TWO TOP สองอันตราย - [บทบูรพารุกราน] - ตอนที่ 17 : ผู้มาเยือน

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

====================================================================================

ตอนที่ 17 : ผู้มาเยือน    

        
    จากการต่อสู้ที่เกมเซ็นเตอร์ ทำให้เกมมาสเตอร์ แม็กกี้บาดเจ็บหนัก จนต้องนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล

    ปรีและพวกสี่ขุนพล รวมทั้งเจผู้ร่วมเหตุการณ์เดียวกับแม็กกี้ต่างไปเยี่ยมหนุ่มนักเล่นเกม อาการของเขาตอนนี้ก็ดีขึ้นบ้างแล้ว สามารถลุกขึ้นมาแอบเล่นการพนันที่ตัวเองชอบได้

    “หนักเหมือนกันนะ” สู้คราใดต้องปราชัย เชน หนึ่งในสองผู้คุมตึกอุตสาหกรรมเช่นเดียวกับแม็กกี้พูดขึ้นมา

    แม็กกี้ยิ้มตอบแม้จะยังบาดเจ็บอยู่ “...ก็แทบแย่เลย”

    “ได้ยินมาว่าคู่ต่อสู้ของนายเป็นพวกจักรวรรดิบูรพา” คราวนี้เฮอมิต ใหญ่ ลูกพี่ของเขาพูดขึ้นบ้าง

    “ใช่ครับพี่” แม็กกี้พยักหน้ารับ “แถมไม่ใช่แค่เด็กจักรวรรดิบูรพาธรรมดาเสียด้วย มันเป็นหนึ่งในห้าผู้คุมกฎ”

    “ห้าผู้คุมกฎหรือ..” ใหญ่ทำท่าครุ่นคิด “มิน่าล่ะ ...มันถึงทำแกได้ถึงขนาดนี้”

    “แล้วไอ้ห้าผู้คุมกฎมันคืออะไรเหรอ? ..ฉันไม่รู้จักน่ะ” เจถามขึ้นบ้าง เขาบาดเจ็บไม่หนักเท่าไหร่ จึงไม่ต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาล ส่วนคำถามที่เจถามนี้ เขาสงสัยมาตั้งแต่แรกแล้ว แต่ยังไม่มีโอกาสได้ถามซะที

    “ก็เหมือน ๆ กับสี่ขุนพลอย่างฉันนี่แหละ” ฤาษีหนุ่มตอบ “เป็นตำแหน่งที่เป็นผู้คุมดูแลแผนกต่าง ๆ ของโรงเรียนจักรวรรดิบูรพา”

    “โห... งั้นก็แสดงว่าโรงเรียนนั้นก็มีจักรพรรดิเหมือนกับเราสิ”

    “ถูกต้อง” ใหญ่พยักหน้า “จะว่าไปจักรพรรดิน่ะ ..มันก็ไม่ได้มีแค่โรงเรียนเราหรอก โรงเรียนในแถบนี้ที่ร้าย ๆ จะมีหัวหน้าใหญ่คอยควบคุมเหล่านักเรียนของตัวเองอยู่หมด โดยเฉพาะสี่โรงเรียนจตุรทิศในเขตพื้นที่นี้”

    เรื่องที่ยังไม่รู้เผยออกมาอีกแล้ว หนุ่มร่างเล็กผู้เพิ่งเข้าวงการย่อมสงสัยและใคร่รู้เป็นธรรมดา จึงเอ่ยถามขึ้นต่อ

    “สี่โรงเรียนจตุรทิศมันคืออะไร?”

    “มันก็คือ สี่โรงเรียนที่คุมอำนาจในเขตนี้ไง” คราวนี้จักรพรรดิผมหยิก ปรี พูดขึ้นบ้าง

    “ใช่ มันคือสี่โรงเรียนที่คุมพื้นที่ในเขตนี้ โดยแต่ละโรงเรียนก็ยึดครองอยู่ในทิศของตน โรงเรียนประจิมสวัสดิ์ของเราก็เป็นหนึ่งในสี่จตุรทิศเหมือนกันแหละ” ใหญ่อธิบาย

    “อ่า.. โรงเรียนเราด้วยเหรอ” เจอึ้งเล็กน้อย เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองยังรับรู้เรื่องราวต่าง ๆ ได้เพียงเศษเสี้ยวของทั้งหมดเอง

    ใหญ่พูดขึ้นต่อ “โรงเรียนเราจะคุมพื้นที่แถบตะวันตกของเขตนี้ ในส่วนทางตะวันออกก็เป็นโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพาคุมอยู่ ทางเหนือก็เป็นโรงเรียนอุดรพิทักษ์ และใต้เป็นโรงเรียนพาณิชยการราชทักษิณ”

    พอเจได้ฟังใหญ่พูดถึงกับอ้าปากค้าง แต่ก็ยังพูดต่อได้ “แล้วทั้งสี่โรงเรียนก็มีจักรพรรดิและสี่ขุนพลเหมือนกับเราด้วยหรือ?”

    “ถูกต้อง แต่ละโรงเรียนจะมีผู้ดูแลและหัวหน้าผู้ควบคุมทั้งหมดอยู่ ซึ่งแต่ละที่ก็จะเรียกแตกต่างกันไป โรงเรียนเราเรียกจักรพรรดิ จักรวรรดิบูรพาเรียกราชัน อุดรพิทักษ์เรียกจอมทัพ ราชทักษิณเรียกว่าเทพ เลยพอเอาชื่อโรงเรียนมารวมกับตำแหน่งก็จะเป็นจักรพรรดิประจิม ราชันบูรพา จอมทัพอุดร และเทพทักษิณนั่นเอง”

    “อืม...” เจพยักหน้า พยายามจำเรื่องราวที่ใหญ่เล่าให้ได้ทั้งหมด เพราะเขาเองก็เป็นเสนาธิการ ย่อมต้องรับรู้เรื่องราวเหล่านี้อย่างยิ่ง

    ปรีตอนนี้เหมือนกำลังนิ่งคิดอะไรอยู่ แล้วสักพักเขาก็ถามแม็กกี้ที่กำลังแซวเชนกับป๊อกกี้ขึ้นว่า

    “แม็กกี้ ไอ้ผู้คุมกฎที่นายเจอมันเป็นใคร ..พอรู้มั้ย?”

    “เอ่อ...” แม็กกี้หันไปหาเขา ทำท่าคิด “เห็นมันบอกว่าชื่อชา ฉายาซ่อนดาบในรอยยิ้มนี่แหละ”

    “งั้นเหรอ.. ชา ซ่อนดาบในรอยยิ้ม ...แล้วท่าทางมันเป็นยังไง?”

    “ก็ตัวไม่ใหญ่นะ พอ ๆ กับป๊อกกี้ได้ ไว้ผมทรงเดดร็อค ท่าทางกวน ๆ ฉีกยิ้มอยู่ตลอดเวลา”

    “อืม..” ปรีคิดตาม “ไม่ใช่แฮะ”

    “อะไรเหรอ?” แม็กกี้ถาม

    “อ้อ.. ไม่มีอะไรหรอก กำลังนึกว่าใช่คนที่ฉันเคยเจอรึเปล่า?”

    “ปรี นายเคยเจอพวกห้าผู้คุมกฎด้วยหรือ?” ใหญ่ได้ยินเลยหันไปถาม

    “อืม..” เขาพยักหน้า “ตอนนั้นเจก็อยู่ ยังจำได้มั้ยล่ะเจ?”

    เจนิ่งคิดครู่หนึ่ง ซึ่งก็คิดออก “ใช่เด็กเทคนิคผมยาวที่ช่วยฉันหรือเปล่า?”

    “ใช่แล้ว คนนั้นแหละ ดูจากช็อปที่เขาใส่ เขาคือหนึ่งในห้าผู้คุมกฎด้วย”

    “เอ.. แต่ท่าทางเขานิสัยดีนะ จะเป็นพวกเดียวกับพวกมันเหรอ?”

    “ไม่รู้สิ” ปรีส่ายหน้า นิ่งไปพักหนึ่ง แล้วค่อยทำหน้าเคร่งเครียดพูดขึ้นมาอีก “แต่ดูท่าอีกไม่นานโรงเรียนเรากับจักรวรรดิบูรพาคงต้องปะทะกันแน่”

    “เพราะอะไร?” เจถาม

    “ก็จากเหตุการณ์นี้แหละ เราไม่จำเป็นต้องแก้แค้นหรือเอาคืนเลย เพราะอีกไม่นานโรงเรียนมันต้องใช้เหตุการณ์นี้เป็นชนวนมาหาเรื่องกับเราแน่ ๆ”

    “ถูกต้อง” ใหญ่พยักหน้าเห็นด้วย “พวกมันต้องมาก่อเรื่องกับโรงเรียนเราทั้งในและนอกโรงเรียนแน่ ทุกคนเตรียมรับมือไว้ให้ดี”



    ห้องหนึ่ง

    ห้องนี้เป็นห้องประชุมที่อยู่ในโรงเรียน

    แต่ว่าห้องนี้ไม่ได้อยู่ในโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ หากอยู่ในโรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพา

    ดังนั้น ที่นี่คือ โรงเรียนเทคนิคจักรวรรดิบูรพานั่นเอง

    ตอนนี้มีผู้คนอยู่ภายในห้องประชุมห้าคน แต่ละคนก็สวมใส่เสื้อช็อปสีเทาของโรงเรียน แต่เสื้อช็อปของพวกเขานั้นไม่ปกติธรรมดา เพราะเสื้อของทุกคนมีแถบสีดำคาดที่แขนเสื้อข้างซ้ายกันหมด

    นี่คือการประชุมของห้าผู้คุมกฎของจักรวรรดิบูรพา

    “ฮ่ะ ไอ้เคไม่มาอีกแล้ว ไม่ยอมมาประชุมเลย” ซ่อนดาบในรอยยิ้ม ชา พูดขึ้นมา

    “ก็ปกติของมันแหละ มันเคยมาร่วมประชุมซะที่ไหน” ชายทรงผมสกินเฮดมีรอยบากบอก คนผู้นี้ที่ใบหน้าของเขามีรอยแผลเป็นที่ข้างแก้ม ท่าทางและสีหน้าดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

    “ก็เค้าฉายาหมาป่าเดียวดายนี่ ไม่ชอบยุ่งกับใคร แต่ก็ดูลึกลับดี” คราวนี้เป็นเสียงจากหญิงสาวบ้าง เธอรวบผมขึ้นรัดไว้แถมผูกด้วยโบว์ ดูแล้วน่ารักเลยทีเดียว

     แต่ชายที่นั่งอยู่ข้าง ๆ หญิงสาวผู้นี้กลับไม่ได้สนใจอะไรกับเรื่องที่ทั้งสามพูดคุย แถมยังไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย เขาเลือกที่จะหยิบขลุ่ยขึ้นมาเป่าแทน

    “เป่าขลุ่ยอีกแล้ว” ชาพอได้ยินเสียงขลุ่ยดังขึ้นจากชายผู้นั้นก็บ่นออกมาทันที

    ชายผู้เป่าขลุ่ยเงยหน้ามองหนุ่มเดดร็อค แต่เขาไม่เพียงหยุดเป่ายังเร่งจังหวะดนตรีให้เร็วขึ้นด้วย

    “เอาล่ะ.. ราชันมาแล้ว” ผู้พูดเป็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสวมแว่นตา เขาคนนี้นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับทั้งสี่ที่พูดคุยกัน

    แม้เสื้อช็อปของชายใส่แว่นจะมีแถบสีดำคาดที่แขนซ้ายอย่างเช่นสี่คนที่อยู่ตรงข้ามเขา แต่ว่าแถบคาดที่แขนเสื้อของเขาไม่ได้มีแค่แถบเดียว มันมีอยู่สองแถบ

    แต่เขาก็ไม่ใช่ราชันบูรพา เพราะเสื้อช็อปสองแถบของจักรวรรดิบูรพานี้ หมายถึงตำแหน่งสองทูตซ้ายขวา

    ซึ่งชายผู้นี้คือ ทูตขวาของจักรวรรดิบูรพา กุนซือหน้าหยก จิว

    จิวเอ่ยพูดต่อ “ทุกคนเลิกคุยกันได้แล้ว ...โจ นายก็เลิกเป่าขลุ่ยได้แล้ว” เขาหันไปว่าผู้คุมกฎที่เป่าขลุ่ยอยู่

    โจ ผู้คุมกฎที่เป่าขลุ่ยลดมือลง เอาเครื่องเป่านั้นวางไว้ข้างตัว แล้วหันหน้าไปมองผู้ที่กำลังเข้ามาที่ห้องประชุมนี้

    ผู้ที่เข้าห้องประชุมมามีสองคน คนหนึ่งเป็นผู้ที่ใส่หน้ากากรอยยิ้มปกปิดใบหน้า สวมเสื้อช็อปที่มีแถบคาดที่แขนซ้ายสองแถบ

    คนผู้นี้คือ สองทูตซ้ายขวาอีกคน

        ทูตซ้าย นิรนาม

    นิรนามย่อมไม่ใช่ชื่อของเขา มันคือฉายา ซึ่งที่เขาฉายานิรนาม เพราะไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาคือใคร ใบหน้าหลังหน้ากากของคนผู้นี้ แม้แต่กุนซือหน้าหยก จิวที่มีตำแหน่งเท่ากันก็ยังไม่เคยเห็น ไม่มีใครเคยเห็นหน้าหรือรู้หน้าตาที่แท้จริงของนิรนามเลย

    ยกเว้นอยู่คนหนึ่งที่รู้ใบหน้าที่แท้จริงของนิรนาม

    เขาคือผู้ที่เข้าห้องประชุมมาอีกคน

    คนผู้นี้สวมใส่เสื้อช็อปที่มีแถบสีดำสามแถบคาดที่แขนซ้าย แน่นอนเขาก็คือ ราชันบูรพานั่นเอง

    ราชันบูรพา ผู้มีนามว่า บอส

    เมื่อราชันบูรพาเข้ามาบรรยากาศในห้องก็เปลี่ยนไป ทุกคนเริ่มดูจริงจังขึ้นมา แม้แต่ชาที่มีรอยยิ้มอยู่ตลอดก็ดูจริงจังขึ้นมากทีเดียว

    บอส ราชันของจักรวรรดิบูรพาเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ด้านข้างของจิว ส่วนนิรนามผู้สวมหน้ากากรอยยิ้มก็นั่งลงขนาบอีกข้างของบอส

    “เค ไม่มาอีกแล้ว” บอสผู้เป็นราชันเอ่ยขึ้นเมื่อกวาดสายตามองทุกคน “แต่คงไม่เป็นไรหรอก เพราะเรื่องที่ฉันจะพูดมันไม่เกี่ยวกับแผนกของเขาเท่าไหร่…” เขาหยุดพูดไป เมื่อเห็นใบหน้าของชา “ชา หน้านายไปโดนอะไรมา เป็นแผลยาวเชียว”

    ชายิ้มรับ แผลที่บอสพูดถึงก็คือ บาดแผลที่โดนไพ่โจ๊กเกอร์ของเกมมาสเตอร์แม็กกี้กรีดเข้าใส่

    “ก็ไม่มีอะไรหรอก พอดีไปสู้กับพวกประจิมสวัสดิ์มา เลยได้แผลกลับมานิดหน่อย”

    “งั้นเหรอ..” บอสมองหน้าผู้คุมกฎผมเดดร็อคคล้ายรู้ว่าในใจของเขาคิดอย่างไร

    หน้าตาของผู้คุมกฎชายามพูดถึงหรือได้ยินเรื่องนี้มีสีหน้าเคียดแค้นมากทีเดียว แม้รอยยิ้มจะยังอยู่ที่ใบหน้าของเขาก็ตาม

    “ชา.. ดูเหมือนนายยังเอาคืนพวกมันไม่เต็มที่สินะ”

    “ใช่.. ตอนนี้ฉันอยากจะไปถล่มโรงเรียนมันเลย” ชาบอกพร้อมแสดงท่าทางฮึกเหิม

    “งั้นฉันอนุญาตให้นายยกพวกไปตีพวกมันได้ เอามั้ย?”

    “เอาสิ อยากไปอยู่แล้ว” ชาลิงโลดทันที เมื่อได้ยินราชันบูรพาให้อนุญาต

    “อืม...” บอสมองหน้าชา “แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ...เรามาพูดเรื่องของเราดีกว่า”

    กุนซือหน้าหยก จิวหยิบเอกสารปึกหนึ่งส่งให้บอส

    “อือ.. นี่คือบัญชีรายได้ของพวกเรา ฉันอ่านมันหมดแล้ว ..พบว่า เดือนที่ผ่านมารายได้ของพวกเราลดลงไปมากทีเดียว”

    ทุกคนเงียบรอราชันบูรพากล่าวสืบต่อ

    “โดยเฉพาะพื้นที่ดูแลของชา!”

    “เอ๋! จริงหรือ ...ไม่นะ ฉันก็ทำได้ตามปกติ”

    “งั้นเหรอ...” บอสจ้องหน้าเขา “อืม.. ถ้าไม่มีอะไรก็ไม่เป็นไร แต่คราวหน้านายต้องได้มากกว่านี้”

    ชานิ่งเงียบ มีเพียงรอยยิ้มที่คาอยู่ที่ใบหน้า

    “ต่อไปก็เป็น...” บอสเอ่ยต่อ แล้วเขาก็พูดคุยกับผู้คุมกฏต่อไป


(มีต่อครับ)

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่