ลักขะณาทิจะตุกะของโมหะ -- เจตสิกที่ประกอบในอกุศลมูลจิตดวงที่ 1

กระทู้สนทนา
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ต่อไปลักขะณาทิจะตุกะของโมหะ
มุยหันติ เตนะ ,
สะยัง วา มุยหะติ ,
มุยหะนะมัตตะเมวะ วา ตันติ โมโห .
อธิบายโมหะ32.16
เวลาอธิบาย โมหะ ถ้าเป็นแบบบาลีท่านนิยมอธิบายเป็น 3 แบบอย่างนี้ เรียกว่า รูปวิเคราะห์นั่นเอง
นะครับ
มุยกันติ เตนะ อันนี้ มีรูปวิเคราะห์เป็นกะระณะเรียกว่า เป็นเครื่องมือ หรือเป็นสภาวะที่ทำให้เป็นอย่างนี้
สัตว์ทั้งหลายย่อมหลงเพราะโมหะนั้น
คือถ้าไม่มี โมหะ เขาจะไม่หลง
อารมณ์ต่างๆจะไม่ถูกปกปิดความจริงไว้
จะไม่มืด จะไม่ตาบอด
แต่ว่า พอมีโมหะขึ้นมา ตาก็บอด ใจก็บอด มองไม่เห็น อย่างงี้
สัตว์ทั้งหลาย ย่อมหลงเพราะโมหะนั้น
โมหะก็เลยเป็นสภาวะที่ทำให้หลงนั่นเอง
...
ความหมายที่สอง สะยังวา มุยหะติ ,
ความหลงเนี่ย ย่อมหลงเองเลย
ก็มีอาการหลงแล้วก็ มุยหะนะ มัตตะเมวะ ก็เป็นสักแต่ว่าความหลงเท่านั้น
ครับอันนี้วิเคราะห์รูปเป็น กะระณะ เป็นตัวทำให้สัตว์หลง
สะยังวา มุยหะติ วิเคราะห์เป็น กัตตุ ก็คือ ตัวทำให้หลงเอง
ตัวทำให้หลงก็คือ ตัวโมหะ ตัวอื่นทำไม่ได้ ตัวอื่นทำหน้าที่นี้แทนโมหะไม่ได้
มุยหะนะมัตตะเมวะ นี้เป็น ภาวะ แสดงถึงความไม่มีสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
อันนี้ถ้าเรียนอันนี้เยอะก็จะเป็นนักบาลีแล้วนะ
มันผสม ลูกผสม แต่เราเน้นเรียนอภิธัมมาวตาร
ถ้าพูดเรื่องอื่นผสมมาบ้างก็เพื่อเสริมเฉยๆ ถ้าพูดไปยาวๆเดี๋ยวจะกลายเป็นวิชาอื่น 34.00
431

น276

น277

34.00
งั้นต้องพยายามล๊อกเรื่องไว้ นะ เสริมนั่นเสริมนี่เข้าไปนิดๆหน่อยๆ
พอให้ท่านที่สนใจสมมุติว่าอยากจะได้ความรู้เรื่องนั้นเรื่องนี้ก็ไปต่อเอานะ
ต่อไป ลักขะณาทิจะตุกะของโมหะ
ฉนั้นในอภิธัมมาวตารนี่จะเด่นตรงท่านให้ลักษณะที่ดีแล้วก็ความหมายแบบชัดเจนทั้งหมดเลย จิตชนิดต่างๆก็ให้ความหมาย ทั้งหมดอะไรทั้งหมด
เรียกว่า ตัวย่ออันนี้เราได้หมดเลย นะ
เจตสิกแต่ละชนิดเนี่ยมีลักขณาทิจตุกะยังไง 34.35
มีรูปวิเคราะห์อธิบายยังไงนี้บอกไว้หมดเลย เรียกว่า มีคัมภีร์เดียวนี่เป็นคู่มือก็เปิดสบายเลย
บางทีถ้าถือเล่มอื่นได้แต่ชื่อมา เอ๊ะลักษณะเป็นยังไง รูปวิเคราะห์เป็นยังไง ลักขณาทิจตุกะ เป็นยังไง บางทีต้องไปหาหลายเล่มค่อยครบ
ส่วนเล่มนี้เปิดปุ๊บได้หมดเลย รูปวิเคราะห์ก็ได้ ลักขณาทิจตุกะก็ได้ ความเข้าใจพิเศษเพิ่มเติมก็ได้อีก นะ
เรียกว่าได้ความรู้เยอะเลยถ้าเราเรียนคัมภีร์นี้นะครับ35.09
อะ ต่อไป
ลักขณาทิจตุกะ ของ โมหะ 35.13
โส จิตตัสสะ อันธะภาวะลักขะโณ ,
โมหะนั้นมีลักษณะคือ เป็นภาวะความมืดของจิต นา
เป็นความมืดของจิต นา
จิตมันไม่ได้มืดหรอก แต่ว่า โมหะ นี่เป็น อันธะภาวะ อันธะแปลว่ามืด เป็นภาวะมืดแห่งจิต
ไม่ใช่มืดแห่งสัตว์บุคคลตัวตนเราเขา
เพราะสัตว์บุคคลมันไม่มี เป็นความมืดแห่งจิต เนื่องจากโมหะมันเกิดประกอบกับจิต
แต่มันเป็นตัวที่ทำให้จิตมืด
เป็นภาวะที่มืดของจิต
อัญญานะลักขะโณ วา ,
หรือว่าเป็นภาวะที่ตรงข้ามกับความรู้ เป็นภาวะ อัญญาน เต็มไปด้วยความไม่รู้ นา ไม่มีความรู้เป็นภาวะปราศจากญานนั่นเอง
ปราศจากความรู้ เหมือนปราศจากแสง อย่างเช่นตอนนี้มันมีแสงใช่ไหม ถ้าปราศจากแสงแล้วมันจะเป็นยังไง
ภาวะปราศจากแสง ปราศจากแสงอาทิตย์มันก็คือ กลางคืน นั่นเอง
คล้ายกัน อัญญาน ก็คือ ภาวะปราศจากญาน
ปราศจากญานมันเป็นยังไง 36.24
มันก็คือ อัญญาน นี่เข้าใจไหม
ความหมายคือแบบนี้นะครับ
ภาวะปราศจากญานนี้คือ โมหะ นั่นเอง
ครับ ลักษณะท่านแสดงไว้สองอย่าง บางสภาวะแสดงไว้อย่างเดียว บางสภาวะแสดงไว้สองอย่าง
อะสัมปฎิเวธะระโส ,
กิจหน้าที่ของโมหะก็คือ มีกิจหน้าที่ก็คือ ไม่แทงตลอดอารมณ์ ไม่แทงตลอดภาวะของอารมณ์ เป็นกิจของอารมณ์
เจออารมณ์ก็ค้างคาอยู่ที่อารมณ์ ค้างคาติดสมมุติติดนั่นติดนี่ ไม่อาจจะแทงตลอดได้ว่า เอ๊ะอันนี้มันเป็นรูปหรือมันเป็นนาม  มันเป็นอนิจจังทุกขังอนัตตา เหตุผลมันเป็นยังไงไม่รู้เรื่องเลย
ไม่อาจจะแทงตลอด
หรือมีกิจหน้าที่อีกอย่างหนึ่งก็คือ
อารัมมะณะสะภาวัจฉาดะนะระโส  วา ,
โมหะ มีกิจหน้าที่คือ ปกปิดสภาวะแห่งอารมณ์ จะฉาทะนะ แปลว่า ปกปิด
ปกปิดสภาวะแห่งอารมณ์
อารมณ์มันเป็นของไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่เป็นตัวตน สภาวะเป็นรูปเป็นนาม อะไรพวกนี้37.40
โมหะก็จะไปปิดหมดเลย เป็นกิจของโมหะ
อันธะการะปัจจุปัฎฐาโน ,
มีความมืด มีการกระทำความมืด เป็นอาการปรากฎ
มืดหนักๆก็คือ สมมุติเต็มที่ก็คือมืดความสว่างไม่มี คนทั้งแท่ง ของเราทั้งหมด อันนี้คือ มืดตึ๊บเลย
สนิทเลย ประมาณว่า ปราศจากญาน เลย มืด
เหมือนกับปราศจากแสงสว่างก็คือ กลางคืนเลยประมาณนั้น
อันธะการะ เป็นอาการปรากฎ ของโมหะ
อะโยนิโสมะนะสิการะ ปะทัฎฐาโน .
มีอโยนิโสมนสิการเป็นเหตุใกล้ 38.24
432

38.24
โมหะ ก็เป็นของที่ไม่มีตัวตน
เกิดเพราะเหตุ
เหตุคือ อโยนิโสมนสิการ นะ
การใส่ใจ หรือ กระทำไว้ในใจโดยไม่ถูกต้อง
ทีนี้โมหะนี่เกิดที่ชวนะ
มะนะสิการตัวนี้ก็ต้องเป็น มนสิการประเภทที่ทำให้เกิดชวนะ เรียกชื่อว่าอะไรครับ เรียนมาเมื่อสักครู่นี้
ฉนั้นเวลาใช้คำว่า มนสิการ เนี่ย ต้องดูว่ามันอยู่ตรงไหน
ถ้าอยู่ตอนที่จะทำให้เกิดชวนะ เกิดกุศลอกุศล มันก็จะเป็น ชวนะปฎิปาทะกะ

...(คำว่า “มนสิการ” มี ๓ อย่าง ได้แก่
วิถีปฏิปาทกมนสิการ ๑
แล้วก็ชวนปฏิปาทกมนสิการ
แล้วก็อารัมมณปฏิปาทกมนสิการ)...

มนสิการะนี่พอเข้าใจไหมครับ
ถ้าทำให้เกิดวิถี ก็ วิถีปฎิปาทะกะมะนะสิการะ
ถ้าทำให้เกิดการรู้อารมณ์นั้นก็เป็น อารัมมะณะปฎิปาทะกะมะนะสิการะ พอเข้าใจไหม
ใช้คำว่า มนสิการะ แปลว่า บางทีก็ไม่ได้หมายถึง มะนะสิการะเจตสิก 39.25 หรอก
อย่างในที่นี้ อโยนิโสมนสิการะ นี่ไม่ได้หมายถึง มะนะสิการะเจตสิก
หมายถึง มโนทวาราวัชชะนะ พอเข้าใจไหมครับ
นี้ต้องเข้าใจนะ ใช้คำต่างๆบางทีความหมายมันก็เยอะนะ
เอ้าต่อไป 39.43
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่