[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Credit : Holiday in the Black Forest - Schwarzwald Tourismus GmbH Dusk
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ตอนที่ 1 https://pantip.com/topic/36710604
ตอนที่ 2 https://pantip.com/topic/36726785
ตอนที่ 3 https://pantip.com/topic/36744060
ตอนที่ 4 https://pantip.com/topic/36760004
ตอนที่ 5 https://pantip.com/topic/36774548
ตอนที่ 6 https://pantip.com/topic/36788200
ตอนที่ 7 https://pantip.com/topic/36809222
ตอนที่ 8 https://pantip.com/topic/36823231
ตอนที่ 9 https://pantip.com/topic/36846962
ตอนที่ 10 https://pantip.com/topic/36859799
ตอนที่ 11 https://pantip.com/topic/36876620
ตอนที่ 12 https://pantip.com/topic/36889901
ตอนที่ 13 https://pantip.com/topic/36907423
ตอนที่ 14 https://pantip.com/topic/36921540
ตอนที่ 15 https://pantip.com/topic/36935300
ตอนที่ 16 https://pantip.com/topic/36949828
ตอนที่ 17 https://pantip.com/topic/36876620
ตอนที่ 18 https://pantip.com/topic/36979729
สวัสดีค่ะ หอรักตอนที่ 19 นี้เป็นตอนที่ท่านผู้อ่านสามารถลำดับความรักของศิรินทร์ได้ด้วยตนเอง สิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้
บางครั้งก็ดูสวยงามและให้ความเชื่อใจในสายตา แต่จะมีกี่คนจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ สิ่งที่ต้องติดตามว่าใช่ คือนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านด้วยใจจริง เพราะเรื่องเดินมาครึ่งหนึ่งแล้วค่ะ: WANG JIE หลงรัก, เสาวรส17 ถูกใจ, tedta หลงรัก,
เอ็นทูโอ หลงรัก, Na(นะ) ถูกใจ, GTW หลงรัก, ชุนเทียน หลงรัก, แก้วกรกช หลงรัก, เปลวอัคคี หลงรัก, มัศยวีร์ หลงรัก,
turtle_cheesecake หลงรัก, The Mario หลงรัก
💖💕💘
เมื่อนิธิเปิดประตูออก หล่อนยืนอยู่ที่นั่น
“ ศิ อ้อ ..เชิญ” เขานึกไม่ถึง
“ ซอรี่ ขอตัวเดี๋ยว” เขากลับเข้าห้องน้ำไป
ศิรินทร์ดึงประตูปิดเดินวนอยู่หน้ากระจกใสไม่ไกลจากประตู ถอนใจนิดหนึ่งนิธิเดินออกมา ผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ที่ไหล่ ยังขาดเสื้อ
เขาหยิบในกระเป๋ากอกแกก เดินกลับไปใส่ในห้องน้ำโดยไม่ได้ปิดประตู กลับออกมา ผมหวีเรียบ
“ ศิ กลับมาเมื่อไร” ถามเสียงเรียบ
เขารู้ รู้ถาม หล่อนนึกอึดใจหนึ่ง
“ เมื่อคืน” หล่อนไม่ได้หันหน้ามา เขาก็หยุดมองอยู่ตรงนั้น
“ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือ”
"……….
“ คุณมาถึงเมื่อไหร่”
“ ผมบอกวันไหนก็วันนั้น” เขาตอบเสียงรวน
“ แต่ศิก็มา....”
“ กว่าจะมา รู้ไหมว่าผมเป็นอย่างไรบ้างในชั่วโมงที่ผ่านมา....” เสียงเริ่มที่ดังลดลงมา
ศิรินทร์หันขวับเดินผ่านเขาตรงไปที่ประตู หล่อนแปลบปลาบที่ใจจนทนไม่ได้
“ ศิ เดี๋ยว” เขาหันมาคว้าแขนหล่อนไว้
หล่อนถูกหยุดมิได้หันมาสักนิด เขาก็หยุด นิ่งไปนาน เกือบชาติน้อยๆทีเดียว
“ ศิไม่ควรมาใช่ไหม” ฝืนถาม ขณะที่ขอบตาร้อนผ่าว
“ ผมขอโทษ ศิทำให้ผมว้าวุ่นไปหมด อยู่ๆศิก็หายไป สั่งอะไรไว้ให้รู้สักนิดก็ไม่มี ศิเคยทำนี่ไม่ใช่ไม่เคยทำ”
“ คุณยังไม่ได้ถามเลยว่าศิมาทำไม เพราะอะไร นึกถึงแต่ตัวเองเท่านั้น”
นิธิมึนในคำพูดของหล่อน แขนทั้งสองข้างตกลงข้างตัว
“ ศิขอโทษ ศิคงทำอะไรไม่ถูก ศิกลับก่อนละ”
“ ศิจะทิ้งผมไปแบบนี้ได้อย่างไร” เขาผวาตาม
“ แค่นี้ผมก็แย่แล้ว” เขาคว้าไหล่หล่อนมาโอบ แนบหน้าที่ผมของหล่อนหยุดนิ่ง จับหน้าหล่อนหันมามองด้วยรู้สึกเปียกที่แขน
“ ศิ ผมขอโทษ ผมเห็นแก่ตัวจริงๆ ผมทำไปได้อย่างไร ศิอุตส่าห์มาหาผม”
หล่อนนึกน้อยใจวิบๆขึ้นมาอีกตามคำพูดเขา พยายามฝืนอารมณ์
“ ไปนั่งก่อน” เขาคว้ากระเป๋าหล่อนเอามาวาง หล่อนไม่นั่งหรอก...
“ ผมให้ศิพูดก่อน” ถ้าเขาเริ่มเขาคงจะพูดเหมือนที่อยากพูดนั่นแหละ หล่อนไม่อยากพูดขึ้นมาเฉยๆ มองเขาแล้วเดินไปมอง
ผ่านกระจกออกไป แล้วก็กลับมาก้มมองมือมองเล็บที่เอามากดกันจนเจ็บ...เจ็บดังใจ เขาหันมาเมื่อเห็นหล่อนเงียบไป หล่อนก้มหน้า
“ ผมรู้ว่าผมทำไม่ถูก จะเพราะความคิดถึงแค่ไหนก็ตาม ความรู้สึกที่ทรมานเป็นวัน เป็นชั่วโมง” เขาเอามือลูบหน้า เหมือนจะลูบให้มันออกไป
หล่อนยังนิ่ง
“ ผมไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้เลย....”
“ คุณก็พยายามลืมมันเสียซี่” หล่อนส่งเสียงมา
“ ศิ ทำได้เหรอ” เขาปลาบแปลบขึ้นมามั่ง หล่อนคงนึกสินะ ว่าใจใครก็รักษากันเอง มันเร็วเกินไปเขาคงทำไม่ทัน
เขารู้ว่าใจเขาเป็นอย่างไร แล้วใจเราล่ะ มันร้อนรนขนาดไหนที่ไกลจากเขา แล้วก็ต้องซมซานกลับมา ในที่ที่มันอยากมา แล้วเป็นไง สงสารหัวใจน้อยๆของตัวเองขึ้นมา ไม่น่าจะเจ็บได้เร็วขนาดนี้เลย
หล่อนหันกลับมา รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที เชิดหน้า
“ ศิ ห้ามไปนะ” เขาเดินมาใกล้
“ เราคงแย่เหมือนๆกันใช่ไหมศิ” เขาโอบหล่อนไว้ มองหน้าหล่อนด้วยดวงตาที่ปวดร้าว ศิรินทร์สะอื้นขึ้นมาทันที
“ ศิ ไม่นะ ผมรักศิมากจนไม่รู้จะพูดอย่างไร” เขากอดหล่อนแน่นเข้าไปอีก ประคองพาหล่อนมานั่งปลายเตียง ปัดเส้นผมยาวให้ไปด้านหลัง
“ ผมไม่ว่าแล้วละ” กอดด้วยแขนข้างเดียว แนบแก้มบนศีรษะหล่อนนิ่ง
“ ตัวร้อนไปหมดแล้ว” เขาพูด หล่อนส่ายหน้านิดหนึ่ง ยังหายใจแรงอยู่
เขาผลักหล่อนนอนราบลงไป ลุกไปหยิบหมอนมาหนุนศีรษะให้ แล้วนอนตะแคงตนเองท้าวศอกยันศีรษะไว้ มองดูหล่อนพักใหญ่
ศิรินทร์ขยับตัวเมื่อเขาเอนใกล้หล่อน
“ ผมไม่ทำอะไรหรอก นอนให้สบายเถอะ” ถ้าเขารู้สึกดีขึ้น หล่อนก็น่าจะดีขึ้นบ้าง
“ ดื่มอะไรไหม น้ำส้มไหม” เขาพยายามสบตาหล่อน หล่อนถอนใจหลับตาลง
นิธิมองรูปหน้าใกล้ๆของหล่อน จมูกแดงเรื่อ ปากบางๆเชิดเช่นคนร้องไห้ ขนตายังชื้นอยู่เลย เขาอยากให้หล่อนดีขึ้นเร็วกว่านี้
หล่อนขยับตัวนิดหนึ่งแล้วถอนใจ เขามองหล่อนอยู่นาน
“ ศิ ลืมตาซิ” เขาเห็นแววดีขึ้น หล่อนรู้สึกว่าให้เขามาเฝ้าอย่างนี้ กระไรอยู่ เลยขยับลุกขึ้น
“ นอนเถอะนะ ศิอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วใช่ไหม” เขาเอาแขนที่เมื่อยลงหนุนศีรษะนอนราบดูเพดานเงียบอยู่อย่างนั้น
ศิรินทร์มีความรู้สึกคุ้นเคยกับที่นอนนี้ คนข้างๆนี่ก็ใช่ ความรู้สึกก็ค่อยๆกลับมาเหมือนสามสี่วันโน้น เราคุยกันสนุก
เราไปนั่งเรือ ดูวิว ดูดาว ดูไฟ แล้ววันนี้เป็นอะไรถึงได้เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อกี้นี้ ตนเองยังปรับอารมณ์ไม่ทันเลย แล้วคนข้างๆนี่ล่ะ หล่อนเอามือไปแตะแขนเขาเบาๆ
นิธิหันมามอง ตาหลบต่ำมองตามมือที่วางไว้ เขาจับมือหล่อนมาถูแถวๆปากเบาๆสองสามที ตา ก็มองเพดานอย่างครุ่นคิด
เขารับหล่อนเข้ามาไว้ในใจจนหมด แบกไว้ด้วยความยินดีเป็นหนักหนาเพียงชั่ว...ชั่วสถานการณ์เปลี่ยนไป ใช้คำนี้แหละ มันจะทำให้อะไรเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวหรือ หล่อนไปไหน? แล้วก็มาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้านี้ไง วันนั้นหล่อนยังบอกเขาเป็นนัยๆเลยว่าหล่อนก็รักเขา ก็ด้วยลูกตาของหล่อนนี่ไง ไม่ต้องนึกถึงความรู้สึกที่มีต่อกันหรอก หรือว่ามันไม่จริง ต้องถามแล้ว...
“ ศิ..” เขาหันตะแคงมา เอาฝ่ามือค้ำศีรษะไว้อีก
“ ผมจะไม่ถามอะไรศิอีกเลย แต่ศิต้องตอบผมอย่างหนึ่ง”
เขาเอามือข้างซ้ายเชยคางหล่อนให้สบตาเขา มองจ้องเข้าไปในดวงตาหล่อน
“ ศิรักผมไหม?”
หล่อนสะดุดนิด แล้วแววตาแกมน้อยใจก็ปรากฏชัด
แค่นี้ก็พอแล้ว นิธิบอกตัวเอง กอดหล่อนอย่างดีใจลึกๆกับคำตอบที่ค้นพบ ใช่ ต้องค้นหาเอาเองเขาจูบหล่อนเนิ่นนานเท่าที่หล่อนยอมให้
ฟ้ามืดแล้ว จิตใจมืดหม่นกลับสว่างแจ้ง เหมือนเขาทั้งสองได้รื่นรมย์ด้วยเสียงเพลงรักวันก่อนบรรเลงอย่างแผ่วเบาดั่งได้ยินจากที่ไกลเร้นลับมาเคล้าคลอทำนองอ้อยอิ่งจนกระชั้นดั่งคลื่นไล่ลูกแล้วลูกเล่าเลาะไปตามสายน้ำที่หลากไหลไม่หยุดหย่อน จากที่สูงลงคล้อยเคลื่อนลงมาจนถึงที่สุดเสียงอารมณ์ที่ทอดถอนก็สงบลง
ห้องมืดมิดมานานแล้ว มือที่ลูบท้องนิธิเบาๆทำให้เขาขยับกายมากอดร่างเกลี้ยงเกลาข้างๆอย่างไม่อยากคลาย เขาเชื่อเหลือเกินว่าความรักของหล่อนมากเท่าๆกับเขาทีเดียว เขาได้รู้ไปเสียทุกสิ่งทุกอย่างทุกซอกทุกมุมที่หัวใจอยากรู้ ความอยากรู้ของหล่อนก็ไม่น้อยไปกว่าเขา นั่นไงหล่อนยังไม่เบื่อที่จะวนจมูกกับต้นแขนเขาอยู่เลย
“ หอมหวานไปทั้งตัวเชียวศิ “ เขาบอกข้างหู
“ คุณก็เหมือนกัน”
“ เหมือนตรงไหนจ๊ะ”
“ ท้องแห้งไม่มีไขมัน” หล่อนบอกใกล้หูบ้าง
“ เห็นเมื่อไหร่” ทำเสียงแปลกใจ
“ ตอนศิเพิ่งมาถึงไง”
“ ไม่น่าเชื่อ ศิโกรธผม ไม่ใช่เหรอ “
“ ก็ตาเห็นนี่”
“ มิน่า” เขายิ้มด้วยตาด้วยหัวใจ ศิรินทร์ซุกหน้าเข้าไปอีก เสียงหัวเราะเบาๆสองคนก็ดังขึ้น
“ ศิจ๊ะ ผมอยากบอกศิตรงนี้เดี๋ยวนี้ว่า ขอเวลาผมสองเดือนที่เมืองไทยนะจ๊ะ รอเปิดเทอมใหม่ เรื่องเรียนต่อคงเรียบร้อยพอดี และผมจะเคลียร์งานทางบ้านด้วย ศิรอได้นะจ๊ะ เรื่องย้ายไปลอนดอนกับผม ศิต้องบอกทาง กพ แล้วหละ หรือจะให้ผมไปติดต่อทางกรุงเทพให้ก็ได้ ถ้าไม่ทันค่อยคิดค่อยไปก็ได้ ใช่ไหมจ๊ะศิ”
“ ตั้งสองเดือนเชียวหรือคะ สองสามวันก็แย่แล้ว”
“ ใช่จ้ะ สองสามวันก็แย่แล้ว” เขาถอนหายใจแรง
“ เอางี้มั้ย ศิลาไปเมืองไทยกับผมเลย แล้วไปเริ่มที่ลอนดอนใหม่พร้อมกัน”
“ ศิก็มีเรื่อง" หล่อนเว้นคำว่าเคลียร์ "ต้องทำเพราะไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้”
“ เหมือนที่เราพูดเล่นกันใช่ไหมจ๊ะ ว่าสถานการณ์เปลี่ยนคนได้"
“ พูดเล่นไม่น่าจะเป็นจริงนะคะ”
“ เราเกือบจะไม่เข้าใจกันแล้วใช่ไหม หือ”
“ คนเห็นแก่ตัว” หล่อนพึมพำ
“ แต่เมื่อกี้ผมเปล่านา “ เขาล้อเลียนความนัย หน้าหล่อนเข้มขึ้นซุกเข้ามาอีก
“ เพราะศิมาวันนี้เชียว คิดอย่างไรจ๊ะ ถึงมาไม่โทรก่อนด้วย”
“ ของหาย..”
“ อะไรหายจ๊ะ”
“ ของรักหายไป ศิก็หาอยู่นั่นแหละ นานเท่าไรก็ต้องตาม วันนี้ไม่ตาม พรุ่งนี้ก็ต้องตาม”
“ ศินึกภาพคนหัวใจเว้าๆแหว่งๆวิ่งพล่านแถวตู้โทรศัพท์ในลอนดอนออกไหมจ๊ะ จะขาดใจตายเสียเมื่อไรไม่รู้”
“ ตอนนั้นศิถามใจตัวเองอยู่”
“ ได้ความว่าไงจ๊ะ”
“ ก็ต้องตามมานี่ไง ยังจะมาถามอีก” เสียงห้วนนิด
“ ผมพูดผิดหูอีกแล้วเหรอ ศิดุจัง”
“ ศิขอโทษ ขอศิกลับนะคะ กี่โมงแล้วไม่ทราบ” หล่อนรีบลุกขึ้นในความมืด
“ ศิยังไม่กลับได้ไหม”
“ ให้ศิกลับเถอะ”
“ ผมยังไม่ให้ศิกลับหรอก” เขาคว้าหล่อนไว้
“ ศิจะอยู่ได้อย่างไร”
“ พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ใช่เหรอ ศิรู้ไหมว่าผมจะไปเมื่อไร”
หล่อนใจหาย
“ ศิจะไม่ถามหรือจ๊ะ” เขาโอบร่างที่ซุกข้างๆ
“ อยู่นะจ๊ะ เดี๋ยวเราไปทานอาหารกันก่อนค่อยคุยกันนะ”
หล่อนค่อยๆลุกขึ้นดูความเรียบร้อยของตนเอง เข้าไปในห้องน้ำ เมื่อออกมาเห็นนิธิยืนมองดูทิวทัศน์เช่นเคย
(มีต่อ)
💚❤💜หอรักริมไรน์ ชีวิตนักเรียนไทยในเยอรมัน (อยู่เมืองฝรั่ง) 19 💜❤💚
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สวัสดีค่ะ หอรักตอนที่ 19 นี้เป็นตอนที่ท่านผู้อ่านสามารถลำดับความรักของศิรินทร์ได้ด้วยตนเอง สิ่งบางอย่างที่เราไม่รู้
บางครั้งก็ดูสวยงามและให้ความเชื่อใจในสายตา แต่จะมีกี่คนจะรู้ว่าสิ่งที่เห็นอาจไม่ใช่ สิ่งที่ต้องติดตามว่าใช่ คือนิยายเรื่องนี้ค่ะ
ขอขอบคุณท่านผู้อ่านด้วยใจจริง เพราะเรื่องเดินมาครึ่งหนึ่งแล้วค่ะ: WANG JIE หลงรัก, เสาวรส17 ถูกใจ, tedta หลงรัก,
เอ็นทูโอ หลงรัก, Na(นะ) ถูกใจ, GTW หลงรัก, ชุนเทียน หลงรัก, แก้วกรกช หลงรัก, เปลวอัคคี หลงรัก, มัศยวีร์ หลงรัก,
turtle_cheesecake หลงรัก, The Mario หลงรัก
💖💕💘
เมื่อนิธิเปิดประตูออก หล่อนยืนอยู่ที่นั่น
“ ศิ อ้อ ..เชิญ” เขานึกไม่ถึง
“ ซอรี่ ขอตัวเดี๋ยว” เขากลับเข้าห้องน้ำไป
ศิรินทร์ดึงประตูปิดเดินวนอยู่หน้ากระจกใสไม่ไกลจากประตู ถอนใจนิดหนึ่งนิธิเดินออกมา ผ้าเช็ดตัวพาดอยู่ที่ไหล่ ยังขาดเสื้อ
เขาหยิบในกระเป๋ากอกแกก เดินกลับไปใส่ในห้องน้ำโดยไม่ได้ปิดประตู กลับออกมา ผมหวีเรียบ
“ ศิ กลับมาเมื่อไร” ถามเสียงเรียบ
เขารู้ รู้ถาม หล่อนนึกอึดใจหนึ่ง
“ เมื่อคืน” หล่อนไม่ได้หันหน้ามา เขาก็หยุดมองอยู่ตรงนั้น
“ มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือ”
"……….
“ คุณมาถึงเมื่อไหร่”
“ ผมบอกวันไหนก็วันนั้น” เขาตอบเสียงรวน
“ แต่ศิก็มา....”
“ กว่าจะมา รู้ไหมว่าผมเป็นอย่างไรบ้างในชั่วโมงที่ผ่านมา....” เสียงเริ่มที่ดังลดลงมา
ศิรินทร์หันขวับเดินผ่านเขาตรงไปที่ประตู หล่อนแปลบปลาบที่ใจจนทนไม่ได้
“ ศิ เดี๋ยว” เขาหันมาคว้าแขนหล่อนไว้
หล่อนถูกหยุดมิได้หันมาสักนิด เขาก็หยุด นิ่งไปนาน เกือบชาติน้อยๆทีเดียว
“ ศิไม่ควรมาใช่ไหม” ฝืนถาม ขณะที่ขอบตาร้อนผ่าว
“ ผมขอโทษ ศิทำให้ผมว้าวุ่นไปหมด อยู่ๆศิก็หายไป สั่งอะไรไว้ให้รู้สักนิดก็ไม่มี ศิเคยทำนี่ไม่ใช่ไม่เคยทำ”
“ คุณยังไม่ได้ถามเลยว่าศิมาทำไม เพราะอะไร นึกถึงแต่ตัวเองเท่านั้น”
นิธิมึนในคำพูดของหล่อน แขนทั้งสองข้างตกลงข้างตัว
“ ศิขอโทษ ศิคงทำอะไรไม่ถูก ศิกลับก่อนละ”
“ ศิจะทิ้งผมไปแบบนี้ได้อย่างไร” เขาผวาตาม
“ แค่นี้ผมก็แย่แล้ว” เขาคว้าไหล่หล่อนมาโอบ แนบหน้าที่ผมของหล่อนหยุดนิ่ง จับหน้าหล่อนหันมามองด้วยรู้สึกเปียกที่แขน
“ ศิ ผมขอโทษ ผมเห็นแก่ตัวจริงๆ ผมทำไปได้อย่างไร ศิอุตส่าห์มาหาผม”
หล่อนนึกน้อยใจวิบๆขึ้นมาอีกตามคำพูดเขา พยายามฝืนอารมณ์
“ ไปนั่งก่อน” เขาคว้ากระเป๋าหล่อนเอามาวาง หล่อนไม่นั่งหรอก...
“ ผมให้ศิพูดก่อน” ถ้าเขาเริ่มเขาคงจะพูดเหมือนที่อยากพูดนั่นแหละ หล่อนไม่อยากพูดขึ้นมาเฉยๆ มองเขาแล้วเดินไปมอง
ผ่านกระจกออกไป แล้วก็กลับมาก้มมองมือมองเล็บที่เอามากดกันจนเจ็บ...เจ็บดังใจ เขาหันมาเมื่อเห็นหล่อนเงียบไป หล่อนก้มหน้า
“ ผมรู้ว่าผมทำไม่ถูก จะเพราะความคิดถึงแค่ไหนก็ตาม ความรู้สึกที่ทรมานเป็นวัน เป็นชั่วโมง” เขาเอามือลูบหน้า เหมือนจะลูบให้มันออกไป
หล่อนยังนิ่ง
“ ผมไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้เลย....”
“ คุณก็พยายามลืมมันเสียซี่” หล่อนส่งเสียงมา
“ ศิ ทำได้เหรอ” เขาปลาบแปลบขึ้นมามั่ง หล่อนคงนึกสินะ ว่าใจใครก็รักษากันเอง มันเร็วเกินไปเขาคงทำไม่ทัน
เขารู้ว่าใจเขาเป็นอย่างไร แล้วใจเราล่ะ มันร้อนรนขนาดไหนที่ไกลจากเขา แล้วก็ต้องซมซานกลับมา ในที่ที่มันอยากมา แล้วเป็นไง สงสารหัวใจน้อยๆของตัวเองขึ้นมา ไม่น่าจะเจ็บได้เร็วขนาดนี้เลย
หล่อนหันกลับมา รู้สึกอึดอัดขึ้นมาทันที เชิดหน้า
“ ศิ ห้ามไปนะ” เขาเดินมาใกล้
“ เราคงแย่เหมือนๆกันใช่ไหมศิ” เขาโอบหล่อนไว้ มองหน้าหล่อนด้วยดวงตาที่ปวดร้าว ศิรินทร์สะอื้นขึ้นมาทันที
“ ศิ ไม่นะ ผมรักศิมากจนไม่รู้จะพูดอย่างไร” เขากอดหล่อนแน่นเข้าไปอีก ประคองพาหล่อนมานั่งปลายเตียง ปัดเส้นผมยาวให้ไปด้านหลัง
“ ผมไม่ว่าแล้วละ” กอดด้วยแขนข้างเดียว แนบแก้มบนศีรษะหล่อนนิ่ง
“ ตัวร้อนไปหมดแล้ว” เขาพูด หล่อนส่ายหน้านิดหนึ่ง ยังหายใจแรงอยู่
เขาผลักหล่อนนอนราบลงไป ลุกไปหยิบหมอนมาหนุนศีรษะให้ แล้วนอนตะแคงตนเองท้าวศอกยันศีรษะไว้ มองดูหล่อนพักใหญ่
ศิรินทร์ขยับตัวเมื่อเขาเอนใกล้หล่อน
“ ผมไม่ทำอะไรหรอก นอนให้สบายเถอะ” ถ้าเขารู้สึกดีขึ้น หล่อนก็น่าจะดีขึ้นบ้าง
“ ดื่มอะไรไหม น้ำส้มไหม” เขาพยายามสบตาหล่อน หล่อนถอนใจหลับตาลง
นิธิมองรูปหน้าใกล้ๆของหล่อน จมูกแดงเรื่อ ปากบางๆเชิดเช่นคนร้องไห้ ขนตายังชื้นอยู่เลย เขาอยากให้หล่อนดีขึ้นเร็วกว่านี้
หล่อนขยับตัวนิดหนึ่งแล้วถอนใจ เขามองหล่อนอยู่นาน
“ ศิ ลืมตาซิ” เขาเห็นแววดีขึ้น หล่อนรู้สึกว่าให้เขามาเฝ้าอย่างนี้ กระไรอยู่ เลยขยับลุกขึ้น
“ นอนเถอะนะ ศิอยู่อย่างนี้ก็ดีแล้วใช่ไหม” เขาเอาแขนที่เมื่อยลงหนุนศีรษะนอนราบดูเพดานเงียบอยู่อย่างนั้น
ศิรินทร์มีความรู้สึกคุ้นเคยกับที่นอนนี้ คนข้างๆนี่ก็ใช่ ความรู้สึกก็ค่อยๆกลับมาเหมือนสามสี่วันโน้น เราคุยกันสนุก
เราไปนั่งเรือ ดูวิว ดูดาว ดูไฟ แล้ววันนี้เป็นอะไรถึงได้เกิดเหตุการณ์อย่างเมื่อกี้นี้ ตนเองยังปรับอารมณ์ไม่ทันเลย แล้วคนข้างๆนี่ล่ะ หล่อนเอามือไปแตะแขนเขาเบาๆ
นิธิหันมามอง ตาหลบต่ำมองตามมือที่วางไว้ เขาจับมือหล่อนมาถูแถวๆปากเบาๆสองสามที ตา ก็มองเพดานอย่างครุ่นคิด
เขารับหล่อนเข้ามาไว้ในใจจนหมด แบกไว้ด้วยความยินดีเป็นหนักหนาเพียงชั่ว...ชั่วสถานการณ์เปลี่ยนไป ใช้คำนี้แหละ มันจะทำให้อะไรเปลี่ยนไปขนาดนี้เชียวหรือ หล่อนไปไหน? แล้วก็มาอยู่ตรงนี้ ตรงหน้านี้ไง วันนั้นหล่อนยังบอกเขาเป็นนัยๆเลยว่าหล่อนก็รักเขา ก็ด้วยลูกตาของหล่อนนี่ไง ไม่ต้องนึกถึงความรู้สึกที่มีต่อกันหรอก หรือว่ามันไม่จริง ต้องถามแล้ว...
“ ศิ..” เขาหันตะแคงมา เอาฝ่ามือค้ำศีรษะไว้อีก
“ ผมจะไม่ถามอะไรศิอีกเลย แต่ศิต้องตอบผมอย่างหนึ่ง”
เขาเอามือข้างซ้ายเชยคางหล่อนให้สบตาเขา มองจ้องเข้าไปในดวงตาหล่อน
“ ศิรักผมไหม?”
หล่อนสะดุดนิด แล้วแววตาแกมน้อยใจก็ปรากฏชัด
แค่นี้ก็พอแล้ว นิธิบอกตัวเอง กอดหล่อนอย่างดีใจลึกๆกับคำตอบที่ค้นพบ ใช่ ต้องค้นหาเอาเองเขาจูบหล่อนเนิ่นนานเท่าที่หล่อนยอมให้
ฟ้ามืดแล้ว จิตใจมืดหม่นกลับสว่างแจ้ง เหมือนเขาทั้งสองได้รื่นรมย์ด้วยเสียงเพลงรักวันก่อนบรรเลงอย่างแผ่วเบาดั่งได้ยินจากที่ไกลเร้นลับมาเคล้าคลอทำนองอ้อยอิ่งจนกระชั้นดั่งคลื่นไล่ลูกแล้วลูกเล่าเลาะไปตามสายน้ำที่หลากไหลไม่หยุดหย่อน จากที่สูงลงคล้อยเคลื่อนลงมาจนถึงที่สุดเสียงอารมณ์ที่ทอดถอนก็สงบลง
ห้องมืดมิดมานานแล้ว มือที่ลูบท้องนิธิเบาๆทำให้เขาขยับกายมากอดร่างเกลี้ยงเกลาข้างๆอย่างไม่อยากคลาย เขาเชื่อเหลือเกินว่าความรักของหล่อนมากเท่าๆกับเขาทีเดียว เขาได้รู้ไปเสียทุกสิ่งทุกอย่างทุกซอกทุกมุมที่หัวใจอยากรู้ ความอยากรู้ของหล่อนก็ไม่น้อยไปกว่าเขา นั่นไงหล่อนยังไม่เบื่อที่จะวนจมูกกับต้นแขนเขาอยู่เลย
“ หอมหวานไปทั้งตัวเชียวศิ “ เขาบอกข้างหู
“ คุณก็เหมือนกัน”
“ เหมือนตรงไหนจ๊ะ”
“ ท้องแห้งไม่มีไขมัน” หล่อนบอกใกล้หูบ้าง
“ เห็นเมื่อไหร่” ทำเสียงแปลกใจ
“ ตอนศิเพิ่งมาถึงไง”
“ ไม่น่าเชื่อ ศิโกรธผม ไม่ใช่เหรอ “
“ ก็ตาเห็นนี่”
“ มิน่า” เขายิ้มด้วยตาด้วยหัวใจ ศิรินทร์ซุกหน้าเข้าไปอีก เสียงหัวเราะเบาๆสองคนก็ดังขึ้น
“ ศิจ๊ะ ผมอยากบอกศิตรงนี้เดี๋ยวนี้ว่า ขอเวลาผมสองเดือนที่เมืองไทยนะจ๊ะ รอเปิดเทอมใหม่ เรื่องเรียนต่อคงเรียบร้อยพอดี และผมจะเคลียร์งานทางบ้านด้วย ศิรอได้นะจ๊ะ เรื่องย้ายไปลอนดอนกับผม ศิต้องบอกทาง กพ แล้วหละ หรือจะให้ผมไปติดต่อทางกรุงเทพให้ก็ได้ ถ้าไม่ทันค่อยคิดค่อยไปก็ได้ ใช่ไหมจ๊ะศิ”
“ ตั้งสองเดือนเชียวหรือคะ สองสามวันก็แย่แล้ว”
“ ใช่จ้ะ สองสามวันก็แย่แล้ว” เขาถอนหายใจแรง
“ เอางี้มั้ย ศิลาไปเมืองไทยกับผมเลย แล้วไปเริ่มที่ลอนดอนใหม่พร้อมกัน”
“ ศิก็มีเรื่อง" หล่อนเว้นคำว่าเคลียร์ "ต้องทำเพราะไม่รู้ตัวล่วงหน้าว่าจะเปลี่ยนแปลงมากขนาดนี้”
“ เหมือนที่เราพูดเล่นกันใช่ไหมจ๊ะ ว่าสถานการณ์เปลี่ยนคนได้"
“ พูดเล่นไม่น่าจะเป็นจริงนะคะ”
“ เราเกือบจะไม่เข้าใจกันแล้วใช่ไหม หือ”
“ คนเห็นแก่ตัว” หล่อนพึมพำ
“ แต่เมื่อกี้ผมเปล่านา “ เขาล้อเลียนความนัย หน้าหล่อนเข้มขึ้นซุกเข้ามาอีก
“ เพราะศิมาวันนี้เชียว คิดอย่างไรจ๊ะ ถึงมาไม่โทรก่อนด้วย”
“ ของหาย..”
“ อะไรหายจ๊ะ”
“ ของรักหายไป ศิก็หาอยู่นั่นแหละ นานเท่าไรก็ต้องตาม วันนี้ไม่ตาม พรุ่งนี้ก็ต้องตาม”
“ ศินึกภาพคนหัวใจเว้าๆแหว่งๆวิ่งพล่านแถวตู้โทรศัพท์ในลอนดอนออกไหมจ๊ะ จะขาดใจตายเสียเมื่อไรไม่รู้”
“ ตอนนั้นศิถามใจตัวเองอยู่”
“ ได้ความว่าไงจ๊ะ”
“ ก็ต้องตามมานี่ไง ยังจะมาถามอีก” เสียงห้วนนิด
“ ผมพูดผิดหูอีกแล้วเหรอ ศิดุจัง”
“ ศิขอโทษ ขอศิกลับนะคะ กี่โมงแล้วไม่ทราบ” หล่อนรีบลุกขึ้นในความมืด
“ ศิยังไม่กลับได้ไหม”
“ ให้ศิกลับเถอะ”
“ ผมยังไม่ให้ศิกลับหรอก” เขาคว้าหล่อนไว้
“ ศิจะอยู่ได้อย่างไร”
“ พรุ่งนี้วันเสาร์ไม่ใช่เหรอ ศิรู้ไหมว่าผมจะไปเมื่อไร”
หล่อนใจหาย
“ ศิจะไม่ถามหรือจ๊ะ” เขาโอบร่างที่ซุกข้างๆ
“ อยู่นะจ๊ะ เดี๋ยวเราไปทานอาหารกันก่อนค่อยคุยกันนะ”
หล่อนค่อยๆลุกขึ้นดูความเรียบร้อยของตนเอง เข้าไปในห้องน้ำ เมื่อออกมาเห็นนิธิยืนมองดูทิวทัศน์เช่นเคย
(มีต่อ)