วจนถ ลักขณาทิจตุกะ ของเจตสิกลำดับที่ 31 อธิโมกขะ

กระทู้สนทนา
วจนถ ลักขณาทิจตุกะ ของเจตสิกลำดับที่ 31 อธิโมกขะ
ท่านก็พูดถึงคำแปลของอธิโมกโขว่า 22.29
อะธิมุจจะนัง อะธิโมกโข
ความตัดสินอย่างดิ่งลงไป ว่า อธิโมกขะ นะ
อธิมุจจนัง ก็คือ การตัดสินแบบมั่นใจลงไป เรียกว่า อธิโมกโข
โส สันนิฎฐานะลักขะโณ
อธิโมกขะเจตสิกนั้น มีลักษณะตกลงใจ
สันนิฎฐานะ แปลว่า ตกลงใจ แปลว่า มั่นใจ หรือว่า ตั้งจิตลงไปแน่วแน่แล้วว่า ต้องเป็นอย่างนี้แน่นอน ไม่เป็นอย่างอื่น เรียกว่า สันนิฎฐาน
ทีนี้ภาษาไทยเราก็เอาคำว่าสันนิฎฐานมาใช้เหมือนกันแต่ว่ายังไม่แน่ใจ อันนี้ก็จะไม่เหมือนกับทางภาษาบาลี
ภาษาบาลี สันนิฎฐานะ แปลว่า มั่นใจ แปลว่า ลงใจได้เรียบร้อยแล้ว
ฐานะ แปลว่า ที่ตั้ง ที่ลงใจ
สันนิฎฐานะก็คือ ลงใจเป็นอย่างดีอย่างมั่นอกมั่นใจมากๆอย่างนี้
แต่พอภาษาไทยเราเอามาใช้ สันนิฎฐานก็คือ ยังไม่แน่ใจ จะกลายเป็นนู่น วิจิกิจฉา บ้างอะไรบ้าง ก็ว่ากันไป คนละสภาวะไป
แต่ตอนนี้ให้ใช้ตามบาลีก่อนนะ ตอนนี้นะ ภาษาไทยเราก็ค่อยว่ากัน  ครับ
อธิโมกขะ มีลักษณะฐานะก็คือ ความตกลงใจ
อะสังสัปปะนะระโส
มีกิจหน้าที่ก็คือ การไม่เรรวน หรือว่า ไม่ซัดส่ายของจิต ไม่เรรวน ไม่ลังเล ไม่สงสัย อะสังสัปปะนะระโส
นี่เป็นกิจหน้าที่ของอธิโมกข์ นะครับ ทำให้ไม่รวนเร ทำให้จดจ่อลึกลงไปได้สะดวก ขึ้น
อาการปรากฏก็คือ นิจฉะยะปัจจุปัฎฐาโน
อธิโมกขะ มีอาการปรากฏคือ นิจฉะยะ ๆ แปลว่า ตัดสินชี้ขาด นะ
นิจฉยะ คือ ตัดสินชี้ขาด
สัณนิฎเฐยยะธัมมะปะทัฎฐาโน มีเหตุใกล้ให้เกิดก็คือ สิ่งที่พึงตัดสินชี้ขาดนั่นแหละ เป็นเหตุใกล้
อารัมมะเณ นิจจะละภาเวนะ อินทะขีโล วิยะ ทัฎฐัพโพ
พึงรู้จักหรือว่าพึงทราบ อธิโมกข์ นั้น มีลักษณะเหมือนกับ เสาเขื่อน อินทะขีโล เสาเขื่อน ๆ ก็คือ เสาที่มีความมั่นคง นา ที่ปักลงไปในดินลึกกว่าหรือเท่ากับข้างบน เช่นเสามันลึก เสามันยาวสองเมตร เราปักลงไป 1 เมตร หรือ 1เมตรครึ่ง เราเรียกว่า อินทะขีโล
เรียกว่าเสาเขื่อน เสาที่มัน มีลักษณะที่มั่นคง
ส่วนใหญ่ก็เอาไว้ใช้ทำเสาหลักในประตูนครหรืออื่นๆพวกนี้ เรียกว่า เสาเขื่อน ครับ
อธิโมกขะ นี่พึงรู้จักลักษณะของมันเหมือนกับ เสาเขื่อน เพราะว่า มันมีลักษณะที่ไม่หวั่นไหวในอารมณ์ ก็คือมันจดจ่อ หรือว่ามันนิ่งลงไป มันตัดสินลงไปอย่างแน่นอน อย่างแน่ใจ
อย่างนี้นะครับ
387

น249

25.41 อย่างนี้นะครับ นี้คือ ลักษณะอธิโมกขะ
การอธิบายแต่ละสภาวะนี้ก็นับว่าเป็นเรื่องยากมากเนื่องจากว่าเจตสิกแต่ละอย่าง แต่ละอย่าง ที่อธิบายมาเนี่ยนะ เกิดในขณะจิตเดียวเลย นะแล้วทำกิจในขณะจิตเดียวนั้นสำเร็จปุ๊บเดียวเลยลองคิดดูว่า ละเอียดขนาดไหนจิตใจของพวกเรานะ มีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้นที่ทรงทราบโดยละเอียด เพราะฉนั้นพวกเราไม่ต้องทราบโดยละเอียด เพียงแค่เรียนไว้รู้ไว้พอสมควร เวลาปฏิบัติก็ไม่ต้องสนใจรายละเอียด ให้ปฏิบัติตามแบบก็คือ ที่พระองค์สอนเพราะว่า ถ้าจะเอารายละเอียดเยอะเนี่ย ยังไงก็สู้ไม่ไหวเพราะมันละเอียดเกินไป
ฉนั้นทางอภิธัมบางทีก็ละเอียดเกินไป นะ ละเอียดเกินไป นะ
แต่ว่าก็จะดีสำหรับท่านที่สนใจธรรมมะโดยละเอียดจะได้แยกแยะได้ดีเห็นความไม่มีตัวตนได้ชัด นะ
ส่วนเวลาปฏิบัติก็ พระองค์เน้นเจตสิกไหนไปทำงานตรงไหน ตรงไหน ก็เอาตามนั้น 26.42 ประมาณนี้นะครับ
อภิธัม จะเน้น ทำนองลักษณะที่กระจายรายละเอียดออกไปให้เห็นขั้นพื้นฐานของจิตว่า จริงๆมันเป็นยังไงกันแน่
จิตนี้มันไม่ได้อยู่เดี่ยวๆ มันไม่ได้เกิดคนเดียว มันเกิดกับเพื่อนมันคือเจตสิก
เวลามันเกิดก็ต่างคนต่างทำหน้าที่เสร็จสรรพเลยในขณะจิตเดียวนั้นแหละทำนองนี้นะครับ27.03
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่