# ความเป็นมา + จุดประสงค์ของกระทู้
จุดประสงค์ของกระทู้ คือการควบคุมน้ำหนักของเราค่ะ ต้องบอกก่อนว่าจขกท. สูงแค่ 141 และน้ำหนักช่วงที่รู้สึกว่าต้องลดได้แล้ว
ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วคือตอนที่น้ำหนักขึ้นมาที่ 43 ค่ะ แน่นอนว่าส่วนสูงอย่างเราถ้าอยากผอมน้ำหนักไม่ควรเกิน 40 เรื่องมันมีอยู่ว่าช่วงนั้นที่น้ำหนักขึ้น
ใครๆ ก็ทักว่า อ้วน TT น้องก็เรียกพี่หมูๆๆ เพื่อนก็บอกว่าอย่ากินเยอะไปกว่านี้นะ 5555 ต้องนั้นก็คิดแล้วค่ะว่าเราอ้วนขนาดนั้นเลยเหรอ พอส่องกระจกสังเกตรูปร่างตัวเองดีๆ แล้ว อืม ดูอ้วนจริงๆ ด้วย ส่วนข้างล่างเป็นรูปที่ถ่ายไว้ก่อนลดน้ำหนักแบบจริงจังค่ะ (ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายบีฟอร์อาฟเตอร์มาให้ดูนะคะ เพราะไม่คิดว่ามันจะได้ผลกับเราขนาดนี้)
ดูดีๆ จะเห็นได้ว่า
# ตั้งเป้าหมาย + ลงมือทำ
เป้าหมายของเราที่จะมาแชร์ในกระทู้นี้คือ การควบคุมน้ำหนักค่ะ ส่วนลดน้ำหนักไม่ค่อยอยากพูดถึงเท่าไหร่ เพราะเราเคยลดแบบผิดๆ
คือกินอาหารน้อยมาก ข้าวไม่เต็มทัพพี + กับนิดๆ หน่อย มันได้ผลก็จริงค่ะ แต่พอกลับมากินเหมือนเดิมทำไมรู้สึกพุงมันยื่นกว่าเก่าก็ไม่รู้ 555 มาดูทามไลน์ตามรูปเลยนะคะ
เราเริ่มออกกำลังกายตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2560 ด้วยการเบิร์นไขมัน 30 นาที + บริหารหน้าท้อง 10 นาทีค่ะ เล่นไปจนถึง 16 พฤศจิกายน จนน้ำหนักลดเหลือ 40 แล้วมาเปลี่ยนโปรแกรมใหม่เป็น เบิร์นไขมัน 15 นาที + บริหารหน้าท้อง 17 นาที + เวทช่วงอกกับแขน 10 นาที จนถึงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560
1. ภาพถ่ายวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 (หลังจากหมดประจำเดือนไปสองวัน)
เราเป็นประจำเดือนช่วงวันที่ 25-26 ค่ะ ซึ่งปกติเราจะเป็นประมาณ 4-5 วัน แต่ครั้งนี้มันมาน้อยมากๆ จนเราตกใจ + กับพุงที่ป่องออกมานานกว่าที่เคยเป็น
คือป่องตั้งแต่ก่อนมีประจำเดือน คือวันที่ 23 จนถึง 29 พุงก็ยังป่องเหมือนในรูปเลยค่ะ ซึ่งปกติแล้วพุงเราไม่เคยป่องนานขนาดนี้ เลยเสิร์ชข้อมูลดูว่าเป็นเพราะอะไร
ก็ได้ข้อมูลมาว่าอาการพุงป่องก่อนมีประจำเดือนเนี่ยมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว วิธีแก้ก็คือให้ลดของหวานของเค็มแล้วก็เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ค่ะ ส่วนพุงจะค่อยๆ ยุบไปเอง สรุปคือ ทำใจรอค่ะ 555 แล้วมันก็ค่อยๆ ยุบไปจริงๆ
....................................................................................................
2. แต่เราก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีค่ะ ว่าทำไมพุงมันถึงป่องนานจัง 555 เราเลยตั้งโปรแกรมออกกำลังกายใหม่อีกครั้ง (ที่พุงป่องออกมาเราเดาว่าอาจจะเป็นเพราะเรากลับมากินเยอะกว่าเดิม ยิ่งตอนช่วงมีประจำเดือนเรากินเป็นพายุเลยค่ะ 555 ส่วนอีกอย่างนึงคือเราน่าจะเบิร์นแฟตน้อยไป) ในโปรแกรมใหม่นี้เราเลยเพิ่มมาเป็น 30 นาทีค่ะ สำหรับเบิร์นไขมัน ส่วนบริหารหน้าท้องก็ทำ 17 นาที เวทช่วงอกกับแขนอีก 10 นาทีค่ะ รวมกันเป็น 57 นาที ขอตั้งชื่อโปรแกรมนี้ว่า 57mins ละกันค่ะ เราเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560
อันนี้ภาพถ่ายวันที่ 4 ธันวาคม 2560
....................................................................................................
จากนั้นเราก็ทำมาเรื่อยๆ ค่ะ อาทิตย์นึงมีพักบ้าง 1-2 วัน พอได้ออกกำลังกายแล้ว รู้สึกได้เลยค่ะว่าร่างกายกระชับมากขึ้น คล่องตัวขึ้น ส่วนเรื่องอาหารเรากินคลีนบ้างไม่กินบ้าง ส่วนมากจะควบคุมน้ำหนักด้วยการคุมแคลอรี่ค่ะ เราเลยไม่ค่อยกังวลกับของกินมากเท่าไหร่ ส่วนขนมหวานของทอดก็ยังกินอยู่ค่ะ แต่ไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่แล้ว
ภาพถ่ายวันที่ 9 ธันวาคม 2560 (ยังคงอยู่ในโปรแกรม 57 mins)
ภาพถ่ายวันที่ 11 ธันวาคม 2560 (ยังคงอยู่ในโปรแกรม 57 mins)
ภาพถ่ายวันที่ 16 ธันวาคม 2560 (เริ่มเจ็บหน้าอก พุงเริ่มป่องเหมือนประจำเดือนใกล้มา)
หลังจากนั้นวันที่ 18 เราก็เป็นประจำเดือนค่ะ ครั้งนี้มาประมาณสามวัน แต่ถือว่ามาเยอะกว่ารอบก่อนมากค่ะ ตอนนี้เริ่มโอเคแล้ว555
ภาพถ่ายวันที่ 21 ธันวาคม 2560
ภาพถ่ายวันที่ 24 ธันวาคม 2560 (ยังคงอยู่ในโปรแกรม 57mins) จะสังเกตได้ว่าหน้าท้องเริ่มมีขีดๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
ทีนี้มาดูรูปภาพล่าสุดกันค่ะ ถ่ายเมื่อเช้านี้ ตอนกลับจากไปกินก๋วยเตี๋ยวมา สังเกตได้เลยว่าพุงเรากระชับขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเรากิมอิ่มๆ พุงด้านข้างเราจะเป็นเหมือนรูปแรกตอนมีประจำเดือนเลยค่ะ 555 แต่ตอนนี้แบนลงไปเยอะมาก เราพอใจกับหุ่นตอนนี้มาก กะว่าจะไม่ลดลงไปกว่านี้แล้วค่ะ
อันนี้เป็นด้านข้าง + ตรูด + หน้าขา สำหรับเรามันกระชับขึ้นมากๆ
# แรงบันดาลใจ + วิธีคุมน้ำหนักแบบนับแคลอรี่
มาดูหัวข้อนี้กันบ้างค่ะ แน่นอนว่าถ้าจะลดน้ำหนักหรืออยากได้สัดส่วนดีๆ ต้องมีหุ่นต้นแบบที่เราอยากได้เพื่อเป็นกำลังใจใช่ไหมคะ สำหรับเราคนนี้เลยค่ะ Briana evigan อิอิ ชอบตั้งแต่เรื่อง Step up แล้ว

ไม่รู้ทำไมตอนเด็กๆ ถึงมองว่าเขาอ้วน555 แต่พอมาดูเรื่องนี้ตอนโตอีกทีรู้สึกว่ามันเป็นหุ่นในฝันของเราเลย ไขมันนิดๆ กล้ามเนื้อหน่อยๆ 555 เซ็กซี่ฝุดๆ
ต่อมามาดูวิธีนับแคลอรี่แบบที่เราใช้อยู่ตอนนี้นะคะ
1. เริ่มแรกเราต้องหาค่า BMR กันก่อนค่ะ มันคือค่าพลังงานพื้นฐานในการใช้ชีวิต เช่น การนอน หรือหายใจ ซึ่งวันๆ นึงเราต้องกินให้ถึง BMR ค่ะ จะได้มีแรง+ระบบเผาผลาญจะได้ไม่เสีย ซึ่งค่า BMR สามารถคำนวณตามเว็บในกูเกิลได้เลยค่ะ หรือจะเข้าไปในเว็บนี้ก็ได้
https://www.fatnever.com/bmr/ ตัวเว็บจะคำนวณให้ทั้งค่า BMR และ TDEE เลยค่ะ
2. วันๆ นึงเราอาจจะมีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงอื่นๆ อีก เช่น เดิน วิ่ง ขึ้นบันได อาบน้ำ แปรงฟัน ทำให้เราต้องใช้พลังงานเพิ่มไปอีกค่ะ นั่นก็คือพลังงานโดยรวมทั้งหมดที่เราใช้ต่อวันนั่นเอง ส่วนนี้เรียกว่าค่า TDEE ค่ะ หาคำนวณได้ในเว็บเช่นกัน
3. สมมุติเราคำนวณค่า BMR ได้ 1200 ค่า TDEE ได้ 1900 ถ้าอยากลดน้ำหนักก็กินให้น้อยกว่า TDEE ค่ะ แต่ห้ามต่ำกว่า BMR ซึ่งที่เรายกตัวอย่างมาก็คือ 1200 นั่นเอง แต่ถ้าใครอยากให้น้ำหนักเท่าเดิมไม่ลดไม่เพิ่ม ก็กินประมาณ 1800-1900 ค่ะ
# วันๆ นึงเรากินอะไรบ้าง
จริงๆ ตอนแรกเราอยากได้หุ่นแบบลีนๆ เหมือนรูปข้างล่าง แต่มาคิดๆ ดู เราคงทำไม่ได้ หรือคงอีกนานกว่าจะได้หุ่นแบบในรูป เพราะต้องกินคลีน แบบคลีนให้เปอร์เซ็นต์ไขมันในร่างกายน้อยๆ เลย ซึ่งเราทำไม่ได้แน่ๆ TT โดยส่วนตัวจขกท. ขับรถไม่เป็นค่ะ เวลาออกไปซื้อของกินต้องไปกับแม่ตลอด แถมที่บ้านก็ไม่ได้กินคลีนเหมือนกันด้วย ส่วนมากจะเป็นอาหารตามสั่งซะมากกว่า ซึ่งถ้าเราจะกินคลีนก็ต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายไปอีกค่ะ รอไว้ทำงานหาเงินเองได้ก่อนเราอาจจะหันมากินคลีนให้ได้หุ่นเหมือนในรูป 555
ตอนนี้เรากินเป็นปกติเลยค่ะ แต่ถ้ามื้อไหนคลีนได้ก็คลีน ส่วนของหวานพวกขนม ช็อคโกแลตก็กินบ้างค่ะ แต่ลดเหลือครึ่งนึงแทน และนี่ก็อาจจะเป็นสาเหตุของแฟตเล็กๆ น้อยๆ ของเราที่ไม่ยอมหายไปไหนสักที 555
อาหารมื้อว่าง ที่พยายามคลีนแบบสุดๆ
# โปรแกรม 57mins
คลิปนี้เป็นการออกกำลังกายแบบ คาร์ดิโอ้ค่ะ ในคลิปมี 37 นาที แต่เราทำแค่ 30 นาที
ส่วนคลิปนี้ท่าดูเหมือนจะง่าย แต่พอทำซ้ำๆ แล้วเหนื่อยเอาการเหมือนกันค่ะ5555
ส่วนถ้าใครเบื่อการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ้ ลองมาเต้นดูก็ได้นะคะ สนุกด้วย เรามีช่องแนะนำสองช่องคือ Fit dance กับ Fitness marshall ค่ะ แต่ต้องเต้นหลายๆ เพลงนะ 55 ถ้าใครชอบท่าง่ายลองของ Fitness marshall ดูค่ะ ถ้าอยากได้ยากขึ้นอีกนิดก็ลองของ Fit dance ดู
ของ Fitdance
ของ Fitness marshall
......................................................................................
ต่อมาเป็นการบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้องค่ะ
เราเล่นวันละสองคลิป บางวันก็สลับคลิปไปเรื่อยๆ ค่ะ
คำแนะนำก่อนออกกำลังกาย
1. หลังดื่มน้ำและทานอาหารควรพักสักสองชั่วโมงก่อนออกกำลังกายค่ะ ไม่งั้นอาจจะจุกได้ ทำให้ออกกำลังกายไม่เต็มที่ด้วย
2.ห้ามกินเผ็ดก่อนออกกำลังกายเด็ดขาด ไม่งั้นมีขึ้นจมูกแน่ๆ ค่ะงานนี้ เราเจอมาแล้ว555 เข็ดมาก
3. ควรวอร์มร่างกายด้วยท่าบริหารง่ายๆ ก่อนออกกำลังค่ะ ไม่งั้นจะบาดเจ็บได้
4. แรกๆ อาจจะรู้สึกเจ็บ เมื่อยตามร่างกาย แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์ก็จะดีขึ้นเองค่ะ ร่างกายก็จะเริ่มชินกับการออกกำลัง จะไม่ค่อยเหนื่อยง่ายเหมือนตอนเล่นแรกๆ ค่ะ
5. ถ้าเหนื่อยควรจิบน้ำเป็นพักๆ อย่ากระดกเป็นอึกๆ ระหว่างออกกำลังเดี๋ยวจะจุกค่ะ ตอนแรกที่เราออกใหม่ๆ กินน้ำเป็นว่าเล่นเลย หลังๆ มานี้น้ำแทบไม่แตะเลยค่ะ แต่ถ้าเหนื่อยก็ควรพักจิบน้ำนะคะ
6. สำหรับใครที่ทำท่าบริหารหน้าท้อง ถ้าจะให้ถูกคือหน้าท้องเราต้องเกร็งค่ะ ลองทำสมาธิไปที่หน้าท้องนะคะ นึกถึงพุงเข้าไว้ เราทำแล้วรู้สึกได้ผลมากค่ะ ถ้าบางช่วงของคลิปท่าไหนทำไม่ได้ลองเปลี่ยนเป็นท่าที่เราทำได้ดูค่ะ แล้วค่อยๆ อัพสกิลไปเรื่อยๆ สุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่ามาออกกำลังกายกันเถอะค่ะ มันดีต่อหุ่นและสุขภาพมากจริงๆ อยากพิมพ์เยอะกว่านี้นะคะ แต่ตอนนี้ตัวอักษรจะเกินแล้ว ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้นะคะ
แชร์ประสบการณ์ เมื่อเด็กม.ปลายอยากมีหุ่นเหมือน Briana evigan ในระยะเวลาเกือบๆ 2 เดือน
ปล่อยไว้ไม่ได้แล้วคือตอนที่น้ำหนักขึ้นมาที่ 43 ค่ะ แน่นอนว่าส่วนสูงอย่างเราถ้าอยากผอมน้ำหนักไม่ควรเกิน 40 เรื่องมันมีอยู่ว่าช่วงนั้นที่น้ำหนักขึ้น
ใครๆ ก็ทักว่า อ้วน TT น้องก็เรียกพี่หมูๆๆ เพื่อนก็บอกว่าอย่ากินเยอะไปกว่านี้นะ 5555 ต้องนั้นก็คิดแล้วค่ะว่าเราอ้วนขนาดนั้นเลยเหรอ พอส่องกระจกสังเกตรูปร่างตัวเองดีๆ แล้ว อืม ดูอ้วนจริงๆ ด้วย ส่วนข้างล่างเป็นรูปที่ถ่ายไว้ก่อนลดน้ำหนักแบบจริงจังค่ะ (ขอโทษที่ไม่ได้ถ่ายบีฟอร์อาฟเตอร์มาให้ดูนะคะ เพราะไม่คิดว่ามันจะได้ผลกับเราขนาดนี้)
คือกินอาหารน้อยมาก ข้าวไม่เต็มทัพพี + กับนิดๆ หน่อย มันได้ผลก็จริงค่ะ แต่พอกลับมากินเหมือนเดิมทำไมรู้สึกพุงมันยื่นกว่าเก่าก็ไม่รู้ 555 มาดูทามไลน์ตามรูปเลยนะคะ
1. ภาพถ่ายวันที่ 29 พฤศจิกายน 2560 (หลังจากหมดประจำเดือนไปสองวัน)
เราเป็นประจำเดือนช่วงวันที่ 25-26 ค่ะ ซึ่งปกติเราจะเป็นประมาณ 4-5 วัน แต่ครั้งนี้มันมาน้อยมากๆ จนเราตกใจ + กับพุงที่ป่องออกมานานกว่าที่เคยเป็น
คือป่องตั้งแต่ก่อนมีประจำเดือน คือวันที่ 23 จนถึง 29 พุงก็ยังป่องเหมือนในรูปเลยค่ะ ซึ่งปกติแล้วพุงเราไม่เคยป่องนานขนาดนี้ เลยเสิร์ชข้อมูลดูว่าเป็นเพราะอะไร
ก็ได้ข้อมูลมาว่าอาการพุงป่องก่อนมีประจำเดือนเนี่ยมันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว วิธีแก้ก็คือให้ลดของหวานของเค็มแล้วก็เคลื่อนไหวร่างกายบ่อยๆ ค่ะ ส่วนพุงจะค่อยๆ ยุบไปเอง สรุปคือ ทำใจรอค่ะ 555 แล้วมันก็ค่อยๆ ยุบไปจริงๆ
2. แต่เราก็ยังไม่หายสงสัยอยู่ดีค่ะ ว่าทำไมพุงมันถึงป่องนานจัง 555 เราเลยตั้งโปรแกรมออกกำลังกายใหม่อีกครั้ง (ที่พุงป่องออกมาเราเดาว่าอาจจะเป็นเพราะเรากลับมากินเยอะกว่าเดิม ยิ่งตอนช่วงมีประจำเดือนเรากินเป็นพายุเลยค่ะ 555 ส่วนอีกอย่างนึงคือเราน่าจะเบิร์นแฟตน้อยไป) ในโปรแกรมใหม่นี้เราเลยเพิ่มมาเป็น 30 นาทีค่ะ สำหรับเบิร์นไขมัน ส่วนบริหารหน้าท้องก็ทำ 17 นาที เวทช่วงอกกับแขนอีก 10 นาทีค่ะ รวมกันเป็น 57 นาที ขอตั้งชื่อโปรแกรมนี้ว่า 57mins ละกันค่ะ เราเริ่มทำตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายน 2560
อันนี้ภาพถ่ายวันที่ 4 ธันวาคม 2560
จากนั้นเราก็ทำมาเรื่อยๆ ค่ะ อาทิตย์นึงมีพักบ้าง 1-2 วัน พอได้ออกกำลังกายแล้ว รู้สึกได้เลยค่ะว่าร่างกายกระชับมากขึ้น คล่องตัวขึ้น ส่วนเรื่องอาหารเรากินคลีนบ้างไม่กินบ้าง ส่วนมากจะควบคุมน้ำหนักด้วยการคุมแคลอรี่ค่ะ เราเลยไม่ค่อยกังวลกับของกินมากเท่าไหร่ ส่วนขนมหวานของทอดก็ยังกินอยู่ค่ะ แต่ไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อนเท่าไหร่แล้ว
ภาพถ่ายวันที่ 9 ธันวาคม 2560 (ยังคงอยู่ในโปรแกรม 57 mins)
ภาพถ่ายวันที่ 11 ธันวาคม 2560 (ยังคงอยู่ในโปรแกรม 57 mins)
ภาพถ่ายวันที่ 16 ธันวาคม 2560 (เริ่มเจ็บหน้าอก พุงเริ่มป่องเหมือนประจำเดือนใกล้มา)
หลังจากนั้นวันที่ 18 เราก็เป็นประจำเดือนค่ะ ครั้งนี้มาประมาณสามวัน แต่ถือว่ามาเยอะกว่ารอบก่อนมากค่ะ ตอนนี้เริ่มโอเคแล้ว555
ภาพถ่ายวันที่ 21 ธันวาคม 2560
ภาพถ่ายวันที่ 24 ธันวาคม 2560 (ยังคงอยู่ในโปรแกรม 57mins) จะสังเกตได้ว่าหน้าท้องเริ่มมีขีดๆ ขึ้นมาบ้างแล้ว
ทีนี้มาดูรูปภาพล่าสุดกันค่ะ ถ่ายเมื่อเช้านี้ ตอนกลับจากไปกินก๋วยเตี๋ยวมา สังเกตได้เลยว่าพุงเรากระชับขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนเรากิมอิ่มๆ พุงด้านข้างเราจะเป็นเหมือนรูปแรกตอนมีประจำเดือนเลยค่ะ 555 แต่ตอนนี้แบนลงไปเยอะมาก เราพอใจกับหุ่นตอนนี้มาก กะว่าจะไม่ลดลงไปกว่านี้แล้วค่ะ
อันนี้เป็นด้านข้าง + ตรูด + หน้าขา สำหรับเรามันกระชับขึ้นมากๆ
มาดูหัวข้อนี้กันบ้างค่ะ แน่นอนว่าถ้าจะลดน้ำหนักหรืออยากได้สัดส่วนดีๆ ต้องมีหุ่นต้นแบบที่เราอยากได้เพื่อเป็นกำลังใจใช่ไหมคะ สำหรับเราคนนี้เลยค่ะ Briana evigan อิอิ ชอบตั้งแต่เรื่อง Step up แล้ว
ต่อมามาดูวิธีนับแคลอรี่แบบที่เราใช้อยู่ตอนนี้นะคะ
1. เริ่มแรกเราต้องหาค่า BMR กันก่อนค่ะ มันคือค่าพลังงานพื้นฐานในการใช้ชีวิต เช่น การนอน หรือหายใจ ซึ่งวันๆ นึงเราต้องกินให้ถึง BMR ค่ะ จะได้มีแรง+ระบบเผาผลาญจะได้ไม่เสีย ซึ่งค่า BMR สามารถคำนวณตามเว็บในกูเกิลได้เลยค่ะ หรือจะเข้าไปในเว็บนี้ก็ได้ https://www.fatnever.com/bmr/ ตัวเว็บจะคำนวณให้ทั้งค่า BMR และ TDEE เลยค่ะ
2. วันๆ นึงเราอาจจะมีกิจกรรมที่ต้องใช้แรงอื่นๆ อีก เช่น เดิน วิ่ง ขึ้นบันได อาบน้ำ แปรงฟัน ทำให้เราต้องใช้พลังงานเพิ่มไปอีกค่ะ นั่นก็คือพลังงานโดยรวมทั้งหมดที่เราใช้ต่อวันนั่นเอง ส่วนนี้เรียกว่าค่า TDEE ค่ะ หาคำนวณได้ในเว็บเช่นกัน
3. สมมุติเราคำนวณค่า BMR ได้ 1200 ค่า TDEE ได้ 1900 ถ้าอยากลดน้ำหนักก็กินให้น้อยกว่า TDEE ค่ะ แต่ห้ามต่ำกว่า BMR ซึ่งที่เรายกตัวอย่างมาก็คือ 1200 นั่นเอง แต่ถ้าใครอยากให้น้ำหนักเท่าเดิมไม่ลดไม่เพิ่ม ก็กินประมาณ 1800-1900 ค่ะ
เราเล่นวันละสองคลิป บางวันก็สลับคลิปไปเรื่อยๆ ค่ะ
คำแนะนำก่อนออกกำลังกาย
1. หลังดื่มน้ำและทานอาหารควรพักสักสองชั่วโมงก่อนออกกำลังกายค่ะ ไม่งั้นอาจจะจุกได้ ทำให้ออกกำลังกายไม่เต็มที่ด้วย
2.ห้ามกินเผ็ดก่อนออกกำลังกายเด็ดขาด ไม่งั้นมีขึ้นจมูกแน่ๆ ค่ะงานนี้ เราเจอมาแล้ว555 เข็ดมาก
3. ควรวอร์มร่างกายด้วยท่าบริหารง่ายๆ ก่อนออกกำลังค่ะ ไม่งั้นจะบาดเจ็บได้
4. แรกๆ อาจจะรู้สึกเจ็บ เมื่อยตามร่างกาย แต่พอผ่านไปสักอาทิตย์ก็จะดีขึ้นเองค่ะ ร่างกายก็จะเริ่มชินกับการออกกำลัง จะไม่ค่อยเหนื่อยง่ายเหมือนตอนเล่นแรกๆ ค่ะ
5. ถ้าเหนื่อยควรจิบน้ำเป็นพักๆ อย่ากระดกเป็นอึกๆ ระหว่างออกกำลังเดี๋ยวจะจุกค่ะ ตอนแรกที่เราออกใหม่ๆ กินน้ำเป็นว่าเล่นเลย หลังๆ มานี้น้ำแทบไม่แตะเลยค่ะ แต่ถ้าเหนื่อยก็ควรพักจิบน้ำนะคะ
6. สำหรับใครที่ทำท่าบริหารหน้าท้อง ถ้าจะให้ถูกคือหน้าท้องเราต้องเกร็งค่ะ ลองทำสมาธิไปที่หน้าท้องนะคะ นึกถึงพุงเข้าไว้ เราทำแล้วรู้สึกได้ผลมากค่ะ ถ้าบางช่วงของคลิปท่าไหนทำไม่ได้ลองเปลี่ยนเป็นท่าที่เราทำได้ดูค่ะ แล้วค่อยๆ อัพสกิลไปเรื่อยๆ สุดท้ายนี้อยากบอกทุกคนว่ามาออกกำลังกายกันเถอะค่ะ มันดีต่อหุ่นและสุขภาพมากจริงๆ อยากพิมพ์เยอะกว่านี้นะคะ แต่ตอนนี้ตัวอักษรจะเกินแล้ว ขอบคุณที่อ่านจนมาถึงตรงนี้นะคะ