สวัสดีทุกคนนะค้าา ขอแนะนำตัวก่อน เราชื่อ ลูกแพร์น้าาา >____<
เราเป็นนักศึกษาปีที่ 4
ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนน้าาาาาาา
ต้องบอกก่อนว่า เราใช้ username ของเพื่อนเรามาตั้งกระทู้นะค้าาา และอันนี้เป็นกระทู้แรกของเรา ปกติเราจะสายอ่านอย่างเดียว แต่วันนี้ขอเป็นคนตั้งกระทู้บ้างง ตอนแรกเราก็ไม่กล้าตั้งเพราะเขินน แต่เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆเราบอกให้เราลองตั้งดู เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้คนลดน้ำหนัก เราก็เลยตัดสินใจ อยากตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนกำลังลดน้ำหนักค่ะ
ถ้าผิดพลาดประการใด เราขออภัยด้วยน้าาาา
เราขอเล่าประวัติความอ้วนคร่าวๆของเราตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก่อน ..
ตอนเราเด็กๆ น้ำหนักเราอยู่ในเกณฑ์ปกติคะ แต่ก็เป็นคนเจ้าเนื้อมาตั้งแต่ประถมแล้ว จนจะจบ ประถม 6 เราเห็นพี่สาวเราที่กำลังเป็นวัยรุ่น เริ่มลดน้ำหนัก เราก็เลยแอบลดตามด้วยแต่เราไม่รู้วิธีว่า ลดน้ำหนักเป็นยังไง เราก็เลยใช้วิธีการ งดอาหารเช้าทุกวัน บางวันก็งดอาหารเย็นบ้าง พอเราทำไปนานๆ เราก็เริ่มทนไม่ไหว เราก็หยุดทำ พอหลังจากนั้นเรากินหนักมากกกก กินมาม่าซองแบบบิ๊กไซส์ได้ มื้อละ 2 ซอง แถมยังกินขนมต่ออีกด้วยย จนกระทั่ง เราอยู่ ม.2 น้ำหนักเรา ขึ้นจาก 48 เป็น 65 กิโลกรัม (ปล. เราสูงแค่ 154 ซม.)
เรากลายเป็นเด็กตัวกลม โดนเรียกว่า หมีแพนด้า อ้วน กลม ขาโต๊ะสนุ๊ก จนปิดเทอมช่วง ม2 ขึ้น ม.3 เราก็เลยตัดสินใจลดน้ำหนักค้าาาา

พอผ่านไปประมาณ สามเดือน หลังจากนั้น น้ำหนักเราก็ลดลงมา เหลือ50 กิโลกรัม ตอนนั้นแบบดีใจมากกกก แฮปปี้กับหุ่นสุดๆ

แต่พอยิ่งโต แรงกดดันเรื่องหุ่นก็ยิ่งเยอะ เราเลยเริ่มคิดว่า เห้ยยความสูงของเรากับน้ำหนักของเรามันไม่บาลานซ์กัน เราควรจะน้ำหนักแค่ 44 -45 กิโลมากกว่า พอเราเริ่มเครียด เรายิ่งกดดันเรื่องลดน้ำหนัก น้ำหนักดันยิ่งเพิ่ม แล้วบวกกับ ช่วง ม.ปลายเราไป ต่างประเทศช่วงปิดเทอมบ่อยมาก

ทำให้น้ำหนักเรากลับมาเยอะเหมือนเดิม แต่ก็ยัง ขึ้นๆลงๆ ประมาณ 52-54 กิโลกรัม
จนกระทั่งเราขึ้นมหาวิทยาลัย ปี 2
ตอนนั้นเราน้ำหนักก็อยู่ประมาณ 53-54 กิโลกรัม แต่พอเราไปเที่ยวกับเพื่อนญี่ปุ่นแล้วกลับมา น้ำหนักเราขึ้นถึง 58 กิโลกรัม เรานิแบบเครียดมากกกก ทำไงดีเนี่ย อ้วนและขาใหญ่สุดๆๆๆ

จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมา
เราไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับการงดกินคาร์โบไฮเดต
เราก็เริ่มทำ น้ำหนักเราก็ลดคะ ลดจาก 58 ลงมาเหลือ 54 กิโลกรัม แต่พอทำไปซักพักร่างกายเราไม่แข็งแรงเลยย เหมือนเราขาดสารอาหารบางชนิดไป และพอเราทำไปนานๆ เราก็สังเกตได้ว่าน้ำหนักเราไม่ลดแล้วค่ะ มันเหมือนเรามาถึงจุดอิ่มตัวของการลดน้ำหนัก
เราเลยเปลี่ยนวิธีคะ เรานั่งคิดว่าจริงๆแล้วเราอยากได้อะไรกันแน่แค่ผอมอย่างเดียวหรอ เราคิดว่ามันไม่โอเคคะ
เราเลยคิดว่า ถ้าเราจะหุ่นดี เราต้องสุขภาพดีด้วยให้มันคงอยู่กับเราไปนานๆ เพราะส่วนนึง คือเราเป็นคนมีโรคประจำตัวเยอะมากและป่วยง่ายสุดๆ ช่วงก่อนหน้านี้ เราแบบ เข้าโรงพยาบาล แบบเดือนละครั้งสองครั้งเพราะโรคประจำตัวเรากำเริบค่ะ (เราเป็นโรคภูมิแพ้, โรคหอบ และโรคกระเพาะะอาหารคะ)
จนเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา พี่สาวเราชวนเราไปเล่นฟิตเนสที่หนึ่งแถววัดเสมียนนารี (ขอไม่บอกชื่อน้า ถามหลังไมค์ได้จ้าาา)
เราลงคอร์สเพื่อ เล่นเวท และเล่นมวยคะ สลับกัน วันจันทร์มวย วันอังคาร์เวท แล้ววันพุธก็กลับมามวยอีก แล้วก็สลับก็ไปแบบนี้เรื่อยๆคะ (คอร์สของเรามี personal trainer ด้วยน้า)
เราออกกำลังกาย 4-5 วันต่ออาทิตย์คะ (ช่วงนั้นปิดเทอมและไฟแรงมาก เลยฟิตสุดๆ)
แล้วเราก็คุยกับพี่เทรนเนอร์ที่ฟิตเนสที่เราสมัครค้า เกี่ยวกับการกินอาหาร เพื่อ lean น้ำหนักออก
เราก็เลยเริ่มทำตามสิ่งที่พวกพี่ๆเขาแนะนำค่ะ คือพวกพี่เขาเป็นไอดอลของเราเลยในตอนนั้น เพราะพวกเขาสามารถควบคุมน้ำหนักเขาให้ขึ้นลงตามใจชอบตัวเองเลยค่ะ
เราออกกำลังกายช่วงปิดเทอมเป็นเวลาประมาณ เดือนกว่าๆคะ ช่วงนั้นน้ำหนักก็ลดลงไม่เยอะคะ จาก 55 เหลือ 53 คะ แต่ร่างกายเรากระชับขึ้นเยอะมากคะ ส่วนการกินตอนนั้น เรายังไม่ได้เริ่มกินคลีนแบบจริงๆจังคะ
พอช่วงเปิดเทอม
เราก็เริ่มกินอาหารคลีนและleanแบบจริงๆจังๆคะ เราใช้เวลาประมาณ 3 เดือนคะ (ในช่วงเวลาที่เรากินจริงๆจังๆ ช่วงนั้นเราไม่ได้ออกกำลังกายนะคะ เพราะเราฝึกงานที่โรงแรมแถว ศาลายาค่ะ) เราเลยไม่ได้ฟิตเนสจริงๆจังๆเลย แต่ช่วงเวลาที่ฝึกงาน เราก็ใช้เวลาที่ฝึกงานให้เป็นประโยน์คะ
บางทีว่างๆเราก็ ซิทอัพบ้าง ทำท่าง่ายๆบ้างที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ (เราฝึกที่โรงแรมคะ ต้องย้ายตำแหน่งงานไปเรื่อยๆ เป็นโรงแรมของมหาวิทยาลัยคะ) และบวกกับการทำงานที่ค่อนข้างใช้แรงเยอะ ทำให้เหมือนเราออกกำลังกายไปในตัวทุกๆวัน และเราก็กินอาหารคลีนค่ะ (วิธีการกินขอเขียนไว้ข้างล่างน้าา)
พอหลังจากเราฝึกงานจบ (วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาคือวันที่เราฝึกงานจบจ้า)
เราก็เลยลองไปชั่งน้ำหนักค่ะ
น้ำหนักเราลดจาก 53.8 กิโลกรัม เหลือ 45 กิโลกรัมคะ เราแบบดีใจมาก
มีคนทักเราเยอะมาก ว่า เราผอมลงไปเยอะ มาก ดูหน้าสดใส ผิวดูดีขึ้นเยอะ และที่สำคัญคือเราไม่ป่วยง่ายๆเหมือนแต่ก่อนแล้วคะ
ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนและซื้อเสื้อผ้าใหม่หมดเลย จากสาวไซส์ M หรือ L กลายเป็นสาวไซส์ XSแล้วคะ
จาก เอว 28 ตอนนี้เอวเราเหลือ แค่ 23.5 คะ (เราเป็นคนช่วงบนเล็กคะ หุ่นเราเหมือนผลไม้ลูกแพร์ ตามชื่อเราเลยจ้าา)
ถ้าถามว่า พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เราอ้วน ขอบอกไว้หน่อยน้าไม่อยากให้ใครทำตามจ้า
- คิดตลอดเวลาว่าจะลดน้ำหนักและเครียดมากเกินไป
- กินจุกจิก
- ไม่กินข้าวเช้า เพราะกลัวว่าจะมีพุงยื่นออกมาตอนกลางวัน
- กินดึกแทบทุกวัน และทุกมื้อตอนกลางคืนเป็นพวก คาร์โบไฮเดต หรือไขมันเยอะๆ
- นอนดึก หรือ นอนเช้า (เช้าอีกวัน ฮี่ๆ)
- เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ผอมกว่า
- กดดันตัวเองมากกกกก และคิดว่าตัวเอง ไม่สวย ไม่มีความมั่นใจ ไม่อยากถ่ายรูป
- กินอาหารเสริมหรือยาลดน้ำหนัก
วิธีการลดน้ำหนักของเราตอน เราอยู่ มัธยมน้าาา
ต้องบอกก่อนน้าา เรายังเชื่อคำพูดผู้ใหญ่ที่ว่า กินไปเถอะเด็กกำลังโต เราคิดว่า เด็กๆทุกคนควรได้กินในสิ่งที่ตัวเองอยากลองกินถึงแม้ว่าบางทีมันอาจจะ เป็นของกินที่มันบ้าง แป้งเยอะมากเกินไปบ้าง หวานบ้าง แต่เราคิดว่า ในเมื่อมีโอกาสได้ลองสิ่งใหม่ๆ ก็ควรลองน้าาาา แต่ แต่ แต่ ...
เราก็เข้าใจเด็กวัยรุ่นเช่นกัน เด็กผู้หญิงทุกคนอยากสวย (รวมถึงตัวเราด้วย) อยากหุ่นดี อยากเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ และแต่งตัวสวยๆ แต่งหน้าทำผม เดินชิลกลางห้าง บลาๆๆๆ
เราก็เลยอยากจะบอกว่า ถ้าอยากลดน้ำหนักเพราะคิดว่าตัวเองอ้วนเกินไป เราว่าอย่าไปกดดันตัวเองมากเกินไป แต่ที่สำคัญคือ
- กินอาหารให้ครบ ห้าหมู่
- ควรกินอาหารเช้าทุกวันนะ สำคัญมากจริงๆ การเผาผลาญจะได้ดีๆ เพราะยิ่งโตการเผาผลาญของเราจะเริ่มแย่ลง กินข้าวเช้าให้ติดเป็นนิสัยดีกว่าน้าาา
- คิดก่อนกิน อย่ากินของหวานมากเกินไป ปรุงรสอาหารให้กลางๆ กินได้ทุกอย่างที่อยากกินแต่ กินในปริมาณที่พอเหมาะ
สำหรับเราตอนนั้น วิธีการลดของเราช่วง ตอนเราอยู่มัธยมที่เรา น้ำหนักขึ้นถึง 65 กิโลกรัมแล้วลดเหลือ 50 กิโลกรัมคือ
- กินข้าวมื้อละ 1 ทัพพี
- กินไข่ต้ม แทนไข่เจียวหรือไข่ดาว (เป็นส่วนใหญ่)
- กินผักและผลไม้เยอะ
- แบ่งสัดส่วนอาหารในจานคร่าวๆ พยายามให้ ผัก หรือกับข้าวมากกว่า ข้าวเสมอๆ และถ้ายังหิวอยู่ให้ตบท้ายด้วยผลไม้คะ
- กินน้ำ 8 -10 แก้ว
- นอนเป็นเวลา ตอนนั้นเรานอน 5 ทุ่มตลอดเลย
และที่สำคัญที่สุดคือ การออกกำลังกายกับเพื่อนที่โรงเรียนคะ เราชอบเล่นบาสเกตบอล เราก็จะเล่นกับเพื่อนทุกๆวันตอนเย็นคะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
วิธีการกินของเราในปัจจุบันนะคะ
เราใช้การออกกำลังกาย แบบ เวท และ ต่อยมวยเข้ามาช่วยค่ะ
ส่วนวิธีการกินของเราตลอดเวลาที่ผ่านมาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคือ “ทุกมื้ออาหารเราจะมีการชั่งน้ำหนักอาหารคะ”
โดยที่เราเลือกกิน
- ข้าวกล้องหรือข้าวไรส์เบอร์รี่ มื้อละ 100 กรัม
- โปรตีนที่เรากิน คือ อกไก่กับปลาดอรี่ มื้อละ 150 กรัม (บางมื้อเรากินปลาแซลม่อนคะ เพราะเราชอบกินแต่จริงๆปลาแซลม่อนเราว่าน้ำมันค่อนข้างเยอะนะ แต่มันไขมันดีคะ)
- และ ผักเท่าไหร่ก็ได้คะ ส่วนผลไม้ เราจะซื้อตามร้านที่มหาวิทยาลัยคะ เราจะกิน ประมาณ 3-4 ถุง ต่อวันคะ
เรากินแบบนี้ทุกมื้อและทุกวันจ้า บางมื้อก็อาจจะกินสลัดผักแทนบ้างในมื้อเย็น แต่วิธีการปรุงของเราจะต่างกันไปเรื่อยๆคะ
บางมื้อเราก็เอาอกไก่ไปอบคะ บางมื้อก็นึ่ง ต้ม ตุ๋น หรือผัดแบบไม่ใช้น้ำมันคะ
ที่สำคัญของการ CLEAN AND LEAN คือ การไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบในการปรุงค้าาาาาาา
เครื่องปรุงที่ ที่เราใช้ มี อยู่ 3 อย่างคะ
เกลือ
พริกไทย
ซอสเทอริยากิ (ยี่ห้ออะไรถามเค้าหลังไมค์น้าาา เค้าไม่รู้ว่าควรเขียนมั้ยอ่าาา)
แต่ แต่ แต่ ... ทุกๆอาทิตย์ เราจะมี cheat meal คะ หรือบางคนอาจจะเป็น cheat day คะ คือจะกินอะไรก็ได้ จะกินเท่าไหร่ก็ได้ อยากกินอะไรกินเลย ไอศกรีมช็อกโกแลต เค้กนมสด หมูปิ้ง สเต็กเนื้อ เบอร์เกอร์ พิซซ่า ตามสบายท้องกันเลยจ้าาาา แต่วันถัดมาเราก็จะกลับไปกินแบบเดิมค้าาาา
------------------------------------------------------------------------
***รายละเอียดเรื่องการกินแบบ CLEAN AND LEAN และรูปภาพอาหารประกอบ
เราขอเขียนต่อทีหลังน้าาาาา เดี๊ยวจะมาแบบ full content มากกว่านี้ เดี๊ยวจะเอาภาพ วิธีการชั่งอาหาร ปริมาณการใส่เครื่องปรุง และผักหรือผลไม้ชนิดไหนบ้างที่เรากินและไม่ควรกินค้าา ***
------------------------------------------------------------------------
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่
IG : lukpearpearluk
FB : Pear Chitpanorak
อีกหนึ่งกำลังใจสำหรับคนกำลังลดน้ำหนักค่ะะ ลดลง 8 กิโลใน 3 เดือนนนนน (ลดแบบสุขภาพดีค้าา)
เราเป็นนักศึกษาปีที่ 4
ยินดีที่ได้รู้จักกับทุกคนน้าาาาาาา
ต้องบอกก่อนว่า เราใช้ username ของเพื่อนเรามาตั้งกระทู้นะค้าาา และอันนี้เป็นกระทู้แรกของเรา ปกติเราจะสายอ่านอย่างเดียว แต่วันนี้ขอเป็นคนตั้งกระทู้บ้างง ตอนแรกเราก็ไม่กล้าตั้งเพราะเขินน แต่เพื่อนๆ พี่ๆน้องๆเราบอกให้เราลองตั้งดู เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและกำลังใจให้คนลดน้ำหนัก เราก็เลยตัดสินใจ อยากตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้คนกำลังลดน้ำหนักค่ะ
ถ้าผิดพลาดประการใด เราขออภัยด้วยน้าาาา
เราขอเล่าประวัติความอ้วนคร่าวๆของเราตั้งแต่เด็กจนถึงปัจจุบันก่อน ..
ตอนเราเด็กๆ น้ำหนักเราอยู่ในเกณฑ์ปกติคะ แต่ก็เป็นคนเจ้าเนื้อมาตั้งแต่ประถมแล้ว จนจะจบ ประถม 6 เราเห็นพี่สาวเราที่กำลังเป็นวัยรุ่น เริ่มลดน้ำหนัก เราก็เลยแอบลดตามด้วยแต่เราไม่รู้วิธีว่า ลดน้ำหนักเป็นยังไง เราก็เลยใช้วิธีการ งดอาหารเช้าทุกวัน บางวันก็งดอาหารเย็นบ้าง พอเราทำไปนานๆ เราก็เริ่มทนไม่ไหว เราก็หยุดทำ พอหลังจากนั้นเรากินหนักมากกกก กินมาม่าซองแบบบิ๊กไซส์ได้ มื้อละ 2 ซอง แถมยังกินขนมต่ออีกด้วยย จนกระทั่ง เราอยู่ ม.2 น้ำหนักเรา ขึ้นจาก 48 เป็น 65 กิโลกรัม (ปล. เราสูงแค่ 154 ซม.)
เรากลายเป็นเด็กตัวกลม โดนเรียกว่า หมีแพนด้า อ้วน กลม ขาโต๊ะสนุ๊ก จนปิดเทอมช่วง ม2 ขึ้น ม.3 เราก็เลยตัดสินใจลดน้ำหนักค้าาาา
พอผ่านไปประมาณ สามเดือน หลังจากนั้น น้ำหนักเราก็ลดลงมา เหลือ50 กิโลกรัม ตอนนั้นแบบดีใจมากกกก แฮปปี้กับหุ่นสุดๆ
แต่พอยิ่งโต แรงกดดันเรื่องหุ่นก็ยิ่งเยอะ เราเลยเริ่มคิดว่า เห้ยยความสูงของเรากับน้ำหนักของเรามันไม่บาลานซ์กัน เราควรจะน้ำหนักแค่ 44 -45 กิโลมากกว่า พอเราเริ่มเครียด เรายิ่งกดดันเรื่องลดน้ำหนัก น้ำหนักดันยิ่งเพิ่ม แล้วบวกกับ ช่วง ม.ปลายเราไป ต่างประเทศช่วงปิดเทอมบ่อยมาก
ทำให้น้ำหนักเรากลับมาเยอะเหมือนเดิม แต่ก็ยัง ขึ้นๆลงๆ ประมาณ 52-54 กิโลกรัม
จนกระทั่งเราขึ้นมหาวิทยาลัย ปี 2
ตอนนั้นเราน้ำหนักก็อยู่ประมาณ 53-54 กิโลกรัม แต่พอเราไปเที่ยวกับเพื่อนญี่ปุ่นแล้วกลับมา น้ำหนักเราขึ้นถึง 58 กิโลกรัม เรานิแบบเครียดมากกกก ทำไงดีเนี่ย อ้วนและขาใหญ่สุดๆๆๆ
จนกระทั่งต้นปีที่ผ่านมา
เราไปอ่านกระทู้เกี่ยวกับการงดกินคาร์โบไฮเดต
เราก็เริ่มทำ น้ำหนักเราก็ลดคะ ลดจาก 58 ลงมาเหลือ 54 กิโลกรัม แต่พอทำไปซักพักร่างกายเราไม่แข็งแรงเลยย เหมือนเราขาดสารอาหารบางชนิดไป และพอเราทำไปนานๆ เราก็สังเกตได้ว่าน้ำหนักเราไม่ลดแล้วค่ะ มันเหมือนเรามาถึงจุดอิ่มตัวของการลดน้ำหนัก
เราเลยเปลี่ยนวิธีคะ เรานั่งคิดว่าจริงๆแล้วเราอยากได้อะไรกันแน่แค่ผอมอย่างเดียวหรอ เราคิดว่ามันไม่โอเคคะ
เราเลยคิดว่า ถ้าเราจะหุ่นดี เราต้องสุขภาพดีด้วยให้มันคงอยู่กับเราไปนานๆ เพราะส่วนนึง คือเราเป็นคนมีโรคประจำตัวเยอะมากและป่วยง่ายสุดๆ ช่วงก่อนหน้านี้ เราแบบ เข้าโรงพยาบาล แบบเดือนละครั้งสองครั้งเพราะโรคประจำตัวเรากำเริบค่ะ (เราเป็นโรคภูมิแพ้, โรคหอบ และโรคกระเพาะะอาหารคะ)
จนเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา พี่สาวเราชวนเราไปเล่นฟิตเนสที่หนึ่งแถววัดเสมียนนารี (ขอไม่บอกชื่อน้า ถามหลังไมค์ได้จ้าาา)
เราลงคอร์สเพื่อ เล่นเวท และเล่นมวยคะ สลับกัน วันจันทร์มวย วันอังคาร์เวท แล้ววันพุธก็กลับมามวยอีก แล้วก็สลับก็ไปแบบนี้เรื่อยๆคะ (คอร์สของเรามี personal trainer ด้วยน้า)
เราออกกำลังกาย 4-5 วันต่ออาทิตย์คะ (ช่วงนั้นปิดเทอมและไฟแรงมาก เลยฟิตสุดๆ)
แล้วเราก็คุยกับพี่เทรนเนอร์ที่ฟิตเนสที่เราสมัครค้า เกี่ยวกับการกินอาหาร เพื่อ lean น้ำหนักออก
เราก็เลยเริ่มทำตามสิ่งที่พวกพี่ๆเขาแนะนำค่ะ คือพวกพี่เขาเป็นไอดอลของเราเลยในตอนนั้น เพราะพวกเขาสามารถควบคุมน้ำหนักเขาให้ขึ้นลงตามใจชอบตัวเองเลยค่ะ
เราออกกำลังกายช่วงปิดเทอมเป็นเวลาประมาณ เดือนกว่าๆคะ ช่วงนั้นน้ำหนักก็ลดลงไม่เยอะคะ จาก 55 เหลือ 53 คะ แต่ร่างกายเรากระชับขึ้นเยอะมากคะ ส่วนการกินตอนนั้น เรายังไม่ได้เริ่มกินคลีนแบบจริงๆจังคะ
พอช่วงเปิดเทอม
เราก็เริ่มกินอาหารคลีนและleanแบบจริงๆจังๆคะ เราใช้เวลาประมาณ 3 เดือนคะ (ในช่วงเวลาที่เรากินจริงๆจังๆ ช่วงนั้นเราไม่ได้ออกกำลังกายนะคะ เพราะเราฝึกงานที่โรงแรมแถว ศาลายาค่ะ) เราเลยไม่ได้ฟิตเนสจริงๆจังๆเลย แต่ช่วงเวลาที่ฝึกงาน เราก็ใช้เวลาที่ฝึกงานให้เป็นประโยน์คะ
บางทีว่างๆเราก็ ซิทอัพบ้าง ทำท่าง่ายๆบ้างที่ไม่ต้องใช้อุปกรณ์ (เราฝึกที่โรงแรมคะ ต้องย้ายตำแหน่งงานไปเรื่อยๆ เป็นโรงแรมของมหาวิทยาลัยคะ) และบวกกับการทำงานที่ค่อนข้างใช้แรงเยอะ ทำให้เหมือนเราออกกำลังกายไปในตัวทุกๆวัน และเราก็กินอาหารคลีนค่ะ (วิธีการกินขอเขียนไว้ข้างล่างน้าา)
พอหลังจากเราฝึกงานจบ (วันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมาคือวันที่เราฝึกงานจบจ้า)
เราก็เลยลองไปชั่งน้ำหนักค่ะ
น้ำหนักเราลดจาก 53.8 กิโลกรัม เหลือ 45 กิโลกรัมคะ เราแบบดีใจมาก
มีคนทักเราเยอะมาก ว่า เราผอมลงไปเยอะ มาก ดูหน้าสดใส ผิวดูดีขึ้นเยอะ และที่สำคัญคือเราไม่ป่วยง่ายๆเหมือนแต่ก่อนแล้วคะ
ตอนนี้เราต้องเปลี่ยนและซื้อเสื้อผ้าใหม่หมดเลย จากสาวไซส์ M หรือ L กลายเป็นสาวไซส์ XSแล้วคะ
จาก เอว 28 ตอนนี้เอวเราเหลือ แค่ 23.5 คะ (เราเป็นคนช่วงบนเล็กคะ หุ่นเราเหมือนผลไม้ลูกแพร์ ตามชื่อเราเลยจ้าา)
ถ้าถามว่า พฤติกรรมอะไรที่ทำให้เราอ้วน ขอบอกไว้หน่อยน้าไม่อยากให้ใครทำตามจ้า
- คิดตลอดเวลาว่าจะลดน้ำหนักและเครียดมากเกินไป
- กินจุกจิก
- ไม่กินข้าวเช้า เพราะกลัวว่าจะมีพุงยื่นออกมาตอนกลางวัน
- กินดึกแทบทุกวัน และทุกมื้อตอนกลางคืนเป็นพวก คาร์โบไฮเดต หรือไขมันเยอะๆ
- นอนดึก หรือ นอนเช้า (เช้าอีกวัน ฮี่ๆ)
- เอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนที่ผอมกว่า
- กดดันตัวเองมากกกกก และคิดว่าตัวเอง ไม่สวย ไม่มีความมั่นใจ ไม่อยากถ่ายรูป
- กินอาหารเสริมหรือยาลดน้ำหนัก
วิธีการลดน้ำหนักของเราตอน เราอยู่ มัธยมน้าาา
ต้องบอกก่อนน้าา เรายังเชื่อคำพูดผู้ใหญ่ที่ว่า กินไปเถอะเด็กกำลังโต เราคิดว่า เด็กๆทุกคนควรได้กินในสิ่งที่ตัวเองอยากลองกินถึงแม้ว่าบางทีมันอาจจะ เป็นของกินที่มันบ้าง แป้งเยอะมากเกินไปบ้าง หวานบ้าง แต่เราคิดว่า ในเมื่อมีโอกาสได้ลองสิ่งใหม่ๆ ก็ควรลองน้าาาา แต่ แต่ แต่ ...
เราก็เข้าใจเด็กวัยรุ่นเช่นกัน เด็กผู้หญิงทุกคนอยากสวย (รวมถึงตัวเราด้วย) อยากหุ่นดี อยากเป็นที่สนใจของเพื่อนๆ และแต่งตัวสวยๆ แต่งหน้าทำผม เดินชิลกลางห้าง บลาๆๆๆ
เราก็เลยอยากจะบอกว่า ถ้าอยากลดน้ำหนักเพราะคิดว่าตัวเองอ้วนเกินไป เราว่าอย่าไปกดดันตัวเองมากเกินไป แต่ที่สำคัญคือ
- กินอาหารให้ครบ ห้าหมู่
- ควรกินอาหารเช้าทุกวันนะ สำคัญมากจริงๆ การเผาผลาญจะได้ดีๆ เพราะยิ่งโตการเผาผลาญของเราจะเริ่มแย่ลง กินข้าวเช้าให้ติดเป็นนิสัยดีกว่าน้าาา
- คิดก่อนกิน อย่ากินของหวานมากเกินไป ปรุงรสอาหารให้กลางๆ กินได้ทุกอย่างที่อยากกินแต่ กินในปริมาณที่พอเหมาะ
สำหรับเราตอนนั้น วิธีการลดของเราช่วง ตอนเราอยู่มัธยมที่เรา น้ำหนักขึ้นถึง 65 กิโลกรัมแล้วลดเหลือ 50 กิโลกรัมคือ
- กินข้าวมื้อละ 1 ทัพพี
- กินไข่ต้ม แทนไข่เจียวหรือไข่ดาว (เป็นส่วนใหญ่)
- กินผักและผลไม้เยอะ
- แบ่งสัดส่วนอาหารในจานคร่าวๆ พยายามให้ ผัก หรือกับข้าวมากกว่า ข้าวเสมอๆ และถ้ายังหิวอยู่ให้ตบท้ายด้วยผลไม้คะ
- กินน้ำ 8 -10 แก้ว
- นอนเป็นเวลา ตอนนั้นเรานอน 5 ทุ่มตลอดเลย
และที่สำคัญที่สุดคือ การออกกำลังกายกับเพื่อนที่โรงเรียนคะ เราชอบเล่นบาสเกตบอล เราก็จะเล่นกับเพื่อนทุกๆวันตอนเย็นคะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------
วิธีการกินของเราในปัจจุบันนะคะ
เราใช้การออกกำลังกาย แบบ เวท และ ต่อยมวยเข้ามาช่วยค่ะ
ส่วนวิธีการกินของเราตลอดเวลาที่ผ่านมาในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาคือ “ทุกมื้ออาหารเราจะมีการชั่งน้ำหนักอาหารคะ”
โดยที่เราเลือกกิน
- ข้าวกล้องหรือข้าวไรส์เบอร์รี่ มื้อละ 100 กรัม
- โปรตีนที่เรากิน คือ อกไก่กับปลาดอรี่ มื้อละ 150 กรัม (บางมื้อเรากินปลาแซลม่อนคะ เพราะเราชอบกินแต่จริงๆปลาแซลม่อนเราว่าน้ำมันค่อนข้างเยอะนะ แต่มันไขมันดีคะ)
- และ ผักเท่าไหร่ก็ได้คะ ส่วนผลไม้ เราจะซื้อตามร้านที่มหาวิทยาลัยคะ เราจะกิน ประมาณ 3-4 ถุง ต่อวันคะ
เรากินแบบนี้ทุกมื้อและทุกวันจ้า บางมื้อก็อาจจะกินสลัดผักแทนบ้างในมื้อเย็น แต่วิธีการปรุงของเราจะต่างกันไปเรื่อยๆคะ
บางมื้อเราก็เอาอกไก่ไปอบคะ บางมื้อก็นึ่ง ต้ม ตุ๋น หรือผัดแบบไม่ใช้น้ำมันคะ
ที่สำคัญของการ CLEAN AND LEAN คือ การไม่มีน้ำมันเป็นส่วนประกอบในการปรุงค้าาาาาาา
เครื่องปรุงที่ ที่เราใช้ มี อยู่ 3 อย่างคะ
เกลือ
พริกไทย
ซอสเทอริยากิ (ยี่ห้ออะไรถามเค้าหลังไมค์น้าาา เค้าไม่รู้ว่าควรเขียนมั้ยอ่าาา)
แต่ แต่ แต่ ... ทุกๆอาทิตย์ เราจะมี cheat meal คะ หรือบางคนอาจจะเป็น cheat day คะ คือจะกินอะไรก็ได้ จะกินเท่าไหร่ก็ได้ อยากกินอะไรกินเลย ไอศกรีมช็อกโกแลต เค้กนมสด หมูปิ้ง สเต็กเนื้อ เบอร์เกอร์ พิซซ่า ตามสบายท้องกันเลยจ้าาาา แต่วันถัดมาเราก็จะกลับไปกินแบบเดิมค้าาาา
------------------------------------------------------------------------
***รายละเอียดเรื่องการกินแบบ CLEAN AND LEAN และรูปภาพอาหารประกอบ
เราขอเขียนต่อทีหลังน้าาาาา เดี๊ยวจะมาแบบ full content มากกว่านี้ เดี๊ยวจะเอาภาพ วิธีการชั่งอาหาร ปริมาณการใส่เครื่องปรุง และผักหรือผลไม้ชนิดไหนบ้างที่เรากินและไม่ควรกินค้าา ***
------------------------------------------------------------------------
ดูรูปเพิ่มเติมได้ที่
IG : lukpearpearluk
FB : Pear Chitpanorak