กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของผมใน pantip เลยครับ ถ้าพิมผิดพิมตกอ่านไม่ออกยังไงก็ขออภัยด้วย
แต่ด้วยความน่ารักของเพื่อนผมที่เป็นเจ้าของร้านผมเลยอดไม่ได้ที่จะมารีวิวให้ครับ

แต่ถ้าใครอยากดูการขอแต่งงานก็เลื่อนไป part 2 ข้างล่างที่ คห.1 ได้เล้ยย
ต้องขอขอบคุณเพื่อนและคนอื่นๆที่ถ่ายวีดีโอให้มากๆนะครัชชช
เรื่องมันเริ่มจากในคืนวันหนึ่ง
เจ้าของกระทู้ : “เห้ย! เดี๋ยวอีก2อาทิตย์ กูอยากขอเช่าสถานที่ร้านทำเซอไพรซขอแต่งงานหน่อยดิ”
เจ้าของร้าน : “เห้ย!จิงดิ ยินดีด้วยๆ มาได้เลย”
เจ้าของกระทู้ : “เออ จะขอเหมาครึ่งร้านหว่ะ เท่าไหร่วะ”
เจ้าของร้าน : “ไม่เป็นไรเว้ย ไม่คิดเงินๆ เพื่อนจะมีความสุขทั้งที เดี๋ยวจะกันไว้ครึ่งร้านให้เลย เดี๋ยวให้เป็นของขวัญแต่งงานเลย555 วันไหนว่ามา.. ” บลาๆๆๆ

โอ้! อะไรจะใจขนาดนั้น ผมก็เลยอดไม่ได้จริงๆที่อยากจะขอบคุณเจ้าของร้านนี้โดยการขอรีวิวร้านนี้ลงพันทิพให้ซะหน่อย
แต่ผมก็แปลกใจมากๆเลยว่า ความจริงร้านนี้มันก็เป็นร้าน rooftop ในทองหล่อที่น่านั่งโคตรๆ แต่ทำไมไม่เคยเห็นคนรีวิวในพันทิพเลย
ที่ตกใจกว่าคือผมพึ่งรู้ว่าร้านนี้พึ่งเปิดมา2ปีแต่มีคนมาขอแต่งงานที่นี่มากกว่า3คู่แล้ว!!! แหม่ อะไรมันจะโรแมนติกขนาดนั้น
แน่นอนว่าถ้าจะขอแต่งงาน การเลือกสถานที่ก็ต้องมาเป็นอันดับต้นๆของการเตรียมการ เพราะฉะนั้นผมจะขอเริ่มแนะนำสถานที่ที่ผมเลือกอย่างเป็นทางการเลยนะครัช เริ่มจากการเดินทางก่อนเลยละกัน
ถ้าเรา search จาก google map ก็พิมว่า wanderlust rooftop ก็จะเจอแล้วครับ ร้านจะอยู่ในซอยทองหล่อ13 เข้าไปแค่700เมตรก็ถึงแล้ว วิธีเดินทางที่ไม่ใช่ขับรถก็คือลง bts ทองหล่อ แล้วก็ต่อแท็กซี่ หรือ มอไซด์ จากหน้าซอยใหญ่ เข้าไปซอยทองหล่อ13 จนถึงแยกแรก ก็จะถึงแล้วครับ
ถ้าเข้ามาในซอย13 พอถึงแยกแรกก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ
พอเลี้ยวมาจะเจอซอยเล็กๆด้านขวาเข้าไปจอดข้างในได้ครับ
จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ตรงขึ้นไปชั้น5เลย
ถึงชั้น5แล้วก็ขึ้นบันไดต่ออีกหนึ่งชั้นก็จะถึงจุดหมายของเราแล้วครับ
เอาจริงๆแบบไม่โม้กันนะครับ ตอนผมไปถึงหน้าร้านครั้งแรกนี่แบบ คิดในใจเลยว่า “ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนเนี่ย กูจะรู้จักร้านไหมวะ! ลึกลับขนาดนี้

” แต่พอผมเปิดเข้าไปนี่ถึงกับงงเลยกับภาพที่เห็น…
ผ่าง!
เห้ย! มันมาจากไหนกันฟะเยอะแยะ?
ประชากรที่มาร้านส่วนใหญ่กว่าครึ่งของร้านนี้จะเป็นฝรั่งหัวทองทั้งนั้นเลย ไม่รู้ว่าเพราะแถวนั้นฝรั่งทำงานเยอะหรืออะไร ผมก็บ้าจี้อยากรู้เคยไปเนียนถามพวกฝรั่งที่ไปกินเหมือนกันนะว่ารู้จักร้านมาจากไหน
ส่วนใหญ่ตอบ2อย่างคือ
“เพื่อนแนะนำมา” (เออ อันนี้เข้าใจได้ คล้ายๆกัน เมคเซ้นมาก)
แต่อีกอย่างคือ
“ก็เดินหาร้านนั่งชิวมาเรื่อยๆ พอเห็นป้ายร้านก็เลยเดินๆขึ้นมา แล้วก็เจอ โอ้ อะเมซซิ่งมากๆ “
(โอ้ กูนี่ อะเมซซิ่งกว่า! แม่มมีแบบพวกนี้ด้วยเหรอวะ ดันตอบแบบนี้หลายคนด้วย เอองงกับมัน - -”)
แต่เห็นฝรั่ง walk in เข้ามาในร้านเยอะแบบนี้ แต่ความจริงร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่เคยมา แล้วก็ติดใจความเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ซะมากกว่า
== อาหาร ==
งั้นเรามาดู signature ของร้านนี้เลยดีกว่า ผมจะขอเริ่มจากอาหารก่อนเลยละกัน เพราะเจ้าของร้านมันชอบบอกว่า “อย่าเรียกร้านกูว่าร้านเหล้าเฟ้ย!! ให้เรียกว่า ร้านอาหารเน้นเครื่องดื่ม~~” เออ เอากับมันนะ
ร้านนี้อาหารจะเป็นแนวสไตลยุโรป แบบทั่วไป รสชาติผมว่าไม่แพ้ร้านอาหารดังๆเลย ได้ข่าวมาว่าได้สูตรมาจากแม่เพื่อนที่เคยเปิดร้านอาหารชื่อดังมาก่อน
แต่ว่าวันนี้ผมจะขอหยิบมาแค่ 3 อย่างที่ผมว่ามาแล้วไม่ลองไม่ได้ละกัน อารมณ์แบบลองแล้วต้องมาลองอีก(ความชอบส่วนตัวล้วนๆ55+)
1. Belgian Fries เบลเยี่ยมฟราย ซอสกระเทียม(แปลตรงตัวมาก)
มาถึงเมนูแรกที่ดูโคตรจะพื้นบ้าน แต่บอกเลยสั่งกันทุกโต๊ะ! เพราะนอกจากไอ้เบลเยี่ยมฟราย ที่ปกติก็กรอบนอบนุ่มในอร่อยเค็มๆใบแบบของมันอยู่แล้ว ร้านนี้มันมีความพิเศษขึ้นมาอีกนั่นก็คือ มันจะเสริฟพร้อม ซอมมะเขือเทศ ซอสเทาซันด์ไอแลน(ซอสที่กินกะสลัดส้มๆอ่ะ) และ ซอสกระเทียม ….
ถูกแล้ว ฟังไม่ผิดหรอกครับทุกคน “ซอสกระเทียม”...
ประหลาดอย่างที่สุดเพราะไม่เคยได้ยินและ-ซอสแบบนี้มาก่อน(ไม่รู้ร้านอื่นมีไหม) เจ้าของร้านบอกว่าความจริงมันชื่อ Orleans Sauce(ต้องห่อลิ้นด้วย) แต่ไม่เป็นไรเราจะเรียกซอสกระเทียมต่อไป555 ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเข้ากันป่าววะอาหารฝรั่งกะกระเทียม พอลองเท่านั้นแหล่ะ ….. “น้องๆ ขอเติมซอส เอาแบบกระเทียมอย่างเดียวมานะ ไม่ต้องเอา มะเขือกะไอ้ส้มๆมา”
2. Spinach Double Cheese Stick ผักโขมอบชีสแท่งทอด (แปลเอง ฮ่าๆ)
อีกเมนูที่ไม่ค่อยเห็นที่ร้านอื่นเหมือนกัน กับผักโขมอบชีสทอด ที่จะมาแบบแท่งๆ กัดไปฟินมากกกก มีชีสยืดๆด้วย
3. BBQ Pork Ribs ซี่โครงหมูเปื่อยน้ำแดง(แปลเองอีกเช่นเคย)
เมนูนี้คล้ายกับร้านอื่นแต่ความจริงไม่เหมือนกัน เพราะร้านนี้หมักด้วยซอสสูตรของตัวเอง บอกเลยครับว่านุ่มแทะง่าย ฟินสุดๆต้องมาลองเอง
== เครื่องดื่ม ==
มาดูอาหารกันเสร็จแล้วก็มา ดู part หลังของ “ร้านอาหารเน้นเครื่องดื่ม” ต่อเลยละกัน นั่นก็คือเครื่องดื่มครับ
ความจริงร้านนี้ก็มีเบียร์ เหล้า และค็อกเทลทั่วไปที่สามารถหาได้ตามบาร์แถวนั้น แต่ดีตรงที่ราคาต่ำที่สุดในย่านนี้เท่าที่ผมเคยกินมา(สงสัยร้านมันไม่ค่อยเสียตังโปรโมทร้าน เลยขายเบียร์ไม่แพงได้ 5555แซวเล่นนะแซวเล่น โอ๋ๆ)
แต่จะบอกว่ามีเครื่องดื่มเหมือนชาวบ้านหมดก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะร้านนี้มีท่าไม้ตายอยู่หนึ่งอย่างนั่นก็คือ...
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่ามันคือเบียร์อะไรเหมือนผมตอนแรก คุณคงไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของเบียร์สิงห์แน่นอน
ชื่อของมันคือ “EST.33 Copper ” หรือก็คือ เบียร์สิงห์แบบคลาสพรีเมียม เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอวะ ความสามารถพิเศษของไอ้เบียร์ชนิดนี้ก็คือ มันจะไม่ง้อคนขายเลย เพราะมันจะมีแค่บางร้านเท่านั้น เพราะฉะนั้น แฟนเบียร์สิงห์ที่กำลังหาร้านที่มี copper อยู่ห้ามพลาดเด็ดขาดและถ้าใครยังไม่ลอง ผมว่ามันถึงเวลาแล้วแหล่ะนะ
== บรรยากาศ ==
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดที่เป็นจุดกินขาดของร้านก็คือ
“บรรยากาศ” โอ้ว ถ้ามาร้านแนวrooftop แล้วไม่พูดถึงบรรยากาศ และดนตรีสด ก็คงจะแปลกไปหน่อย
และเนื่องจากร้านนี้เป็นร้านแนว rooftop ร้านนี้จึงเหมาะกับเป็นกลุ่มที่กำลังหาร้านเพื่อนั่งคุยชิวๆ เพราะการที่มันไม่มีกำแพงทำให้ไม่มีเสียงก้องไปก้องมาอุดอู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบมากๆเวลาไปบางร้านแล้วเสียงคนมันตีกัน จนคุยไม่รู้เรื่องเลยต้องตะโกนคุยกัน เสียงดนตรีก็เปิดพอดีมากๆ เหมาะกับวัยทำงานอยากมาคุยกันชิวๆหลังเลิกงาน หรือนัดพบเพื่อนแล้วอยากเล่าเรื่องชิคๆอย่างเป็นที่สุด
มาถึงจุดซิกเนเจอร์แรกของร้าน ที่ถ้าใครมาคงอดไม่ถ่ายรูปไม่ได้ นั่นก็คือ กำแพงชิคๆ(ตั้งชื่อเอง 555) กำแพงสูงๆ ที่มากะอาร์ทสีพาสเทลที่เหมาะกับการถ่ายรูปที่สุด หลังๆทางร้านถึงกับเอาเก้าอี้มาตั้ง ให้คนมานั่งถ่ายรูปเลยทีเดียว
จะมีอีกจุดนึงที่เป็นจุดที่ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่ก็คือ บาร์เขียวคูลๆ(คงไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่า ชื่อนี้แต่งเองเหมือนกัน 555) เป็นบาร์ที่ฝรั่งชอบกันมาก เหมาะมากๆสำหรับคู่ที่มากัน 2-3คน แต่จะไปนั่งโตะก็ดูเปลี่ยวๆ มานั่งตรงบาร์นี้ก็จะรู้สึกอีกฟิลลิ่งนึงดี แถมตรงนี้ยังมีที่ให้ชาตแบตด้วยนะเออ สบายใจเฉิบเรื่องแบตหมด (ไอ้ตรงนี้แหล่ะ ที่ผมชอบไปแอบถามพวกฝรั่งว่ารู้จักร้านนี้ได้ยังไง)
และคงขาดไม่ได้เลยกับสิ่งสำคัญที่ทุกร้านนั่งชิวจะต้องมี นั่นก็คือ ดน-ตรี-สดดด!! ถ้าขาดไปก็เหมือนจะขาดอะไรไปซักอย่าง ร้านนี้จะมีดนตรสดทุกวัน พฤหัส - เสา ส่วนวันอื่นก็จะเน้นเปิดเพลงฝรั่งแบบชิวๆ สบายหูไม่ดังมาก สบายอารมณ์มากๆ(ร้านปิดทุกวันจันทร์ นะครัช)
-เวลาดนตรีสด-
พฤ 21.00-22.30
ศ 19.45-21.30,22.00-23.30
ส 19.45-21.30,22.00-23.30
อา 21.00-22.30
ร้านนี้จะมีวงประจำที่มาเล่นตลอดเลยก็คือ วงของน้องบีน the voice โดยมีนักร้องนำชื่อน้องบีน ที่เข้ารอบเดอะว๊อซ ซีซั่น2 และก็เป็นเจ้าของคลิป cover ใน youtube ที่มียอดวิวเยอะมากๆ เสียงดีมากจริงๆครับ ต้องปรบมือให้เลย
สำหรับตัวผมเอง ก็ถือว่าเป็นร้านที่ผมและเพื่อนชอบมาบ่อยๆโดยเฉพาะวันธรรมดาหลังเลิกงาน เพราะไปง่าย วันธรรมดาคนไม่เยอะเท่าไหร่เป็นส่วนตัวดีครับ(เสาอาทิตย์ แนะนำให้จองล่วงหน้าครับ คนเยอะมาก) ถ้ามีโอกาส ผมว่าเป็นหนึ่งในร้านที่ต้องไปให้ได้เลย 5555
ปล. ผมไม่รู้วัฒนธรรม CR VR หรืออะไรซักอย่าง ก็เลยใส่ไม่ถูก แต่อันนี้ผมไปขอรีวิวร้านเค้าเองเลยไม่แน่ใจว่าต้องใส่หมวดอะไร ยังไง แนะนำมาได้นะครับ ขอบคุณมากๆคราบบบ
===== part ขอแต่งงาน ======
เดี๋ยวรอมาต่อเม้นล่างนะครับ หมดโคต้าตัวอักษรก่อน
[CR] [Review] รีวิวการขอแต่งงานแบบชิคๆ ที่ร้าน rooftop wanderlust ณ ทองหล่อ
แต่ด้วยความน่ารักของเพื่อนผมที่เป็นเจ้าของร้านผมเลยอดไม่ได้ที่จะมารีวิวให้ครับ
แต่ถ้าใครอยากดูการขอแต่งงานก็เลื่อนไป part 2 ข้างล่างที่ คห.1 ได้เล้ยย
เรื่องมันเริ่มจากในคืนวันหนึ่ง
เจ้าของกระทู้ : “เห้ย! เดี๋ยวอีก2อาทิตย์ กูอยากขอเช่าสถานที่ร้านทำเซอไพรซขอแต่งงานหน่อยดิ”
เจ้าของร้าน : “เห้ย!จิงดิ ยินดีด้วยๆ มาได้เลย”
เจ้าของกระทู้ : “เออ จะขอเหมาครึ่งร้านหว่ะ เท่าไหร่วะ”
เจ้าของร้าน : “ไม่เป็นไรเว้ย ไม่คิดเงินๆ เพื่อนจะมีความสุขทั้งที เดี๋ยวจะกันไว้ครึ่งร้านให้เลย เดี๋ยวให้เป็นของขวัญแต่งงานเลย555 วันไหนว่ามา.. ” บลาๆๆๆ
แต่ผมก็แปลกใจมากๆเลยว่า ความจริงร้านนี้มันก็เป็นร้าน rooftop ในทองหล่อที่น่านั่งโคตรๆ แต่ทำไมไม่เคยเห็นคนรีวิวในพันทิพเลย
ที่ตกใจกว่าคือผมพึ่งรู้ว่าร้านนี้พึ่งเปิดมา2ปีแต่มีคนมาขอแต่งงานที่นี่มากกว่า3คู่แล้ว!!! แหม่ อะไรมันจะโรแมนติกขนาดนั้น
แน่นอนว่าถ้าจะขอแต่งงาน การเลือกสถานที่ก็ต้องมาเป็นอันดับต้นๆของการเตรียมการ เพราะฉะนั้นผมจะขอเริ่มแนะนำสถานที่ที่ผมเลือกอย่างเป็นทางการเลยนะครัช เริ่มจากการเดินทางก่อนเลยละกัน
ถ้าเรา search จาก google map ก็พิมว่า wanderlust rooftop ก็จะเจอแล้วครับ ร้านจะอยู่ในซอยทองหล่อ13 เข้าไปแค่700เมตรก็ถึงแล้ว วิธีเดินทางที่ไม่ใช่ขับรถก็คือลง bts ทองหล่อ แล้วก็ต่อแท็กซี่ หรือ มอไซด์ จากหน้าซอยใหญ่ เข้าไปซอยทองหล่อ13 จนถึงแยกแรก ก็จะถึงแล้วครับ
ถ้าเข้ามาในซอย13 พอถึงแยกแรกก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ
พอเลี้ยวมาจะเจอซอยเล็กๆด้านขวาเข้าไปจอดข้างในได้ครับ
จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ตรงขึ้นไปชั้น5เลย
ถึงชั้น5แล้วก็ขึ้นบันไดต่ออีกหนึ่งชั้นก็จะถึงจุดหมายของเราแล้วครับ
เอาจริงๆแบบไม่โม้กันนะครับ ตอนผมไปถึงหน้าร้านครั้งแรกนี่แบบ คิดในใจเลยว่า “ถ้ากูไม่ใช่เพื่อนเนี่ย กูจะรู้จักร้านไหมวะ! ลึกลับขนาดนี้
เห้ย! มันมาจากไหนกันฟะเยอะแยะ?
ประชากรที่มาร้านส่วนใหญ่กว่าครึ่งของร้านนี้จะเป็นฝรั่งหัวทองทั้งนั้นเลย ไม่รู้ว่าเพราะแถวนั้นฝรั่งทำงานเยอะหรืออะไร ผมก็บ้าจี้อยากรู้เคยไปเนียนถามพวกฝรั่งที่ไปกินเหมือนกันนะว่ารู้จักร้านมาจากไหน
ส่วนใหญ่ตอบ2อย่างคือ
“เพื่อนแนะนำมา” (เออ อันนี้เข้าใจได้ คล้ายๆกัน เมคเซ้นมาก)
แต่อีกอย่างคือ
“ก็เดินหาร้านนั่งชิวมาเรื่อยๆ พอเห็นป้ายร้านก็เลยเดินๆขึ้นมา แล้วก็เจอ โอ้ อะเมซซิ่งมากๆ “
(โอ้ กูนี่ อะเมซซิ่งกว่า! แม่มมีแบบพวกนี้ด้วยเหรอวะ ดันตอบแบบนี้หลายคนด้วย เอองงกับมัน - -”)
แต่เห็นฝรั่ง walk in เข้ามาในร้านเยอะแบบนี้ แต่ความจริงร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่เคยมา แล้วก็ติดใจความเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ซะมากกว่า
งั้นเรามาดู signature ของร้านนี้เลยดีกว่า ผมจะขอเริ่มจากอาหารก่อนเลยละกัน เพราะเจ้าของร้านมันชอบบอกว่า “อย่าเรียกร้านกูว่าร้านเหล้าเฟ้ย!! ให้เรียกว่า ร้านอาหารเน้นเครื่องดื่ม~~” เออ เอากับมันนะ
ร้านนี้อาหารจะเป็นแนวสไตลยุโรป แบบทั่วไป รสชาติผมว่าไม่แพ้ร้านอาหารดังๆเลย ได้ข่าวมาว่าได้สูตรมาจากแม่เพื่อนที่เคยเปิดร้านอาหารชื่อดังมาก่อน
แต่ว่าวันนี้ผมจะขอหยิบมาแค่ 3 อย่างที่ผมว่ามาแล้วไม่ลองไม่ได้ละกัน อารมณ์แบบลองแล้วต้องมาลองอีก(ความชอบส่วนตัวล้วนๆ55+)
1. Belgian Fries เบลเยี่ยมฟราย ซอสกระเทียม(แปลตรงตัวมาก)
มาถึงเมนูแรกที่ดูโคตรจะพื้นบ้าน แต่บอกเลยสั่งกันทุกโต๊ะ! เพราะนอกจากไอ้เบลเยี่ยมฟราย ที่ปกติก็กรอบนอบนุ่มในอร่อยเค็มๆใบแบบของมันอยู่แล้ว ร้านนี้มันมีความพิเศษขึ้นมาอีกนั่นก็คือ มันจะเสริฟพร้อม ซอมมะเขือเทศ ซอสเทาซันด์ไอแลน(ซอสที่กินกะสลัดส้มๆอ่ะ) และ ซอสกระเทียม ….
ถูกแล้ว ฟังไม่ผิดหรอกครับทุกคน “ซอสกระเทียม”...
ประหลาดอย่างที่สุดเพราะไม่เคยได้ยินและ-ซอสแบบนี้มาก่อน(ไม่รู้ร้านอื่นมีไหม) เจ้าของร้านบอกว่าความจริงมันชื่อ Orleans Sauce(ต้องห่อลิ้นด้วย) แต่ไม่เป็นไรเราจะเรียกซอสกระเทียมต่อไป555 ตอนแรกก็คิดว่ามันจะเข้ากันป่าววะอาหารฝรั่งกะกระเทียม พอลองเท่านั้นแหล่ะ ….. “น้องๆ ขอเติมซอส เอาแบบกระเทียมอย่างเดียวมานะ ไม่ต้องเอา มะเขือกะไอ้ส้มๆมา”
2. Spinach Double Cheese Stick ผักโขมอบชีสแท่งทอด (แปลเอง ฮ่าๆ)
อีกเมนูที่ไม่ค่อยเห็นที่ร้านอื่นเหมือนกัน กับผักโขมอบชีสทอด ที่จะมาแบบแท่งๆ กัดไปฟินมากกกก มีชีสยืดๆด้วย
3. BBQ Pork Ribs ซี่โครงหมูเปื่อยน้ำแดง(แปลเองอีกเช่นเคย)
เมนูนี้คล้ายกับร้านอื่นแต่ความจริงไม่เหมือนกัน เพราะร้านนี้หมักด้วยซอสสูตรของตัวเอง บอกเลยครับว่านุ่มแทะง่าย ฟินสุดๆต้องมาลองเอง
มาดูอาหารกันเสร็จแล้วก็มา ดู part หลังของ “ร้านอาหารเน้นเครื่องดื่ม” ต่อเลยละกัน นั่นก็คือเครื่องดื่มครับ
ความจริงร้านนี้ก็มีเบียร์ เหล้า และค็อกเทลทั่วไปที่สามารถหาได้ตามบาร์แถวนั้น แต่ดีตรงที่ราคาต่ำที่สุดในย่านนี้เท่าที่ผมเคยกินมา(สงสัยร้านมันไม่ค่อยเสียตังโปรโมทร้าน เลยขายเบียร์ไม่แพงได้ 5555แซวเล่นนะแซวเล่น โอ๋ๆ)
แต่จะบอกว่ามีเครื่องดื่มเหมือนชาวบ้านหมดก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะร้านนี้มีท่าไม้ตายอยู่หนึ่งอย่างนั่นก็คือ...
ถ้าคุณกำลังสงสัยว่ามันคือเบียร์อะไรเหมือนผมตอนแรก คุณคงไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ของเบียร์สิงห์แน่นอน
ชื่อของมันคือ “EST.33 Copper ” หรือก็คือ เบียร์สิงห์แบบคลาสพรีเมียม เพิ่งรู้เหมือนกันว่ามีแบบนี้ด้วยเหรอวะ ความสามารถพิเศษของไอ้เบียร์ชนิดนี้ก็คือ มันจะไม่ง้อคนขายเลย เพราะมันจะมีแค่บางร้านเท่านั้น เพราะฉะนั้น แฟนเบียร์สิงห์ที่กำลังหาร้านที่มี copper อยู่ห้ามพลาดเด็ดขาดและถ้าใครยังไม่ลอง ผมว่ามันถึงเวลาแล้วแหล่ะนะ
และสุดท้ายที่สำคัญที่สุดที่เป็นจุดกินขาดของร้านก็คือ “บรรยากาศ” โอ้ว ถ้ามาร้านแนวrooftop แล้วไม่พูดถึงบรรยากาศ และดนตรีสด ก็คงจะแปลกไปหน่อย
และเนื่องจากร้านนี้เป็นร้านแนว rooftop ร้านนี้จึงเหมาะกับเป็นกลุ่มที่กำลังหาร้านเพื่อนั่งคุยชิวๆ เพราะการที่มันไม่มีกำแพงทำให้ไม่มีเสียงก้องไปก้องมาอุดอู้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบมากๆเวลาไปบางร้านแล้วเสียงคนมันตีกัน จนคุยไม่รู้เรื่องเลยต้องตะโกนคุยกัน เสียงดนตรีก็เปิดพอดีมากๆ เหมาะกับวัยทำงานอยากมาคุยกันชิวๆหลังเลิกงาน หรือนัดพบเพื่อนแล้วอยากเล่าเรื่องชิคๆอย่างเป็นที่สุด
มาถึงจุดซิกเนเจอร์แรกของร้าน ที่ถ้าใครมาคงอดไม่ถ่ายรูปไม่ได้ นั่นก็คือ กำแพงชิคๆ(ตั้งชื่อเอง 555) กำแพงสูงๆ ที่มากะอาร์ทสีพาสเทลที่เหมาะกับการถ่ายรูปที่สุด หลังๆทางร้านถึงกับเอาเก้าอี้มาตั้ง ให้คนมานั่งถ่ายรูปเลยทีเดียว
จะมีอีกจุดนึงที่เป็นจุดที่ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านเท่าไหร่ก็คือ บาร์เขียวคูลๆ(คงไม่ต้องบอกก็คงรู้ว่า ชื่อนี้แต่งเองเหมือนกัน 555) เป็นบาร์ที่ฝรั่งชอบกันมาก เหมาะมากๆสำหรับคู่ที่มากัน 2-3คน แต่จะไปนั่งโตะก็ดูเปลี่ยวๆ มานั่งตรงบาร์นี้ก็จะรู้สึกอีกฟิลลิ่งนึงดี แถมตรงนี้ยังมีที่ให้ชาตแบตด้วยนะเออ สบายใจเฉิบเรื่องแบตหมด (ไอ้ตรงนี้แหล่ะ ที่ผมชอบไปแอบถามพวกฝรั่งว่ารู้จักร้านนี้ได้ยังไง)
และคงขาดไม่ได้เลยกับสิ่งสำคัญที่ทุกร้านนั่งชิวจะต้องมี นั่นก็คือ ดน-ตรี-สดดด!! ถ้าขาดไปก็เหมือนจะขาดอะไรไปซักอย่าง ร้านนี้จะมีดนตรสดทุกวัน พฤหัส - เสา ส่วนวันอื่นก็จะเน้นเปิดเพลงฝรั่งแบบชิวๆ สบายหูไม่ดังมาก สบายอารมณ์มากๆ(ร้านปิดทุกวันจันทร์ นะครัช)
-เวลาดนตรีสด-
พฤ 21.00-22.30
ศ 19.45-21.30,22.00-23.30
ส 19.45-21.30,22.00-23.30
อา 21.00-22.30
ร้านนี้จะมีวงประจำที่มาเล่นตลอดเลยก็คือ วงของน้องบีน the voice โดยมีนักร้องนำชื่อน้องบีน ที่เข้ารอบเดอะว๊อซ ซีซั่น2 และก็เป็นเจ้าของคลิป cover ใน youtube ที่มียอดวิวเยอะมากๆ เสียงดีมากจริงๆครับ ต้องปรบมือให้เลย
สำหรับตัวผมเอง ก็ถือว่าเป็นร้านที่ผมและเพื่อนชอบมาบ่อยๆโดยเฉพาะวันธรรมดาหลังเลิกงาน เพราะไปง่าย วันธรรมดาคนไม่เยอะเท่าไหร่เป็นส่วนตัวดีครับ(เสาอาทิตย์ แนะนำให้จองล่วงหน้าครับ คนเยอะมาก) ถ้ามีโอกาส ผมว่าเป็นหนึ่งในร้านที่ต้องไปให้ได้เลย 5555
ปล. ผมไม่รู้วัฒนธรรม CR VR หรืออะไรซักอย่าง ก็เลยใส่ไม่ถูก แต่อันนี้ผมไปขอรีวิวร้านเค้าเองเลยไม่แน่ใจว่าต้องใส่หมวดอะไร ยังไง แนะนำมาได้นะครับ ขอบคุณมากๆคราบบบ
เดี๋ยวรอมาต่อเม้นล่างนะครับ หมดโคต้าตัวอักษรก่อน
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น