ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ เป่าชาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ
https://pantip.com/topic/36127426
บทที่ 1
https://pantip.com/topic/36134360
บทที่ 2
https://pantip.com/topic/36141907
บทที่ 3
https://pantip.com/topic/36149284
บทที่ 4
https://pantip.com/topic/36156203
บทที่ 5
งานฉลองฤดูเก็บเกี่ยวเป็นงานเล็กๆ จัดขึ้นในบริเวณลานหญ้าโล่งหน้าศาลาที่ทำการเมือง เป็นงานซึ่งจัดร่วมกับเมืองข้างเคียง ขนาดของงานเหมาะกับเมืองเล็กๆ แบบนี้
วาดตะวันมาถึงบริเวณนั้นในเวลาเย็น อะไรๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนักเพราะงานเต็มรูปแบบจะมีในวันรุ่งขึ้น วันแรกเป็นวันที่บรรดาร้านค้ามีโอกาสได้จัดบูธและโฆษณากิจการของตัว ส่วนรายการบนเวทีนั้นเริ่มตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว
ไฮไลต์หนึ่งของงานคือการประกวดสูตรบาร์บีคิว และเธอก็ได้บาร์บีคิวเนื้อฉีกเป็นชิ้นยาวๆ ใส่มาในจานขนาดใหญ่เข้ามามองหาที่นั่งในเต็นท์หน้าเวที มุมนี้เหมาะ มองตรงไปเบื้องหน้าเห็นเด็กเล็กๆ กำลังเต้นรำอยู่บนเวทีได้ชัดเจนโดยไม่มีอะไรบดบัง คงเป็นเด็กอนุบาลเพราะแต่ละคนยังเล็กมาก แต่ละคนสวมกระโปรงสีชมพูสดใส มีชั้นในสีขาวฟูฟ่อง เสียงรองเท้าส้นไม้กระทบพื้นกันคนละทีสองที ฟังดูไม่ค่อยจะสามัคคีกันและไม่ค่อยเป็นจังหวะจะโคนสักเท่าไรนัก จึงเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่และญาติพี่น้องได้เป็นระยะ
มัวแต่เพลิดเพลินกับการแสดงบนเวที ก็มีอันต้องสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อมีเสียงห้าวๆ ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ใกล้เสียจนผิดสังเกต
“มีใครนั่งที่เก้าอี้ตัวนี้หรือเปล่า”
พอหันไปดูก็เห็นผู้ชายแต่งตัวดียืนอยู่ข้างๆ เยื้องไปด้านหลัง ในมือมีบาร์บีคิวใส่มาในกล่องโฟม เขาโน้มตัวมาข้างหน้านิดหนึ่ง สุ้มเสียงที่พูดด้วยฟังดูสุภาพ หากวาดตะวันก็ยังไม่วายกระอักกระอ่วน โต๊ะยาวตัวนี้มีเก้าอี้เรียงรายอยู่โดยรอบ นับได้ไม่ต่ำกว่าสิบตัว ทั้งโต๊ะเวลานี้มีเธอนั่งอยู่คนเดียว และทั้งๆ ที่มีโต๊ะลักษณะเดียวกันตัวอื่นอีกถึงสี่ตัว แต่ละตัวมีคนนั่งรับประทานอาหารกันอยู่เพียงไม่กี่คน ทำไมเขาจะต้องเจาะจงมานั่งข้างๆ เธอด้วย
แต่จะเลี่ยงได้อย่างไร จะบอกให้ไปที่อื่นก็น่าเกลียดเกินไป ดูท่าทางเขาก็เรียบร้อยดี จึงต้องฝืนใจอนุญาต
“ไม่มีใครหรอกค่ะ เชิญตามสบาย”
โล่งอกเมื่อเขาไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ เธอเสียทีเดียว แต่ถัดไปอีกตัว
พอกลับไปสนใจเด็กๆ บนเวที เขาก็ชวนคุย
“ผมมีหลานอยู่คน”
“คะ?”
“ผมมีหลานสาวอยู่คน” เขาย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง มือใหญ่ๆ ที่ถือส้อมพลาสติกกระตุกไปทางเวทีนิดหนึ่ง “อายุประมาณเท่านั้นแหละ”
“หรือคะ”
“ชื่อเทรซี่”
“ชื่อหลานหรือคะ”
เขาผงกศีรษะ ใช้ส้อมเขี่ยหมูฉีกเป็นชิ้นๆ มีซอสบาร์บีคิวราดเสียชุ่มโชก
“คุณมาจากไหน จีนหรือเปล่า” ยังมีเรื่องให้ถามต่อ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันมาจากประเทศไทย”
“ประเทศไทย?” คิ้วหนาสีน้ำตาลขมวดเข้าหากัน สีหน้าครุ่นคิด “อยู่ใกล้ประเทศจีน?”
“ก็ใกล้พอสมควรค่ะ สมัยสงครามโลกเคยมีคนเดินจากตอนเหนือของประเทศไทยไปประเทศจีนแล้วด้วย”
เขาผงกศีรษะอีกครั้ง หันกลับไปทางเวที และเธอก็พอจะหายใจคล่องขึ้น
ใช่ว่าเธอเป็นคนหวาดระแวงไปเสียหมด แต่ผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกไม่น่าไว้ใจ จะเป็นเพราะอะไรก็ยากจะอธิบาย รูปร่างหน้าตาเขาก็ดูเป็นปกติดี ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีอะไรน่าระแวง ถ้าเดินสวนกันกลางถนนที่ไหนสักแห่ง เธอคงไม่ให้ความสนใจเสียด้วยซ้ำ
คงเป็นอากัปกิริยาของเขา แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่มีอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกว่าเขาระมัดระวังตัวจนเกินพอดี นัยน์ตาสีน้ำตาลฝังอยู่ลึกใต้คิ้วหนาดูล่อกแล่กอย่างไรชอบกล
จบการแสดงของเด็กๆ ชุดชุลมุนนั้นแล้วก็ถึงรายการแสดงของเด็กโตขึ้นมาอีกระดับชั้นหนึ่ง ช่วงเวลาที่เด็กกลุ่มนั้นขึ้นไปจัดแถวบนเวที วาดตะวันสังเกตเห็นจากหางตาว่าผู้ชายคนข้างๆ หันมองเธอบ่อยครั้ง อาจพยายามชวนคุยอีก แต่เธอก็ไม่สนใจ รีบๆ กิน รีบๆ อิ่ม จะได้ไปจากเต็นท์นี้เสียที
รอยบรรพ์ (บทที่ 5)
ขอบคุณ น้องดาว Lady Star 919, จารย์จี GTW, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ สมาชิกหมายเลข 1065771, คุณลิ ลายลิขิต, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณ เป่าชาง
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ
บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ https://pantip.com/topic/36127426
บทที่ 1 https://pantip.com/topic/36134360
บทที่ 2 https://pantip.com/topic/36141907
บทที่ 3 https://pantip.com/topic/36149284
บทที่ 4 https://pantip.com/topic/36156203
งานฉลองฤดูเก็บเกี่ยวเป็นงานเล็กๆ จัดขึ้นในบริเวณลานหญ้าโล่งหน้าศาลาที่ทำการเมือง เป็นงานซึ่งจัดร่วมกับเมืองข้างเคียง ขนาดของงานเหมาะกับเมืองเล็กๆ แบบนี้
วาดตะวันมาถึงบริเวณนั้นในเวลาเย็น อะไรๆ ยังไม่เข้าที่เข้าทางดีนักเพราะงานเต็มรูปแบบจะมีในวันรุ่งขึ้น วันแรกเป็นวันที่บรรดาร้านค้ามีโอกาสได้จัดบูธและโฆษณากิจการของตัว ส่วนรายการบนเวทีนั้นเริ่มตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว
ไฮไลต์หนึ่งของงานคือการประกวดสูตรบาร์บีคิว และเธอก็ได้บาร์บีคิวเนื้อฉีกเป็นชิ้นยาวๆ ใส่มาในจานขนาดใหญ่เข้ามามองหาที่นั่งในเต็นท์หน้าเวที มุมนี้เหมาะ มองตรงไปเบื้องหน้าเห็นเด็กเล็กๆ กำลังเต้นรำอยู่บนเวทีได้ชัดเจนโดยไม่มีอะไรบดบัง คงเป็นเด็กอนุบาลเพราะแต่ละคนยังเล็กมาก แต่ละคนสวมกระโปรงสีชมพูสดใส มีชั้นในสีขาวฟูฟ่อง เสียงรองเท้าส้นไม้กระทบพื้นกันคนละทีสองที ฟังดูไม่ค่อยจะสามัคคีกันและไม่ค่อยเป็นจังหวะจะโคนสักเท่าไรนัก จึงเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชมซึ่งส่วนใหญ่เป็นพ่อแม่และญาติพี่น้องได้เป็นระยะ
มัวแต่เพลิดเพลินกับการแสดงบนเวที ก็มีอันต้องสะดุ้งจนสุดตัวเมื่อมีเสียงห้าวๆ ดังขึ้นอย่างกะทันหัน ใกล้เสียจนผิดสังเกต
“มีใครนั่งที่เก้าอี้ตัวนี้หรือเปล่า”
พอหันไปดูก็เห็นผู้ชายแต่งตัวดียืนอยู่ข้างๆ เยื้องไปด้านหลัง ในมือมีบาร์บีคิวใส่มาในกล่องโฟม เขาโน้มตัวมาข้างหน้านิดหนึ่ง สุ้มเสียงที่พูดด้วยฟังดูสุภาพ หากวาดตะวันก็ยังไม่วายกระอักกระอ่วน โต๊ะยาวตัวนี้มีเก้าอี้เรียงรายอยู่โดยรอบ นับได้ไม่ต่ำกว่าสิบตัว ทั้งโต๊ะเวลานี้มีเธอนั่งอยู่คนเดียว และทั้งๆ ที่มีโต๊ะลักษณะเดียวกันตัวอื่นอีกถึงสี่ตัว แต่ละตัวมีคนนั่งรับประทานอาหารกันอยู่เพียงไม่กี่คน ทำไมเขาจะต้องเจาะจงมานั่งข้างๆ เธอด้วย
แต่จะเลี่ยงได้อย่างไร จะบอกให้ไปที่อื่นก็น่าเกลียดเกินไป ดูท่าทางเขาก็เรียบร้อยดี จึงต้องฝืนใจอนุญาต
“ไม่มีใครหรอกค่ะ เชิญตามสบาย”
โล่งอกเมื่อเขาไม่ได้นั่งบนเก้าอี้ตัวข้างๆ เธอเสียทีเดียว แต่ถัดไปอีกตัว
พอกลับไปสนใจเด็กๆ บนเวที เขาก็ชวนคุย
“ผมมีหลานอยู่คน”
“คะ?”
“ผมมีหลานสาวอยู่คน” เขาย้ำประโยคเดิมอีกครั้ง มือใหญ่ๆ ที่ถือส้อมพลาสติกกระตุกไปทางเวทีนิดหนึ่ง “อายุประมาณเท่านั้นแหละ”
“หรือคะ”
“ชื่อเทรซี่”
“ชื่อหลานหรือคะ”
เขาผงกศีรษะ ใช้ส้อมเขี่ยหมูฉีกเป็นชิ้นๆ มีซอสบาร์บีคิวราดเสียชุ่มโชก
“คุณมาจากไหน จีนหรือเปล่า” ยังมีเรื่องให้ถามต่อ
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันมาจากประเทศไทย”
“ประเทศไทย?” คิ้วหนาสีน้ำตาลขมวดเข้าหากัน สีหน้าครุ่นคิด “อยู่ใกล้ประเทศจีน?”
“ก็ใกล้พอสมควรค่ะ สมัยสงครามโลกเคยมีคนเดินจากตอนเหนือของประเทศไทยไปประเทศจีนแล้วด้วย”
เขาผงกศีรษะอีกครั้ง หันกลับไปทางเวที และเธอก็พอจะหายใจคล่องขึ้น
ใช่ว่าเธอเป็นคนหวาดระแวงไปเสียหมด แต่ผู้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกไม่น่าไว้ใจ จะเป็นเพราะอะไรก็ยากจะอธิบาย รูปร่างหน้าตาเขาก็ดูเป็นปกติดี ไม่มีอะไรโดดเด่น ไม่มีอะไรน่าระแวง ถ้าเดินสวนกันกลางถนนที่ไหนสักแห่ง เธอคงไม่ให้ความสนใจเสียด้วยซ้ำ
คงเป็นอากัปกิริยาของเขา แม้ภายนอกจะดูสงบ แต่มีอะไรบางอย่างที่ให้ความรู้สึกว่าเขาระมัดระวังตัวจนเกินพอดี นัยน์ตาสีน้ำตาลฝังอยู่ลึกใต้คิ้วหนาดูล่อกแล่กอย่างไรชอบกล
จบการแสดงของเด็กๆ ชุดชุลมุนนั้นแล้วก็ถึงรายการแสดงของเด็กโตขึ้นมาอีกระดับชั้นหนึ่ง ช่วงเวลาที่เด็กกลุ่มนั้นขึ้นไปจัดแถวบนเวที วาดตะวันสังเกตเห็นจากหางตาว่าผู้ชายคนข้างๆ หันมองเธอบ่อยครั้ง อาจพยายามชวนคุยอีก แต่เธอก็ไม่สนใจ รีบๆ กิน รีบๆ อิ่ม จะได้ไปจากเต็นท์นี้เสียที