เจ้าฟ้ามูรตี
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1
http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2
http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3
http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4
http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5
http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6
http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7
http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8
http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9
http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10
http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11
http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12
http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13
http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14
http://pantip.com/topic/31145208
*****************
บทที่ 15
รุ่งเช้า...
ยามสุริยาทอรัศมีเจิดจ้าไปทั่วผืนพสุธาอันกว้างใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากโลมเลียสมุทรวดี ศรีวารีแห่งเกวลทวีป
บริเวณค่ายพักแห่งกองทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น เหล่าสตรีในกองทัพกำลังประกอบกิจแห่งตน บ้างหุงหาอาหาร บ้างลงสรง บ้างชำระอาภรณ์ที่ใช้มาก่อนเก่า บ้างปะชุนอาภรณ์ที่ขาดวิ่น บ้างแย้มโอษฐ์ต่อกัน
วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงพระนางตื่นบรรทม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในยามเช้านี้
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงพระดำเนินตรวจพล พลางทรงกรีดพระดัชนี ไปรอบๆ
" แม่ฟาร์ตีฏ์... มาเช็ดถูพื้นค่ายสิจ๊ะ สุบินสวรรค์จะได้โปรด "
" เพคะราชินีนาถ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาน้อมรับ
วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายพลันรีบวิ่งเข้ามา
" ราชินีนาถเพคะ น้ำพระปัสสาวะในพระสุพรรณราชวางไว้แห่งใดดี? "
" กรี๊ดดด..!! โสโครกกระไรเลย เอาไปเทลงวารีสิยะ "
บัดเพลานั้น...
พระนางสุบินสวรรค์ทรงตื่นบรรทมแล้ว ทรงพระดำเนินลงจากพลับพลาที่ประทับมาด้วยมวนพระเกศาที่ยุ่งเหยิงผิดสังเกตุ ราวกับทรงมีกิจกระหน่ำในกลางราตรีที่ผ่านมากระนั้น
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงผินพระพักตร์มาทอดพระเนตรด้วยความฉงนพลางตรัสถาม
" มิไยมวนเกล้ายุ่ง กอบกิจชอบกระนั้นฤา? "
" ดูกระนั้นอยู่... แล้วพระนางเล่า ไฉนจึงเข้าบรรทมแต่วัน ฤาคะนึงถึงสวามีที่หันเหไปหาเหล่าบุรุษ "
" เห็นจะใช่ คู่เคยสมสู่กันมา ย่อมหวนระลึกอยู่เป็นพื้น "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงนิ่งอยู่ครู่จึ่งตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงตัดพ้อพร้อมทรงเชิดพระศอเด่นโดด
" เชอะ... คนอะไร.. โอษฐ์ปราศรัยน้ำใจเชือดศอ ล่มหลงในอำมาตย์บุรุษกว่าสตรีอย่างเรา "
" หาควรส่งจิตกลับตรวจค้นมากไม่... "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบทรงยื่นพระพักตร์มากระซิบต่อ
" กระนั้น... มิไยไม่ส่งปลาหางสะดิ้งมาร แสดงถึงถ่านอัคคีเก่ายังคุกรุ่นอุ่นองค์ "
บัดดล...
พระนางศรีตะกุมะลากาพระเนตรเบิก ฉายแววพระสติปัญญาสว่างโล่งแจ้ง พลางทรงหันมาทางพระนางสุบินสวรรค์พร้อมส่งพระสุรเสียงหวาน
" คะนึงจิตได้เลิศนัก กระนั้นเราจะส่งนางรำไปถวายปลาหางสะดิ้งมาร ต่อองค์ฉกรรณราชาในทันใด "
มโหรีหลวงบรรเลงเพลงอัปสรคะนึงใฝ่ เคล้าคลอกับเสียงซักผ้าของบรรดานางกำนัล
- - - - - - - - -
กรุงอนันตา...
ฝ่ายเจ้าฟ้ามูรตี องค์มหาราชผู้ผ่านพิภพแห่งอนันตาประเทศ
เพลากระนั้น เมื่อทรงเล็งเห็นว่าข่าวคราวจากละวิรัฐได้เงียบหายไป ก็ทรงวางพระทัยได้ในระดับหนึ่งว่าข่าวกรองเกี่ยวกับการยกทัพมาของเจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐนั้น คงจะคลาดเคลื่อนอีกเช่นเคย ซึ่งทรงมีพระดำริอยู่ในพระทัยว่า
..... ไฉนนะ.. ฉกรรณราชาถึงจะยกทัพมาในเพลานี้ ทั้งๆที่เราเองก็ไปช่วงชิงแก้วกานดามาตั้งนานแล้ว ฤาจะเป็นแผนการณ์อันแยบยลแห่งละวิรัฐที่หมายจะเอาอนันตาไปครอบครองในเบื้องหน้า ไม่น่ะ... คงไม่ใช่เช่นนั้นเป็นแน่ รึจะเป็นแผนการณ์ช่วงชิงแก้วกานดากลับไป ก็ไม่น่าจะใช่อีกนั่นแหละ ฝ่ายละวิรัฐคงไม่อยากได้ตัวแก้วกานดาหรอก นางออกจะเริงร่าหาสนใจกิจการใดในพาราเช่นนี้ รึว่า.....
ขณะที่เจ้าฟ้ามูรตีกำลังทรงมีพระดำริครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่นั้น พลันพระสมาธิอันสงบเยือกเย็นดุจสายน้ำไหลก็ต้องถูกทำงายลงโดยพระสุรเสียงโวยวายแลแหลมเล็กของพระนางแก้วกานดาผู้ทรงกำลังประทับนั่งร้อยมาลัยอยู่ไม่ห่าง
" เฮ้ออออ... น่าเบื่อจังเลยนะเพคะ นี่เราจะต้องรออีกนานไหมนี่ กว่าที่เจ้าพี่ฉกรรณราชาจะทรงยกทัพมาถึงอนันตา เสด็จพี่ฉกรรณราชาเองก็เหลือหลาย กาลเพลาผ่านพ้นไปหลายชั่วยามก็มิส่งข่าวคราวมาแจ้งแถลงไขเลยว่าจะชิงตัวเรากลับไปเป็นแม่นมั่น เฮ้อออ... หม่อมฉันรู้สึกเบื่อเหลือประมาณ นึกอยากจะออกไปสนุกสนานเตร็ดเตร่ตามป่าลำเนาไพรที่ใกล้ๆเนี่ยเพคะพระองค์ "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงปรีดาปราโมทย์ล้นเหลือ ทรงแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งตรัส
" เอาสิ..แก้วกานดา มิไยไม่ไปประพาสที่ดอยแฉล้มวจี ที่นั่นเขาลือกันหนากรรณว่ามีสิงสาราสัตว์ประหลาดๆอยู่มากโข อย่างเช่น ตัวกบ ตัวเขียด อย่างนี้เห็นทีจะเหมาะกับเจ้า "
" อุ๊ย.. พระองค์เนี่ย ทรงล้อเล่นเห็นชาติสกุลเลยนะเพคะ "
" จะเอาห้าขันทีพลีสวาทไปคอยปรณนิบัติรับใช้ก็ได้นะ เห็นพวกมัน...ร่านป่า.. ออกอย่างนั้น "
ห้าขันทีพลีสวาทซึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มร้อยมาลัยแลคุยกันอยู่มุมหนึ่งต่างหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้เป็นที่ยิ่ง
พระนางแก้วกานดาทรงโน้มพระวรกายมาอิงแอบแนบพระอุระอันกล้าแกร่งของเจ้าฟ้ามูรตีพลางทรงยิ้มหวานพลางทรงลูบไล้พระอุระพระองค์นั้นเล่นจึ่งตรัส
" จากไปครานี้ แก้วคงคิดคำนึงถึงพระองค์มิวางวาย "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงโน้มพระพักตร์ลงมาพลางเผยพระสรวลชวนให้หลงใหล พระนางแก้วกานดาพระวรกายอ่อนระทวยระรวยรื่นชื่นสุข ทรงหลับพระเนตรลงพลางทรงเผยอพระโอษฐ์หมายรอคอยการจุมพิตสั่งลาจากเจ้าฟ้ามูรตีผู้ทรงเสน่ห์เลิศล้ำ
แต่หาเป็นดังที่พระนางทรงคาดหวังไม่...
เจ้าฟ้ามูรตีทรงเบี่ยงพระพักตร์มากระซิบที่ข้างพระกรรณของพระนางว่า
" ไปเสียทีสิ แม่รานีหนักวัง "
พระนางแก้วกานดาพระเนตรเบิก พลางทรงผุดพระวรกายขึ้นด้วยความพิโรธสุดประมาณนานับพลางตรัสไปด้วยพระสุรเสียงแหลม
" ประพาสดอย "
จบคำ ทรงเชิดพระพักตร์สูงก่อนเสด็จสาวพระบาทอย่างว่องไวออกจากท้องพระโรงแห่งนั้น ห้าขันทีพลีสวาทรีบฉวยพานพวงมาลัยที่ยังร้อยไม่เสร็จสืบบาทตามพระนางไปติดๆจนลับประตูทวารทุกชั้น
มโหรีหลวงบรรเลงเพลงธิดาเชิดชู แสถงถึงกิริยาของอิสตรีที่กำลังโมโหร้าย
- - - - - - - - -
หลายเพลาผ่านไป...
ณ ชายพนาแห่งหนึ่ง
กระบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระนางแก้วกานดา ซึ่งทรงประทับอยู่บนพระวอทองคำเปลวที่เจ้าฟ้ามูรตีพระราชทาน พร้อมขบวนนางกำนัลห้าสิบนาง และห้าขันทีพลีสวาท ก็ลีลาสมาอย่างช้าๆ ตามป่าละเมาะอันลดเลี้ยว
พระนางทรงร่าเริงเป็นที่สุด
" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิจ๊ะ นกระริกร่าน สัตว์แปลกแห่งป่านี้ จงไปจับมันมาให้เราทีฤา "
นางกำนัลกลุ่มหนึ่งกรูกันไปยังนกระริกร่าน พลางฉวยสวิงไล่จับกันเป็นการสนุกสนาน แต่เหล่านางกำนัลมิชำนาญทาง เหล่านางกำนัลส่วนหนึ่งจึงถูกกับดักเสือหนีบตาย ส่วนที่เหลือสะดุดวัชพืชหนืดจนหน้าคว่ำเสียโฉมไปตามๆกัน
" ชิ...สมน้ำหน้า มิชำนาญป่าริจะมาตามประพาส "
พระนางทรงสบถใส่ซ้ำก่อนทรงเชิดพระพักตร์ไปอีกทางหนึ่ง
" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิ ตัวกบ ตัวเขียด ที่องค์มูรตีพูดถึง จำเราจะเอาไปฝากองค์สักตัวสองตัว.. เอ้า... นางกำนัล ปฏิบัติการได้ "
จบพระสุรเสียง เหล่านางกำนัลอีกกลุ่มพากันเก็บก้อนหินแล้วขว้างใส่ตัวกบตัวเขียดเป็นการใหญ่
กบ เขียด สิ้นชีวิตลงพร้อมๆกับนางกำนัลเหล่านั้น เนื่องเพราะก้อนหินที่ปาไปล้วนกระเด็นกระดอนกลับมาโดนพวกเดียวกันเองสุดน่าเวทนา
" เชอะ... ด้อยปัญญา มิชำนาญป่าสิจะมาตามประพาส "
พระนางทรงสบถใส่ซ้ำอีก ก่อนทรงเชิดพระพักตร์ไปอีกทางจึ่งตรัสด้วยพระเนตรเบิก
" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิจ๊ะ งูผลไม้ ช่างน่ารักเสียไม่มี อย่าช้าไย ไปจับมันมาให้เรา ณ บัดดล เราจะเอาไปเลี้ยงเล่นในหอธิดารามสูร "
นางกำนัลกรูกันปีนต้นไม้อย่างทุลักทุเล เนื่องจากอาภรณ์ประดับกายาไม่เกื้อหนุน บางนางผ้านุ่งขาด บางนางก็สไบวิ่น ต่างร้องวี๊ดว๊ายกระตู้วู้กันระงมไปหมดทั้งป่า
การสำเร็จ...
นางกำนัลผู้หนึ่งจับงูผลไม้มาถวายได้หนึ่งตัวพร้อมทูลรายงาน
" ขอเดชะฝ่าละอองพระบาท ตามที่ได้ทรงมีพระเสาวนีย์ให้จับงูผลไม้มาถวายกระนั้น หม่อมฉันสามารถจับมาได้หนึ่งตัวเพคะ "
" เลิศปัญญา แล้วนางกำนัลของข้าล่ะ "
" ที่ไปกับหม่อมฉันล้วนตายหมดเพคะ หนึ่งถูกสไบพันคอตาย เจ็ดตกต้นไม้ สามถูกกับดักงู สี่ผ้านุ่งขาดเลยอับอายที่จะกลับมาเฝ้า จึงพากันปลิดชีพตนเองทิ้งไปเพคะ "
" เฮ้อ... อนาถา มิชำนาญป่าสิจะมาตามประพาส "
พระนางทรงหยิบชายพระภูษาขึ้นซับน้ำพระอัสสุชลซึ่งไหลออกมาหนึ่งหยด ก่อนจะทรงเงยพระพักตร์ขึ้น
บัดดล...
สายพระเนตรของพระนางแก้วกานดาก็พลันสะดุดชะงักอยู่กับสิ่งหนึ่งที่เบื้องหน้า ซึ่งใหญ่โตมโหฬารบานตะไทมากเหลือล้นพ้นประมาณมี
" กรี๊ดดด...!! นางกำนัล ดูนั่นสิ...บัวกินนาง ดอกไม้ล้ำค่าแห่งป่านี้ หากแม้นเราได้กินกลีบดอกของมันเพียงหนึ่งคำ เราก็จะมีชีวีเป็นอมตะ ไป ไปเร็วเข้า ไปเอามันมา "
" ขอเดชะพระนาง "
นางกำนัลผู้จับงูผลไม้มาถวายได้ทูลขึ้น
" หือ...อันใดฤาจ๊ะ "
ทรงหันมาแล
" นางกำนัลที่ติดตามพระองค์มาตายหมดแล้วเพคะ "
" แล้วนางกำนัลสำรองล่ะ "
ทรงถาม
" ใช้หมดแล้วเพคะ เหลือเพียงนางแบกพระวอทองคำเปลวสี่นาง กับหม่อมฉันเท่านั้น "
" อ้าว เหรอ.. อือ... ถ้าเช่นนั้นก็พวกเจ้าที่เหลือนั่นแหละ ไปเอามันมา "
" เพคะ "
นางกำนัลชุดสุดท้ายโถมกายเข้าหาบัวกินนาง ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับคชสารสิบตัว
การปลุกปล้ำเพื่อปลิดกลีบบัวได้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ในขณะที่พระนางแก้วกานดาและห้าขันทีพลีสวาทได้ยืนหัวร่อกันอยู่อย่างสนุกสนานยิ่ง
ในไม่ช้า...
นางกำนัลทั้งห้าก็ถูกกลืนหายเข้าไปในดอกบัวโดยไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย
บัดดล... มีสิ่งหนึ่งโผผินบินผ่านพระนางแก้วกานดาไปอย่างว่องไว
" อ๊ะ... ห้าขันที... ดูนั่นสิ ผีอาภรณ์ ลวดลายสดใสน่าดู เราอยากได้ "
" หม่อมฉันทั้งห้าขออาสาไปจับมาถวายให้เองเพฮะ ทรงรออยู่ ณ ที่นี่ อย่าเด็จไปไหนนะเพฮะ "
หนีรู ขันทีผู้หนึ่งทูล
จบคำ เหล่าขันทีถลาตามผีอาภรณ์จนหายลับเข้าไปในป่า
พระนางแก้วกานดาทรงประทับนั่งคอยอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ทรงเหลียวมองซ้ายขวาพลางตรัส
" ดูสิ นังพวกนี้ ช่างใจเสาะกันเสียจริง ไม่เท่าไหร่ก็ตายกันหมด สู้ข้าไม่ได้สักคน "
เบื้องหลังพระนางนั้น...
พลันมีมืออันหยาบกร้านเลื่อนเข้ามาใกล้องค์อย่างช้าๆ พลางสะกิด
พระนางทรงหันขวับมามอง และทรงพบว่ามีบุรุษร่างมหึมาสวมอาภรณ์เป็นหนังเสือ มือถืออาวุธยาวและแหลมคมยิ่งนักยืนยิ้มอยู่
" อ๊ะ...จะทำอะไรเรา ไอ้คนโฉด "
พระนางทรงตวาดพลางทรงยกพระหัตถ์ขึ้นป้องปิดองค์ตรงส่วนที่ทรงคิดว่าล่อแหลมที่สุดในพระวรกาย
" จะทำอะไรน่ะเหรอ หึ หึ ก็ชิงตัวนางไปเปรอสวาทไงล่ะ "
บัดดล...
บังเกิดกลุ่มชายร่างบึกบึนในอาภรณ์หนังเสือทะยานออกจากสุมทุมพุ่มไม้โดยรอบแลพากันเข้าตะครุบตัวพระนางไปในทันที
เจ้าฟ้ามูรตี บทที่ 15
บทประพันธ์ ด๋ง
ปฐมบท และบทที่ 1 http://pantip.com/topic/30945806
บทที่ 2 http://pantip.com/topic/30953632
บทที่ 3 http://pantip.com/topic/30959854
บทที่ 4 http://pantip.com/topic/30972487
บทที่ 5 http://pantip.com/topic/31008949
บทที่ 6 http://pantip.com/topic/31062538
บทที่ 7 http://pantip.com/topic/31068381
บทที่ 8 http://pantip.com/topic/31072197
บทที่ 9 http://pantip.com/topic/31080124
บทที่ 10 http://pantip.com/topic/31096418
บทที่ 11 http://pantip.com/topic/31106323
บทที่ 12 http://pantip.com/topic/31110852
บทที่ 13 http://pantip.com/topic/31119767
บทที่ 14 http://pantip.com/topic/31145208
*****************
บทที่ 15
รุ่งเช้า...
ยามสุริยาทอรัศมีเจิดจ้าไปทั่วผืนพสุธาอันกว้างใหญ่ ซึ่งอยู่ไม่ไกลนักจากโลมเลียสมุทรวดี ศรีวารีแห่งเกวลทวีป
บริเวณค่ายพักแห่งกองทัพเถมรูภูธราอัศวชิวหานิศาแคว้น เหล่าสตรีในกองทัพกำลังประกอบกิจแห่งตน บ้างหุงหาอาหาร บ้างลงสรง บ้างชำระอาภรณ์ที่ใช้มาก่อนเก่า บ้างปะชุนอาภรณ์ที่ขาดวิ่น บ้างแย้มโอษฐ์ต่อกัน
วงปี่พาทย์บรรเลงเพลงพระนางตื่นบรรทม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศในยามเช้านี้
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงพระดำเนินตรวจพล พลางทรงกรีดพระดัชนี ไปรอบๆ
" แม่ฟาร์ตีฏ์... มาเช็ดถูพื้นค่ายสิจ๊ะ สุบินสวรรค์จะได้โปรด "
" เพคะราชินีนาถ "
มะจั่นฟาร์ตีฏ์ เสนาบดีหญิงมือขวาน้อมรับ
วาริชฌาภาร์ณา เสนาบดีหญิงมือซ้ายพลันรีบวิ่งเข้ามา
" ราชินีนาถเพคะ น้ำพระปัสสาวะในพระสุพรรณราชวางไว้แห่งใดดี? "
" กรี๊ดดด..!! โสโครกกระไรเลย เอาไปเทลงวารีสิยะ "
บัดเพลานั้น...
พระนางสุบินสวรรค์ทรงตื่นบรรทมแล้ว ทรงพระดำเนินลงจากพลับพลาที่ประทับมาด้วยมวนพระเกศาที่ยุ่งเหยิงผิดสังเกตุ ราวกับทรงมีกิจกระหน่ำในกลางราตรีที่ผ่านมากระนั้น
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงผินพระพักตร์มาทอดพระเนตรด้วยความฉงนพลางตรัสถาม
" มิไยมวนเกล้ายุ่ง กอบกิจชอบกระนั้นฤา? "
" ดูกระนั้นอยู่... แล้วพระนางเล่า ไฉนจึงเข้าบรรทมแต่วัน ฤาคะนึงถึงสวามีที่หันเหไปหาเหล่าบุรุษ "
" เห็นจะใช่ คู่เคยสมสู่กันมา ย่อมหวนระลึกอยู่เป็นพื้น "
พระนางศรีตะกุมะลากาทรงนิ่งอยู่ครู่จึ่งตรัสต่อด้วยพระสุรเสียงตัดพ้อพร้อมทรงเชิดพระศอเด่นโดด
" เชอะ... คนอะไร.. โอษฐ์ปราศรัยน้ำใจเชือดศอ ล่มหลงในอำมาตย์บุรุษกว่าสตรีอย่างเรา "
" หาควรส่งจิตกลับตรวจค้นมากไม่... "
พระนางสุบินสวรรค์ตรัสจบทรงยื่นพระพักตร์มากระซิบต่อ
" กระนั้น... มิไยไม่ส่งปลาหางสะดิ้งมาร แสดงถึงถ่านอัคคีเก่ายังคุกรุ่นอุ่นองค์ "
บัดดล...
พระนางศรีตะกุมะลากาพระเนตรเบิก ฉายแววพระสติปัญญาสว่างโล่งแจ้ง พลางทรงหันมาทางพระนางสุบินสวรรค์พร้อมส่งพระสุรเสียงหวาน
" คะนึงจิตได้เลิศนัก กระนั้นเราจะส่งนางรำไปถวายปลาหางสะดิ้งมาร ต่อองค์ฉกรรณราชาในทันใด "
มโหรีหลวงบรรเลงเพลงอัปสรคะนึงใฝ่ เคล้าคลอกับเสียงซักผ้าของบรรดานางกำนัล
- - - - - - - - -
กรุงอนันตา...
ฝ่ายเจ้าฟ้ามูรตี องค์มหาราชผู้ผ่านพิภพแห่งอนันตาประเทศ
เพลากระนั้น เมื่อทรงเล็งเห็นว่าข่าวคราวจากละวิรัฐได้เงียบหายไป ก็ทรงวางพระทัยได้ในระดับหนึ่งว่าข่าวกรองเกี่ยวกับการยกทัพมาของเจ้าฟ้าฉกรรณราชากษัตริย์ละวิรัฐนั้น คงจะคลาดเคลื่อนอีกเช่นเคย ซึ่งทรงมีพระดำริอยู่ในพระทัยว่า
..... ไฉนนะ.. ฉกรรณราชาถึงจะยกทัพมาในเพลานี้ ทั้งๆที่เราเองก็ไปช่วงชิงแก้วกานดามาตั้งนานแล้ว ฤาจะเป็นแผนการณ์อันแยบยลแห่งละวิรัฐที่หมายจะเอาอนันตาไปครอบครองในเบื้องหน้า ไม่น่ะ... คงไม่ใช่เช่นนั้นเป็นแน่ รึจะเป็นแผนการณ์ช่วงชิงแก้วกานดากลับไป ก็ไม่น่าจะใช่อีกนั่นแหละ ฝ่ายละวิรัฐคงไม่อยากได้ตัวแก้วกานดาหรอก นางออกจะเริงร่าหาสนใจกิจการใดในพาราเช่นนี้ รึว่า.....
ขณะที่เจ้าฟ้ามูรตีกำลังทรงมีพระดำริครุ่นคิดอย่างหนักหน่วงอยู่นั้น พลันพระสมาธิอันสงบเยือกเย็นดุจสายน้ำไหลก็ต้องถูกทำงายลงโดยพระสุรเสียงโวยวายแลแหลมเล็กของพระนางแก้วกานดาผู้ทรงกำลังประทับนั่งร้อยมาลัยอยู่ไม่ห่าง
" เฮ้ออออ... น่าเบื่อจังเลยนะเพคะ นี่เราจะต้องรออีกนานไหมนี่ กว่าที่เจ้าพี่ฉกรรณราชาจะทรงยกทัพมาถึงอนันตา เสด็จพี่ฉกรรณราชาเองก็เหลือหลาย กาลเพลาผ่านพ้นไปหลายชั่วยามก็มิส่งข่าวคราวมาแจ้งแถลงไขเลยว่าจะชิงตัวเรากลับไปเป็นแม่นมั่น เฮ้อออ... หม่อมฉันรู้สึกเบื่อเหลือประมาณ นึกอยากจะออกไปสนุกสนานเตร็ดเตร่ตามป่าลำเนาไพรที่ใกล้ๆเนี่ยเพคะพระองค์ "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงปรีดาปราโมทย์ล้นเหลือ ทรงแย้มพระสรวลคราหนึ่งจึ่งตรัส
" เอาสิ..แก้วกานดา มิไยไม่ไปประพาสที่ดอยแฉล้มวจี ที่นั่นเขาลือกันหนากรรณว่ามีสิงสาราสัตว์ประหลาดๆอยู่มากโข อย่างเช่น ตัวกบ ตัวเขียด อย่างนี้เห็นทีจะเหมาะกับเจ้า "
" อุ๊ย.. พระองค์เนี่ย ทรงล้อเล่นเห็นชาติสกุลเลยนะเพคะ "
" จะเอาห้าขันทีพลีสวาทไปคอยปรณนิบัติรับใช้ก็ได้นะ เห็นพวกมัน...ร่านป่า.. ออกอย่างนั้น "
ห้าขันทีพลีสวาทซึ่งกำลังนั่งจับกลุ่มร้อยมาลัยแลคุยกันอยู่มุมหนึ่งต่างหัวร่อต่อกระซิกระริกระรี้เป็นที่ยิ่ง
พระนางแก้วกานดาทรงโน้มพระวรกายมาอิงแอบแนบพระอุระอันกล้าแกร่งของเจ้าฟ้ามูรตีพลางทรงยิ้มหวานพลางทรงลูบไล้พระอุระพระองค์นั้นเล่นจึ่งตรัส
" จากไปครานี้ แก้วคงคิดคำนึงถึงพระองค์มิวางวาย "
เจ้าฟ้ามูรตีทรงโน้มพระพักตร์ลงมาพลางเผยพระสรวลชวนให้หลงใหล พระนางแก้วกานดาพระวรกายอ่อนระทวยระรวยรื่นชื่นสุข ทรงหลับพระเนตรลงพลางทรงเผยอพระโอษฐ์หมายรอคอยการจุมพิตสั่งลาจากเจ้าฟ้ามูรตีผู้ทรงเสน่ห์เลิศล้ำ
แต่หาเป็นดังที่พระนางทรงคาดหวังไม่...
เจ้าฟ้ามูรตีทรงเบี่ยงพระพักตร์มากระซิบที่ข้างพระกรรณของพระนางว่า
" ไปเสียทีสิ แม่รานีหนักวัง "
พระนางแก้วกานดาพระเนตรเบิก พลางทรงผุดพระวรกายขึ้นด้วยความพิโรธสุดประมาณนานับพลางตรัสไปด้วยพระสุรเสียงแหลม
" ประพาสดอย "
จบคำ ทรงเชิดพระพักตร์สูงก่อนเสด็จสาวพระบาทอย่างว่องไวออกจากท้องพระโรงแห่งนั้น ห้าขันทีพลีสวาทรีบฉวยพานพวงมาลัยที่ยังร้อยไม่เสร็จสืบบาทตามพระนางไปติดๆจนลับประตูทวารทุกชั้น
มโหรีหลวงบรรเลงเพลงธิดาเชิดชู แสถงถึงกิริยาของอิสตรีที่กำลังโมโหร้าย
- - - - - - - - -
หลายเพลาผ่านไป...
ณ ชายพนาแห่งหนึ่ง
กระบวนเสด็จพระราชดำเนินของพระนางแก้วกานดา ซึ่งทรงประทับอยู่บนพระวอทองคำเปลวที่เจ้าฟ้ามูรตีพระราชทาน พร้อมขบวนนางกำนัลห้าสิบนาง และห้าขันทีพลีสวาท ก็ลีลาสมาอย่างช้าๆ ตามป่าละเมาะอันลดเลี้ยว
พระนางทรงร่าเริงเป็นที่สุด
" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิจ๊ะ นกระริกร่าน สัตว์แปลกแห่งป่านี้ จงไปจับมันมาให้เราทีฤา "
นางกำนัลกลุ่มหนึ่งกรูกันไปยังนกระริกร่าน พลางฉวยสวิงไล่จับกันเป็นการสนุกสนาน แต่เหล่านางกำนัลมิชำนาญทาง เหล่านางกำนัลส่วนหนึ่งจึงถูกกับดักเสือหนีบตาย ส่วนที่เหลือสะดุดวัชพืชหนืดจนหน้าคว่ำเสียโฉมไปตามๆกัน
" ชิ...สมน้ำหน้า มิชำนาญป่าริจะมาตามประพาส "
พระนางทรงสบถใส่ซ้ำก่อนทรงเชิดพระพักตร์ไปอีกทางหนึ่ง
" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิ ตัวกบ ตัวเขียด ที่องค์มูรตีพูดถึง จำเราจะเอาไปฝากองค์สักตัวสองตัว.. เอ้า... นางกำนัล ปฏิบัติการได้ "
จบพระสุรเสียง เหล่านางกำนัลอีกกลุ่มพากันเก็บก้อนหินแล้วขว้างใส่ตัวกบตัวเขียดเป็นการใหญ่
กบ เขียด สิ้นชีวิตลงพร้อมๆกับนางกำนัลเหล่านั้น เนื่องเพราะก้อนหินที่ปาไปล้วนกระเด็นกระดอนกลับมาโดนพวกเดียวกันเองสุดน่าเวทนา
" เชอะ... ด้อยปัญญา มิชำนาญป่าสิจะมาตามประพาส "
พระนางทรงสบถใส่ซ้ำอีก ก่อนทรงเชิดพระพักตร์ไปอีกทางจึ่งตรัสด้วยพระเนตรเบิก
" อุ๊ย... นางกำนัล ดูนั่นสิจ๊ะ งูผลไม้ ช่างน่ารักเสียไม่มี อย่าช้าไย ไปจับมันมาให้เรา ณ บัดดล เราจะเอาไปเลี้ยงเล่นในหอธิดารามสูร "
นางกำนัลกรูกันปีนต้นไม้อย่างทุลักทุเล เนื่องจากอาภรณ์ประดับกายาไม่เกื้อหนุน บางนางผ้านุ่งขาด บางนางก็สไบวิ่น ต่างร้องวี๊ดว๊ายกระตู้วู้กันระงมไปหมดทั้งป่า
การสำเร็จ...
นางกำนัลผู้หนึ่งจับงูผลไม้มาถวายได้หนึ่งตัวพร้อมทูลรายงาน
" ขอเดชะฝ่าละอองพระบาท ตามที่ได้ทรงมีพระเสาวนีย์ให้จับงูผลไม้มาถวายกระนั้น หม่อมฉันสามารถจับมาได้หนึ่งตัวเพคะ "
" เลิศปัญญา แล้วนางกำนัลของข้าล่ะ "
" ที่ไปกับหม่อมฉันล้วนตายหมดเพคะ หนึ่งถูกสไบพันคอตาย เจ็ดตกต้นไม้ สามถูกกับดักงู สี่ผ้านุ่งขาดเลยอับอายที่จะกลับมาเฝ้า จึงพากันปลิดชีพตนเองทิ้งไปเพคะ "
" เฮ้อ... อนาถา มิชำนาญป่าสิจะมาตามประพาส "
พระนางทรงหยิบชายพระภูษาขึ้นซับน้ำพระอัสสุชลซึ่งไหลออกมาหนึ่งหยด ก่อนจะทรงเงยพระพักตร์ขึ้น
บัดดล...
สายพระเนตรของพระนางแก้วกานดาก็พลันสะดุดชะงักอยู่กับสิ่งหนึ่งที่เบื้องหน้า ซึ่งใหญ่โตมโหฬารบานตะไทมากเหลือล้นพ้นประมาณมี
" กรี๊ดดด...!! นางกำนัล ดูนั่นสิ...บัวกินนาง ดอกไม้ล้ำค่าแห่งป่านี้ หากแม้นเราได้กินกลีบดอกของมันเพียงหนึ่งคำ เราก็จะมีชีวีเป็นอมตะ ไป ไปเร็วเข้า ไปเอามันมา "
" ขอเดชะพระนาง "
นางกำนัลผู้จับงูผลไม้มาถวายได้ทูลขึ้น
" หือ...อันใดฤาจ๊ะ "
ทรงหันมาแล
" นางกำนัลที่ติดตามพระองค์มาตายหมดแล้วเพคะ "
" แล้วนางกำนัลสำรองล่ะ "
ทรงถาม
" ใช้หมดแล้วเพคะ เหลือเพียงนางแบกพระวอทองคำเปลวสี่นาง กับหม่อมฉันเท่านั้น "
" อ้าว เหรอ.. อือ... ถ้าเช่นนั้นก็พวกเจ้าที่เหลือนั่นแหละ ไปเอามันมา "
" เพคะ "
นางกำนัลชุดสุดท้ายโถมกายเข้าหาบัวกินนาง ซึ่งมีขนาดใหญ่เท่ากับคชสารสิบตัว
การปลุกปล้ำเพื่อปลิดกลีบบัวได้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ในขณะที่พระนางแก้วกานดาและห้าขันทีพลีสวาทได้ยืนหัวร่อกันอยู่อย่างสนุกสนานยิ่ง
ในไม่ช้า...
นางกำนัลทั้งห้าก็ถูกกลืนหายเข้าไปในดอกบัวโดยไม่โผล่ออกมาให้เห็นอีกเลย
บัดดล... มีสิ่งหนึ่งโผผินบินผ่านพระนางแก้วกานดาไปอย่างว่องไว
" อ๊ะ... ห้าขันที... ดูนั่นสิ ผีอาภรณ์ ลวดลายสดใสน่าดู เราอยากได้ "
" หม่อมฉันทั้งห้าขออาสาไปจับมาถวายให้เองเพฮะ ทรงรออยู่ ณ ที่นี่ อย่าเด็จไปไหนนะเพฮะ "
หนีรู ขันทีผู้หนึ่งทูล
จบคำ เหล่าขันทีถลาตามผีอาภรณ์จนหายลับเข้าไปในป่า
พระนางแก้วกานดาทรงประทับนั่งคอยอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ทรงเหลียวมองซ้ายขวาพลางตรัส
" ดูสิ นังพวกนี้ ช่างใจเสาะกันเสียจริง ไม่เท่าไหร่ก็ตายกันหมด สู้ข้าไม่ได้สักคน "
เบื้องหลังพระนางนั้น...
พลันมีมืออันหยาบกร้านเลื่อนเข้ามาใกล้องค์อย่างช้าๆ พลางสะกิด
พระนางทรงหันขวับมามอง และทรงพบว่ามีบุรุษร่างมหึมาสวมอาภรณ์เป็นหนังเสือ มือถืออาวุธยาวและแหลมคมยิ่งนักยืนยิ้มอยู่
" อ๊ะ...จะทำอะไรเรา ไอ้คนโฉด "
พระนางทรงตวาดพลางทรงยกพระหัตถ์ขึ้นป้องปิดองค์ตรงส่วนที่ทรงคิดว่าล่อแหลมที่สุดในพระวรกาย
" จะทำอะไรน่ะเหรอ หึ หึ ก็ชิงตัวนางไปเปรอสวาทไงล่ะ "
บัดดล...
บังเกิดกลุ่มชายร่างบึกบึนในอาภรณ์หนังเสือทะยานออกจากสุมทุมพุ่มไม้โดยรอบแลพากันเข้าตะครุบตัวพระนางไปในทันที