TWO TOP สองอันตราย - [บทขุนพลแห่งสายพละ] - ตอนที่ 6 : นักกีฬา

สวัสดีครับทุกท่าน ก่อนอื่นก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องนี้นะครับ สำหรับช่วงของบทนักเรียนใหม่ที่เล่าเรื่องโดยเจจบแล้วครับ ต่อไปจะเข้าสู่ช่วงของบทขุนพลแห่งสายพละครับ จะเปลี่ยนการเล่าเรื่องโดยแบบใช้บุคคลที่สามแทน หวังว่าคงไม่รู้สึกขัดอะไรกันสักเท่าไรนะครับ

ตอนที่ผ่านมา
ตอนที่ 1 : จักรพรรดิ
https://pantip.com/topic/37958523
ตอนที่ 2 : สาวห้าวผมทอง
https://pantip.com/topic/37967906
ตอนที่ 3 : สายอุตสาหกรรม (1)
https://pantip.com/topic/37978268
ตอนที่ 4 : สายอุตสาหกรรม (2)
https://pantip.com/topic/37991931
ตอนที่ 5 : เสนาธิการคนใหม่
https://pantip.com/topic/38012815

====================================================================================

ตอนที่ 6 : นักกีฬา


    เฮ!  เฮ!

    ฮู่!  ฮู่!

    เสียงร้องเชียร์และเสียงโห่ดังประสานจนแทบจะแยกไม่ออก บรรยากาศในสนามฟุตบอลแห่งนี้ช่างร้อนระอุกลางแดดที่จัดจ้า แต่ใช่ว่าแสงจากดวงอาทิตย์จะเป็นตัวทำให้ร้อนระอุไม่ กลับเป็นความร้อนที่เกิดขึ้นจากการขับเคี่ยวของเหล่านักกีฬาหนุ่มที่กำลังแข่งขันฟุตบอลอยู่ในที่แห่งนี้

    แน่นอนว่าที่นี่คือ สนามฟุตบอล เป็นสนามของโรงเรียนแห่งหนึ่ง แต่ไม่ใช่โรงเรียนประจิมสวัสดิ์

    นักเรียนหนุ่มร่างเล็ก เจ้าของตำแหน่งเสนาธิการที่นั่งอยู่บนอัฒจันทร์เหนือม้านั่งสำรองของทีมโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ หันไปกล่าวกับเพื่อนนักเรียนผมหยิกฟูคล้ายโฟรโด้ที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ว่า

    “ปรี... นายพาฉันมาดูบอลนี่”

    “อืม.. ก็ใช่สิ” ปรีบอก ยิ้มเล็กน้อย “แข่งบอลก็ต้องดูบอล จะให้ไปดูเทนนิสหรือไง”

    “เออ เออ” เจผงกศีรษะ คล้ายไม่อยากเถียงมาก “ไหนนายบอกว่าจะพามารู้จักกับหนึ่งในสี่ขุนพล”

    “ล้อเล่นน่า.... ฉันก็พานายมาเจอหนึ่งในสี่ขุนพลนั่นแหละ.. นายเป็นเสนาธิการของโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ ..มันต้องทำความรู้จักอยู่แล้ว”

    “แล้วไหนล่ะ?” เจมองหน้า

    “นู้น” ปรีพูดแล้วขยับหน้าบอกทิศทางไปยังสนามฟุตบอล “คนที่ตัวสูง ๆ ใส่เสื้อเบอร์ 10 ทีมเรานั่นไง”

    “เอ๋! “ เจมองดูบุคคลที่ปรีบอก

    ชายหนุ่มที่ว่าไว้ผมสั้นคล้ายทรงสกินเฮดแต่ยาวกว่าเล็กน้อย รูปร่างสูงประมาณร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตรได้ ร่างกายกำยำไร้ไขมันส่วนเกิน เขาใส่เสื้อหมายเลข 10 ของทีมโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ โดยถ้าสังเกตให้ดี ที่ต้นแขนข้างซ้ายของเขา มีปลอกแขนบ่งบอกเครื่องหมายกัปตันทีมคาดอยู่ด้วย

    นักเรียนนักฟุตบอลผู้นี้คือ หนึ่งในสี่ขุนพล ชื่อ เจมส์

    “เขาชื่อเจมส์” ปรีพูดโดยที่สายตาจ้องดูเกมในสนามฟุตบอล “สี่ขุนพลแห่งสายพละ”

    “เหรอ... ดูไม่เหมือนนักเลงแบบพวกใหญ่เลย” เจสังเกตดูการเคลื่อนไหวของเจมส์ในสนามฟุตบอล “เป็นสี่ขุนพลได้ไงเนี่ย”

    “ก็เจ้าตัวไม่ได้ตั้งใจเป็นเองหรอก” ปรีทำหน้านิ่ง ๆ “เขาได้ตำแหน่งโดยไม่ได้ตั้งใจ”

    “หา! ยังไงล่ะ?” เจสงสัย

    “พอดีมันมีอยู่ช่วงหนึ่งที่สายพละไม่มีสี่ขุนพล เพราะคนเดิมเรียนจบไป แล้วเจมส์บังเอิญสร้างวีรกรรมเอาไว้ จนสี่ขุนพลคนเก่าและนักเรียนส่วนใหญ่ยกให้เป็นสี่ขุนพล”

    “วีรกรรมอะไร?” เจถาม

    “ฉันก็ไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ เพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์” ปรีตอบ “เอาไว้ถ้านายเจอเจมส์ ก็ถามเจ้าตัวเองล่ะกัน”

    ทั้งคู่พูดคุยกันพลางดูการแข่งขันในสนามไปด้วย การแข่งขันฟุตบอลคู่นี้เป็นการแข่งขันในรอบที่สอง ซึ่งเป็นการแข่งแบบน็อคเอ้าท์ แพ้ตกรอบ ระหว่างทีมโรงเรียนประจิมสวัสดิ์กับทีมโรงเรียนเทพคริสเตียน

    การแข่งขันของคู่นี้คู่คี่สูสี แต่ทว่าในช่วงต้นเกมทีมโรงเรียนเทพคริสเตียนใช้ความคุ้นเคยสนามมากกว่า เพราะเป็นสนามโรงเรียนตัวเอง อาศัยจังหวะแรกที่โรงเรียนประจิมสวัสดิ์ไม่ทันตั้งตัว เข้าไปทำประตูได้หนึ่งลูกก่อน

    แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นปัญหาสำหรับทีมประจิมสวัสดิ์ เมื่อเวลาผ่านไปได้ห้านาที พวกเขาก็ตั้งตัวได้ กลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ โหมบุกทำประตูแบบพับสนามบุกอยู่ฝ่ายเดียว

    แต่ก็ยังไม่ได้ประตูคืน

    ไม่ว่าการโหมบุกหนักเพียงใด แนวปราการหลังของทีมเทพคริสเตียนก็ยังสามารถป้องกัน สกัดกั้นการบุกของทีมประจิมสวัสดิ์ไว้ได้ตลอด

    ทีมประจิมสวัสดิ์ยังไม่ยอมแพ้ กัปตันทีมสั่งการบอกลูกทีม พร้อมทั้งกระตุ้นทั้งหมดให้พร้อมสู้อย่าท้อถอย

    ความพยายามของพวกเขาไม่นานก็บรรลุผล โอกาสที่จะตีเสมอของทีมประจิมสวัสดิ์ก็มาถึงแล้ว

    ปี๊ด!!

    เสียงนกหวีดดังลั่นสนาม กรรมการเป่าให้ทีมโรงเรียนประจิมสวัสดิ์ได้ลูกฟาวล์ เนื่องจากกองหลังเทพคริสเตียน พุ่งสกัดอย่างรุนแรงเข้าใส่กองหน้าทีมประจิมสวัสดิ์จนล้มคะมำ

    โอ้ย!

    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของกองหน้าประจิมสวัสดิ์ดังขึ้นด้วย เขาดิ้นร้องโอดครวญอยู่บนพื้นหญ้า

    เมื่อเพื่อนร่วมทีมเห็นกระนั้นต่างไม่ยอม พุ่งกรูจะเข้าไปใส่กองหลังที่เสียบสกัดผู้นั้นทันที

    แต่แล้วพวกเขาก็ไม่สามารถไปถึงกองหลังคนนั้นได้ เจมส์กัปตันทีมหมายเลข 10 พุ่งตัวด้วยความเร็วสูงเข้าขวางไว้

    “หยุด!!”

    เจมส์ตวาดก้อง เสียงดังมากทีเดียว พอสิ้นเสียงทั้งหมดที่กรูเข้ามาราวกับงะจังงังหยุดนิ่งอยู่กับที่

    “อย่ามีเรื่อง” เจมส์บอกกับเพื่อนร่วมทีม แล้วก้มหยิบลูกฟุตบอลไปวางที่จุดเตะ เขาหันหน้าไปทางกรรมการพูดขึ้นว่า “ฟรีคิกใช่มั้ยครับ?”

    กรรมการพยักหน้า ยกมือเป็นสัญญาณให้ทั้งสองทีมเตรียมตัว นักเตะทีมเทพคริสเตียนขยับตัวตั้งกำแพง เพื่อป้องกันการทำประตู

    แนวกำแพงของเทพคริสเตียนขยับตัวตั้งกำแพงอย่างหนาแน่น ปิดมุมยิงตามที่ผู้รักษาประตูสั่ง เจมส์ที่อยู่ไม่ห่างจากจุดเตะฟรีคิกจ้องดูกำแพงนั้น

    เขาจ้องมองทั้งนักเตะที่เสียบสกัดเพื่อนร่วมทีมที่ยืนเป็นกำแพง และมองจุดหมายที่จะยิงประตู

    “สปอร์ทแมน!  สปอร์ทแมน!”

    เริ่มมีเสียงเชียร์ดังขึ้นจากอัฒจันทร์ที่นั่งทางฝั่งกองเชียร์ของประจิมสวัสดิ์ที่มีอยู่น้อยนิด แถมเสียงเชียร์ส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงซะด้วย





    “สปอร์ทแมน..มันคืออะไร?” เจที่จ้องดูการแข่งขันหันไปถามปรี

    “สปอร์ทแมนก็ฉายาของเจมส์ไง” หนุ่มผมหยิกตอบ “มันตรงตัวเลย ...นักกีฬา”

    เจมส์ หนึ่งในสี่ขุนพล มีฉายาว่า สปอร์ทแมน ได้มาจากการที่เขาเป็นกีฬานั่นเอง

    “รู้สึกว่าเจมส์นี่มีคนรู้จักเยอะนะ คนเชียร์ตรึมเลย” เจพูดต่อ

      “อืม..ก็เค้าเป็นนักกีฬาดังนี่ แถมเป็นกำลังสำคัญของทีมด้วย” ปรีหันไปบอกเจ แล้วกลับมาดูเกมในสนามต่อ




    มาที่สนามฟุตบอล เจมส์ยืนตั้งท่ารอสัญญาณนกหวีดจากกรรมการ สายตาจับจ้องหมายทำประตู

    ปี๊ด!

    กรรมการเป่านกหวีดให้สัญญาณ เจมส์พุ่งตัวด้วยความเร็วสูง สับเท้าเตะลูกฟุตบอลอย่างรวดเร็ว

    ลูกฟุตบอลพุ่งเสยขึ้นข้ามหัวของเหล่ากองหลังเทพคริสเตียนคล้ายหลุดข้ามคาน แต่เมื่อข้ามกำแพงไปแล้ว ลูกฟุตบอลกลับฟุบลงเป็นวิถีโค้ง พุ่งเข้าเสียบใต้คาน

    Goal!

    เสียงผู้บรรยายร้องบอกการได้ประตูดังขึ้นพร้อมเสียงนกหวีดยาว พลันเสียงเฮของเหล่ากองเชียร์ก็ดังขึ้นตาม

    ตีเสมอได้แล้ว

    เจมส์วิ่งไปทางกองเชียร์โรงเรียนตัวเอง ชูกำปั้นด้วยความดีใจ ใบหน้าของเขาแสดงความสะใจเป็นอย่างยิ่ง เพื่อนร่วมทีมต่างกรูเข้ามาร่วมดีใจด้วย


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่