รอยบรรพ์ (บทที่ 12)

ขอบคุณทุกคนที่อ่านเรื่องนี้นะคะ
ขอบคุณ คุณ CAN LIVE, น้องดาว Lady Star 919, คุณ ฮิปโปโปตัวโตพุงโลชะมัด, คุณซูซี่ Susisiri, คุณ เป่าชาง, คุณ ป้าทุยบ้านทุ่ง, คุณลิ ลายลิขิต, จารย์จี GTW, คุณนัน turtle_cheesecake, คุณออม ออมอำพัน, คุณ nasa nasa
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตด้วยค่ะ


บทก่อนหน้าค่ะ
บทนำ   https://pantip.com/topic/36127426
บทที่ 1  https://pantip.com/topic/36134360
บทที่ 2  https://pantip.com/topic/36141907
บทที่ 3  https://pantip.com/topic/36149284
บทที่ 4  https://pantip.com/topic/36156203
บทที่ 5  https://pantip.com/topic/36164577
บทที่ 6  https://pantip.com/topic/36170552
บทที่ 7  https://pantip.com/topic/36179183
บทที่ 8  https://pantip.com/topic/36187082
บทที่ 9  https://pantip.com/topic/36193770
บทที่ 10 https://pantip.com/topic/36202931
บทที่ 11 https://pantip.com/topic/36210169



บทที่ 12



“อ้าว ทำไมอย่างนั้นล่ะครับ” เขาเริ่มร้อนรนเมื่อพอเข้าใจอะไรได้รางๆ

ร่างใหญ่ๆ ขยับเข้ามาใกล้จนตั้งตัวแทบไม่ทัน และวาดตะวันก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่งเพื่อตั้งหลัก หลบดวงตาเข้มเฉียบที่ก้มลงหาพัลวัน ปากตอบคำถามนั้นอย่างไม่ค่อยจะเต็มเสียงสักเท่าไรนัก

“ก็…ไม่อยากให้มีการเข้าใจกันผิดกันนะซีคะ ดีไม่ดีคุณจะเดือดร้อนเสียเปล่าๆ ถ้าแมนดี้เข้าใจผิด”

พลั้งปากไปแล้วก็คิดได้ นี่เขาจะเข้าใจไปว่าอย่างไร ไม่ได้อยากให้รู้สึกว่ากำลังถูกตัดพ้อเหมือนที่เห็นเมื่อครู่เลย ก็ในเมื่อตัวเองไม่มีสิทธิ์จะทำอะไรอย่างนั้น

และเขาก็เดือดร้อนจริงๆ ยิ่งเห็นสายตาของหญิงสาวมองผ่านหน้าต่างออกไปยังบ้านหลังตรงข้ามครั้งแล้วครั้งเล่าก็ยิ่งแน่ใจ จึงได้อธิบายเสียยืดยาวจนแทบจะเกินจำเป็น

“ทำไมถึงคิดว่าแมนดี้จะเข้าใจผิดละครับ แมนดี้กับผมเป็นเพื่อนกัน แมนดี้เรียนหลังผมปีหนึ่ง เมื่อครั้งที่เรายังเล็ก ก็อยู่บ้านตรงข้ามกันแบบนี้ เรียนก็เรียนโรงเรียนเดียวกัน ไปกลับจากโรงเรียนก็พร้อมกัน เลยสนิทกัน เมืองเล็กๆ ก็แบบนี้แหละครับ ทุกคนรู้จักกันหมด ตอนนี้พ่อแม่ของแมนดี้ยังอยู่กันที่บ้านหลังนั้น” เขาผงกศีรษะไปทางหน้าต่าง

“แมนดี้แต่งงานแล้วย้ายไปอยู่ที่อื่นพักหนึ่ง นี่เพิ่งหย่าได้ไม่นาน ก็เลยพาลูกกลับมาอยู่กับพ่อแม่ อีกอย่าง ผมเป็นพ่อทูนหัวของเคเลบด้วย” รอยยิ้มน้อยๆ ผุดขึ้นที่ริมฝีปากบาง “ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาคิดกันยังไง คือผมนับถือศาสนาพุทธ ใครๆ ก็รู้ แต่ตอนที่เคเลบเกิดใหม่ๆ ผมกลับมาเยี่ยมบ้านพอดี แมนดี้ขอให้ผมเป็นพ่อทูนหัวของแก ผมก็ตกลง”

ยิ้มนั้นกว้างขึ้นอีก

“ว่าแต่คุณหิวหรือยังละนี่ เมื่อกลางวันก็มัวแต่ขนของกัน คุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย” เสียงทุ้มๆ นุ่มนวลขึ้นด้วยเมื่อคิดว่าได้อธิบายไปทั้งหมดแล้ว

“ไม่ค่ะ ยังไม่หิว”

“ถ้าอย่างนั้นเราไปหาซินดี้กันเลยก็แล้วกัน” ก้มดูนาฬิกาที่ข้อมือของตัวเอง เห็นว่าเกือบได้เวลาเลิกงานแล้ว

“อีกไม่ถึงยี่สิบนาทีห้าโมง เรารีบไปกันก่อนดีกว่า ก่อนซินดี้จะปิดที่ทำงาน”

มีเสียงเพลงดังมาแว่วๆ วาดตะวันจำได้ว่ามาจากโทรศัพท์มือถือของตัวเอง กระเป๋าสะพายที่ใช้ประจำยังคงทิ้งอยู่ในห้องนอน และเครื่องโทรศัพท์ก็อยู่ในนั้น

“ของฉันเองค่ะ”

เธอวิ่งเข้าไปคว้ากระเป๋าออกมา ดึงมือถือขึ้นมาดูก็จำได้ว่าเป็นใคร

นิโคลัสโวยวายมาตามสาย

“ตะวัน ยังสติดีอยู่หรือเปล่า ไปทำอะไรที่นั่นอีก”

เมื่อบ่ายที่เธอเอาจดหมายลึกลับฉบับนั้นไปให้ร้อยเอกบาร์ตเล็ตที่สถานีตำรวจ นิโคลัสไม่อยู่ที่นั่น นี่คงรู้จากเพื่อนร่วมงานแล้วว่าเธอเดินทางมาวอซอว์ ได้บอกนายตำรวจอาวุโสผู้เป็นเจ้าของคดีไว้ว่าอย่างนั้น ก็กันไว้ก่อน เผื่อมีอะไรเกิดขึ้น ฝ่ายนั้นไม่ได้คัดค้านแต่อย่างใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นว่าเธอไม่ได้มาที่นี่เพียงคนเดียว แถมยังเตือนให้ระวังตัว และว่าจะบอกมาให้เจ้าหน้าที่ของเมืองนี้รู้ด้วยว่าเธอจะมาอยู่ที่นี่สองสามวัน

“ก็มาเวเคชั่นนะซี ตอนนี้ต้องหยุดงานต่ออีกอาทิตย์ ต้องย้ายบ้านด้วย ก็เลยไม่รู้ว่าจะไปไหน” น้ำเสียงที่ใช้ไม่เข้มงวดเหมือนเคยด้วยรู้ว่าฝ่ายนั้นเป็นห่วงอย่างจริงใจ

สบตาชายหนุ่มซึ่งเปิดประตูบ้านแล้วยืนคอยก็ผงกศีรษะเพื่อบอกเป็นนัยๆ ว่าไปกันได้แล้ว

“ก็แล้วทำไมต้องเป็นที่นั่น ประเทศนี้ก็ออกกว้าง มีที่ให้ไปเวเคชั่นอีกตั้งหลายแห่ง” เพื่อนผู้เป็นนายตำรวจยังไม่เลิกราง่ายๆ

“เอาน่า นิค ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่เป็นไร”

“เห็นว่าผู้ชายไทยคนนั้นไปด้วย”

“ก็ใช่” เธอเหลือบตาขึ้นดู ‘ผู้ชายไทยคนนั้น’ เมื่อเขาเปิดประตูรถด้านผู้โดยสารให้ “มีอะไรไหม”

“แน่ใจว่าไว้ใจเขาได้?”

“แน่ใจสิ”

สุ้มเสียงของอีกฝ่ายอ่อนลง คราวนี้เปลี่ยนเป็นเร่งร้อนเหมือนกำลังรีบทำอะไรสักอย่าง

“ยังไงก็พยายามอย่าไปที่ไหนเปลี่ยวๆ ก็แล้วกัน พยายามอยู่ในที่ที่มีคนอื่นอยู่ด้วย” เขาสั่งมาเหมือนสอน

“เอาเป็นว่าจะระวังตัวก็แล้วกัน” เธอตัดบท ดึงเข็มขัดนิรภัยลงมาคาด ตามองตามร่างใหญ่ๆ อ้อมไปขึ้นประจำที่คนขับ

“มีอะไรน่าสงสัยก็โทรมาทันทีนะ ตะวัน โทรมามือถือเรา” ฝ่ายนั้นยังไม่วายสั่งเสีย

“ขอบใจ นิค ขอบใจที่เป็นห่วง”

“มันเป็นหน้าที่” เขาปัดไปเสียแบบนั้น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่