[CR] 🇫🇷 Guy Savoy - กี ซาวัว ร้านอาหารฝรั่งเศส 3 ดาวมิชลินของปรมาจารย์ผู้เป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ

👉🏻ก่อนเข้ารีวิวเราขอแนะนำแฟนเพจ FB ของเราสักนิด เราเปิดขึ้นมาเพื่อรวบรวมร้านอาหารทั้งในและต่างประเทศมากมาย มาแบ่งปันกัน ฝากกดไลค์ กดแชร เป็นกำลังใจให้พวกเราด้วยนะค้าาา
    📍 FB: ตามล่า Fine Dining
    📌 IG: Fine Dining lover 
     และช่องทางใหม่ทาง Youtube :  ตามล่า Fine Dining

🇫🇷 Guy Savoy - กี ซาวัว
 
⭐️⭐️⭐️ 3 Michein Stars - 3 ดาวมิชลิน
 
🍴 Creative - อาหารเชิงความคิดสร้างสรรค์

🎗 [Intro] รีวิวฉบับนี้ขอกล่าวถึงห้องอาหารฝรั่งเศสเรือธงของเชฟระดับปรมาจารย์ผู้ได้รับการยอมรับจากเหล่าเชฟทั่วโลกว่าเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจ ทั้งยังถูกยกให้เป็นห้องอาหารอันดับ 1 จากการจัดรายชื่อร้านอาหารทั่วโลกของ La Liste ถึง 4 ปีติดต่อกัน นั่นก็คือ Restaurant Guy Savoy ห้องอาหารระดับ3 ดาวมิชลินซึ่งตั้งอยู่ในเขต 6 กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสนั่นเอง

🎗 [The Place] Monnaie de Paris เป็นโรงกษาปณ์เก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ตัวอาคารออกแบบโดยJacques-Denis Antoine สถาปนิคชื่อดังในยุคนั้นโดยใช้สถาปัตยกรรมสไตล์ Neoclassical และก่อสร้างขึ้นระหว่างปี 1767-1775 บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Seine ไม่ไกลกันจากสะพาน Pont Neuf เจ้าของอาคารในปัจจุบันคือรัฐบาลฝรั่งเศสได้แบ่งพื้นที่บริเวณชั้นสองให้เป็นที่ตั้งของห้องอาหารที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลกอย่าง Restaurant Guy Savoy ลูกค้าสามารถขับรถมาที่ร้านโดยจะมีพนักงานต้อนรับนำรถไปจอดแบบValet Parking เดินขึ้นมาบนชั้นสองของตัวอาคารจะพบกับห้องรับรองสุดตระการตาพร้อมพนักงานต้อนรับคอยตรวจเชคการจองและรับฝากสัมภาระต่าง ๆ เชฟ Guy Savoy ได้ขอให้ Jean-Michel Wilmotte เพื่อนสถาปนิกคนสนิทออกแบบห้องอาหารโดยมีโจทย์คือการผสมผสานความโมเดิร์นของศตวรรษที่ 21 เข้ากับงานศิลปะยุคเก่า โต๊ะกลมแต่ละตัวถูกปูทับด้วยผ้าสีขาวดูโดดเด่นเมื่อเทียบกับผนังไม้สีดำเข้ม ไฟสปอตไลท์ถูกเซ็ตให้ส่องจากเพดานมายังกลางโต๊ะราวกับเป็นเวทีรองรับการจัดแสดงทางอาหารอันยิ่งใหญ่ เทเบิ้ลแวร์ต่าง ๆ ทั้ง Three-compartment plate, Perforated plate, Surprise cup, Salad bowl รวมไปถึงมีดสำหรับหั่นเนื้อ Ulu และ Savik ถูกออกแบบโดยดีไซเนอร์ชื่อดัง Bruno Moretti แต่สิ่งที่โดดเด่นจนกลายเป็นภาพติดตาของแขกทุกคนคือจานสีขาวรูปยิ้มที่มีชื่อผลงานว่า The smile of Virginia Mo วางประดับต้อนรับลูกค้าอยู่บนโต๊ะ ทุกใบเป็นงานแฮนเมดขึ้นรูปโดย Un Jour d’Atelier เวิร์คชอปในเขต 14 ของกรุงปารีส โดยใช้ดินโคลนจากเหมืองในแคว้นนอร์มังดีมาขึ้นรูปเป็น Faience หรือเครื่องดินเผาเอิร์ธเทนแวร์สไตล์ฝรั่งเศส ยังมีงานเครื่องแก้วที่มีชื่อเฉพาะตัวว่า Coloured water droplets ออกแบบโดยLaurent Beyne ช่วยแต่งแต้มให้โต๊ะอาหารมีสีสันมากยิ่งขึ้น ห้องทานอาหารหลักถูกแบ่งออกเป็น 6 ส่วนคือ Belles Bacchantes, Vert Galant, Bibliothèque, Bouquinistes, Scènes de Paris และ Académes ทุกห้องเชื่อมกันด้วยประตูไม้และตกแต่งอย่างหรูหราสมกับเป็นร้านระดับ 3 ดาวมิชลินที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งในโลก หน้าต่างบานใหญ่เปิดโล่งเเสดงวิวของท่าเรือ Quai de Conti เกาะ Île de la Cité พิพิธภัณฑ์ Louvre และแม่น้ำ Seine อันสวยงาม เพดานสูงถูกประดับด้วยกระจกเงาเพื่อสะท้อนแสงจากภายนอกเข้าสู่ภายในตามคอนเซป ‘bring the outside in’ สุดท้ายคือภาพวาด รูปปั้น และงานอีกมากมายกระจายตัวอยู่แทบทุกส่วนของร้านราวกับเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงงานศิลปะขนาดย่อ

🎗 [The Chef] Guy Savoy เกิดในปี ค.ศ. 1953 ที่เมือง Nevers และเติบโตขึ้นในเมือง Isère แคว้นBourgoin-Jallieu ประเทศฝรั่งเศส บิดาของเขามีอาชีพเป็นคนสวนส่วนมารดาเป็นเจ้าของบาร์ซึ่งได้ขยับขยายเป็นร้านอาหารฟาสฟู้ดและห้องอาหารในเวลาต่อมา Guy Savoy ตัดสินใจเลือกเป็นเชฟเมื่ออายุได้15 ปีโดยเริ่มจากการฝึกงานกับนักทำช็อกโกแลตท้องถิ่นชื่อ Louis Marchand ส่วนเส้นทางสาย Haute Cuisine เริ่มต้นจากการเข้าทำงานที่ห้องอาหาร 3 ดาวมิชลินระดับตำนานอย่าง Maison Troigros ของพี่น้อง Troigros ในเมือง Roanne หลังจากฝึกงานอยู่ร่วม 3 ปี เชฟได้ย้ายไปร่วมงานกับห้องอาหารอีกหลายแห่งคือ Lasserre ในกรุง Paris, Lion d'Or (Michelin Plate) ในกรุง Geneva  และ L'Oasis (Michelin Plate) ใน La Napoule ตามลำดับ ต่อมาในปี ค.ศ. 1980 เชฟ Claude Verger ได้มอบหมายงานห้องอาหารLa Barrière de Clichy (Michelin Plate) ให้เชฟ Guy Savoy ควบคุมอยู่ได้ 2 ปีก่อนที่เชฟจะเปิดร้านอาหารเป็นของตัวเองในชื่อ Restaurant Guy Savoy ขึ้นที่ Rue Duret ในกรุง Paris และมีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่นักชิมจนกระทั่งในปี ค.ศ. 1985 ก็สามารถสามารถคว้ารางวัล ⭐️⭐️ 2 Michelin Stars มาครองได้สำเร็จ ด้วยความนิยมอย่างล้นหลามทำให้เชฟตัดสินใจย้ายตำแหน่งของร้านไปอยู่ที่ Rue Troyon ในปีค.ศ. 1987 พร้อมขนาดห้องอาหารที่ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก หมุดหมายสำคัญเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ปีค.ศ. 2002 เชฟเล่าว่าตอนนั้นเป็นเวลา 9 โมง 50 นาที เมื่อ Michelin Director ได้โทรเข้ามาเพื่อแจ้งข่าวว่าMichelin Guide ประเทศฝรั่งเศสได้มอบรางวัล ⭐️⭐️⭐️ 3 Michelin Stars พ่วงด้วยรางวัล Chef of The Year ให้กับเชฟและห้องอาหาร Guy Savoy นับเป็นจุดที่สว่างไสวที่สุดในสายอาชีพของเขาเลยทีเดียว ในเดือนพฤษภาคมปี ค.ศ. 2015 ตัวร้านได้ย้ายมาอยู่ ณ ชั้นสองของ Monnaie de Paris, 11 Quai de Conti เขตที่ 6 ของกรุง Paris จนถึงปัจจุบันเชฟ Guy Savoy ได้ขยับขยายกิจการโดยการเปิดห้องอาหารเพิ่มเติมอีกหลายแห่งเช่น L’Atelier Maître Albert (🍽 Michelin Plate) ทางฝั่งซ้ายของแม่น้ำ Seine, Le Chiberta (⭐️ 1 Michelin Star), Supu Ramen รวมไปถึง Restaurant Guy Savoy ร้านพี่น้องขึ้นอีกแห่งใน Las Vegas ประเทศสหรัฐอเมริกา ในด้านของ Awards หรือรางวัลต่างๆ Restaurant Guy Savoy ถูกยกให้เป็นห้องอาหารอันดับ 1 ใน La Liste เป็นระยะเวลา 4 ปีติดต่อกัน, รางวัล 3 Pudlowski Plate และรางวัล Le Cinq d'Or จาก Galut & Millau ตัวเชฟ Guy Savoy เองยังเป็นหนึ่งในสมาชิก Gault & Millau Academy, รางวัล Prix du Rayonnement Gastronomique Français ปี 2018 และเครื่องอิสริยาภรณ์เลฌียงดอเนอร์(Legion d’Honneur) สำหรับงานด้านอื่น ๆ นอกเหนือจากอาชีพเชฟ Guy Savoy เคยออกหนังสือเกี่ยวกับอาหารมากถึง 10 เล่ม ทั้งยังเคยรับงานพากษ์เสียงเป็น Sous-chef Horst ในภาพยนต์อนิเมชั่นของ Pixar เรื่อง Ratatouille ในเวอร์ชั่นภาษาฝรั่งเศสอีกด้วย

🎗 [The Food] ลูกค้าสามารถเลือกทานเมนู À LA CARTE ได้ตามใจชอบ แต่ด้วยราคาต่อจานที่ค่อนข้างสูงเราจึงอยากให้เพื่อน ๆ ข้ามไปพิจารณาเซ็ตเมนูมากกว่าโดยเริ่มจากเซ็ตมื้อกลางวันสุดคุ้มค่า(สำหรับกรุงปารีส) ที่เรียกว่า MENU DIGITAL ตั้งราคาเอาไว้เพียง 130 €/p หรือประมาณ 5,000 บาท/คนเท่านั้น โดยทางร้านจะจัดเตรียมโต๊ะจำนวน 5 โต๊ะ (Les Cinq Table) เอาไว้สำหรับรองรับลูกค้ากลุ่มนี้อย่างไรก็ตามต้องขอบอกก่อนเลยว่าจำนวนที่นั่งส่วนนี้มักถูกจองเต็มภายในระยะเวลาไม่กี่วินาที ถัดมาคือเซ็ตเมนูที่ดีที่สุดของทางร้านอย่าง ‘COLOURS, TEXTURES & FLAVOURS’ IN 13 COURSES… OR MORE! ซึ่งตั้งราคาเอาไว้สูงลิบถึง 490 €/p หรือราวๆ 18,000 บาท/คน ซึ่งเป็นรายการที่เราหยิบมาแนะนำกันในวันนี้โดยขอยกจานที่ทำออกมาได้ชนิดหาใครเทียบได้ยากสัก 3-4 อย่าง คือ

✨ 'Colours of caviar', with smoked sabayon
Colors of caviar, sabayon fumé dans l'œf
Caviar cream, caviar vinaigrette and a purée of Savoy cabbage; served with Royal and Baeri caviars and a smoked sabayon.
 
สุดยอดเมนู Signature Dish ของเชฟ Guy Savoy เป็นคอร์สที่จัดเสิร์ฟใน Restaurant Guy Savoy ทั้งสาขาหลักในกรุง Paris และสาขา Las Vegas ทั้งยังไม่เคยถูกถอดออกจากเมนูมาอย่างยาวนาน ขั้นตอนแรกพนักงานจะนำไข่ใส่มาในกองฟางมาวางแสดงให้ดูบนโต๊ะ จากนั้นก็ทุบแล้วปอกเปลือกต่อหน้าลูกค้าภายในเป็นไข่ที่ผ่านการคนจนกลายเป็นซาบายอน พนักงานจะเททอปลงไปคาเวียร์ต่อหน้าลูกค้าที่โต๊ะปกติแล้วคาเวียร์เป็นวัตถุดิบที่มักถูกนำเสนอออกมาโดด ๆ โดยมีองค์ประกอบอื่นล้อมรอบแต่เชฟ Guy Savoy เกิดไอเดียที่แตกต่างโดยการนำคาเวียร์มาเสิร์ฟปนไปกับองค์ประกอบอื่น ๆ โดยในถ้วยถูกแบ่งออกเป็นชั้น ๆ เริ่มจากชั้นสีดำด้านล่างคือ Vinaigrette ของคาเวียร์ ชั้นถัดมามีสีขาวคือคาเวียร์ครีมเลเยอร์สีเขียวเป็นครีมหรือพูเรทำมาจากกะหล่ำปลีซาวอย (สำหรับสาขา Las Vegas จะเปลี่ยนเป็นพูเรGreen Bean) ด้านบนเป็นไข่ปลาสองชนิดคือ Royal และ Baeri Caviar ใส่มาเกือบเต็มแก้วให้รสชาติเค็มและกลิ่นของทะเล สุดท้ายคือซาบายอนที่ได้การการนำไข่ไก่ไปคน (Scrambled) จนมีความครีมมี่ นุ่มละมุนลิ้นสุด ๆ จัดว่าเป็นเป็นสุดยอดเมนูที่มีสีสันหลากหลาย มีอุณหภูมิที่แตกต่าง และมีเนื้อสัมผัสที่แตกต่างกันในหลายระดับ เป็นจานที่เต็มไปด้วยเทคนิคอันซับซ้อน แต่ไม่ทิ้งความเรียบง่ายและเข้ากันของรสชาติ สุดยอดมากๆ (20/20)
 

✨ Oven-baked John Dory with a delicate shellfish parcel
Saint-Pierre au four, un sac éphémère de coquillages
Lightly baked John Dory with a ravigote flavoured with sea herbs; shellfish en papilote, 'marinière' jus with mushrooms.
 
ปลา Saint-Pierre หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของปลา “จอห์น โดรี่” โดยขั้นตอนแรกพนักงานจะนำหอยCockles และพืชทะเลชื่อว่า Salicornia ปรุงในรูปแบบ en papilote มาในถุงเพื่อกัก Shellfish Jus หรือน้ำจากตัวหอยเอาไว้ เมื่ออบได้ที่น้ำจากทั้งหอยและ Salicornia จะผสมรวมกันเป็นซอส Ravigote จากนั้นจึงค่อย ๆ ตัดถุงออกแล้วนำมาวางเรียงบนจานต่อหน้าลูกค้า เพียงแค่ถุงเปิดออก กลิ่นหอมและอโรม่าของทะเลก็พรั่งพรูออกมาชวนน้ำลายสอสุด ๆ เนื้อปลาจอห์น โดรี่ ผ่านการอบมาเพียงชั่วครู่จึงมีเนื้อสัมผัสนุ่มลิ้นมาก ๆ จนเกือบจะละลายได้ในปาก เป็นความเพอร์เฟคของเนื้อสัมผัสของปลาชิ้นหนึ่งที่เรายังจดจำมาได้จนถึงตอนนี้ ด้านบนทอปด้วยหอยหลอดเสิร์ฟมาในฝาของตัวเอง ด้านล่างมี Chive หอยกาบข้าง ๆ กันมีความหนึบได้ระดับ สังเกตได้จากการที่เนื้อหอยไม่หดตัวลงแม้แต่น้อย การที่เชฟกัก Shellfish jus เอาไว้ทำให้สามารถในจานมีอโรม่าของหอยอยู่เต็มเปี่ยม พืชทะเล Salicornia ช่วยดับกลิ่นคาวและกลิ่นเฉพาะตัวของหอยได้หมดจด ความนุ่มของเนื้อปลาและความหนึบของเนื้อหอยจะทำให้เกิดมิติทางเนื้อสัมผัสแตกต่างกันออกไปในแต่ละคำ ซอส Marinière ทำมาจาก Saint-Pierre Jus หรือน้ำจากตัวปลาเองให้กลิ่นอายของทะเล ทั้งยังมีรสชาติออกเปรี้ยวนิด ๆ จาก Beurre Blanc และมีความเป็นไอโอดีนจากพืชSalicornia มีความ Earthy เบา ๆ จากเห็ด หากสังเกตดี ๆ จะพบ Lime Caviar เคี้ยวกรึบแอบอยู่ในSalicornia ถือเป็นอีกหนึ่งจานที่เชฟ Guy Savoy แสดงให้เราเห็นถึงความซับซ้อนและหลากหลายทั้งในรสชาติ กลิ่น เนื้อสัมผัสในอาหารเพียงจานเดียว (20/20)

ติดตามความอร่อยกันต่อในคอมเม้นกันนะค้าาา
และที่สำคัญอย่าลืมกเไลค์ กดแชร แฟนเพจ fb : ตามล่า Fine Dining ของเราด้วยนะค้าา เร็วๆนี้เราจะมีช่องยูทูปของเราด้วย ช่วงนี้อยู่ในช่วงฝึกหัด เป็นกำลังใจให้เราด้วยนะค้า เปิดประเทศเมื่อไหร่ มีคลิปทั้งกิน ทั้งเที่ยวให้ดูกันเพลินๆแน่นอน
ชื่อสินค้า:   🇫🇷 Guy Savoy - กี ซาวัว
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่