บทที่ 29 — “ก่อนเสียงจะหายไป“
ลมหายใจของกลางคืนเย็นเฉียบ แฝงกลิ่นบางอย่างคล้ายสนิมเก่า กับบางสิ่งที่กำลังเน่าเปื่อยอยู่ลึกในดิน…
แสงไฟจากเสาไฟฟ้าเก่า ๆ ริมทางสาดแสงกระพริบ ๆ ลงบนพื้นถนนลูกรังที่เปียกชื้น รอยยางรถปรากฏชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่ที่นี่…ว่างเปล่า
หมวดวิสุทธิ์ยืนอยู่คนเดียว ท่ามกลางความเงียบของยามดึก มือข้างหนึ่งถือซองเอกสารสีน้ำตาล — ภายในเป็นข้อมูลลับที่เขาเพิ่งได้รับจากมือใครบางคนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมาหลายครั้งในเอกสารนั้น… “อรสา”
แต่ในใจของเขากลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง — เหมือนชื่อที่เขาเห็น…ไม่ใช่ชื่อของคนที่เขารู้จัก
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง วิสุทธิ์หันไปอย่างระแวดระวัง แต่สิ่งที่เขาเห็นคือร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมยาวสีทึบ ใบหน้าของบุคคลนั้นถูกปกปิดไว้ เงาของเขายืนอยู่ใต้เงาไม้ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของความมืด
“ใคร?” วิสุทธิ์พึมพำ แต่มือข้างที่ถือปืนยังคงนิ่ง
แต่ไม่มีคำตอบ…มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่แผ่วมา
กลิ่นบางอย่างลอยมากับสายลม — กลิ่นฉุนจัด คล้ายยาพิษหรือสารเคมีบางชนิด เขาเริ่มรู้สึกมึน หายใจติดขัด หัวหมุน และภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่า
บุคคลปริศนาเดินเข้ามาใกล้…เงียบ…ช้า…มั่นคง
หมวดวิสุทธิ์พยายามยกปืนขึ้น แต่แขนกลับไม่มีแรง ขาสั่น ทรุดลงในชั่วพริบตา
เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน…คือเสียงกระซิบเบา ๆ
“ขอบใจมากนะ”
แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ เหลือเพียงความมืด และเอกสารในมือที่ปลิวหล่นลงบนพื้นเปียกชื้น
วรรณภพถอดรองเท้า เดินลากขาเข้ามาในบ้านใหญ่เงียบสงบ เสียงฝีเท้าของเขาก้องสะท้อนอยู่ในโถงกลาง ราวกับบ้านทั้งหลังกำลังเฝ้าจับจ้องเขา
เขาหยุดหน้าประตูห้องตัวเอง มือที่กำลังจะเปิดลูกบิดพลันชะงัก เมื่อสังเกตเห็น ซองกระดาษสีเหลืองซีด ๆ ถูกสอดไว้ใต้ประตู
เขาก้มลงหยิบขึ้นมา มันไม่มีชื่อ ไม่มีที่อยู่—แค่กระดาษแผ่นเดียวภายใน
ลายมือที่เขียนบนแผ่นกระดาษนั้นบิดเบี้ยวเหมือนถูกเขียนด้วยมือสั่น ๆ:
“เธอที่อยู่กับคุณตอนนี้…
ไม่ใช่คนที่คุณเคยรู้จัก
รอยยิ้มของเธอ…ไม่ใช่ของเธอ
และถ้าคุณยังอยู่ใกล้เธอ…
คุณจะตายเป็นรายต่อไป”
มือของวรรณภพเย็นเฉียบทันทีที่อ่านจบ เขาหันขวับไปมองทางบันได ราวกับคาดว่าเพิ่งจะมีใครยืนอยู่ตรงนั้น
แต่บ้านยังเงียบงัน…เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
เขายืนอยู่ตรงนั้นนานหลายวินาที ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง กลอนประตูถูกล็อกแน่นจากด้านใน
ไม่มีใครเข้าออกได้
…แต่หน้าต่างห้อง เขาแน่ใจว่าเขาล็อกมันไว้ก่อนออกจากบ้าน
ตอนนี้มันเปิดอ้าออกเหมือนมีใครเพิ่งปีนเข้ามา
และบนหมอนของเขา มีสิ่งหนึ่งวางอยู่…
กระจกเงากลม ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ
ในกระจก มีรอยนิ้วมือเปื้อนสีดำลาง ๆ จาง ๆ ตรงกลาง…เป็นรูปใบหน้าไร้ตา
พิษสวาท อำพราง บทที่29 ก่อนเสียงจะหายไป
ลมหายใจของกลางคืนเย็นเฉียบ แฝงกลิ่นบางอย่างคล้ายสนิมเก่า กับบางสิ่งที่กำลังเน่าเปื่อยอยู่ลึกในดิน…
แสงไฟจากเสาไฟฟ้าเก่า ๆ ริมทางสาดแสงกระพริบ ๆ ลงบนพื้นถนนลูกรังที่เปียกชื้น รอยยางรถปรากฏชัดเหมือนเพิ่งผ่านไปไม่นาน แต่ที่นี่…ว่างเปล่า
หมวดวิสุทธิ์ยืนอยู่คนเดียว ท่ามกลางความเงียบของยามดึก มือข้างหนึ่งถือซองเอกสารสีน้ำตาล — ภายในเป็นข้อมูลลับที่เขาเพิ่งได้รับจากมือใครบางคนเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
ชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมาหลายครั้งในเอกสารนั้น… “อรสา”
แต่ในใจของเขากลับรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง — เหมือนชื่อที่เขาเห็น…ไม่ใช่ชื่อของคนที่เขารู้จัก
เสียงฝีเท้าเบา ๆ ดังขึ้นจากด้านหลัง วิสุทธิ์หันไปอย่างระแวดระวัง แต่สิ่งที่เขาเห็นคือร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อคลุมยาวสีทึบ ใบหน้าของบุคคลนั้นถูกปกปิดไว้ เงาของเขายืนอยู่ใต้เงาไม้ ราวกับเป็นส่วนหนึ่งของความมืด
“ใคร?” วิสุทธิ์พึมพำ แต่มือข้างที่ถือปืนยังคงนิ่ง
แต่ไม่มีคำตอบ…มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ ที่แผ่วมา
กลิ่นบางอย่างลอยมากับสายลม — กลิ่นฉุนจัด คล้ายยาพิษหรือสารเคมีบางชนิด เขาเริ่มรู้สึกมึน หายใจติดขัด หัวหมุน และภาพตรงหน้าก็เริ่มพร่า
บุคคลปริศนาเดินเข้ามาใกล้…เงียบ…ช้า…มั่นคง
หมวดวิสุทธิ์พยายามยกปืนขึ้น แต่แขนกลับไม่มีแรง ขาสั่น ทรุดลงในชั่วพริบตา
เสียงสุดท้ายที่เขาได้ยิน…คือเสียงกระซิบเบา ๆ
“ขอบใจมากนะ”
แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ เหลือเพียงความมืด และเอกสารในมือที่ปลิวหล่นลงบนพื้นเปียกชื้น
วรรณภพถอดรองเท้า เดินลากขาเข้ามาในบ้านใหญ่เงียบสงบ เสียงฝีเท้าของเขาก้องสะท้อนอยู่ในโถงกลาง ราวกับบ้านทั้งหลังกำลังเฝ้าจับจ้องเขา
เขาหยุดหน้าประตูห้องตัวเอง มือที่กำลังจะเปิดลูกบิดพลันชะงัก เมื่อสังเกตเห็น ซองกระดาษสีเหลืองซีด ๆ ถูกสอดไว้ใต้ประตู
เขาก้มลงหยิบขึ้นมา มันไม่มีชื่อ ไม่มีที่อยู่—แค่กระดาษแผ่นเดียวภายใน
ลายมือที่เขียนบนแผ่นกระดาษนั้นบิดเบี้ยวเหมือนถูกเขียนด้วยมือสั่น ๆ:
“เธอที่อยู่กับคุณตอนนี้…
ไม่ใช่คนที่คุณเคยรู้จัก
รอยยิ้มของเธอ…ไม่ใช่ของเธอ
และถ้าคุณยังอยู่ใกล้เธอ…
คุณจะตายเป็นรายต่อไป”
มือของวรรณภพเย็นเฉียบทันทีที่อ่านจบ เขาหันขวับไปมองทางบันได ราวกับคาดว่าเพิ่งจะมีใครยืนอยู่ตรงนั้น
แต่บ้านยังเงียบงัน…เงียบจนเขาได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
เขายืนอยู่ตรงนั้นนานหลายวินาที ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องตัวเอง กลอนประตูถูกล็อกแน่นจากด้านใน
ไม่มีใครเข้าออกได้
…แต่หน้าต่างห้อง เขาแน่ใจว่าเขาล็อกมันไว้ก่อนออกจากบ้าน
ตอนนี้มันเปิดอ้าออกเหมือนมีใครเพิ่งปีนเข้ามา
และบนหมอนของเขา มีสิ่งหนึ่งวางอยู่…
กระจกเงากลม ๆ ขนาดเท่าฝ่ามือ
ในกระจก มีรอยนิ้วมือเปื้อนสีดำลาง ๆ จาง ๆ ตรงกลาง…เป็นรูปใบหน้าไร้ตา