คงถึงเวลาที่ผมจะต้องแชร์ประสบการณ์แล้วละ ก่อนจะลืม 5555. มันง่ายมากๆ และสนุกไปกับการลดน้ำหนัก
ก่อนอื่น ต้องเล่าก่อนว่า เดิมผมอ้วนมาแต่ไหน แต่ไร ตั้งแต่เด็กยันโต หาวิธีลดน้ำหนักมา 108+ วิธี ตั้งแต่ ปากกาฉีดหน้าท้อง อาหารเสริม ทุกๆ อาหารลดน้ำหนัก ออกกำลังกายด้วยการ วิ่งอย่างหนัก
ผมได้หากระทู้มากมาย มีแต่กระทู้ "หักดิบ" เปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือไปเป็นหลังมือ ผมทำไม่ได้ครับ ผมไม่มีวินัย ผมชอบกิน
สิ่งที่ผมได้เจอจากการลดน้ำหนัก คือ การที่จะลดน้ำหนักได้ มันไม่ได้อยู่ที่ปาก มันอยู่ที่สมอง ความคิด คิดได้เมื่อไหร่ผอมเมื่อนั้น หรือ ที่เรียกว่า mind set
- เคยเห็นคนผอม มีชีทเดย์ไหมครับ
- เคยเห็นคนผอม ตะบะแตกไหมครับ
- เคยเห็นคนผอม กินเยอะจนอ้วกไหมครับ
แล้วทำไมเค้ายังผอม มันไม่มีหรอกครับ ที่ระบบเผาพลาญจะดีกว่า ไม่งั่น ไม่มี BMI ไม่มีค่า TDEE ไม่มีค่า BMR. คนที่ผอมแล้วกินได้เยอะๆ คงมีอยู่ไม่กี่คนบนโลก ระดับนักกินจุ ที่มีความผิดปรกติทางร่างกาย
แต่คนที่ผอมมาทั้งชีวิต มีวิธีการดูแลตัวเองของแต่ละคนที่แตกต่างกัน เค้าไม่นับแคล ไม่ได้มีเทรนเนอร์ในการสอนออกกำลังกายด้วยซ้ำ แล้วทำไมเราที่กินเยอะๆ ต้องมานั่งนับแคล มานับค่า TDEE เราแค่ต้องการผอม เราไม่ได้อยากเพาะกาย แล้วทำไมเราเสียค่ากิน แล้วเรายังต้องมาเสียค่าเทรนเนอร์ เพื่อลดน้ำหนักอีกละ
ผมหาวิธีลดน้ำหนัก มาหลากหลายรูปแบบ แล้วเริ่มลดน้ำหนักใหม่อีกครั้ง ครั้งแรกที่ผมลด ผมกินคลีน อกไก่ ผักสลัด และวิ่ง 30 นาที ทุกวัน วิ่งลู่ ความเร็ว 7 ชั่น 0 ทรมาณมาก เพราะผมมีคำว่า "วินัย"
"วินัย" สำหรับผม คือ สิ่งที่ทำให้ผมลดน้ำหนัก ไม่ได้ ?
เพราะ วินัยคือแรงกดดัน ทำให้ร่างกายเครียด คุณจะรู้ได้ไงว่า วันนี้คุณ Over train หรือแค่ขี้เกียจ? แต่เมื่อคุณใส่คำว่า วินัยลงไป คุณแค่คิดว่า ต้องออกกำลังกายในวันที่ขี้เกียจ แต่จริงๆ เมื่อวานคุณอาจจะออกกำลังกายหนักเกินไป จน Over train ไปแล้วก็ได้
ผมไม่มีวินัยในการออกกำลังกายครับ ผมอยากออกเมื่ออยากออก เน้นคำว่า "สม่ำเสมอ" 3 วันต่อสัปดาห์ บางสัปดาห์ จ พ ศ บางอาทิตย์ ลาก จ อ พ บางอาทิตย์ ศ ส อา หรือบางสัปดาห์ จะ 4-5 วัน สำหรับผมแล้วแต่ความอยากเลยครับ แต่ขั้นต่ำ 3 วัน
คราวนี้มาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยน mind set การลดน้ำหนักในครั้งนี้ เพราะผมเป็นความดันครับ
เมื่อก่อนผมอ้วน ผมมักคิดว่า เป็นคนอ้วนแต่สุขภาพแข็งแรง ผมไม่มีโรคประจำตัว จนวันนึงผมปวดร้าวที่คอ ลามมันยันหัว ผมโทษอย่างอื่นไว้ก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนอนตกหมอน หรือ หมอนไม่ดี เปลี่ยนหมอน ( ลึกๆ แล้วผมพอรู้ว่าน่าจะเป็นความดันสูง ) แต่ผมหลอกตัวเอง ว่าผมแข็งแรง พอปวดหัวผมเริ่มกินยา พารา หาย เริ่มกินบ่อยขึ้น จนผมเปลี่ยนมากิน พอนสแตน (ยาปวดท้องเมนส์ของ ผู้หญิง). และเริ่มกินบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องยอมรับความจริง และไปหาหมอ 180/110 ความดันของผม ยาความดันทั่วไปเอาไม่อยู่ ต้องใช้ยาความดันที่แรงขึ้นมาอีก พอไปเที่ยวต่างประเทศ มันมีช่องให้กรอก โรคประจำตัว ในวัย 30ต้นๆ เป็นความดันสูง
ผมรู้สึกว่าน่าสมเพชตัวเองมาก อายุก็ไม่ยังเยอะ เรี่ยวแรงก็มี ดันไม่รู้จักดูแลตัวเอง สภาพแบบนี้อย่าไปคิดว่าจะดูแลใครเลย แค่ไม่ให้เป็นภาระคนอื่นให้ได้ก่อน เพราะถ้าเปล่อยไป เป็นสโตก ติดเตียง ไหนจะคนแบกเราไปหาหมอ คงไม่ใช่ใคร คนรอบตัวเรานั้นแหละ รู้สึกทุเรสตัวเองมาก และนั้นคือสิ่งที่มำให้ผมมาโฟกัส และอยู่กับมัน
ผมเริ่มมองเพื่อน คนรอบตัวผม แต่ละคนไม่มีใครอ้วนเลย เพื่อนผมไปยิม ผมไม่ไป ขี้เกียจ 5555 แต่ถ้าชวนกิน ไม่เคยพลาด ช่วงผมหาแฟน ผมก็มักจะคุยเรื่องการลดน้ำหนัก ซึ่งก็พอให้ผมได้ ไอเดียมามากขึ้น จนวันนึง ผมมีแฟน ตอนที่ผมอ้วนๆนั้นแหละ
แฟนผม กับผม สูงเท่ากัน คือ 160 แต่ผมหนัก 85 ส่วนแฟนผม หนัก 48-50 แฟนผมออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ตีแบต บอดี้เวท แน่นอนครับ ผมถามเสมอ ไม่เบื่อหรอ ไม่เหนื่อยหรอ คำตอบที่ผมได้คือ การออกกำลังกายมันช่วยให้หายเครียดด้วยนะ วันไหนไม่ได้ออกแล้วรู้สึกอึดอัด บลาๆ ผมไม่เคยเข้าใจเลย เหนื่อยมาก แค่ทำนั้นนี้ก็เหนื่อยแล้ว ผมสูบบุหรี่ด้วย ซึ่งการเลิกบุหรี่ จะทำให้ต้องหาอะไร ใส่ปากตลอดเวลา มันยากมากๆ เพราะฉะนั้นบุหรี่ติดไว้ก่อน
และผมก็ลองดูเวลาเค้ากิน เค้าจะกินอาหารได้ไม่เยอะ กินน้อย กินแปปๆ อิ่มแล้ว ตอนผมอ้วน ผมมักคิดว่า เค้าแสดง กินแค่นี้จะไปอิ่มอะไร แต่ผมก็ดูมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกินบุฟเฟ่ กินนั้นนี้ เค้ากินได้ไม่เยอะเลย อิ่ม และเค้าเป็นคนที่ไม่ชอบกินข้าว แต่กินเส้น กินอย่างอื่นนะ
*** คุณชอบกินข้าวจริงๆ หรือ ว่าคุณแค่ติดกินเค็ม ***
ถ้าคุณกินอาหารจืดๆ หรือ ข้าวเปล่าๆ ไม่ต้องกินร่วมกับกับข้าว ถ้าคุณกินแล้วชอบ แสดงว่าคุณชอบกินข้าวจริงๆ แต่ ถ้ากินข้าวกับผัดกระเพรา กินกับต้มยำแซ่บๆ กินกับกับข้าวเค็ม แสดงว่าคุณแค่ติดเค็ม การกินข้าว มันช่วยลดเค็ม
ถึงเวลาที่ต้องเข้าสู่ การลดน้ำหนักแบบจริงจังแล้ว แน่นอนทุกคนต้องมีเป้าหมายและเงื่อนไข ของตัวเอง อาจจะเคยได้ยินว่า เป้าหมายต้องชัดเจน
สำหรับผมมีเป้าหมายที่ไม่ซ้ำเลย เป้าหมายผมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
******เป้าหมาย*****
1. เป้าหมายผม คือ สูง-100 = น้ำหนักที่ควรจะเป็น ( 160-100= 60) เป้าหมายคือ 60 กิโล
2. ความฝัน อยากหนัก 58 เหลือซัก 2 โล เพื่อกินหลุด แล้วพอน้ำหนัก 60 กลับมาลดใหม่
3. ค่าทุกตัว ต้องอยู่ในเกณฑ์ คนทั่วไป เช่น BMI. BODYfat vfat อายุร่างกาย ค่าเลือด ค่าน้ำตาล
เมื่อลดน้ำหนักมาได้ ครึ่งทาง เป้าหมายใหม่ก็มา
4. อยากเป็นนักกินจุ ( อยากกินเยอะๆ แบบนักกินจุ )
5. สุขภาพ เมื่อถึงจุดนึงที่ผมลดน้ำหนักได้แล้ว เป้าหมายผมได้เปลี่ยนเป็น การรักษาสุขภาพ และนี้คือจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่อาหารคลีน
****** เงื่อนไข*******
คร่าวนี้ ผมได้หาข้อมูล ในการลดน้ำหนัก และผมมีเงื่อนไขดังนี้
1. ผมต้องมีความสุข กับการลดน้ำหนัก ในทุกๆ อย่าง ********ข้อนี้สำคัญที่สุด********* อะไรที่ผมไม่มีความสุข ผมไม่ทำ
2.ผมต้องได้กินทุกอย่างที่ผมอยากกิน เช่น ผมจะต้องกินชาบูทุกอาทิตย์ กำหนดไว้เลยครับ ต้องกิน น้ำหนักจะลงหรือไม่ ไม่สนใจ จะต้องกินชาบูอาทิตย์ละ 1 วัน
3. ผมต้องลดน้ำหนักไปทั้งชีวิต เพราะฉะนั้น อะไรที่เราไม่ไหว เราจะไม่ทำ. อะไรที่เราไม่ได้ทั้งชีวิต เราจะไม่ทำ ( เช่น ตอนลดหนัก เราอดข้าวไม่ได้ แน่ๆ เพราะฉะนั้น วิธีตัดแป้ง หรือ เรียกว่าคีโต คงไม่ใช่ทาง)
4. ผมต้อง ใช้ชีวิต กับคนรอบข้างผมได้ เช่น กินบุฟเฟ่กับแฟน กินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ
******* *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** ***
ถ้าทำไม่ได้ ผมว่าการลดน้ำหนักในครั้งนี้ อาจจะเป็นปัญหาในชีวิตของผม และมันไม่ใช่วิถีชีวิต ที่เราใช้ได้จริงๆ นั้นจะทำให้เราทำได้ไม่นานนั้นเอง และจะทำให้เราหลุด และกลับใช้ชีวิตแบบเดิม
*** *** *************************************************************************
5.ห้ามมีวินัย เด็ดขาด เราจะใช้คำว่าสม่ำเสมอแทน ไม่มีการบังคับใดๆ ทำเพราะอยาก ไม่ทำเพราะไม่อยากทำ เท่านั้น เพราะการมีวินัยสำหรับผม มันคือ แรงกดดัน ซึ่งเราไม่ได้เกณฑ์ทหาร เราไม่ได้เป็นนักเพาะกาย เราไม่ใช่นักกีฬา เราคือคนอ้วน ที่ใช้วิถีชีวิตแบบคนผอม เราใช้ชีวิตแบบคนผอมที่ไม่เคยอ้วน (ผมมีตัวอย่างจากแฟนผม บางเดือนไม่ออกกำลังกายเลยก็มี แต่โดยปรกติ จะออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์ ส่วนวันอะไรนั้น แล้วอารมณ์ )
6. เวลาไปเที่ยว กินเต็มที่ ทุกอย่าง ห้ามอด ผมเคยไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วตอนนั้นทางทัวร์มีโปรแกรมอาหาร ปลาแซลม่อน อย่างดี แต่เป็นมื้อดึก มีคนนึงไม่กินเลย เสียดายมากก ผมจะไม่ทำแบบนั้น (เราจะผอมให้ทุกคนอิฉฉา เวลาเราไปกินข้าวนอกบ้าน คำว่า "โชคดีจัง ผอมแต่กินได้เยอะ" มันภูมิใจมาก 555555
7.เราจะดูน้ำหนักจากตาชั่งเป็นหลัก เราจะไม่สนใจ ใครบอกให้ดูรูปร่าง เราไม่สนใจรูปร่าง เราสนใจ ค่าต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น bodyfat vfat. Bmi. กล้ามเนื้อ ผมแค่ต้องการให้อยู่ในเกณฑ์ของคนปรกติ ก็พอ ไม่ต้องการเป็นนักเพาะกาย ไม่ได้ไปแข่งใดๆ ทั้งสิ้น
****** ผมแค่อยากเป็นคน ที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปรกติ สุขภาพแข็งแรง เท่านั้น **********
ต่อให้มันจะตรงไม่ตรง ชั่งมัน เพราะยังไง ถ้าคุณไปเข้ายิม หรือ ไปเทรนกับเทรนเนอร์ เริ่มต้น เค้าก็จะให้ชั่ง inbody ที่ยิมเหมือนกันแหละ แต่ผมไม่ได้เข้ายิม ผมออกกำลังกายที่บ้าน
ในส่วนนี้เป็นข้อห้าม จะทำไม่ทำ ก็แล้วแต่ แต่ผมเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างนึง
1. ผมไม่ไถฟีด รายการต่างๆ ที่เกี่ยวกับ อาหาร เช่นร้านลับ รีวิวอาหารร้านบุฟเฟ่ต่างๆ ( เมื่อก่อนผมดูประจำรายการแนวๆ นี้ )
2. ผมลบ แอ๊พส่งอาหาร ( อันนี้เหตุผลส่วนตัวมาก เพราะผมชอบสั่งมากินตอนดึกๆ บางร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมง)
3. ฟีดผมต้องมีแต่ พวกหมอ โณค NCD UPF ท่าออกกำลังกาย วิธีการลดน้ำหนัก ของเหล่าเทรนเนอร์ นักโภชณาการ ผมจะดูตลอด
( ถ้าฟีดพวกรีวิวอาหารเด้ง ผมจะเข้าไปลบ บล็อค รายงานทันที)
ร่วมถึง ไอดอลผม ก็พักดูไปก่อน เช่น พวกนักกินจุ ที่ผอมๆ
เมื่อเรากำหนดเงื่อนไขของเราได้แล้ว แล้วก็ต้องหาความรู้ ก่อนจะเริ่มลดน้ำหนัก โดยผมจะแบ่งข้อมูลเป็น 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
1. อาหาร: อาหารอะไรที่ทำให้อ้วน ( ผมขอเรียกว่า โภชณาการ)
1.1 ของหวาน
1.2 ของทอด
1.3 ของเค็ม
2. เครื่องมือในการลดน้ำหนัก
2.1 IF18/6. 16/8 24 0mad ต้องกินยังไง ทำอะไรบ้าง
2.2 water fast 72 ทำยัวไว
2.3 Low crab /คีโต คืออะไร ทำยังไง
3. การออกกำลังกาย
3.1. เวท/บอดี้เวท
3.1.1 ออกแบบตารางการเล่นเวท เอาแบบที่เหมาะสมกับเรา 3/4/6 วัน เลือกเอาเอง
3.1.2 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มีส่วนไหนบ้าง
3.1.3 Super set คืออะไร
3.1.4 ถ้ามีเวลาน้อย ควรเล่นแบบไหน (บางทีขี้เกียจเล่นนานๆ จะได้หาวิธีให้เล่นจบไวๆ จะได้ ไปนอนเล่น ทำอย่างอื่น)
3.2. คาร์ดิโอ มีกี่แบบ มีอะไรบ้าง
3.3 HIIT มีอะไรบ้าง
เพิ่มเติม
***** น้ำหนักตันแก้ยังไง ( เตรียมตัวไว้ก่อน)
***** ลดน้ำหนักยังไงให้โยโย่ ( เพื่อป้องกัน ไม่ให้เราทำแบบนั้น)
***** ลดไขมัน body fat , vfat ทำยังไง
***** โรค NCD เบาหวาน ความดัน ควรกินอาหารแบบไหน
***** สโตก เกิดจากอะไร
***** อาหาร UPF คืออะไร
จงหา วิธีที่ลดน้ำหนักของตัวเอง อย่างมีความสุข และทำมันไปได้ตลอดชีวิต คนที่เค้าผอมมาทั้งชีวิต แต่ละคนมีวิธีการลดน้ำหนัก ของตัวเอง น้ำหนักขึ้นมา 3 กิโล เค้าก็บอกว่าตัวเองอ้วนแล้ว แล้วเค้าก็ลดของเค้า จงหาเส้นทางของคุณให้เจอ ถ้าคุณชอบกินจริงๆ คุณก็ต้องยอมแลกกับการออกกำลังกาย
( ผมเคยคิดว่าตัวเองชอบกินนะ แต่จริงๆ แค่อินสุรินเด้ง เพราะปัจจุบัน ผมขี้เกียจกิน แต่ต้องกิน )
คำคมที่ผมเคยมีประจำตัว
"อยู่เพื่อกิน ไม่ได้กินเพื่ออยู่" ถ้ามีชีวิตอยู่แล้วไม่ได้กินของอร่อย จะมีชีวิตไปทำไม ตอนนี้ผมไม่มีคำคมนี้แล้ว 555555
ช่วงแรกๆ คุณต้องอดทน อดทนมากๆ เพราะร่างกายมันดื้ออินสุริน มันจะอยากกินตลอดเวลา ถ้าคุณทำให้อินสุรินสงบได้ คุณจะไม่หิวเลย แม้โปรตีนจะกินไม่ถึง แม้วันนั้นจะกินแค่ 1-2 มื้อ ก็ตาม
แชร์ประสบการณ์ลดน้ำหนัก ที่ง่ายที่สุดและไม่ต้องมีวินัย ไม่ต้องเข้ายิม ไม่ใช้ยาและอาหารเสริมใดๆ ทั้งสิน
ก่อนอื่น ต้องเล่าก่อนว่า เดิมผมอ้วนมาแต่ไหน แต่ไร ตั้งแต่เด็กยันโต หาวิธีลดน้ำหนักมา 108+ วิธี ตั้งแต่ ปากกาฉีดหน้าท้อง อาหารเสริม ทุกๆ อาหารลดน้ำหนัก ออกกำลังกายด้วยการ วิ่งอย่างหนัก
ผมได้หากระทู้มากมาย มีแต่กระทู้ "หักดิบ" เปลี่ยนตัวเองจากหน้ามือไปเป็นหลังมือ ผมทำไม่ได้ครับ ผมไม่มีวินัย ผมชอบกิน
สิ่งที่ผมได้เจอจากการลดน้ำหนัก คือ การที่จะลดน้ำหนักได้ มันไม่ได้อยู่ที่ปาก มันอยู่ที่สมอง ความคิด คิดได้เมื่อไหร่ผอมเมื่อนั้น หรือ ที่เรียกว่า mind set
- เคยเห็นคนผอม มีชีทเดย์ไหมครับ
- เคยเห็นคนผอม ตะบะแตกไหมครับ
- เคยเห็นคนผอม กินเยอะจนอ้วกไหมครับ
แล้วทำไมเค้ายังผอม มันไม่มีหรอกครับ ที่ระบบเผาพลาญจะดีกว่า ไม่งั่น ไม่มี BMI ไม่มีค่า TDEE ไม่มีค่า BMR. คนที่ผอมแล้วกินได้เยอะๆ คงมีอยู่ไม่กี่คนบนโลก ระดับนักกินจุ ที่มีความผิดปรกติทางร่างกาย
แต่คนที่ผอมมาทั้งชีวิต มีวิธีการดูแลตัวเองของแต่ละคนที่แตกต่างกัน เค้าไม่นับแคล ไม่ได้มีเทรนเนอร์ในการสอนออกกำลังกายด้วยซ้ำ แล้วทำไมเราที่กินเยอะๆ ต้องมานั่งนับแคล มานับค่า TDEE เราแค่ต้องการผอม เราไม่ได้อยากเพาะกาย แล้วทำไมเราเสียค่ากิน แล้วเรายังต้องมาเสียค่าเทรนเนอร์ เพื่อลดน้ำหนักอีกละ
ผมหาวิธีลดน้ำหนัก มาหลากหลายรูปแบบ แล้วเริ่มลดน้ำหนักใหม่อีกครั้ง ครั้งแรกที่ผมลด ผมกินคลีน อกไก่ ผักสลัด และวิ่ง 30 นาที ทุกวัน วิ่งลู่ ความเร็ว 7 ชั่น 0 ทรมาณมาก เพราะผมมีคำว่า "วินัย"
"วินัย" สำหรับผม คือ สิ่งที่ทำให้ผมลดน้ำหนัก ไม่ได้ ?
เพราะ วินัยคือแรงกดดัน ทำให้ร่างกายเครียด คุณจะรู้ได้ไงว่า วันนี้คุณ Over train หรือแค่ขี้เกียจ? แต่เมื่อคุณใส่คำว่า วินัยลงไป คุณแค่คิดว่า ต้องออกกำลังกายในวันที่ขี้เกียจ แต่จริงๆ เมื่อวานคุณอาจจะออกกำลังกายหนักเกินไป จน Over train ไปแล้วก็ได้
ผมไม่มีวินัยในการออกกำลังกายครับ ผมอยากออกเมื่ออยากออก เน้นคำว่า "สม่ำเสมอ" 3 วันต่อสัปดาห์ บางสัปดาห์ จ พ ศ บางอาทิตย์ ลาก จ อ พ บางอาทิตย์ ศ ส อา หรือบางสัปดาห์ จะ 4-5 วัน สำหรับผมแล้วแต่ความอยากเลยครับ แต่ขั้นต่ำ 3 วัน
คราวนี้มาถึงจุดที่ต้องเปลี่ยน mind set การลดน้ำหนักในครั้งนี้ เพราะผมเป็นความดันครับ
เมื่อก่อนผมอ้วน ผมมักคิดว่า เป็นคนอ้วนแต่สุขภาพแข็งแรง ผมไม่มีโรคประจำตัว จนวันนึงผมปวดร้าวที่คอ ลามมันยันหัว ผมโทษอย่างอื่นไว้ก่อนเสมอ ไม่ว่าจะเป็นนอนตกหมอน หรือ หมอนไม่ดี เปลี่ยนหมอน ( ลึกๆ แล้วผมพอรู้ว่าน่าจะเป็นความดันสูง ) แต่ผมหลอกตัวเอง ว่าผมแข็งแรง พอปวดหัวผมเริ่มกินยา พารา หาย เริ่มกินบ่อยขึ้น จนผมเปลี่ยนมากิน พอนสแตน (ยาปวดท้องเมนส์ของ ผู้หญิง). และเริ่มกินบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนผมต้องยอมรับความจริง และไปหาหมอ 180/110 ความดันของผม ยาความดันทั่วไปเอาไม่อยู่ ต้องใช้ยาความดันที่แรงขึ้นมาอีก พอไปเที่ยวต่างประเทศ มันมีช่องให้กรอก โรคประจำตัว ในวัย 30ต้นๆ เป็นความดันสูง
ผมรู้สึกว่าน่าสมเพชตัวเองมาก อายุก็ไม่ยังเยอะ เรี่ยวแรงก็มี ดันไม่รู้จักดูแลตัวเอง สภาพแบบนี้อย่าไปคิดว่าจะดูแลใครเลย แค่ไม่ให้เป็นภาระคนอื่นให้ได้ก่อน เพราะถ้าเปล่อยไป เป็นสโตก ติดเตียง ไหนจะคนแบกเราไปหาหมอ คงไม่ใช่ใคร คนรอบตัวเรานั้นแหละ รู้สึกทุเรสตัวเองมาก และนั้นคือสิ่งที่มำให้ผมมาโฟกัส และอยู่กับมัน
ผมเริ่มมองเพื่อน คนรอบตัวผม แต่ละคนไม่มีใครอ้วนเลย เพื่อนผมไปยิม ผมไม่ไป ขี้เกียจ 5555 แต่ถ้าชวนกิน ไม่เคยพลาด ช่วงผมหาแฟน ผมก็มักจะคุยเรื่องการลดน้ำหนัก ซึ่งก็พอให้ผมได้ ไอเดียมามากขึ้น จนวันนึง ผมมีแฟน ตอนที่ผมอ้วนๆนั้นแหละ
แฟนผม กับผม สูงเท่ากัน คือ 160 แต่ผมหนัก 85 ส่วนแฟนผม หนัก 48-50 แฟนผมออกกำลังกายด้วยการวิ่ง ตีแบต บอดี้เวท แน่นอนครับ ผมถามเสมอ ไม่เบื่อหรอ ไม่เหนื่อยหรอ คำตอบที่ผมได้คือ การออกกำลังกายมันช่วยให้หายเครียดด้วยนะ วันไหนไม่ได้ออกแล้วรู้สึกอึดอัด บลาๆ ผมไม่เคยเข้าใจเลย เหนื่อยมาก แค่ทำนั้นนี้ก็เหนื่อยแล้ว ผมสูบบุหรี่ด้วย ซึ่งการเลิกบุหรี่ จะทำให้ต้องหาอะไร ใส่ปากตลอดเวลา มันยากมากๆ เพราะฉะนั้นบุหรี่ติดไว้ก่อน
และผมก็ลองดูเวลาเค้ากิน เค้าจะกินอาหารได้ไม่เยอะ กินน้อย กินแปปๆ อิ่มแล้ว ตอนผมอ้วน ผมมักคิดว่า เค้าแสดง กินแค่นี้จะไปอิ่มอะไร แต่ผมก็ดูมาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะกินบุฟเฟ่ กินนั้นนี้ เค้ากินได้ไม่เยอะเลย อิ่ม และเค้าเป็นคนที่ไม่ชอบกินข้าว แต่กินเส้น กินอย่างอื่นนะ
*** คุณชอบกินข้าวจริงๆ หรือ ว่าคุณแค่ติดกินเค็ม ***
ถ้าคุณกินอาหารจืดๆ หรือ ข้าวเปล่าๆ ไม่ต้องกินร่วมกับกับข้าว ถ้าคุณกินแล้วชอบ แสดงว่าคุณชอบกินข้าวจริงๆ แต่ ถ้ากินข้าวกับผัดกระเพรา กินกับต้มยำแซ่บๆ กินกับกับข้าวเค็ม แสดงว่าคุณแค่ติดเค็ม การกินข้าว มันช่วยลดเค็ม
ถึงเวลาที่ต้องเข้าสู่ การลดน้ำหนักแบบจริงจังแล้ว แน่นอนทุกคนต้องมีเป้าหมายและเงื่อนไข ของตัวเอง อาจจะเคยได้ยินว่า เป้าหมายต้องชัดเจน
สำหรับผมมีเป้าหมายที่ไม่ซ้ำเลย เป้าหมายผมเปลี่ยนแปลงได้เสมอ
******เป้าหมาย*****
1. เป้าหมายผม คือ สูง-100 = น้ำหนักที่ควรจะเป็น ( 160-100= 60) เป้าหมายคือ 60 กิโล
2. ความฝัน อยากหนัก 58 เหลือซัก 2 โล เพื่อกินหลุด แล้วพอน้ำหนัก 60 กลับมาลดใหม่
3. ค่าทุกตัว ต้องอยู่ในเกณฑ์ คนทั่วไป เช่น BMI. BODYfat vfat อายุร่างกาย ค่าเลือด ค่าน้ำตาล
เมื่อลดน้ำหนักมาได้ ครึ่งทาง เป้าหมายใหม่ก็มา
4. อยากเป็นนักกินจุ ( อยากกินเยอะๆ แบบนักกินจุ )
5. สุขภาพ เมื่อถึงจุดนึงที่ผมลดน้ำหนักได้แล้ว เป้าหมายผมได้เปลี่ยนเป็น การรักษาสุขภาพ และนี้คือจุดเริ่มต้น ของการเข้าสู่อาหารคลีน
****** เงื่อนไข*******
คร่าวนี้ ผมได้หาข้อมูล ในการลดน้ำหนัก และผมมีเงื่อนไขดังนี้
1. ผมต้องมีความสุข กับการลดน้ำหนัก ในทุกๆ อย่าง ********ข้อนี้สำคัญที่สุด********* อะไรที่ผมไม่มีความสุข ผมไม่ทำ
2.ผมต้องได้กินทุกอย่างที่ผมอยากกิน เช่น ผมจะต้องกินชาบูทุกอาทิตย์ กำหนดไว้เลยครับ ต้องกิน น้ำหนักจะลงหรือไม่ ไม่สนใจ จะต้องกินชาบูอาทิตย์ละ 1 วัน
3. ผมต้องลดน้ำหนักไปทั้งชีวิต เพราะฉะนั้น อะไรที่เราไม่ไหว เราจะไม่ทำ. อะไรที่เราไม่ได้ทั้งชีวิต เราจะไม่ทำ ( เช่น ตอนลดหนัก เราอดข้าวไม่ได้ แน่ๆ เพราะฉะนั้น วิธีตัดแป้ง หรือ เรียกว่าคีโต คงไม่ใช่ทาง)
4. ผมต้อง ใช้ชีวิต กับคนรอบข้างผมได้ เช่น กินบุฟเฟ่กับแฟน กินข้าวนอกบ้านกับครอบครัว ไปสังสรรค์กับเพื่อนๆ
******* *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** *** ***
ถ้าทำไม่ได้ ผมว่าการลดน้ำหนักในครั้งนี้ อาจจะเป็นปัญหาในชีวิตของผม และมันไม่ใช่วิถีชีวิต ที่เราใช้ได้จริงๆ นั้นจะทำให้เราทำได้ไม่นานนั้นเอง และจะทำให้เราหลุด และกลับใช้ชีวิตแบบเดิม
*** *** *************************************************************************
5.ห้ามมีวินัย เด็ดขาด เราจะใช้คำว่าสม่ำเสมอแทน ไม่มีการบังคับใดๆ ทำเพราะอยาก ไม่ทำเพราะไม่อยากทำ เท่านั้น เพราะการมีวินัยสำหรับผม มันคือ แรงกดดัน ซึ่งเราไม่ได้เกณฑ์ทหาร เราไม่ได้เป็นนักเพาะกาย เราไม่ใช่นักกีฬา เราคือคนอ้วน ที่ใช้วิถีชีวิตแบบคนผอม เราใช้ชีวิตแบบคนผอมที่ไม่เคยอ้วน (ผมมีตัวอย่างจากแฟนผม บางเดือนไม่ออกกำลังกายเลยก็มี แต่โดยปรกติ จะออกกำลังกาย 3 วัน/สัปดาห์ ส่วนวันอะไรนั้น แล้วอารมณ์ )
6. เวลาไปเที่ยว กินเต็มที่ ทุกอย่าง ห้ามอด ผมเคยไปเที่ยวต่างประเทศ แล้วตอนนั้นทางทัวร์มีโปรแกรมอาหาร ปลาแซลม่อน อย่างดี แต่เป็นมื้อดึก มีคนนึงไม่กินเลย เสียดายมากก ผมจะไม่ทำแบบนั้น (เราจะผอมให้ทุกคนอิฉฉา เวลาเราไปกินข้าวนอกบ้าน คำว่า "โชคดีจัง ผอมแต่กินได้เยอะ" มันภูมิใจมาก 555555
7.เราจะดูน้ำหนักจากตาชั่งเป็นหลัก เราจะไม่สนใจ ใครบอกให้ดูรูปร่าง เราไม่สนใจรูปร่าง เราสนใจ ค่าต่างๆ ภายในร่างกาย เช่น bodyfat vfat. Bmi. กล้ามเนื้อ ผมแค่ต้องการให้อยู่ในเกณฑ์ของคนปรกติ ก็พอ ไม่ต้องการเป็นนักเพาะกาย ไม่ได้ไปแข่งใดๆ ทั้งสิ้น
****** ผมแค่อยากเป็นคน ที่น้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ปรกติ สุขภาพแข็งแรง เท่านั้น **********
ต่อให้มันจะตรงไม่ตรง ชั่งมัน เพราะยังไง ถ้าคุณไปเข้ายิม หรือ ไปเทรนกับเทรนเนอร์ เริ่มต้น เค้าก็จะให้ชั่ง inbody ที่ยิมเหมือนกันแหละ แต่ผมไม่ได้เข้ายิม ผมออกกำลังกายที่บ้าน
ในส่วนนี้เป็นข้อห้าม จะทำไม่ทำ ก็แล้วแต่ แต่ผมเปลี่ยนพฤติกรรมอย่างนึง
1. ผมไม่ไถฟีด รายการต่างๆ ที่เกี่ยวกับ อาหาร เช่นร้านลับ รีวิวอาหารร้านบุฟเฟ่ต่างๆ ( เมื่อก่อนผมดูประจำรายการแนวๆ นี้ )
2. ผมลบ แอ๊พส่งอาหาร ( อันนี้เหตุผลส่วนตัวมาก เพราะผมชอบสั่งมากินตอนดึกๆ บางร้านอาหารเปิด 24 ชั่วโมง)
3. ฟีดผมต้องมีแต่ พวกหมอ โณค NCD UPF ท่าออกกำลังกาย วิธีการลดน้ำหนัก ของเหล่าเทรนเนอร์ นักโภชณาการ ผมจะดูตลอด
( ถ้าฟีดพวกรีวิวอาหารเด้ง ผมจะเข้าไปลบ บล็อค รายงานทันที)
ร่วมถึง ไอดอลผม ก็พักดูไปก่อน เช่น พวกนักกินจุ ที่ผอมๆ
เมื่อเรากำหนดเงื่อนไขของเราได้แล้ว แล้วก็ต้องหาความรู้ ก่อนจะเริ่มลดน้ำหนัก โดยผมจะแบ่งข้อมูลเป็น 3 ส่วนหลักๆ ดังนี้
1. อาหาร: อาหารอะไรที่ทำให้อ้วน ( ผมขอเรียกว่า โภชณาการ)
1.1 ของหวาน
1.2 ของทอด
1.3 ของเค็ม
2. เครื่องมือในการลดน้ำหนัก
2.1 IF18/6. 16/8 24 0mad ต้องกินยังไง ทำอะไรบ้าง
2.2 water fast 72 ทำยัวไว
2.3 Low crab /คีโต คืออะไร ทำยังไง
3. การออกกำลังกาย
3.1. เวท/บอดี้เวท
3.1.1 ออกแบบตารางการเล่นเวท เอาแบบที่เหมาะสมกับเรา 3/4/6 วัน เลือกเอาเอง
3.1.2 กล้ามเนื้อมัดใหญ่ มีส่วนไหนบ้าง
3.1.3 Super set คืออะไร
3.1.4 ถ้ามีเวลาน้อย ควรเล่นแบบไหน (บางทีขี้เกียจเล่นนานๆ จะได้หาวิธีให้เล่นจบไวๆ จะได้ ไปนอนเล่น ทำอย่างอื่น)
3.2. คาร์ดิโอ มีกี่แบบ มีอะไรบ้าง
3.3 HIIT มีอะไรบ้าง
เพิ่มเติม
***** น้ำหนักตันแก้ยังไง ( เตรียมตัวไว้ก่อน)
***** ลดน้ำหนักยังไงให้โยโย่ ( เพื่อป้องกัน ไม่ให้เราทำแบบนั้น)
***** ลดไขมัน body fat , vfat ทำยังไง
***** โรค NCD เบาหวาน ความดัน ควรกินอาหารแบบไหน
***** สโตก เกิดจากอะไร
***** อาหาร UPF คืออะไร
จงหา วิธีที่ลดน้ำหนักของตัวเอง อย่างมีความสุข และทำมันไปได้ตลอดชีวิต คนที่เค้าผอมมาทั้งชีวิต แต่ละคนมีวิธีการลดน้ำหนัก ของตัวเอง น้ำหนักขึ้นมา 3 กิโล เค้าก็บอกว่าตัวเองอ้วนแล้ว แล้วเค้าก็ลดของเค้า จงหาเส้นทางของคุณให้เจอ ถ้าคุณชอบกินจริงๆ คุณก็ต้องยอมแลกกับการออกกำลังกาย
( ผมเคยคิดว่าตัวเองชอบกินนะ แต่จริงๆ แค่อินสุรินเด้ง เพราะปัจจุบัน ผมขี้เกียจกิน แต่ต้องกิน )
คำคมที่ผมเคยมีประจำตัว
"อยู่เพื่อกิน ไม่ได้กินเพื่ออยู่" ถ้ามีชีวิตอยู่แล้วไม่ได้กินของอร่อย จะมีชีวิตไปทำไมตอนนี้ผมไม่มีคำคมนี้แล้ว 555555ช่วงแรกๆ คุณต้องอดทน อดทนมากๆ เพราะร่างกายมันดื้ออินสุริน มันจะอยากกินตลอดเวลา ถ้าคุณทำให้อินสุรินสงบได้ คุณจะไม่หิวเลย แม้โปรตีนจะกินไม่ถึง แม้วันนั้นจะกินแค่ 1-2 มื้อ ก็ตาม