ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 : จักรพรรดิ
https://pantip.com/topic/37958523
ตอนที่ 2 : สาวห้าวผมทอง
https://pantip.com/topic/37967906
ตอนที่ 3 : สายอุตสาหกรรม (1)
https://pantip.com/topic/37978268
ตอนที่ 4 : สายอุตสาหกรรม (2)
https://pantip.com/topic/37991931
ตอนที่ 5 : เสนาธิการคนใหม่
https://pantip.com/topic/38012815
ตอนที่ 6 : นักกีฬา
https://pantip.com/topic/38021632
ตอนที่ 7 : แจ็คเก็ตอาดิดาส
https://pantip.com/topic/38034222
ตอนที่ 8 : บุรุษแจ็คเก็ตอาดิดาส ปะทะ สู้คราใดต้องปราชัย
https://pantip.com/topic/38043278
ตอนที่ 9 : ตัวจริงของบุรุษเสื้อแจ็คเก็ตอาดิดาส
https://pantip.com/topic/38053542
ตอนที่ 10 : สายศิลป์
https://pantip.com/topic/38066629
ตอนที่ 11 : ศึกชิงตำแหน่งสี่ขุนพล
https://pantip.com/topic/38076746
====================================================================================
ตอนที่ 12 : หวนคืน
แน่นอนว่าป๊อกกี้หรือที่คนในสายศิลป์-คำนวณได้ตั้งฉายาว่า ป๊อกกี้ ผู้ฆ่ายักษ์ เป็นผู้ผ่านเข้าไปชิงตำแหน่งสี่ขุนพลของสายศิลป์ ซึ่งคู่ชิงตำแหน่งของเขาก็คือ บุรุษสองร่าง เร ตัวแทนของฝ่ายสายศิลป์-ภาษา
หากแต่ว่าตอนนี้บุรุษสองร่าง เรได้รับบาดเจ็บหนักในการแข่งขันรอบคัดเลือกที่บริเวณขา ที่เป็นจุดสำคัญในศิลปะการต่อสู้แบบคาโปเอร่า
การชิงตำแหน่งสี่ขุนพลครั้งนี้ บุรุษสองร่าง เร จึงเสียเปรียบอย่างยิ่ง
เรนอนพักอยู่ในห้องพยาบาล อาการบาดเจ็บของเขายังไม่ทุเลาเลย ข้างกายของหนุ่มหน้าสวยมีเพื่อนนักเรียนหญิงสายศิลป์-ภาษาคอยดูแลอยู่
แต่ผู้อยู่ที่นี่ไม่ได้มีแค่นักเรียนสายศิลป์-ภาษาเท่านั้น ยังมีนักเรียนสายอื่นอยู่ด้วย
จักรพรรดิ ปรี เฮอมิต ใหญ่ และสปอร์ทแมน เจมส์อยู่ที่นี่ พวกเขาเฝ้าดูอาการของเรอยู่
หนุ่มผมหยิกเจ้าของตำแหน่งจักรพรรดิพูดขึ้นว่า
“เร..ขานายบาดเจ็บมากเลยนะ พรุ่งนี้จะต่อสู้ไหวเหรอ?”
เรแย้มยิ้ม ใบหน้ายังมีความเชื่อมั่นอยู่ “ไม่เป็นไรน่าจักรพรรดิ ไม่ว่ายังไงฉันจะลงแข่งต่อ ...ให้มันรู้ไปสิว่าจะสู้พวกศิลป์-คำนวณได้มั้ย”
“แต่ป๊อกกี้ ตัวแทนของศิลป์-คำนวณฝีมือไม่เบาเลยนะ สามารถเอาชนะยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ได้ แถมยังใช้คาโปเอร่าแบบเดียวกับนายด้วย”
“อย่างงั้นหรือ..” เรพยักหน้า แววตาของเขายังดูมุ่งมั่นอยู่ “ดีเลย... จะได้รู้ไปเลยว่าใครคือผู้ใช้คาโปเอร่าตัวจริง”
“อืม..” ปรีมองดูร่างเรที่นอนอยู่ “ไงนายก็ระวังด้วย ขานายตอนนี้แค่ยืนก็แทบไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ต้องเป็นห่วง” เรตอบ “ถึงจะไม่ไหวยังไง ฉันก็จะสู้”
“นายก็อย่าฝืนละกัน” ใหญ่พูดขึ้นบ้าง “สี่ขุนพลไม่ต้องการคนที่ทำอะไรเกินตัว”
“เออน่า... พวกนายคอยดูตอนชิงพรุ่งนี้ละกัน”
ทั้งสามพูดคุยกับเรอีกเล็กน้อย แล้วก็ออกจากห้องไป
พอทั้งหมดออกไป สีหน้าเรก็แปรเปลี่ยนทันที ดูท่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหนักมากทีเดียว แล้วพรุ่งนี้เขาจะต่อสู้ได้หรือ
บุรุษสองร่าง เร อยู่เงียบ ๆ ได้ไม่นาน ก็มีผู้คนเข้ามาหาเขาอีก
คราวนี้เป็นนักเรียนหญิงสองคน และเป็นนักเรียนหญิงของสายศิลป์-ภาษาด้วย
เป็นสาวห้าวผมทอง จิน กับสาวสวยผมยาว เมย์ นั่นเอง ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องพยาบาลเพื่อเยี่ยมเร
“เป็นไงบ้าง?” จินเอ่ยถาม
“ก็ไม่เป็นไรเท่าไหร่หรอก... ยังพอสู้ได้สบาย ๆ” เรยังพยายามฝืนยิ้มรับทั้งสอง
“อย่างงั้นหรือ..” สาวห้าวจ้องมองเร “แต่ที่ฉันเห็นตอนนี้...นายอาการหนักมาก แทบจะยืนไม่ได้เลยนี่ แค่เอาชนะมาเป็นตัวแทนได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว”
“แล้วจะเอาไง ...จะให้ยอมแพ้หรือ ให้พวกศิลป์-คำนวณมันคุมอำนาจไปเหรอ”
จินพอฟังเรพูดก็นิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรไป
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะลงแข่ง ตอนนี้ไม่มีใครแล้วนี่ ...คนที่แทนฉันได้ก็ไม่ยอมสู้” เรมองหน้าจิน
“เออ.. แล้วแต่นายละกัน” จินพูดเสร็จหันขวับ เดินออกจากห้องพยาบาลไป
เมย์มองตามจิน เธอก้าวเดินออกจากห้องพยาบาลตามจินไป แต่ก่อนที่สาวสวยจะออกไป ก็หันมายิ้มและโบกมือให้เร พร้อมพูดขึ้นว่า
“ขอให้โชคดีนะ”
ในที่สุดก็มาถึงวันชิงตำแหน่งสี่ขุนพล
นักเรียนหลากหลายสายและชั้นปีต่างมารอชมการแข่งขันของคู่นี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งอาจารย์ของโรงเรียนที่พากันมานั่งดู เนื่องจากตำแหน่งสี่ขุนพลนี้เหมือนเป็นตัวแทนผู้คอยดูแลนักเรียนนักเลงของแต่ละสายแทนอาจารย์ ซึ่งทางโรงเรียนก็ทราบเรื่อง จึงไม่ได้ห้ามปรามการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสี่ขุนพลนี้แต่อย่างใด
สถานที่แข่งขันในครั้งนี้คือ สนามฟุตบอลของโรงเรียน ผู้เข้าชมส่วนใหญ่จึงนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ แต่ก็มีบางส่วนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างสนาม
ในสนามฟุตบอลตอนนี้ส่วนบริเวณตรงกลางได้กั้นพื้นที่เป็นลานไว้สำหรับต่อสู้โดยเฉพาะ
กติกาในการแข่งขันนัดชิงตำแหน่งสี่ขุนพลนี้ จะใช้กฎการต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่ใช้มา คือ การตัดสินแพ้ชนะจะขึ้นอยู่กับตัวผู้เข้าแข่งขันเอง จะต่อสู้กันจนกว่าจะมีผู้ใดขอยอมแพ้ แต่ถ้ามีผู้ใดสลบหมดสติไป จะถือว่าผู้นั้นแพ้ไปทันที
โดยระบบรักษาความปลอดภัยได้ถูกเตรียมไว้แล้ว ทีมคณะพยาบาลถูกตั้งให้พร้อมรับมือเสมอ
ไม่นานเสียงเฮค่อย ๆ ดังเข้ามาในสนามฟุตบอล จนผู้ที่อยู่ในสนามทั้งหมดต่างเหลียวหน้าไปมอง
เสียงเฮนั้นดังมาจากคนกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มของนักเรียนสายศิลป์-คำนวณที่กำลังเดินเข้าสนามฟุตบอลมา
ป๊อกกี้ เด็ก ม.4 ร่างเล็กเดินคาบขนมขนมปังแท่งนำทีมเข้ามาในสนามฟุตบอล เขาขยับปีกหมวกขึ้นเงยหน้ามองผู้คนที่อยู่บนอัฒจันทร์พร้อมส่งยิ้มให้ด้วย
เสียงเชียร์ป๊อกกี้ดังขึ้นทันที ผู้คนในอัฒจันทร์พร้อมใจกันส่งเสียงร้องบอกว่า ‘ป๊อกกี้ ผู้ฆ่ายักษ์’ อย่างดังกังวาน จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงอื่นใด
แต่ก็ยังมีเสียงหนึ่งที่ดังควบคู่กับเสียงเชียร์นั้น เป็นเสียงวี้ดว้ายของนักเรียนสาวที่ส่งเสียงเชียร์ป๊อกกี้นั่นเอง ดูท่าเด็กหนุ่มคาบป๊อกกี้จะเป็นขวัญใจของนักเรียนสาวไปซะแล้ว ด้วยรูปร่างที่กะทัดรัด หน้าตาน่ารักดูกวน ๆ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ หลายคน
ป๊อกกี้เดินไปหยุดอยู่ข้างสนาม ซึ่งตรงด้านหน้าสนามฟุตบอลนี้มีสี่ขุนพลสองคนยืนควบคุมเตรียมความพร้อมอยู่ เฮอมิต ใหญ่ กับ สปอร์ทแมน เจมส์ได้ให้ป๊อกกี้ไปยืนรอและอบอุ่นร่างกายรอเรไปก่อน เพราะตอนนี้บุรุษสองร่าง เร ยังมาไม่ถึง
ป๊อกกี้ขยับตัวไปนั่งรออยู่ข้าง ๆ นักเรียนคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นข้างสนามฟุตบอล
นักเรียนหนุ่มบนรถเข็นหันมองป๊อกกี้ พร้อมกับพยักหน้ายิ้มทักทาย
ใบหน้าของนักเรียนบนรถเข็นผู้นี้ดูซีดขาว คล้ายไม่มีเรี่ยวแรง ผมของเขายาวเหยียดตรงประบ่า โดยเขานั่งตัวตรงอยู่บนรถเข็นล้อเลื่อนโดยตลอด ซึ่งถ้าดูดี ๆ แล้ว เหมือนกับว่าขาของนักเรียนผู้นี้จะใช้เดินไม่ได้ จึงต้องใช้เก้าอี้รถเข็นในการเคลื่อนที่แทน
“เต็มที่เลยนะ” นักเรียนบนรถเข็นพูดกับป๊อกกี้
“ครับ” ป๊อกกี้พยักหน้ารับด้วยแย้มยิ้ม พร้อมควักกล่องขนมปังแท่งขึ้นมา แล้วหยิบแท่งขนมปังป๊อกกี้ออกมากัดกิน
ป๊อกกี้มองหนุ่มบนรถเข็น แล้วยื่นกล่องขนมป๊อกกี้ไปให้
“เอามั้ยครับ?”
“อ่ะ.. ก็ได้” เด็กหนุ่มบนรถเข็นหยิบขนมป๊อกกี้ออกมาจากกล่อง แล้วกัดกินเป็นเพื่อนป๊อกกี้ด้วย
แต่ในจังหวะนั้นก็มีผู้หนึ่งเข้ามาขัดจังหวะการกินป๊อกกี้ของทั้งสอง
“ป๊อกกี้พร้อมรึยัง?”
เป็นสู้คราใดต้องปราชัย เชน นั่นเอง เขาเดินมาเรียกป๊อกกี้ให้เตรียมพร้อม เพราะคู่ต่อสู้ของเขามาถึงแล้ว
บุรุษสองร่าง เร เดินเข้ามาในสนามฟุตบอลพร้อมกับเพื่อนนักเรียนหญิงสายศิลป์-ภาษา
แต่หนุ่มหน้าสวยหาได้เดินอย่างคนปกติไม่ เขาเดินกระเผลกพร้อมใช้ไม้เท้าพยุงกายมาตลอดทาง
แบบนี้เรจะสู้ป๊อกกี้ได้หรือ
มีเสียงเชียร์บุรุษสองร่าง เร อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าฟังแล้วค่อนข้างเบากว่าเสียงเชียร์ของป๊อกกี้มากทีเดียว
ใหญ่เดินมาหาเร มองดูสภาพร่างกายของหนุ่มหน้าสวย
“นายสู้ได้นะ” ใหญ่บอกพร้อมจ้องหน้าเร
สีหน้าเรยังดูเข้มแข็ง เหมือนกับว่าไม่มีอาการบาดเจ็บที่ขาเลย เขาตอบว่า “แน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม” ใหญ่พยักหน้ารับ “นายพร้อมแล้วนะ... จะได้เริ่มกันเลย”
เรผงกศีรษะตอบ
ดังนั้นตัวแทนของทั้งสองสายจึงเดินเข้าไปในสนามฟุตบอล ยืนอยู่ในลานที่จัดทำไว้ ป๊อกกี้เดินกินขนมปังแท่งคล้ายไม่ทุกข์ร้อนอะไร ส่วนบุรุษสองร่าง เร กลับค่อย ๆ ย่างก้าวอย่างช้า ๆ แบบไม่ใช้ไม้เท้า เข้าไปในสนามฟุตบอล
ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน
ป๊อกกี้เหม่อมองเร พลางกัดกินขนมปังแท่งด้วยท่าทางกวน ๆ
เรสีหน้ายังแน่วนิ่ง แม้ตอนนี้ใบหน้าค่อยข้างซีดลงและเหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าก็ตาม
ใหญ่และเจมส์มองดูสองผู้เข้าชิง สบตากันเอง แล้วพูดพร้อมกันว่า
“เริ่มได้!!”
(มีต่อครับ)
TWO TOP สองอันตราย - [บทศึกชิงขุนพลสายศิลป์] - ตอนที่ 12 : หวนคืน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
====================================================================================
ตอนที่ 12 : หวนคืน
แน่นอนว่าป๊อกกี้หรือที่คนในสายศิลป์-คำนวณได้ตั้งฉายาว่า ป๊อกกี้ ผู้ฆ่ายักษ์ เป็นผู้ผ่านเข้าไปชิงตำแหน่งสี่ขุนพลของสายศิลป์ ซึ่งคู่ชิงตำแหน่งของเขาก็คือ บุรุษสองร่าง เร ตัวแทนของฝ่ายสายศิลป์-ภาษา
หากแต่ว่าตอนนี้บุรุษสองร่าง เรได้รับบาดเจ็บหนักในการแข่งขันรอบคัดเลือกที่บริเวณขา ที่เป็นจุดสำคัญในศิลปะการต่อสู้แบบคาโปเอร่า
การชิงตำแหน่งสี่ขุนพลครั้งนี้ บุรุษสองร่าง เร จึงเสียเปรียบอย่างยิ่ง
เรนอนพักอยู่ในห้องพยาบาล อาการบาดเจ็บของเขายังไม่ทุเลาเลย ข้างกายของหนุ่มหน้าสวยมีเพื่อนนักเรียนหญิงสายศิลป์-ภาษาคอยดูแลอยู่
แต่ผู้อยู่ที่นี่ไม่ได้มีแค่นักเรียนสายศิลป์-ภาษาเท่านั้น ยังมีนักเรียนสายอื่นอยู่ด้วย
จักรพรรดิ ปรี เฮอมิต ใหญ่ และสปอร์ทแมน เจมส์อยู่ที่นี่ พวกเขาเฝ้าดูอาการของเรอยู่
หนุ่มผมหยิกเจ้าของตำแหน่งจักรพรรดิพูดขึ้นว่า
“เร..ขานายบาดเจ็บมากเลยนะ พรุ่งนี้จะต่อสู้ไหวเหรอ?”
เรแย้มยิ้ม ใบหน้ายังมีความเชื่อมั่นอยู่ “ไม่เป็นไรน่าจักรพรรดิ ไม่ว่ายังไงฉันจะลงแข่งต่อ ...ให้มันรู้ไปสิว่าจะสู้พวกศิลป์-คำนวณได้มั้ย”
“แต่ป๊อกกี้ ตัวแทนของศิลป์-คำนวณฝีมือไม่เบาเลยนะ สามารถเอาชนะยักษ์วัดแจ้งกับยักษ์วัดโพธิ์ได้ แถมยังใช้คาโปเอร่าแบบเดียวกับนายด้วย”
“อย่างงั้นหรือ..” เรพยักหน้า แววตาของเขายังดูมุ่งมั่นอยู่ “ดีเลย... จะได้รู้ไปเลยว่าใครคือผู้ใช้คาโปเอร่าตัวจริง”
“อืม..” ปรีมองดูร่างเรที่นอนอยู่ “ไงนายก็ระวังด้วย ขานายตอนนี้แค่ยืนก็แทบไม่ไหวแล้ว”
“ไม่ต้องเป็นห่วง” เรตอบ “ถึงจะไม่ไหวยังไง ฉันก็จะสู้”
“นายก็อย่าฝืนละกัน” ใหญ่พูดขึ้นบ้าง “สี่ขุนพลไม่ต้องการคนที่ทำอะไรเกินตัว”
“เออน่า... พวกนายคอยดูตอนชิงพรุ่งนี้ละกัน”
ทั้งสามพูดคุยกับเรอีกเล็กน้อย แล้วก็ออกจากห้องไป
พอทั้งหมดออกไป สีหน้าเรก็แปรเปลี่ยนทันที ดูท่าอาการบาดเจ็บของเขาจะหนักมากทีเดียว แล้วพรุ่งนี้เขาจะต่อสู้ได้หรือ
บุรุษสองร่าง เร อยู่เงียบ ๆ ได้ไม่นาน ก็มีผู้คนเข้ามาหาเขาอีก
คราวนี้เป็นนักเรียนหญิงสองคน และเป็นนักเรียนหญิงของสายศิลป์-ภาษาด้วย
เป็นสาวห้าวผมทอง จิน กับสาวสวยผมยาว เมย์ นั่นเอง ทั้งสองเดินเข้ามาในห้องพยาบาลเพื่อเยี่ยมเร
“เป็นไงบ้าง?” จินเอ่ยถาม
“ก็ไม่เป็นไรเท่าไหร่หรอก... ยังพอสู้ได้สบาย ๆ” เรยังพยายามฝืนยิ้มรับทั้งสอง
“อย่างงั้นหรือ..” สาวห้าวจ้องมองเร “แต่ที่ฉันเห็นตอนนี้...นายอาการหนักมาก แทบจะยืนไม่ได้เลยนี่ แค่เอาชนะมาเป็นตัวแทนได้ก็ถือว่าสุดยอดแล้ว”
“แล้วจะเอาไง ...จะให้ยอมแพ้หรือ ให้พวกศิลป์-คำนวณมันคุมอำนาจไปเหรอ”
จินพอฟังเรพูดก็นิ่งเงียบ ไม่ได้ตอบอะไรไป
“ไม่ว่ายังไงฉันก็จะลงแข่ง ตอนนี้ไม่มีใครแล้วนี่ ...คนที่แทนฉันได้ก็ไม่ยอมสู้” เรมองหน้าจิน
“เออ.. แล้วแต่นายละกัน” จินพูดเสร็จหันขวับ เดินออกจากห้องพยาบาลไป
เมย์มองตามจิน เธอก้าวเดินออกจากห้องพยาบาลตามจินไป แต่ก่อนที่สาวสวยจะออกไป ก็หันมายิ้มและโบกมือให้เร พร้อมพูดขึ้นว่า
“ขอให้โชคดีนะ”
ในที่สุดก็มาถึงวันชิงตำแหน่งสี่ขุนพล
นักเรียนหลากหลายสายและชั้นปีต่างมารอชมการแข่งขันของคู่นี้ ไม่เว้นแม้กระทั่งอาจารย์ของโรงเรียนที่พากันมานั่งดู เนื่องจากตำแหน่งสี่ขุนพลนี้เหมือนเป็นตัวแทนผู้คอยดูแลนักเรียนนักเลงของแต่ละสายแทนอาจารย์ ซึ่งทางโรงเรียนก็ทราบเรื่อง จึงไม่ได้ห้ามปรามการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งสี่ขุนพลนี้แต่อย่างใด
สถานที่แข่งขันในครั้งนี้คือ สนามฟุตบอลของโรงเรียน ผู้เข้าชมส่วนใหญ่จึงนั่งอยู่บนอัฒจันทร์ แต่ก็มีบางส่วนที่ยืนดูอยู่ด้านข้างสนาม
ในสนามฟุตบอลตอนนี้ส่วนบริเวณตรงกลางได้กั้นพื้นที่เป็นลานไว้สำหรับต่อสู้โดยเฉพาะ
กติกาในการแข่งขันนัดชิงตำแหน่งสี่ขุนพลนี้ จะใช้กฎการต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่ใช้มา คือ การตัดสินแพ้ชนะจะขึ้นอยู่กับตัวผู้เข้าแข่งขันเอง จะต่อสู้กันจนกว่าจะมีผู้ใดขอยอมแพ้ แต่ถ้ามีผู้ใดสลบหมดสติไป จะถือว่าผู้นั้นแพ้ไปทันที
โดยระบบรักษาความปลอดภัยได้ถูกเตรียมไว้แล้ว ทีมคณะพยาบาลถูกตั้งให้พร้อมรับมือเสมอ
ไม่นานเสียงเฮค่อย ๆ ดังเข้ามาในสนามฟุตบอล จนผู้ที่อยู่ในสนามทั้งหมดต่างเหลียวหน้าไปมอง
เสียงเฮนั้นดังมาจากคนกลุ่มหนึ่ง เป็นกลุ่มของนักเรียนสายศิลป์-คำนวณที่กำลังเดินเข้าสนามฟุตบอลมา
ป๊อกกี้ เด็ก ม.4 ร่างเล็กเดินคาบขนมขนมปังแท่งนำทีมเข้ามาในสนามฟุตบอล เขาขยับปีกหมวกขึ้นเงยหน้ามองผู้คนที่อยู่บนอัฒจันทร์พร้อมส่งยิ้มให้ด้วย
เสียงเชียร์ป๊อกกี้ดังขึ้นทันที ผู้คนในอัฒจันทร์พร้อมใจกันส่งเสียงร้องบอกว่า ‘ป๊อกกี้ ผู้ฆ่ายักษ์’ อย่างดังกังวาน จนแทบจะไม่ได้ยินเสียงอื่นใด
แต่ก็ยังมีเสียงหนึ่งที่ดังควบคู่กับเสียงเชียร์นั้น เป็นเสียงวี้ดว้ายของนักเรียนสาวที่ส่งเสียงเชียร์ป๊อกกี้นั่นเอง ดูท่าเด็กหนุ่มคาบป๊อกกี้จะเป็นขวัญใจของนักเรียนสาวไปซะแล้ว ด้วยรูปร่างที่กะทัดรัด หน้าตาน่ารักดูกวน ๆ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของสาว ๆ หลายคน
ป๊อกกี้เดินไปหยุดอยู่ข้างสนาม ซึ่งตรงด้านหน้าสนามฟุตบอลนี้มีสี่ขุนพลสองคนยืนควบคุมเตรียมความพร้อมอยู่ เฮอมิต ใหญ่ กับ สปอร์ทแมน เจมส์ได้ให้ป๊อกกี้ไปยืนรอและอบอุ่นร่างกายรอเรไปก่อน เพราะตอนนี้บุรุษสองร่าง เร ยังมาไม่ถึง
ป๊อกกี้ขยับตัวไปนั่งรออยู่ข้าง ๆ นักเรียนคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นข้างสนามฟุตบอล
นักเรียนหนุ่มบนรถเข็นหันมองป๊อกกี้ พร้อมกับพยักหน้ายิ้มทักทาย
ใบหน้าของนักเรียนบนรถเข็นผู้นี้ดูซีดขาว คล้ายไม่มีเรี่ยวแรง ผมของเขายาวเหยียดตรงประบ่า โดยเขานั่งตัวตรงอยู่บนรถเข็นล้อเลื่อนโดยตลอด ซึ่งถ้าดูดี ๆ แล้ว เหมือนกับว่าขาของนักเรียนผู้นี้จะใช้เดินไม่ได้ จึงต้องใช้เก้าอี้รถเข็นในการเคลื่อนที่แทน
“เต็มที่เลยนะ” นักเรียนบนรถเข็นพูดกับป๊อกกี้
“ครับ” ป๊อกกี้พยักหน้ารับด้วยแย้มยิ้ม พร้อมควักกล่องขนมปังแท่งขึ้นมา แล้วหยิบแท่งขนมปังป๊อกกี้ออกมากัดกิน
ป๊อกกี้มองหนุ่มบนรถเข็น แล้วยื่นกล่องขนมป๊อกกี้ไปให้
“เอามั้ยครับ?”
“อ่ะ.. ก็ได้” เด็กหนุ่มบนรถเข็นหยิบขนมป๊อกกี้ออกมาจากกล่อง แล้วกัดกินเป็นเพื่อนป๊อกกี้ด้วย
แต่ในจังหวะนั้นก็มีผู้หนึ่งเข้ามาขัดจังหวะการกินป๊อกกี้ของทั้งสอง
“ป๊อกกี้พร้อมรึยัง?”
เป็นสู้คราใดต้องปราชัย เชน นั่นเอง เขาเดินมาเรียกป๊อกกี้ให้เตรียมพร้อม เพราะคู่ต่อสู้ของเขามาถึงแล้ว
บุรุษสองร่าง เร เดินเข้ามาในสนามฟุตบอลพร้อมกับเพื่อนนักเรียนหญิงสายศิลป์-ภาษา
แต่หนุ่มหน้าสวยหาได้เดินอย่างคนปกติไม่ เขาเดินกระเผลกพร้อมใช้ไม้เท้าพยุงกายมาตลอดทาง
แบบนี้เรจะสู้ป๊อกกี้ได้หรือ
มีเสียงเชียร์บุรุษสองร่าง เร อยู่เหมือนกัน แต่ถ้าฟังแล้วค่อนข้างเบากว่าเสียงเชียร์ของป๊อกกี้มากทีเดียว
ใหญ่เดินมาหาเร มองดูสภาพร่างกายของหนุ่มหน้าสวย
“นายสู้ได้นะ” ใหญ่บอกพร้อมจ้องหน้าเร
สีหน้าเรยังดูเข้มแข็ง เหมือนกับว่าไม่มีอาการบาดเจ็บที่ขาเลย เขาตอบว่า “แน่นอน ไม่ต้องเป็นห่วง”
“อืม” ใหญ่พยักหน้ารับ “นายพร้อมแล้วนะ... จะได้เริ่มกันเลย”
เรผงกศีรษะตอบ
ดังนั้นตัวแทนของทั้งสองสายจึงเดินเข้าไปในสนามฟุตบอล ยืนอยู่ในลานที่จัดทำไว้ ป๊อกกี้เดินกินขนมปังแท่งคล้ายไม่ทุกข์ร้อนอะไร ส่วนบุรุษสองร่าง เร กลับค่อย ๆ ย่างก้าวอย่างช้า ๆ แบบไม่ใช้ไม้เท้า เข้าไปในสนามฟุตบอล
ทั้งคู่ยืนประจันหน้ากัน
ป๊อกกี้เหม่อมองเร พลางกัดกินขนมปังแท่งด้วยท่าทางกวน ๆ
เรสีหน้ายังแน่วนิ่ง แม้ตอนนี้ใบหน้าค่อยข้างซีดลงและเหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มหน้าก็ตาม
ใหญ่และเจมส์มองดูสองผู้เข้าชิง สบตากันเอง แล้วพูดพร้อมกันว่า
“เริ่มได้!!”
(มีต่อครับ)