เริ่มต้นก่อนลดน้ำหนัก = 75-77 กิโลกรัม น้ำหนักสวิงตามอาหารที่กิน
ปัจจุบัน = 63.5 กิโลกรัม
เป้าหมาย = 50-55 กิโลกรัม (เอาไว้ถึงเป้าจะขอมาโพสอีกทีนะค่า)
เหตุผลที่อยากลด: ตอนน้ำหนักมาก ยอมรับว่ามีหลายโรค ทั้งหอบหืด ปวดขา ปวดเข่า
แค่เดินเล่นเกมเยอะๆยังปวดขาเลย ประจวบเหมาะกับหอแฟนมีฟิตเนสฟรีด้านบน ขอใช้ซะหน่อย
อีกเหตุผลนึงคือ รู้สึกว่าถ้าอยากทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ เป็นพวกไม่ยอมแพ้อะ
เคล็ดลับส่วนตัว ซึ่งจริงๆ ท่านอื่นคงทำมาเยอะแหละ แต่จะเน้นอีกทีว่า ถ้าทำได้ละก็
ยาลดไม่ต้อง อดข้าวก็ไม่ต้อง งดอาหารก็บายเลย
1. พวกน้ำหวาน เคยกินเป๊ปซี่ เคยกินโค้ก เข้าใจว่าบางคนติด แต่ต้องพยายามไม่ทาน หรือคนที่ติดกาแฟ เคยมีคนแนะนำเราทานกาแฟดำ ทำใจไม่ได้จริงๆ กาแฟนี่ต้องนมนะ เลยใช้วิธีกินครึ่งแก้ว แล้วเก็บไว้กินวันถัดไปต่อ แต่วันไหนอยากกินชาก็จะซื้อเป็นแบบ No Sugar กินเลยจ๊ะ
2. ลดข้าว 50% จากที่กินอยู่แบบเดิม แต่ส่วนตัวกินข้าวไรซ์เบอรี่นะคะ เวลาเคี้ยวมันจะเพลิน เคี้ยวนานดี รู้สึกอิ่มกว่าข้าวขาว และถ่ายคล่อง (อันหลังนี่สัมผัสได้จากตัวเองจริงๆค่า) ส่วนพวกอาหารคลีน กินค่ะ แทบจะทุกกลางวันเลย เพราะออฟฟิศมีสั่งมากิน ไม่น้อยนะคะ เยอะจนอิ่มไปทั้งวันเลย
3. พยายามงดพวกของทอดทุกชนิด เมื่อก่อนติดหมูทอดเชียงรายมากก มันหมูกรอบๆกับข้าวเหรียวมันเป็นอะไรที่สุดยอด แต่ทุกวันนี้ต้องทำใจค่ะ เบือนหน้าหนีทุกครั้งเมื่อเห็น แต่ใช่ว่าจะไม่กินนะคะ ถ้าวันใดแฟนอยากกิน KFC หรือที่ออฟฟิศเลี้ยงของแนวนี้ เรายอมข่ะ ไม่รู้สิ ไม่อยากให้คนอื่นมาลำบากด้วย (หรรอออ)
4. หนังไก่ มันหมู ขาหมู แทบจะไม่แตะแล้วค่ะ เมื่อก่อนกินขาหมูแถวออฟฟิศบ่อยมากๆ พอเริ่มมาลดน้ำหนัก คือหักดิบไม่เข้าร้าน จนเจ๊ขายข้าวขาหมูเดินมาเกาะแขนแล้วบอกว่า "โกธรอะไรพี่หรือเปล่า" 555 เลยบอกเหตุผลไปค่ะ แต่สารภาพว่ากากหมูแถมฟรีในก๋วยเตี๋ยว บางทีก็ยอมเพื่อความแซ่บ
5. ตั้งแต่เราลดน้ำหนักเรากินน้ำเยอะขึ้นมากๆนะ ส่วนตัวเมื่อก่อนประมาณ 4-5 แก้ว ตอนนี้ตามเกณฑ์ 8-10 แก้ว บางวันแอบเกิน เรารู้สึกว่าการกินน้ำช่วยลดอาหารอยากของจุบจิบระหว่างวันได้นะคะ
6. ออกกำลังอย่างต่ำครึ่งชม. เคยฟิตจัดคือ 2 ชม.แต่ตอนนั้นหลับเป็นตาย
- ความโชคดีคือด้านบนมีฟิตเนสเล็กๆของหอ แต่ไม่มีลู่วิ่ง จะมีพวกจักรยาน เครื่องออกกำลังวงรี อันนี้อย่างน้อย 4 ครั้ง/สัปดาห์
- ซื้อแผ่นรองออกกำลังมา 450 บาท (ขอบคุณแฟนที่ซื้อให้) ณ จุดนี้เน้นออกพวกกล้ามเนื้อ เช่น พุง ตูด ขา ท่าทางเราก็เก็บเอาตามเน็ตมาปรับใช้ตามวัน และให้เหมาะสม ไม่ให้เจ็บกล้ามเนื้อ
- ส่วนแขน ด้านบนฟิตเนสมีดัมเบลหลายขนาด เลยได้ออกบ้าง ท่าทางเหมือนเดิม เก็บตามเน็ตมาปรับใช้ให้เหมาะสม
- ซิทอัพกับแพลงค์ เกือบทุกวัน ยกเว้นวันไหนกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนบ้างแฟนบ้าง วันนั้นจะไม่ทำ เดวอ้วก
7. ถ้าเลี่ยงอาหารที่เป็นบุฟเฟ่ต์ไม่ได้ จงอย่าปฎิเสธค่ะ แต่รำลึกในใจเสมอว่า อย่ากินเยอะ...เอาพออิ่ม อย่าเอาคุ้ม เน้นคุยเน้นฮามากกว่า ล่าสุดนี่บุฟเฟ่ต์พิซซ่า กินไปเยอะมาก รู้สึกผิด แต่ก็ห้ามงดมื้ออื่นนะคะ ก็ทดแทนด้วยการออกกำลังกายเอา
8. งดขนมจุบจิบระหว่างวัน ตอนทำงานนี่ยิ่งมีสิทแลกซื้อนี่ขนมมาเต็มจ้า ห้ามใจสิ อย่ากินนะอย่ากิน แต่ถ้าปากว่างจริงๆ เรากินแต่ผลไม้อะคะ เรานี่ซื้อขนมมาเติมเกม ยังไม่ได้กินเลย ส่งให้น้องที่ทำงานกินต่อ แต่ถ้าเลี่ยงไม่กิไม่ได้จงนึกเสมอว่าที่ผ่านมากว่าจะทำได้มันทรมานนะแก 1-2 ชิ้นพอนะ
9. สำคัญที่สุดที่จะเกี่ยวข้องกับทุกข้อคือ "ใจ" และ "สมอง" ค่ะ ใช้สมองพยายามคิดนะว่า กว่าจะทำได้เนี่ยมันเหนื่อยนะ เข้าใจว่ามันหอมมาก เอาใจกับข่มสิ แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดี เมื่ออาหารหมดแล้ว โล่งมากๆ 555
ตอนอ้วนสุดๆ ประมาณ 75-77 กิโลกรัม
ภาพนี้ประมาณช่วงกลาง-ปลายปีที่แล้ว กินอย่างมันส์เลย 555 ตอนนั้นหาได้แคร์ไม่
อันนี้คือภาพล่าสุดประมาณช่วงสัปดาห์ก่อน
น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 64-65 โดยประมาณ

จนแฟนบอก "นี่ตะเองใส่เสื้อเค้าได้แล้วเรอะ!"
ปล. ภาพไม่ได้แต่งอะไรทั้งนั้น ยกเว้นภาพเสื้อชมพู แต่งแสงเพราะตอนถ่ายมันมืดมาก >,<
ภาพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โชคดีที่ขาลงอะ แต่แขนลงยากชะมัดเลยพี่ชาย
ภาพล่าสุด เมื่อวานนี้เลย เลี้ยงส่งน้องที่ทำงาน กินชาบูซูชิ แต่ดูในมือสิคะ ขนมหวาน!
แต่ก็กินนะ กังวัลไม่ก็ตอบว่าไม่
สุดท้าย เราอาจจะไม่ได้ดูผอมลงเยอะมากนัก เพราะเป้าหมายจริงๆยังอีกยาวไกลนักตั้งอีก 10 โล
แต่เราต้องทำให้ได้ อะไรที่ยากก็เคยผ่านมาแล้ว อันนี้ต้องทำให้ได้เช่นกัน
ฝากถึงคนที่ลดทุกท่าน "ถ้าใจเราอยากทำซะอย่าง สุดท้ายก็ต้องทำได้ค่ะ"
สู้ๆนะ ^ ^
ลด 12 กิโล 3 เดือน ไม่อด ไม่งดอาหาร ไม่ออกกำลังหักโหมและเคล็ดลับส่วนตัว
ปัจจุบัน = 63.5 กิโลกรัม
เป้าหมาย = 50-55 กิโลกรัม (เอาไว้ถึงเป้าจะขอมาโพสอีกทีนะค่า)
เหตุผลที่อยากลด: ตอนน้ำหนักมาก ยอมรับว่ามีหลายโรค ทั้งหอบหืด ปวดขา ปวดเข่า
แค่เดินเล่นเกมเยอะๆยังปวดขาเลย ประจวบเหมาะกับหอแฟนมีฟิตเนสฟรีด้านบน ขอใช้ซะหน่อย
อีกเหตุผลนึงคือ รู้สึกว่าถ้าอยากทำอะไรแล้วต้องทำให้ได้ เป็นพวกไม่ยอมแพ้อะ
เคล็ดลับส่วนตัว ซึ่งจริงๆ ท่านอื่นคงทำมาเยอะแหละ แต่จะเน้นอีกทีว่า ถ้าทำได้ละก็
ยาลดไม่ต้อง อดข้าวก็ไม่ต้อง งดอาหารก็บายเลย
1. พวกน้ำหวาน เคยกินเป๊ปซี่ เคยกินโค้ก เข้าใจว่าบางคนติด แต่ต้องพยายามไม่ทาน หรือคนที่ติดกาแฟ เคยมีคนแนะนำเราทานกาแฟดำ ทำใจไม่ได้จริงๆ กาแฟนี่ต้องนมนะ เลยใช้วิธีกินครึ่งแก้ว แล้วเก็บไว้กินวันถัดไปต่อ แต่วันไหนอยากกินชาก็จะซื้อเป็นแบบ No Sugar กินเลยจ๊ะ
2. ลดข้าว 50% จากที่กินอยู่แบบเดิม แต่ส่วนตัวกินข้าวไรซ์เบอรี่นะคะ เวลาเคี้ยวมันจะเพลิน เคี้ยวนานดี รู้สึกอิ่มกว่าข้าวขาว และถ่ายคล่อง (อันหลังนี่สัมผัสได้จากตัวเองจริงๆค่า) ส่วนพวกอาหารคลีน กินค่ะ แทบจะทุกกลางวันเลย เพราะออฟฟิศมีสั่งมากิน ไม่น้อยนะคะ เยอะจนอิ่มไปทั้งวันเลย
3. พยายามงดพวกของทอดทุกชนิด เมื่อก่อนติดหมูทอดเชียงรายมากก มันหมูกรอบๆกับข้าวเหรียวมันเป็นอะไรที่สุดยอด แต่ทุกวันนี้ต้องทำใจค่ะ เบือนหน้าหนีทุกครั้งเมื่อเห็น แต่ใช่ว่าจะไม่กินนะคะ ถ้าวันใดแฟนอยากกิน KFC หรือที่ออฟฟิศเลี้ยงของแนวนี้ เรายอมข่ะ ไม่รู้สิ ไม่อยากให้คนอื่นมาลำบากด้วย (หรรอออ)
4. หนังไก่ มันหมู ขาหมู แทบจะไม่แตะแล้วค่ะ เมื่อก่อนกินขาหมูแถวออฟฟิศบ่อยมากๆ พอเริ่มมาลดน้ำหนัก คือหักดิบไม่เข้าร้าน จนเจ๊ขายข้าวขาหมูเดินมาเกาะแขนแล้วบอกว่า "โกธรอะไรพี่หรือเปล่า" 555 เลยบอกเหตุผลไปค่ะ แต่สารภาพว่ากากหมูแถมฟรีในก๋วยเตี๋ยว บางทีก็ยอมเพื่อความแซ่บ
5. ตั้งแต่เราลดน้ำหนักเรากินน้ำเยอะขึ้นมากๆนะ ส่วนตัวเมื่อก่อนประมาณ 4-5 แก้ว ตอนนี้ตามเกณฑ์ 8-10 แก้ว บางวันแอบเกิน เรารู้สึกว่าการกินน้ำช่วยลดอาหารอยากของจุบจิบระหว่างวันได้นะคะ
6. ออกกำลังอย่างต่ำครึ่งชม. เคยฟิตจัดคือ 2 ชม.แต่ตอนนั้นหลับเป็นตาย
- ความโชคดีคือด้านบนมีฟิตเนสเล็กๆของหอ แต่ไม่มีลู่วิ่ง จะมีพวกจักรยาน เครื่องออกกำลังวงรี อันนี้อย่างน้อย 4 ครั้ง/สัปดาห์
- ซื้อแผ่นรองออกกำลังมา 450 บาท (ขอบคุณแฟนที่ซื้อให้) ณ จุดนี้เน้นออกพวกกล้ามเนื้อ เช่น พุง ตูด ขา ท่าทางเราก็เก็บเอาตามเน็ตมาปรับใช้ตามวัน และให้เหมาะสม ไม่ให้เจ็บกล้ามเนื้อ
- ส่วนแขน ด้านบนฟิตเนสมีดัมเบลหลายขนาด เลยได้ออกบ้าง ท่าทางเหมือนเดิม เก็บตามเน็ตมาปรับใช้ให้เหมาะสม
- ซิทอัพกับแพลงค์ เกือบทุกวัน ยกเว้นวันไหนกินบุฟเฟ่ต์กับเพื่อนบ้างแฟนบ้าง วันนั้นจะไม่ทำ เดวอ้วก
7. ถ้าเลี่ยงอาหารที่เป็นบุฟเฟ่ต์ไม่ได้ จงอย่าปฎิเสธค่ะ แต่รำลึกในใจเสมอว่า อย่ากินเยอะ...เอาพออิ่ม อย่าเอาคุ้ม เน้นคุยเน้นฮามากกว่า ล่าสุดนี่บุฟเฟ่ต์พิซซ่า กินไปเยอะมาก รู้สึกผิด แต่ก็ห้ามงดมื้ออื่นนะคะ ก็ทดแทนด้วยการออกกำลังกายเอา
8. งดขนมจุบจิบระหว่างวัน ตอนทำงานนี่ยิ่งมีสิทแลกซื้อนี่ขนมมาเต็มจ้า ห้ามใจสิ อย่ากินนะอย่ากิน แต่ถ้าปากว่างจริงๆ เรากินแต่ผลไม้อะคะ เรานี่ซื้อขนมมาเติมเกม ยังไม่ได้กินเลย ส่งให้น้องที่ทำงานกินต่อ แต่ถ้าเลี่ยงไม่กิไม่ได้จงนึกเสมอว่าที่ผ่านมากว่าจะทำได้มันทรมานนะแก 1-2 ชิ้นพอนะ
9. สำคัญที่สุดที่จะเกี่ยวข้องกับทุกข้อคือ "ใจ" และ "สมอง" ค่ะ ใช้สมองพยายามคิดนะว่า กว่าจะทำได้เนี่ยมันเหนื่อยนะ เข้าใจว่ามันหอมมาก เอาใจกับข่มสิ แล้วมันจะผ่านไปได้ด้วยดี เมื่ออาหารหมดแล้ว โล่งมากๆ 555
ตอนอ้วนสุดๆ ประมาณ 75-77 กิโลกรัม
ภาพนี้ประมาณช่วงกลาง-ปลายปีที่แล้ว กินอย่างมันส์เลย 555 ตอนนั้นหาได้แคร์ไม่
อันนี้คือภาพล่าสุดประมาณช่วงสัปดาห์ก่อน
น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 64-65 โดยประมาณ
ปล. ภาพไม่ได้แต่งอะไรทั้งนั้น ยกเว้นภาพเสื้อชมพู แต่งแสงเพราะตอนถ่ายมันมืดมาก >,<
ภาพเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โชคดีที่ขาลงอะ แต่แขนลงยากชะมัดเลยพี่ชาย
ภาพล่าสุด เมื่อวานนี้เลย เลี้ยงส่งน้องที่ทำงาน กินชาบูซูชิ แต่ดูในมือสิคะ ขนมหวาน!
แต่ก็กินนะ กังวัลไม่ก็ตอบว่าไม่
สุดท้าย เราอาจจะไม่ได้ดูผอมลงเยอะมากนัก เพราะเป้าหมายจริงๆยังอีกยาวไกลนักตั้งอีก 10 โล
แต่เราต้องทำให้ได้ อะไรที่ยากก็เคยผ่านมาแล้ว อันนี้ต้องทำให้ได้เช่นกัน
ฝากถึงคนที่ลดทุกท่าน "ถ้าใจเราอยากทำซะอย่าง สุดท้ายก็ต้องทำได้ค่ะ"
สู้ๆนะ ^ ^