เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 15

กระทู้สนทนา
เจ้าฟ้ามูรตี

บทประพันธ์ ด๋ง

ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208

*****************



บทที่ 15





รุ่งเช้า...

ยามสุริยาทอรัศมีเจิดจ้าไปทั่วผืนพสุธาอันกว้างใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากโลมเลียสมุทรวดี ศรีวารีแห่งเกวลทวีป

บริเวณค่ายพักแห่งกองทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น เหล่าสตรีในกองทัพกำลังประกอบกิจแห่งตน บ้างหุงหาอาหาร บ้างลงสรง บ้างชำระอาภรณ์ที่ใช้มาก่อนเก่า บ้างปะชุนอาภรณ์ที่ขาดวิ่น บ้างแย้มโอษฐ์ต่อกัน

วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงพระนางตื่นบรรทม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในยามเช้านี้

พระนางศรีตะกุมะลากาทรงพระดำเนินตรวจพล พลางทรงกรีดพระดัชนี ไปรอบๆ

" แม่ฟาร์ตีฏ์... มาเช็ดถูพื้นค่ายสิจ๊ะ สุบินสวรรค์จะได้โปรด "

" เพคะราชินีนาถ "

มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาน้อมรับ

วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายพลันรีบวิ่งเข้ามา

" ราชินีนาถเพคะ น้ำพระปัสสาวะในพระสุพรรณราชวางไว้แห่งใดดี? "

" กรี๊ดดด..!! โสโครกกระไรเลย เอาไปเทลงวารีสิยะ "

บัดเพลานั้น...

พระนางสุบินสวรรค์ทรงตื่นบรรทมแล้ว ทรงพระดำเนินลงจากพลับพลาที่ประทับมาด้วยมวนพระเกศาที่ยุ่งเหยิงผิดสังเกตุ ราวกับทรงมีกิจกระหน่ำในกลางราตรีที่ผ่านมากระนั้น

พระนางศรีตะกุมะลากาทรงผินพระพักตร์มาทอดพระเนตรด้วยความฉงนพลางตรัสถาม

" มิไยมวนเกล้ายุ่ง กอบกิจชอบกระนั้นฤา? "

" ดูกระนั้นอยู่... แล้วพระนางเล่า ไฉนจึงเข้าบรรทมแต่วัน ฤาคะนึงถึงสวามีที่หันเหไปหาเหล่าบุรุษ "

" เห็นจะใช่ คู่เคยสมสู่กันมา ย่อมหวนระลึกอยู่เป็นพื้น "

พระนางศรีตะกุมะลากาทรงนิ่งอยู่ครู่จึ่งตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงตัดพ้อพร้อมทรงเชิดพระศอเด่นโดด

" เชอะ... คนอะไร.. โอษฐ์ปราศรัยน้ำใจเชือดศอ ล่มหลงในอำมาตย์บุรุษกว่าสตรีอย่างเรา "

" หาควรส่งจิตกลับตรวจค้นมากไม่... "

พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบทรงยื่นพระพักตร์มากระซิบต่อ

" กระนั้น... มิไยไม่ส่งปลาหางสะดิ้งมาร แสดงถึงถ่านอัคคีเก่ายังคุกรุ่นอุ่นองค์ "

บัดดล...

พระนางศรีตะกุมะลากาพระเนตรเบิก ฉายแววพระสติปัญญาสว่างโล่งแจ้ง พลางทรงหันมาทางพระนางสุบินสวรรค์พร้อมส่งพระสุรเสียงหวาน

" คะนึงจิตได้เลิศนัก กระนั้นเราจะส่งนางรำไปถวายปลาหางสะดิ้งมาร ต่อองค์ฉกรรณราชาในทันใด "

มโหรีหลวงบรรเลงเพลงอัปสรคะนึงใฝ่ เคล้าคลอกับเสียงซักผ้าของบรรดานางกำนัล

- - - - - - - - -

กรุงอนันตา...

ฝ่ายเจ้าฟ้ามูรตี องค์มหาราชผู้ผ่านพิภพแห่งอนันตาประเทศ

เพลากระนั้น เมื่อทรงเล็งเห็นว่าข่าวคราวจากละวิรัฐได้เงียบหายไป ก็ทรงวางพระทัยได้ในระดับหนึ่งว่าข่าวกรองเกี่ยวกับการยกทัพมาของเจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐนั้น คงจะคลาดเคลื่อนอีกเช่นเคย ซึ่งทรงมีพระดำริอยู่ในพระทัยว่า

..... ไฉนนะ.. ฉกรรณราชาถึงจะยกทัพมาในเพลานี้ ทั้งๆที่เราเองก็ไปช่วงชิงแก้วกานดามาตั้งนานแล้ว ฤาจะเป็นแผนการณ์อันแยบยลแห่งละวิรัฐที่หมายจะเอาอนันตาไปครอบครองในเบื้องหน้า ไม่น่ะ... คงไม่ใช่เช่นนั้นเป็นแน่ รึจะเป็นแผนการณ์ช่วงชิงแก้วกานดากลับไป ก็ไม่น่าจะใช่อีกนั่นแหละ ฝ่ายละวิรัฐคงไม่อยากได้ตัวแก้วกานดาหรอก นางออกจะเริงร่าหาสนใจกิจการใดในพาราเช่นนี้ รึว่า.....

ขณะที่เจ้าฟ้ามูรตีกำลังทรงมีพระดำริครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่นั้น พลันพระสมาธิอันสงบเยือกเย็นดุจสายน้ำไหลก็ต้องถูกทำงายลงโดยพระสุรเสียงโวยวายแลแหลมเล็กของพระนางแก้วกานดาผู้ทรงกำลังประทับนั่งร้อยมาลัยอยู่ไม่ห่าง

" เฮ้ออออ... น่าเบื่อจังเลยนะเพคะ นี่เราจะต้องรออีกนานไหมนี่ กว่าที่เจ้าพี่ฉกรรณราชาจะทรงยกทัพมาถึงอนันตา เสด็จพี่ฉกรรณราชาเองก็เหลือหลาย กาลเพลาผ่านพ้นไปหลายชั่วยามก็มิส่งข่าวคราวมาแจ้งแถลงไขเลยว่าจะชิงตัวเรากลับไปเป็นแม่นมั่น เฮ้อออ... หม่อมฉันรู้สึกเบื่อเหลือประมาณ นึกอยากจะออกไปสนุกสนานเตร็ดเตร่ตามป่าลำเนาไพรที่ใกล้ๆเนี่ยเพคะพระองค์ "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงปรีดาปราโมทย์ล้นเหลือ ทรงแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งตรัส

" เอาสิ..แก้วกานดา มิไยไม่ไปประพาสที่ดอยแฉล้มวจี ที่นั่นเขาลือกันหนากรรณว่ามีสิงสาราสัตว์ประหลาดๆอยู่มากโข อย่างเช่น ตัวกบ ตัวเขียด อย่างนี้เห็นทีจะเหมาะกับเจ้า "

" อุ๊ย.. พระองค์เนี่ย ทรงล้อเล่นเห็นชาติสกุลเลยนะเพคะ "

" จะเอาห้าขันทีพลีสวาทไปคอยปรณนิบัติรับใช้ก็ได้นะ เห็นพวกมัน...ร่านป่า.. ออกอย่างนั้น "

ห้าขันทีพลีสวาทซึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มร้อยมาลัยแลคุยกันอยู่มุมหนึ่งต่างหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้เป็นที่ยิ่ง

พระนางแก้วกานดาทรงโน้มพระวรกายมาอิงแอบแนบพระอุระอันกล้าแกร่งของเจ้าฟ้ามูรตีพลางทรงยิ้มหวานพลางทรงลูบไล้พระอุระพระองค์นั้นเล่นจึ่งตรัส

" จากไปครานี้ แก้วคงคิดคำนึงถึงพระองค์มิวางวาย "

เจ้าฟ้ามูรตีทรงโน้มพระพักตร์ลงมาพลางเผยพระสรวลชวนให้หลงใหล พระนางแก้วกานดาพระวรกายอ่อนระทวยระรวยรื่นชื่นสุข ทรงหลับพระเนตรลงพลางทรงเผยอพระโอษฐ์หมายรอคอยการจุมพิตสั่งลาจากเจ้าฟ้ามูรตีผู้ทรงเสน่ห์เลิศล้ำ

แต่หาเป็นดังที่พระนางทรงคาดหวังไม่...

เจ้าฟ้ามูรตีทรงเบี่ยงพระพักตร์มากระซิบที่ข้างพระกรรณของพระนางว่า

" ไปเสียทีสิ แม่รานีหนักวัง "

พระนางแก้วกานดาพระเนตรเบิก พลางทรงผุดพระวรกายขึ้นด้วยความพิโรธสุดประมาณนานับพลางตรัสไปด้วยพระสุรเสียงแหลม

" ประพาสดอย "

จบคำ ทรงเชิดพระพักตร์สูงก่อนเสด็จสาวพระบาทอย่างว่องไวออกจากท้องพระโรงแห่งนั้น ห้าขันทีพลีสวาทรีบฉวยพานพวงมาลัยที่ยังร้อยไม่เสร็จสืบบาทตามพระนางไปติดๆจนลับประตูทวารทุกชั้น

มโหรีหลวงบรรเลงเพลงธิดาเชิดชู แสถงถึงกิริยาของอิสตรีที่กำลังโมโหร้าย

- - - - - - - - -

หลายเพลาผ่านไป...

ณ ชายพนาแห่งหนึ่ง

กระบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระนางแก้วกานดา ซึ่งทรงประทับอยู่บนพระวอทองคำเปลวที่เจ้าฟ้ามูรตีพระราชทาน พร้อมขบวนนางกำนัลห้าสิบนาง และห้าขันทีพลีสวาท ก็ลีลาสมาอย่างช้าๆ ตามป่าละเมาะอันลดเลี้ยว

พระนางทรงร่าเริงเป็นที่สุด

" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิจ๊ะ นกระริกร่าน สัตว์แปลกแห่งป่านี้ จงไปจับมันมาให้เราทีฤา "

นางกำนัลกลุ่มหนึ่งกรูกันไปยังนกระริกร่าน พลางฉวยสวิงไล่จับกันเป็นการสนุกสนาน แต่เหล่านางกำนัลมิชำนาญทาง เหล่านางกำนัลส่วนหนึ่งจึงถูกกับดักเสือหนีบตาย ส่วนที่เหลือสะดุดวัชพืชหนืดจนหน้าคว่ำเสียโฉมไปตามๆกัน

" ชิ...สมน้ำหน้า มิชำนาญป่าริจะมาตามประพาส "

พระนางทรงสบถใส่ซ้ำก่อนทรงเชิดพระพักตร์ไปอีกทางหนึ่ง

" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิ ตัวกบ ตัวเขียด ที่องค์มูรตีพูดถึง จำเราจะเอาไปฝากองค์สักตัวสองตัว.. เอ้า... นางกำนัล ปฏิบัติการได้ "

จบพระสุรเสียง เหล่านางกำนัลอีกกลุ่มพากันเก็บก้อนหินแล้วขว้างใส่ตัวกบตัวเขียดเป็นการใหญ่

กบ เขียด สิ้นชีวิตลงพร้อมๆกับนางกำนัลเหล่านั้น เนื่องเพราะก้อนหินที่ปาไปล้วนกระเด็นกระดอนกลับมาโดนพวกเดียวกันเองสุดน่าเวทนา

" เชอะ... ด้อยปัญญา มิชำนาญป่าสิจะมาตามประพาส "

พระนางทรงสบถใส่ซ้ำอีก ก่อนทรงเชิดพระพักตร์ไปอีกทางจึ่งตรัสด้วยพระเนตรเบิก

" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิจ๊ะ งูผลไม้ ช่างน่ารักเสียไม่มี อย่าช้าไย ไปจับมันมาให้เรา ณ บัดดล เราจะเอาไปเลี้ยงเล่นในหอธิดารามสูร "

นางกำนัลกรูกันปีนต้นไม้อย่างทุลักทุเล เนื่องจากอาภรณ์ประดับกายาไม่เกื้อหนุน บางนางผ้านุ่งขาด บางนางก็สไบวิ่น ต่างร้องวี๊ดว๊ายกระตู้วู้กันระงมไปหมดทั้งป่า

การสำเร็จ...

นางกำนัลผู้หนึ่งจับงูผลไม้มาถวายได้หนึ่งตัวพร้อมทูลรายงาน

" ขอเดชะฝ่าละอองพระบาท ตามที่ได้ทรงมีพระเสาวนีย์ให้จับงูผลไม้มาถวายกระนั้น หม่อมฉันสามารถจับมาได้หนึ่งตัวเพคะ "

" เลิศปัญญา แล้วนางกำนัลของข้าล่ะ "

" ที่ไปกับหม่อมฉันล้วนตายหมดเพคะ หนึ่งถูกสไบพันคอตาย เจ็ดตกต้นไม้ สามถูกกับดักงู สี่ผ้านุ่งขาดเลยอับอายที่จะกลับมาเฝ้า จึงพากันปลิดชีพตนเองทิ้งไปเพคะ "

" เฮ้อ... อนาถา มิชำนาญป่าสิจะมาตามประพาส "

พระนางทรงหยิบชายพระภูษาขึ้นซับน้ำพระอัสสุชลซึ่งไหลออกมาหนึ่งหยด ก่อนจะทรงเงยพระพักตร์ขึ้น

บัดดล...

สายพระเนตรของพระนางแก้วกานดาก็พลันสะดุดชะงักอยู่กับสิ่งหนึ่งที่เบื้องหน้า ซึ่งใหญ่โตมโหฬารบานตะไทมากเหลือล้นพ้นประมาณมี

" กรี๊ดดด...!! นางกำนัล ดูนั่นสิ...บัวกินนาง ดอกไม้ล้ำค่าแห่งป่านี้ หากแม้นเราได้กินกลีบดอกของมันเพียงหนึ่งคำ เราก็จะมีชีวีเป็นอมตะ ไป ไปเร็วเข้า ไปเอามันมา "

" ขอเดชะพระนาง "

นางกำนัลผู้จับงูผลไม้มาถวายได้ทูลขึ้น

" หือ...อันใดฤาจ๊ะ "

ทรงหันมาแล

" นางกำนัลที่ติดตามพระองค์มาตายหมดแล้วเพคะ "

" แล้วนางกำนัลสำรองล่ะ "

ทรงถาม

" ใช้หมดแล้วเพคะ เหลือเพียงนางแบกพระวอทองคำเปลวสี่นาง กับหม่อมฉันเท่านั้น "

" อ้าว เหรอ.. อือ... ถ้าเช่นนั้นก็พวกเจ้าที่เหลือนั่นแหละ ไปเอามันมา "

" เพคะ "

นางกำนัลชุดสุดท้ายโถมกายเข้าหาบัวกินนาง ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับคชสารสิบตัว

การปลุกปล้ำเพื่อปลิดกลีบบัวได้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ในขณะที่พระนางแก้วกานดาและห้าขันทีพลีสวาทได้ยืนหัวร่อกันอยู่อย่างสนุกสนานยิ่ง

ในไม่ช้า...

นางกำนัลทั้งห้าก็ถูกกลืนหายเข้าไปในดอกบัวโดยไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย

บัดดล... มีสิ่งหนึ่งโผผินบินผ่านพระนางแก้วกานดาไปอย่างว่องไว

" อ๊ะ... ห้าขันที... ดูนั่นสิ ผีอาภรณ์ ลวดลายสดใสน่าดู เราอยากได้ "

" หม่อมฉันทั้งห้าขออาสาไปจับมาถวายให้เองเพฮะ ทรงรออยู่ ณ ที่นี่ อย่าเด็จไปไหนนะเพฮะ "

หนีรู ขันทีผู้หนึ่งทูล

จบคำ เหล่าขันทีถลาตามผีอาภรณ์จนหายลับเข้าไปในป่า

พระนางแก้วกานดาทรงประทับนั่งคอยอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ทรงเหลียวมองซ้ายขวาพลางตรัส

" ดูสิ นังพวกนี้ ช่างใจเสาะกันเสียจริง ไม่เท่าไหร่ก็ตายกันหมด สู้ข้าไม่ได้สักคน "

เบื้องหลังพระนางนั้น...

พลันมีมืออันหยาบกร้านเลื่อนเข้ามาใกล้องค์อย่างช้าๆ พลางสะกิด

พระนางทรงหันขวับมามอง และทรงพบว่ามีบุรุษร่างมหึมาสวมอาภรณ์เป็นหนังเสือ มือถืออาวุธยาวและแหลมคมยิ่งนักยืนยิ้มอยู่

" อ๊ะ...จะทำอะไรเรา ไอ้คนโฉด "

พระนางทรงตวาดพลางทรงยกพระหัตถ์ขึ้นป้องปิดองค์ตรงส่วนที่ทรงคิดว่าล่อแหลมที่สุดในพระวรกาย

" จะทำอะไรน่ะเหรอ หึ หึ ก็ชิงตัวนางไปเปรอสวาทไงล่ะ "

บัดดล...

บังเกิดกลุ่มชายร่างบึกบึนในอาภรณ์หนังเสือทะยานออกจากสุมทุมพุ่มไม้โดยรอบแลพากันเข้าตะครุบตัวพระนางไปในทันที
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่