูดคือ... ผมเล่นอะไรก็ไม่เก่ง ไม่ได้เรื่องสักอย่าง
อย่างบอลก็เลี้ยงลูกไม่อยู่ ส่งลูกไม่ถูก ยิงไม่เข้า
.อย่างบาสจะเลี้ยงลูกขึ้นหน้า ยังพลาด จะชูตก็ไม่ลง
ซึ่งขณะที่ผมอยู่ ป5-6(ไม่แน่ใจ) เป็นช่วงที่ Ragnarok พึ่งเปิด ด้วยความที่เป็นคนไม่เอาไหนเรื่องกีฬา ผมก็เข้าสู่วงการเกม สะเลย

.
..เมื่อขึ้นมัธยม ด้วยความที่ บ้านผมไม่ว่าเรื่องกินด้วย และผมก็ติดเกม วันๆเลิกเรียนก็รีบกลับบ้าน(มาเล่นเกม) ผมเลยอ้วนขึ้นเรื่อยๆ
รูปร่างผมก็เลยออกไปทาง สมบูรณ์ไปสักหน่อย
.



.
ฮะฮะฮะ เชื่อผมเถอะ ใครๆก็ไม่อยากอ้วน แต่ตอนที่ผมอ้วน ผมก็ไม่เคยคิดเรื่อง"ลดความอ้วน"

..และก็ได้มีเหตุการณ์ต่างหลายๆเรื่องจนกระทั่งขึ้น ม6 ซึ่งเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพื่อที่จะเลือกมหาลัยเรียนต่อ
ผมเลือก เรียน คณะบริหารการจัดการ ด้าน ภัตตาคาร ที่วิทยาลัยแห่งนึง

ในช่วงปิดเทอม ผมก็ตระเวนหางานทำเก็บเงิน
คงจะเป็นเหมือนหลายๆท่านที่จะมีคำพูดๆหนึ่ง มาแทงใจ
ตอนนั้นผมรับงานจาก บริษัทที่พี่ชายทำงาน เป็นงานสวมชุดคล้ายยอดมนุษย์ ไปโฆษณาสินค้า
ซึ่งก่อนวันงาน ขณะที่ผมโทรไป คอนเฟิร์ม ก็มีการถามไถ่ ข้อมูลส่วนตัว

ซึ่งเจ้าหน้าที่ ได้สะดุดตรงที่ว่า หนัก 105 กิโล
เจ้าหน้าที่บอกว่า พี่ว่าน้องน้ำหนักเกิน ใส่ชุดทำงานไม่ได้ชัวร์
โอ๊ย วินาทีนั้น อยากจะแทรกปฐพีหนีหายไปจากโลก
.

ดูสิครับ
...เวลาเรียนก็ต้องใส่สูท ผูกไท ด้วยรูปร่างที่อ้วน ทั้งสูท ทั้งไท ไม่ได้ทำให้ผมดูดีได้เลย
.


.

...และปี1 นี่แหละครับที่เป็น จุดเปลี่ยนของชีวิตผม เปลี่ยนไปขนาดที่ ... ณ ตอนนั้นผมยังไม่เชื่อตัวเองเลย
ขอเล่าสั้นๆนะครับ ด้วยความที่มหาลัยเป็นแหล่มรวมเด็กจากหลายๆที่ ผมก็มีเพื่อนใหม่อยู่กันเป็นกลุ่ม

ตอนนั้นผมจำได้ว่า เกิดปัญหากันในกลุ่มเพื่อน ซึ่งมีผมเป็นต้นเหตุ
....ผมจึงออกจากกลุ่ม....
ตอนนั้น ผมเรียนคนเดียว อยู่คนเดียว



ตอนนั้น ผมรู้สึกเบื่อ และด้วยมีกิจกรรมของวิชาหนึ่ง ให้ลดความอ้วน เพื่อแลกคะแนน(เป็นวิชา 0หน่วยกิจ แต่บังคับเรียนทุกคน)
ที่ทางวิทยาลัยจัดให้มีการลดความอ้วน เพราะที่เรียนเป็น ที่สอนเกี่ยวกับด้าน อาหาร บางคนที่เรียน น้ำหนักขึ้น เป็น 10 โล

แต่ด้วยตอนนั้นผมไม่มีความรู้ ไม่มีเพื่อนเลย ผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง
แต่ก็ได้อาจารย์ที่ตอนนั้นเฝ้าฟิตเนส ชื่อ อ.แฮม ก็ได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับการออกกำลังกาย และ อีกคนนึง..



ตอนนั้นผมได้ยินว่า น้าผมวิ่งอยู่พุทธมณฑล ผมจึงรีบติดต่อไป(น้องสาวแม่)
น้าผมพาไปเลือกซื้อรองเท้าวิ่ง ผมจำได้ว่าคู่แรกผมซื้อของ Reebok มา ราคาไม่แพงมาก ประมาณ 2000
แล้วก็นัดวันให้ผมไปหาที่ พุทธมณฑล
.
เมื่อมาถึงวันนัด น้าผมแนะนำให้รู้จัก "น้าน้อง"
...น้าน้องเป็นผู้หญิงเก่ง ทั้งที่ตัวเองเป็นโรค มะเร็งเม็ดเลือดขาว ก็ยังสามารถวิ่งมาราธอน จนสุขภาพแข็งแรง
น้าน้องสอนผมตั้งแต่ การยืดกล้ามเนื้อ การหายใจ ท่าวิ่ง แล้วก็พาวิ่งอยู่รอบๆ สวนไผ่ด้านใน

หลังจากนั้นผมก็กลับมาออกกำลังกายที่ ฟิตเนสของวิทยาลัย
ผมจำได้ ครั้งแรกที่ผมวิ่งบนลู่ ผมวิ่งความเร็ว 7 (กิโล-ชั่วโมง) เป็นเวลา 1 ชั่วโมงไม่รวมวอม
.
..
...
....
     เชื่อไหมครับ... จากที่ผมไม่เคยเล่นกีฬา ออกกำลังกายเลยสักครั้ง
ผมวิ่ง วันธรรมดาทุกวันเป็นเวลา 6 เดือน แรกๆผมก็เริ่มจาก ช้าๆ จนหลังๆผมเริ่มวิ่งที่ 11-12 ตลอด

นั้นแหละฮะ คือจุดเปลี่ยนแรกของชีวิตผม
จากเด็กอ้วนผู้ไม่เคยออกกำลังกายน้ำหนัก 105 ก็ได้ลดลงมาเหลือ 70 โดยการวิ่ง
และจากเด็กผู้ไม่เคยได้เหรียญรางวัล ก็ได้รับ เหรียญทอง การวิ่ง Fun Run 6 กิโลของวิทยาลัย
กับ เหรียญทอง แข่งวิ่ง 3 กิโล กีฬาสี





ผมไปจี้ ไผที่คาง ออกตอนช่วงปี 2 นะครับ ลองสังเกตุดู
ตอนตั้งแต่เด็กผมจะไว้ผมสั้นๆเสยขึ้น เพราะเป็นคนผมหยักโสก
แต่หลังๆเริ่มขี้เกียจเซ็ตผม และปล่อยให้ยาว ปิดเผม่ง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ตอนที่ผมลดตอนนั้นผม คุมอาหาร กินแค่เช้ากับกลางวัน ไม่กินมื้อเย็น
วิ่งทุกเย็น เป็นเวลา 1ชั่วโมง
(สมัยก่อน ยังไม่ได้ศึกษาเรื่องลดน้ำหนัก ว่าไม่ควรอด)

ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน

ซึ่ง ถ้านี้เป็นเรื่องราวของการ "ลดความอ้วน" ก็คงจะจบอย่าง Happy Ending ไปละครับ

ตอนท้าย..กลับสู้จุดเริ่มต้น...เมื่อผมเคยอ้วน


ชีวิตผมก็เปลี่ยนแปลงไปทันตา จากคนอ้วนๆใส่ชุดเดิมๆ ไม่ค่อยไปเที่ยว
ผมก็เริ่มแต่งตัว ออกเที่ยวบ้าง มีเพื่อนฝูง จนผมเคยได้เป็น พรีเซ็นเตอร์ ของฟิตเนสวิ'ลัย เรื่องลดความอ้วน


ส่วนเรื่องวิ่งผมไม่ทิ้ง ตอนปี2 ผมเคยไปงานวิ่งครั้งนึง ที่พุทธมณฑล จำไม่ได้ว่างานอะไร
ผมลง มินิ 10.5 ทำเวลาได้ 39 นาที
แต่หลังจากนั้นด้วยความที่เรียนหนัก ทำกิจกรรม แล้วประเด็นสำคัญคือ ผมตื่นมาวิ่งเช้าไม่ค่อยไหว เพราะปกติผมวิ่งตอนเย็น
ผมก็ไม่ได้ไปงานวิ่งอีกเลย แต่ก็ยังวิ่งลู่ วิ่งสวนอยู่

พวกกิจกรรมเรียน งานพิเศษ อะไรผมไม่ขอพูดถึง


จุดเปลี่ยนชีวิตผมอีก 1 อย่างคือ

ตอนปี 4 หลังจากที่ผมเลิกทำงาน โรงหนัง ตอนนั้นเพื่อนผมคนนึงชวนผมไปดูกีฬา Wakeboard ??????
...ตอนที่ได้ยินชื่อ ครั้งแรก ผมบอกได้เลยว่า ผมไม่รู้จักเวคบอร์ด
ด้วยความที่ผมเป็นคนไม่ค่อยดูทีวี ส่วนมากก็ดูละคร แล้วก็ติดตามสื่อออนไลน์

ครั้งแรกที่ผมไป ผมก็ตื่นเต้นมาก เพราะ มันเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยเห็น ผมคิดว่ากีฬาพวกนี้ไม่มีในไทย เพราะคิดว่ามันคือการโต้คลื่น
(เครดิตรูปจาก lamlukkanow.blogspot.com สถานที่ Thai Wake Park)




และสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจของผมคือ กลุ่มผู้หญิงกลุ่มนึง (ไม่ใช่หน้าหม้อ)
ผมมองแล้วรู้สึกว่า ทำไมผู้หญิงตัวเล็กๆยังเล่นกันได้ นั้นแหละครับเป้นจุดเริ่มต้น ของ.......
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เครดิตภาพน้องมีน ตามลายน้ำนะครับ

ผมก็เล่นมาตลอด.....
จน ปีที่แล้ว ผมคิดว่าน่าจะเป็นปี ชง ของผมนะครับ
เริ่มจาก
......ขับรถมาตั้งแต่ 19 ไม่เคยชน
ปี 2013 ชน/โดนชน ไป 4 ครั้ง ทั้งรถเก่า(CR-V G2) และรถใหม่(Fortuner) ไม่น่าเกี่ยวกับเลขทะเบียน
......ผมไม่เคยมีอุบัติเหตุร้ายแรง ตั้งแต่ ป2 คือ ผ่าไส้ติ่ง
ปี 2013 ผมเข้าโรงบาล ด้วย...กระดูกนิ้วกลางมือซ้าย หัก , เอ็นข้อเท้าอักเสบ , เอ็นหัวเข่าอักเสบ(ซ้าย) , ซี่โครงอักเสบ , และสุดท้าย คือ


เมื่อ พฤศจิกา 2013 ตอนนั้นผมไปเล่น แล้วเกิดอุบัติเหตุที่เข่า อันเนื่องมาจาก
...เวคบอร์ด รองเท้าจะล๊อกกับบอร์ดไว้ แล้วตอนนั้น แผ่นบอร์ดปักลงน้ำ ก่อนตัวผม ขาขวาผมตอนนั้นรู้สึกเหมือนโดนกระชากแบบสุดแรงเกิด...




ตอนนั้นก็ไปรักษา แบบธรรมดา โดยเอ็กซเรย์ หมอบอกว่าเข่าอักเสบ(ขวา)เฉยๆ
ซึ่ง ตอนนั้นผมก็คิดว่าอืมอักเสบ รอสักเดือน สองเดือนเดียวก็หาย
สรุปก็หาย เป้นปกติ



ผ่านมา ประมาณ เมษา - พฤษภา 2014 ที่ผ่านมา
จู่ๆผมก็รู้สึกเจ็บที่ เข่าขวา เสียวๆเวลาสะดุด หรือก้าวผิดท่า
ผมก็ประหลาดใจเพราะ มันหายเจ็บไปสักพักแล้ว

ตอนนั้นจึงไป รักษา ที่ รามา โดยการ MRI
สรุปว่า ....... หมอนรองกระดูกหัวเข่า แตก ต้องผ่าตัด ห้ามเล่นกีฬา
(ณ ขณะที่พิมพ์ ผมยังไม่ได้ผ่า หมอนัดผ่า 21 มกรา 2015)

ด้วยความที่ ไม่ได้วิ่ง ไม่ได้ออกกำลังกาย ปล่อยตัว จากเดือนแรกๆ ขึ้นมาเป็น 80



จนปัจจุบัน พฤศจิกา 2014 ผมน้ำหนัก 100
คือเราเคยเจอกันใช่ไหมครับ อย่างบางคนที่กินเยอะมาก แต่ตัวผอม
ส่วนผม ผมกินปกติ บางทีไม่กินมื้อเย็น ส่วนเรื่องโภชนาการ ผมก็ได้ศึกษามาบ้าง
ก็มาใช้ประกอบ กับการกิน ถ้าผมไม่ได้ออกกำลังกาย ถึงกินน้อย ผมก็น้ำหนักไม่ลง ครับ


พูดจริงๆว่าผมรู้สึกแย่มาก ร่างกายผมกลับไปอ้วนเหมือนเก่า
จะออกกำลังกายก็ไม่ได้ เพราะ เข่าจะกระทบกระเทือน


นี่แหละครับ เรื่องราวของผม "กลับสู่จุดเริ่มต้น...เมื่อผม(เคย)อ้วน..100โล"

ปีนี้ผมขอจบไว้ แค่นี้ ผมผ่าตัด 21มกรา พักพื้นน่าจะเป็นปกติ มีนาคม 2015 ผมจะกลับไปเริ่มใหม่แต่ต้น

ถ้าใครอยากทราบรายละเอียด ลึกๆเรื่องใด จดหมายมาได้นะครับ
ส่วนถ้าถามว่าผมทำงานอะไร ผมขายเบเกอรี่ ครับ
วันดีคืนดี อาจ พบกระทู้ของผม ที่ห้องก้นครัวนะครับ


ปล.ที่ผมทำเกี่วกับหน้าผม มีแค่ เอาไผ ที่คางกับ แก้มขวา ออก
ปล..ผมไม่ได้เจาะหู อันนั้นตุ้มหูแม่เหล็ก เดียวจะสับสนบางรูปหูปกติ บางรูปมีจิว


ขอบพระคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านนะครับ
หวังว่า เรื่องราวครึ่งแรกของผม จะเป็นแรงบันดาลใจให้ เพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกท่านนะครับ

สุดท้ายนี้ขอฝากอย่างนึงนะครับ   "สุขภาพดี ไม่มีขาย อยากได้ ต้องออกกำลังกาย"
ยาลด ฝังเข็ม จี้จุด ดูดไขมัน ฯลฯ ผมเชื่อว่ามันลดได้จริง
แต่ถึงคุณจะลดน้ำหนักลงมา แต่คุณไม่ได้เปลี่ยนตัวเอง คุณก็จะกลับมาอ้วนเหมือนเดิม

ไอดอลนักวิ่งของผม ผู้ที่สอนวิ่ง คือ น้าน้อง ส่วนปัจจุบัน ผมแอบตามเพจ คุณออ(อุ๊บอิ๊บ) อยู่ครับ

ขอบคุณอีกครั้งครับ สู้ๆ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่