ภาคแรก
http://pantip.com/topic/34955443
โพสนี้จะมีเนื้อหาแบ่งเป็นสองส่วนนะครับ ส่วนแรกจะเป็นส่วนของการเดินทาง และส่วนหลังจะเป็นส่วนของการออกกำลังกาย
ก่อนอื่นก็ต้องของกล่าวไว้ก่อนว่าตัวผมไม่ได้ประสบความสำเร็จสูงสุดไม่ว่าจะเรื่องการออกกำลังกายหรือมีหุ่นที่สมบูรณ์แบบ แต่เชื่อว่าประสบการณ์ที่จะแบ่งปันนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้บ้างครับ
เริ่มเรื่อง ผมเคยลดความอ้วนมาแล้วครั้งนึง แต่ผลที่ได้ทำให้รู้ว่าโครงสร้างของตัวเราจริงๆเป็นคนตัวเล็ก ถ้าผอมจะยิ่งดูจิ๋วมาก ซึ่งดูไม่ค่อยดีเลยสำหรับผู้ชาย ผมก็ปล่อยตัวให้กลับมาอ้วนอีกครั้ง ตอนแรกก็ว่าจะให้ไม่อ้วนมากเหมือนครั้งก่อนแต่ก็ ห้ามไม่อยู่ครับ อ้วนแล้วก็อ้วนเอาอ้วนเอาไปเรื่อย ประกอบกันเป็นคนที่ติดจะขี้เกียจ นั่งๆนอนๆทั้งวัน รู้สึกตัวอีกทีก็น้ำหนักเลย 80 กิโลกรัมไปแล้ว
อาชีพผมเป็นอาชีพอิสระ พบลูกค้าเยอะพอสมควร บางครั้งพบติดๆกัน ก่อนเที่ยงและหลังเที่ยง จึงทำให้หลายครั้งทานอาหารหลายรอบต่อหนึ่งมื้อ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทานพอประมาณครับ เล่นหนักทุกรอบเลย ผมค่อยข้างชอบทานครับ แถมยังมื้อเย็นที่ก็มีหลายรอบอีก หนักสุดจะเป็นช่วงเทศกาลปลายปีครับ พบลูกค้าทีไรต้องมื้อหนักๆทุกที ปีใหม่ก็จะอึดอัดเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แถวๆ 5 โล ตลอด ทุกครั้งก็พยายามลด หลังปีใหม่ครับ เพิ่ม 5 ลง 2 อะไรแบบนี้ ร่างกายก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ผมชอบคิดอะไรให้แปลกๆไม่ซ้ำเดิม จึงปรึกษากับแฟนว่า พอเราลดความอ้วนตอนที่อ้วนแล้ว เรามักไม่มีกำลังใจ และ เหนื่อยง่าย ทำไมปีนี้เราไม่ลองลดนำ้หนักตั้งแต่ก่อนปลายปี ลดรอไว้เลย 2-3 โล พอไปทานเลี้ยงก็กลับขึ้นมาเท่าเดิม ตอนลดก็น่าจะลดง่ายกว่าด้วยซ้ำไป เพราะยังไม่หนักจนอุ้ยอ้ายเกินไป เมื่อตัดสินใจได้ผมก็ไปหาซื้อรองเท้าวิ่ง เพราะคิดว่าวิ่งจะเป็นทางลดน้ำหนักที่น่าจะเห็นผลเร็วที่สุด ........
รองเท้าวิ่งมันเป็นอะไรที่แพงมากครับ ผมอ่านเจอมาว่า asics เป็นรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดเลยไปหามาลอง คู่ที่ได้มาคือ nimbus ซึ่งเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วยังไม่ running boom ข้อมูลอะไรก็ยังไม่เยอะครับ ในเมืองไทยก็ไม่มีหลากหลายยี่ห้อมาก รองเท้าแพงเป็นข้อแรกที่ทำให้ไม่ยอมถอดใจเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องใช้ให้คุ้ม
แรกๆก็วิ่ง 5 นาที 10 นาที พัก แล้วก็เอาใหม่ จนครบครึ่งชั่วโมง แล้วก็ไปเล่นเวท แบบ งูๆปลาๆไปเรื่อยครับ และก็เรียบร้อยครับ หายไป 3 โล ก่อนปลายปี ทันกินเลี้ยงตามที่ตั้งใจไว้
ถึงตรงนี้ผมขอสรุปตามที่ตัวเองเข้าใจว่า คนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ต่อให้ออกถูกๆผิดๆ ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง แม้ทำๆพักๆ ยังงัยก็ลด แต่พอถึงจุดนึงมันจะหยุด ไม่ลดและอาจเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามอาจเป็นโชคของผมก็ได้ที่การออกกำลังผมได้เข้าสู่ การเปลี่ยนแปลงพอดี
การเปลี่ยนแปลงที่ว่าคือ ผมพอจะวิ่งต่อเนื่องและสามารถวิ่งเกิน 5km ได้แล้ว ผมจึงไปวิ่งในสวนต่างๆเป็นครั้งคราว ทุกๆครั้งผมก็สังเกตุว่า ไม่เคยมีใครวิ่งเเซงผมเลยมีแต่ผมวิ่งแซงคนอื่น ผมจึงเริ่มอยากรู้ว่าเราวิ่งเร็วแค่ไหน ผมก็ได้เข้าไปหาข้อมูลในเว็บ และนำมาเปรียบเทียบกับที่ตัวเองวิ่งได้ ด้วยความเข้าใจผิดเพราะความรู้น้อย ทำให้ผมคิดว่าตัวเองวิ่งได้เร็วมาก ความต่างระหว่างนักวิ่งท่านอื่นๆ 5 นาทีขึ้น ผมนึกว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ฝึกนิดหน่อยก็ลดเวลาได้ (ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่เลย กว่าจะลดเวลาลงแต่ละนาทีเป็นเรื่องยากเย็น) อย่างที่ได้กล่าวไว้ผมว่าผมโชคดีที่เข้าใจผิดไปแบบนี้ ผมเริ่มไม่สนใจเรื่องการลดความอ้วนแล้ว ผมชักจะสนใจที่จะลงแข่งขันในงานวิ่งซะแล้ว
ทำไมเป้าหมายที่เปลี่ยนไปถึงเป็นเรื่องน่ายินดี ผมขอคั่นเรื่องมากล่าวถึงส่วนนี้เพราะผมคิดว่ามันเป็นส่วนสำคัญมาก ผมมีความรู้สึกว่า มนุษย์ชอบหาทางลัดหรือทางที่ง่าย หรือจะเรียกว่าโกงก็ได้ครับ ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะลดความอ้วนด้วยการออกกำลัง แต่มีเพื่อนมาชวนไปเที่ยว หลายครั้งเราคงยอมไม่ไปออกกำลังและเลือกไปกับเพื่อน หรือบางวันเราอาจจะขี้เกียจ ปวดเมื่อย แล้วก็อ้างนู่นนี่ เพื่อจะไม่ไปออกกำลังกาย และเราก็จะมาสำนึกผิดและก็จะไปชดใช้ด้วยวิธีอื่น เช่น อดอาหาร เป็นต้น แต่พอเป้าหมายของผม คือการจะไปเป็นนักกีฬา ผมจึงไม่มีทางโกงได้นอกจากฝึกฝน
อย่าเสียเวลาลดความอ้วนกันอยู่เลย มาเป็น...........กันเถอะ ภาคต่อ ลดน้ำหนัก สองแบบสองสไตล์ รีดลงได้กว่า 20 โลทั้งสองแบบ
http://pantip.com/topic/34955443
โพสนี้จะมีเนื้อหาแบ่งเป็นสองส่วนนะครับ ส่วนแรกจะเป็นส่วนของการเดินทาง และส่วนหลังจะเป็นส่วนของการออกกำลังกาย
ก่อนอื่นก็ต้องของกล่าวไว้ก่อนว่าตัวผมไม่ได้ประสบความสำเร็จสูงสุดไม่ว่าจะเรื่องการออกกำลังกายหรือมีหุ่นที่สมบูรณ์แบบ แต่เชื่อว่าประสบการณ์ที่จะแบ่งปันนี้อาจจะเป็นประโยชน์ต่อผู้อื่นได้บ้างครับ
เริ่มเรื่อง ผมเคยลดความอ้วนมาแล้วครั้งนึง แต่ผลที่ได้ทำให้รู้ว่าโครงสร้างของตัวเราจริงๆเป็นคนตัวเล็ก ถ้าผอมจะยิ่งดูจิ๋วมาก ซึ่งดูไม่ค่อยดีเลยสำหรับผู้ชาย ผมก็ปล่อยตัวให้กลับมาอ้วนอีกครั้ง ตอนแรกก็ว่าจะให้ไม่อ้วนมากเหมือนครั้งก่อนแต่ก็ ห้ามไม่อยู่ครับ อ้วนแล้วก็อ้วนเอาอ้วนเอาไปเรื่อย ประกอบกันเป็นคนที่ติดจะขี้เกียจ นั่งๆนอนๆทั้งวัน รู้สึกตัวอีกทีก็น้ำหนักเลย 80 กิโลกรัมไปแล้ว
อาชีพผมเป็นอาชีพอิสระ พบลูกค้าเยอะพอสมควร บางครั้งพบติดๆกัน ก่อนเที่ยงและหลังเที่ยง จึงทำให้หลายครั้งทานอาหารหลายรอบต่อหนึ่งมื้อ ซึ่งผมก็ไม่ได้ทานพอประมาณครับ เล่นหนักทุกรอบเลย ผมค่อยข้างชอบทานครับ แถมยังมื้อเย็นที่ก็มีหลายรอบอีก หนักสุดจะเป็นช่วงเทศกาลปลายปีครับ พบลูกค้าทีไรต้องมื้อหนักๆทุกที ปีใหม่ก็จะอึดอัดเพราะน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น แถวๆ 5 โล ตลอด ทุกครั้งก็พยายามลด หลังปีใหม่ครับ เพิ่ม 5 ลง 2 อะไรแบบนี้ ร่างกายก็ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
ผมชอบคิดอะไรให้แปลกๆไม่ซ้ำเดิม จึงปรึกษากับแฟนว่า พอเราลดความอ้วนตอนที่อ้วนแล้ว เรามักไม่มีกำลังใจ และ เหนื่อยง่าย ทำไมปีนี้เราไม่ลองลดนำ้หนักตั้งแต่ก่อนปลายปี ลดรอไว้เลย 2-3 โล พอไปทานเลี้ยงก็กลับขึ้นมาเท่าเดิม ตอนลดก็น่าจะลดง่ายกว่าด้วยซ้ำไป เพราะยังไม่หนักจนอุ้ยอ้ายเกินไป เมื่อตัดสินใจได้ผมก็ไปหาซื้อรองเท้าวิ่ง เพราะคิดว่าวิ่งจะเป็นทางลดน้ำหนักที่น่าจะเห็นผลเร็วที่สุด ........
รองเท้าวิ่งมันเป็นอะไรที่แพงมากครับ ผมอ่านเจอมาว่า asics เป็นรองเท้าวิ่งที่ดีที่สุดเลยไปหามาลอง คู่ที่ได้มาคือ nimbus ซึ่งเมื่อ 5-6 ปีที่แล้วยังไม่ running boom ข้อมูลอะไรก็ยังไม่เยอะครับ ในเมืองไทยก็ไม่มีหลากหลายยี่ห้อมาก รองเท้าแพงเป็นข้อแรกที่ทำให้ไม่ยอมถอดใจเหนื่อยแค่ไหนก็ต้องใช้ให้คุ้ม
แรกๆก็วิ่ง 5 นาที 10 นาที พัก แล้วก็เอาใหม่ จนครบครึ่งชั่วโมง แล้วก็ไปเล่นเวท แบบ งูๆปลาๆไปเรื่อยครับ และก็เรียบร้อยครับ หายไป 3 โล ก่อนปลายปี ทันกินเลี้ยงตามที่ตั้งใจไว้
ถึงตรงนี้ผมขอสรุปตามที่ตัวเองเข้าใจว่า คนที่ไม่เคยออกกำลังกาย ต่อให้ออกถูกๆผิดๆ ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง แม้ทำๆพักๆ ยังงัยก็ลด แต่พอถึงจุดนึงมันจะหยุด ไม่ลดและอาจเพิ่มขึ้นได้ อย่างไรก็ตามอาจเป็นโชคของผมก็ได้ที่การออกกำลังผมได้เข้าสู่ การเปลี่ยนแปลงพอดี
การเปลี่ยนแปลงที่ว่าคือ ผมพอจะวิ่งต่อเนื่องและสามารถวิ่งเกิน 5km ได้แล้ว ผมจึงไปวิ่งในสวนต่างๆเป็นครั้งคราว ทุกๆครั้งผมก็สังเกตุว่า ไม่เคยมีใครวิ่งเเซงผมเลยมีแต่ผมวิ่งแซงคนอื่น ผมจึงเริ่มอยากรู้ว่าเราวิ่งเร็วแค่ไหน ผมก็ได้เข้าไปหาข้อมูลในเว็บ และนำมาเปรียบเทียบกับที่ตัวเองวิ่งได้ ด้วยความเข้าใจผิดเพราะความรู้น้อย ทำให้ผมคิดว่าตัวเองวิ่งได้เร็วมาก ความต่างระหว่างนักวิ่งท่านอื่นๆ 5 นาทีขึ้น ผมนึกว่าเป็นเรื่องง่ายๆ แค่ฝึกนิดหน่อยก็ลดเวลาได้ (ซึ่งในความเป็นจริงไม่ใช่เลย กว่าจะลดเวลาลงแต่ละนาทีเป็นเรื่องยากเย็น) อย่างที่ได้กล่าวไว้ผมว่าผมโชคดีที่เข้าใจผิดไปแบบนี้ ผมเริ่มไม่สนใจเรื่องการลดความอ้วนแล้ว ผมชักจะสนใจที่จะลงแข่งขันในงานวิ่งซะแล้ว
ทำไมเป้าหมายที่เปลี่ยนไปถึงเป็นเรื่องน่ายินดี ผมขอคั่นเรื่องมากล่าวถึงส่วนนี้เพราะผมคิดว่ามันเป็นส่วนสำคัญมาก ผมมีความรู้สึกว่า มนุษย์ชอบหาทางลัดหรือทางที่ง่าย หรือจะเรียกว่าโกงก็ได้ครับ ยกตัวอย่าง ถ้าเราจะลดความอ้วนด้วยการออกกำลัง แต่มีเพื่อนมาชวนไปเที่ยว หลายครั้งเราคงยอมไม่ไปออกกำลังและเลือกไปกับเพื่อน หรือบางวันเราอาจจะขี้เกียจ ปวดเมื่อย แล้วก็อ้างนู่นนี่ เพื่อจะไม่ไปออกกำลังกาย และเราก็จะมาสำนึกผิดและก็จะไปชดใช้ด้วยวิธีอื่น เช่น อดอาหาร เป็นต้น แต่พอเป้าหมายของผม คือการจะไปเป็นนักกีฬา ผมจึงไม่มีทางโกงได้นอกจากฝึกฝน