[CR] รีวิว "Red Panda Yakiniku" บุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างเนื้อวากิวเปิดใหม่ติด BTS พญาไท ราคาเริ่มต้นแค่คนละ 469฿+

สำหรับสายชอบทานเนื้อย่างยากินิคุตัวจริงต้องรู้จักร้านนี้เพราะกำลังเป็นกระแสและเพิ่งเปิดไม่นานย่านพญาไทนั่นก็คือ "Red Panda Yakiniku" มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เสิร์ฟเนื้อวากิวคุณภาพดีให้ไม่อั้นตลอด 1.30 ชม. เริ่มต้นแค่คนละ 469 บาท+ และเมนูสุด Signature ซึ่งมักจะอยู่ในภัตตาคารญี่ปุ่นระดับสูงคือ "Yaki-Suki" หรือเนื้อวากิวสไลด์บางราดซอสสุกี้ยากี้ย่างพอสุก-จิ้มกับไข่ดิบสุดฟินก็มีให้กินได้เรื่อยๆ วิธีการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวให้ปักหมุดแล้วขับมาตามแผนที่บนมือถือส่วนเรื่องลานจอดรถนั้นมีบริการ 2 จุดก็คือ 1. ซอยข้างรางรถไฟสถานีพญาไทมีค่าบริการชั่วโมงละ 20 บาท 2. ลานจอดรถภายในตึก CP Tower 3 คิดค่าบริการแบบเหมา 3 ชั่วโมงแรก 20 บาท ส่วนชั่วโมงต่อไปคิดราคาชั่วโมงละ 10 บาท จากนั้นเดินมาที่จุดหมายตรงซอยโกลิตซึ่งอยู่ใต้สะพานลอยสถานี BTS พญาไทประมาณ 250-300 เมตร ก็จะพบกับตึกสีขาวสะอาดห้อยโคมไฟสไตล์ญี่ปุ่นเรียงกัน 4 ดวงพร้อมหน้าต่างกระจกบานใหญ่ตัดเป็นรูปวงกลมใกล้ๆกับประตูทางเข้าอัตโนมัติที่ติดสติกเกอร์รูปน้องแพนด้าแดงแสนน่ารักแบบนี้แสดงว่ามาถูกแล้วครับ ปัจจุบันทางร้านยังคงอยู่ในกระแสนิยมเนื่องจากมีหลายๆเพจแวะเวียนกันเข้าไปรีวิวจึงทำให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเป็นจำนวนมากเลยแนะนำว่า "ควรจองผ่านทางเพจมาก่อน" เพราะไม่เช่นนั้นต้องนั่งรอคิวเป็นเวลานาน ถึงแม้ว่าเราจะเลือกเข้ามากันในวันจันทร์ตอนเปิดเพิ่งร้านใหม่เวลา 15.30 น. เผลอแป๊ปเดียวคนอื่นๆก็มาทานเกือบเต็มร้านแล้วเลยต้องรีบเข้าไปขออนุญาตน้องพนักงานเพื่อเก็บบรรยากาศมุมต่างๆด้านในร้านกันก่อนครับ

บรรยากาศภายในร้านเริ่มจากประตูทางเข้ามีเก้าอี้ให้นั่งรอพร้อมเครื่องวัดอุณหภูมิที่ด้านหลังเป็นฉากซึ่งจำลองเหมือนกำลังนั่งอยู่ภายในโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นที่เรียกว่า "เรียวกัง" มีเงาแพนด้าแดงเดินเล่นอยู่ในป่าไผ่ ส่วนพื้นที่ด้านล่างปูด้วยแผ่นหินสีดำกับสวนหินขนาดเล็กให้ความหรูหราชวนถ่ายรูปมาก (ถ้าเปลี่ยนเก้าอี้นั่งรอจากหลากสีสันเป็นโซฟาไม้ที่มีความเข้ากันมากกว่านี้) สำหรับที่นั่งต่างๆมองเข้ามาจากด้านนอกตรงกระจกวงกลมจะเห็นว่ามีลูกค้าท่านอื่นนั่งอยู่เป็นโต๊ะยาวนั่งห้อยขาแบบญี่ปุ่นรองรับได้ 8-10 คน ถัดเข้ามาอีกหน่อยเป็นเหมือนโต๊ะฮันนีมูนริมหน้าต่างกันฉากไม้นั่งได้ 2-4 คน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นโต๊ะขนาดเล็กสุดสำหรับนั่งทานปิ้งย่างกันเป็นคู่ๆ ถ้าใครยกพวกมากันเป็นกลุ่มใหญ่แนะนำให้จองโซนกลางร้านซึ่งเป็นโต๊ะยาวเรียงกันรองรับได้สูงสุด 12 ที่นั่ง และที่สำคัญก็คือเก้าอี้ทรงกระบอกทั้งหมดภายในร้านสามารถเปิดเบาะรองก้นออกมาใส่กระเป๋า-สัมภาระต่างๆลงไปเก็บเพื่อป้องกันกลิ่นควันได้เหมือนที่ประเทศญี่ปุ่น สุดท้ายก็คือโซนที่เราจองมาเป็นด้านหน้าครัวประกอบไปด้วยโต๊ะขนาดกลางสำหรับ 4 คน และโต๊ะขนาดใหญ่สามารถนั่งเป็นกลุ่มได้สูงสุดถึง 6 คน โดยการตกแต่งภายในร้านทั้งหมดเน้นความเป็นเรียวกังจึง มีความเป็นญี่ปุ่นโบราณอย่างเต็มเปี่ยม/หรูหราและชวนนั่งสบายๆเหมือนมานั่งทานอยู่ร้านใจกลางทองหล่อเลยครับ

เมื่อเรามานั่งที่โต๊ะน้องพนักงานก็จะถามเลยว่าจะทานบุฟเฟ่ต์ราคาเท่าไหร่ซึ่งมีให้บริการ 2 ระดับคือ 469 บาทและ 699 บาท (ไม่รวมเครื่องดื่มและ Vat. 7%) โดยสามารถดูรายการอาหารของแต่ละระดับราคาพร้อมกติกาได้ที่ลิงก์นี้ https://anyflip.com/dypwn/nzpv/ ซึ่งเราเลือกเป็นเมนู "Premium Buffet" ราคาคนละ 699 บาท+ สั่งอาหารได้รวมกว่า 61 รายการและไม่มีขนมหวานเสิร์ฟให้แต่ก็สามารถร่วมสนุกกับกิจกรรมเช็กอินของทางร้านได้ตามกติกาที่เขียนเอาไว้ด้านล่างซ้ายของใบสั่งอาหารฟรีคนละถ้วย โดยระบบของทางร้านใช้กระดาษพิมพ์ตารางเป็นสีเคลือบด้วยพลาสติกใสสำหรับใช้งานระยะยาวถ้าอยากกินอะไรก็ใช้ปากกาเคมีเขียนจำนวนลงไปในช่องว่างยกเว้นแค่บางรายการที่ต้องวงกลมเลือกจำนวนเพราะจำกัดการสั่งได้ครั้งละไม่เกิน 2 ที่เนื่องจากเป็นเนื้อชุดใหญ่ (กินหมดแล้วก็สั่งใหม่ได้เรื่อยๆ) ถ้าทานไม่หมดทางร้านปรับเป็นแบบเหมาอีกคนละ 250 บาท ส่งใบสั่งอาหารให้กับพนักงานแล้วเรามาโฟกัสที่น้ำจิ้มกันต่อซึ่งมีให้เลือกทาน 3 สูตรคือ 1. เกลือหิมาลายันสีชมพูรสชาติเค็มกลมกล่อมผสมพริกไทยดำบดสดจากกระปุกหอมๆเพื่อรับความหอมที่แท้จริงของเนื้อวากิวแบบร้านสเต๊ก 2. น้ำจิ้มยากินิคุสูตรเข้มข้นที่ชิมแล้วรู้เลยว่าทางร้านปรุงเองเพราะสัมผัสหนืดรสหวานเค็มกลมกล่อมหนักกลิ่นขิง/มิริน/สาเก เพิ่มความแซ่บด้วยพริกสด/กระเทียมสับได้ตามใจ แต่ถ้าต้องการความแซ่บถึงใจสุดๆก็ต้อง 3. น้ำจิ้มซีฟู้ดที่กล้าพูดเลยว่าเผ็ดเปรี้ยวดีที่สุดในบรรดาร้านบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างที่เคยรีวิวมาเข้มข้นด้วยกระเทียมบดพริกสดหอมน้ำมะนาวเตะจมูกสะใจมากๆครับ

นั่งไปสักพักเครื่องเคียงต่างๆก็ถูกยกออกมาเสิร์ฟก่อนอย่างรวดเร็วเริ่มต้นกันที่ "กิมจิ" มีสีแดงสวยงามรสชาติเผ็ดเค็มอมหวานสัมผัสกรุบกรอบเคี้ยวสนุก/ "ยำสาหร่าย" สีเขียวสดรสหวานอมเปรี้ยวหอมน้ำมันงาตามมาตรฐานทั่วไป/ "ถั่วแระญี่ปุ่น" หรือเอดามาเมะเม็ดใหญ่อวบเนื้อแน่นเคี้ยวมันรสเค็มเกลือกลมกล่อม / "ครีบหอยเชลล์ซอสงา" รสชาติหวานนำเค็มหอมกลิ่นน้ำมันงาเข้ากับครีบหอยเชลล์สีขาวเคี้ยวกรุบกรอบสู้ฟันนิดๆได้เป็นอย่างดี / "เนกิดาเระ" หรือต้นหอมญี่ปุ่นซอยเอาไปคลุกกับเกลือแล้วบีบน้ำส่วนเกินออกเพื่อลดกลิ่นฉุนให้หวานละมุน แล้วปรุงรสก่อนเสิร์ฟด้วยเกลือและพริกไทยอีกเล็กน้อยไว้ห่อทานกับยากินิคุให้ความสดชื่นช่วยแก้เลี่ยนจากไขมันของเนื้อวัวได้ดีสุดๆ / "ซาชิมิปูอัด" คุณภาพอยู่ในระดับทั่วไปรสหวานเนื้อเด้งหอมกลิ่นปูผสมแป้งนิดๆ / "ไข่หวาน" สีเหลืองสวยม้วนเรียงกันเป็นชั้นๆรสหวานหอมน้ำซุปปลาฉ่ำแตกในปากเวลาเคี้ยวไว้ทานเพลินๆระหว่างรอเนื้อย่างสุก / "ข้าวผัดกระเทียมเรดแพนด้า" ใช้ข้าวญี่ปุ่นแบบเมล็ดอ้วนกลมผัดมาสีสันดูเหมือนจะจืดแต่ก็มีรสชาติผสมกลิ่นเนยกระเทียมเจียวและพริกไทยให้ความเผ็ดร้อนเล็กน้อยปิดท้ายด้วยการโรยต้นหอมซอย จุดเด่นของชามนี้ก็คือไม่มันเลี่ยนจึงเข้ากับเนื้อย่างได้ดีกว่าข้าวผัดที่เสิร์ฟในร้านยากินิคุทั่วไปนั่นเองครับ สุดท้าย "ซุปมิโสะ" พื้นฐานเป็นน้ำดาชิสุดอูมามิใส่เต้าหู้อ่อนกับวากาเมะผสมมิโสะขาวและโรยต้นหอม รสค่อนข้างเค็มเบาๆจึงได้ความสดชื่นซดเพลินมากกว่าครับผม

ระหว่างกำลังทาน Side Dish เพลินๆเตาก็ถูกยกออกมาวางในหลุมกลางโต๊ะโดยใช้ถ่านไม้ก้อนใหญ่สีแดงร้อนแรงพิเศษเหมาะสำหรับการย่างเนื้อให้สุกเกรียมด้านนอกแต่ข้างในคงความชุ่มฉ่ำเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ประเดิมกันที่เมนู Signature สุดพรีเมี่ยมอย่างแรกที่มาแล้วต้องสั่งคือ "เนกิดาเระวากิว" โดยทุกๆจานในร้านที่ขึ้นชื่อว่า "วากิว" เราได้สอบถามน้องพนักงานมาแล้วว่าคือ "Tajima Wagyu" คัดมาเฉพาะ MBS หรือ Marble Score ระดับ 4/5 เกรดพิเศษนำเข้าจากประเทศออสเตรเลียโดยจุดเด่นของเนื้อวัวชนิดนี้ก็คือมีชั้นไขมันสวยงามรวมถึงรสชาติกับกลิ่นเข้มข้นแต่ไม่รุนแรงจนเหม็นสาบและเหนียวแบบสายพันธุ์ออสเตรเลียแท้ 100% เพราะเอาข้อด้อยจุดนั้นออกไปด้วยเลือดของพ่อพันธุ์วากิวญี่ปุ่นอีกทั้งยังถูกเลี้ยงดูจากฟาร์มผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางจึงออกมาดูดีอย่างที่เห็น ส่วนที่ทางร้านเอามาเสิร์ฟเราคิดว่าน่าจะเป็นสันนอกแทรกไขมันและติดขอบเล็กน้อยสไลด์เป็นแผ่นใหญ่บางๆ วิธีการย่างก็คือคีบลงในเตาถ่านร้อนๆให้พอสุกสีอมชมพูพร้อมกับวาง "เนกิดาเระ" เอาไว้ด้านบนเล็กน้อยก็พร้อมนำเข้าปากได้ทันทีจะได้ความหอมนุ่มชุ่มฉ่ำของน้ำเนื้อและไขมันทาจิมะวากิวคุณภาพดีไหลเอ่อล้นแน่นเต็มๆปาก ตัดเลี่ยนด้วยต้นหอมญี่ปุ่นซอยปรุงรสช่วยเพิ่มความหวานสดชื่นทำให้กินได้อีกเรื่อยๆโดยไม่ต้องเรียกหาน้ำจิ้มเพิ่มแต่อย่างใดเลยครับผม

จานต่อมาเป็นเนื้อสไลด์ชุดใหญ่ซึ่งเป็นอีกเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ "เซตพรีเมี่ยมวากิว" มีข้อจำกัดในการสั่งเพียงครั้งละ 1-2 ชุดเท่านั้นเพราะเสิร์ฟมาแบบอลังการสุดๆ โดยประกอบไปด้วยเนื้อทั้งหมด 4 ส่วนได้แก่ 1. ทาจิยามะสันนอกสไลด์หนาชิ้นพอคำ 2. โบริสุเกะเสือร้องไห้สไลด์บางส่วนท้องชั้นไขมันหนา 3. ฮารามิกะบังลมมีไขมันน้อยแต่เนื้อนุ่มเคี้ยวเพลิน สุดท้าย 4. เซนไดกิวทังหรือลิ้นวัวสไลด์บางมีแทรกชั้นไขมันย่างให้เกรียมหน่อยเคี้ยวกรุบกรอบเพลินๆ โดยวิธีการทานชุดนี้ทางร้านแนะนำ 2 รูปแบบก็คือ 1. นำลงย่างบนเตาถ่านให้พอสุกแล้วบิดเกลือหิมาลายันและพริกไทยดำลงไปเล็กน้อยเพื่อลิ้มลองความอร่อยที่แท้จริงของเนื้อวากิว 2. ย่างให้พอสุกอมชมพูแล้วจิ้มลงในซอสยากินิคุสูตรพิเศษของทางร้านรสหวานเค็มกลมกล่อมหอมกลิ่นขิงผสมมิรินและสาเกได้อย่างสดชื่นลงตัวเพื่อรับความอร่อยสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ ซึ่งโดยรวมถือว่าพรีเมี่ยมสมชื่อแต่บางรายการในจานนี้ไม่มีให้สั่งแยกซึ่งคิดว่าน่าจะมีบางส่วนที่ราคาค่อนข้างแพงกว่าปกติ ยังไงก็อย่าบุ่มบ่ามให้ค่อยๆสั่งมาทีละนิดไม่งั้นโดนปรับเพิ่ม 250 บาท นะครับ

เมนูต่อไปเราตั้งใจมาเพื่อกินจานนี้โดยเฉพาะนั่นก็คือ "ยากิสุกี้" ถ้าให้อธิบายง่ายๆมันก็คือเนื้อวากิวซึ่งร้านเลือกใช้เฉพาะส่วนท้องแทรกไขมันเป็นชั้นอย่างเสือร้องไห้เอามาสไลด์ให้บางวางเรียงกันอย่างสวยงาม ก่อนจะนำไปเสิร์ฟก็ราดด้วยซอสสุกี้ยากี้สูตรเข้มข้นพิเศษและโรยด้วยงาขาวพร้อมไข่ไก่ดิบอีกฟอง ส่วนวิธีการทานก็เหมือนกับชาบูชาบูแค่เปลี่ยนจากการเอาไปลวกในหม้อมาย่างบนเตาถ่านให้เนื้อพอสุกเกรียมนิดๆมีสีอมชมพูก็จิ้มลงในไข่ไก่ดิบพร้อมเข้าปากได้ทันที ซึ่งมีจุดเด่นที่อร่อยเด็ดแตกต่างจากการแบบชาบูหลายอย่างเริ่มจากซอสสุกี้ยากี้รสหวานเค็มเข้มข้นกลมกล่อมเคลือบเนื้อเอาไว้ราวกับคาราเมลหอมกลิ่นถ่าน ส่วนไข่ไก่ดิบมีหน้าที่ทำให้ความร้อนของเนื้อลดลงและยังช่วยเพิ่มความหอมมันชวนไหลลื่นลงคอมากยิ่งขึ้นและได้เคี้ยวสนุกมากกว่าการลวกในหม้อปกติ ถือเป็นการเอาจานราคาแพงในภัตตาคารยากินิคุสุดหรูระดับแนวหน้ามาเสิร์ฟให้ลูกค้าทั่วไปได้รับประสบการณ์อันแปลกใหม่ ไม่เหมือนร้านบุฟเฟ่ต์เนื้อย่างสไตล์ญี่ปุ่นเจ้าอื่นๆที่อยู่ในระดับราคาเดียวกันโดยจะเรียกว่าทำเป็นรายแรกก่อนใครเลยก็ได้ครับ
ชื่อสินค้า:   Red Panda Yakiniku
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่