ลดน้ำหนัก สองแบบสองสไตล์ รีดลงได้กว่า 20 โลทั้งสองแบบ

สวัสดีครับ เพื่อนๆ ผมหาข้อมูลจากที่พันทิปมามากมาย ตอนนี้อยากแบ่งปันคืนบ้างเผื่อจะเป็นประโยชน์ให้เพื่อนๆท่านอื่นบ้างนะครับ
วันก่อนลงเรื่องการลงทุนไปแล้ว วันนี้อยากมาแชร์อีกเรื่อง คือการลด น้ำหนักของผมครับ

ก่อนอื่นต้องเริ่มก่อนว่าผมเป็นคนอ้วนพอสมควรเลย หนักสุดขอบอกเป็นรอบเอว คือ 38 นิ้ว ส่วนผอมสุดคือ 27 นิ้ว ในชีวิตเคยพยายามลดความอ้วน 2 ครั้งใหญ่ๆ ลดสำเร็จทั้งสองครั้ง แต่ละครั้งใช้วิธีที่ต่างกันไป

การลดความอ้วนครั้งที่หนึ่ง เป็นการลดแบบแทบไม่ออกกำลังกายหนัก ใช้เวลาประมาณ 2 เดือนนิดๆ ลดไปได้ 25kgs. ก่อนที่จะเข้าสู่วิธีลด ขอเล่าถึงเหตุจูงใจนิดนึงครับ ช่วงนั้นอ้วนมากและก็กำลังอ้วนขึ้นไปเรื่อยๆ เหตุของความอ้วนมาจากการกินล้วนๆครับ กินอาหารกับเพื่อนๆ บนโต๊ะนี่ผมจะเก็บกวาดจนเกลี้ยง ก็ดำเนินชีวิตไปตามปรกติ ไม่ได้สนใจเรื่องหุ่นเลยจนกระทั่งวันนึงเพื่อนมาทัก คงเพราะเป็นห่วงบอกว่าผมชักจะอ้วนไปแล้ว ตอนนั้นไปชั่งนำ้หนัก ก็หนักประมาณ 80kgs. ผมก็ตอบไปว่าผมไม่สนเรื่องหุ่นหรอก แต่มีเสียงมาจากข้างหลังพูดผ่านมาว่า “โอ้ย เค้าพยายามลดอยู่ เนี่ยไปตีแบต แทบทุกวันเลย แต่ไม่ลง”  ตอนนั้นผมไปตีเพราะสนุกไม่ได้หวังผลลดความอ้วน จึงโกรธเพื่อนคนนั้นและอยากให้ทุกคนรู้  ว่าถ้าผมจะลดทำไมจะลดไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการลดครั้งแรก



ลดน้ำหนักครั้งแรก ก็คิดเองครับ ลดน้ำหนักน่าจะประกอบไปด้วยการอดอาหารและออกกำลังประมาณนั้น ผมก็เริ่มสัปดาห์แรกด้วยการทานให้น้อยที่สุด ไม่กินอาหารมัน ไม่กินมื้อเย็น วิ่ง ปั่นจักรยาน ยกน้ำหนัก(ผิดๆถูกๆ) ทำทุกอย่างเท่าที่คิดได้ว่าทำแล้วนำ้หนักจะลง ผลออกมาสุดยอดเลยครับ อาทิตย์แรกลงไปเลย 5โล แต่ไม่ไหวครับ ไม่สามารถทนทำต่อไปได้ ทั้งหิวทั้งอยากไปหมด ส่วนที่ออกกำลังกายก็เหนื่อยล้าไม่อยากออกต่อไปอีกแล้ว แต่อยากเอาชนะก็เลยยังไปฟิตเนสอยู่ เข้าสู่อาทิตย์ที่สองนี่เลิกวิ่งเลยครับ เหลือแค่นั่งปั่นจักรยานแบบขี้เกียจๆไปเรื่อย อ่านแม๊กกาซีนไปปั่นไป ในหนังสือเล่มที่อ่านอยู่มันจะมี tips เล็กๆหนึ่งข้อแนะนำ อ่านแล้ว รู้สึกมันประหลาดทุกอันเลย (ผมไปรื้อเล่มเก่าๆ ที่วางอยู่มานั่งอ่านด้วยนะครับ) แต่เหตุผลสนับสนุนเค้าดูแล้วก็ทำให้คล้อยตาม ไหนๆก็ไม่มีใจจะออกกำลังอยู่แล้ว งั้นลองทำตามดูคงไม่เสียหาย  แรกๆทำดูก็แปลกๆนะครับแต่พอเป็นนิสัยแล้วก็ชินจนไม่รู้สึกว่าต้องฝืนทำ ร่างกายปรับเปลี่ยนไปเองเลย

-ห้ามดื่มน้ำ ก่อนและหลังอาหาร 30 นาที และในระหว่างมื้อก็ห้ามดื่ม เพราะจะไปทำให้กรดในกระเพาะเจือจางไม่สามรถย่อยอาหารได้เต็มที่
-ควรทานอาหารที่มีรสเผ็ด เพราะความเผ็ดจะไปปลุก metabolism ให้ทำงาน กินเเล้วเหงื่อซึมๆก็พอนะครับ
-งดกะทิ กะทิหนึ่งช้อนชาต้องใช้แรง ระดับแบกหามทั้งวัน เพื่อที่จะเผาผลาญพลังงานที่เค้ามอบให้หมด แถมช้อนชาเดียวก็ไม่อิ่มเราต้องทานอย่างอื่นควบคู่ไปด้วย ฉนั้นช่วงลดน้ำหนักต้องงดก่อนครับ อันนี้ยากมาก อาหารบ้านเรามีกะทิทั้งนั้น
-ทานอาหารเสร็จห้ามนั่ง เดินไม่ต่ำกว่า 20 นาที อันนี้จะทำให้ไม่ลงพุงด้วยนะครับ
-อย่าเลี่ยงหนังสัตว์ ไขมัน ส่วนตัวผมว่าข้อนี้แหละที่เปลี่ยนแปลงทุกอย่าง ไขมันทำให้เรารู้สึกอิ่มท้อง ถ้าเราเลี่ยงเราจะหิวเร็ว เราอาจคิดว่าช่วงลดความอ้วนเราต้องต่อสู้กับความอยาก จริงๆแล้วไม่ใช่ เราไม่มีไขมันในท้องเราจึงหิวเร็ว ผมเคยกินไขมันในปริมาณที่เหมาะตอน 4 โมงเย็นและอยู่ได้ถึง 3-4ทุ่มโดยไม่รู้สึกหิวเลย ผมไม่จำเป็นต้องอดอาหารเย็นด้วยซ้ำมันแค่ไม่อยากไปเอง
-ถ้าคิดจะออกกำลังกายควรเอากิจกรรมหนักไปไว้ท้ายสุดเพราะกิจกรรมแรกๆร่างกายเราไม่ได้ใช้ไขมันมาเป็นพลังงาน เมื่อเลย 30นาทีไปแล้วเล่นให้หนัก เพราะนั่นคือไขมัน
-ในฟิตเนสเเค่เรียงลำดับเครื่องเล่นก่อนหลังให้ถูก น้ำหนักคุณอาจลดคูณสองเท่าได้เลยทั้งๆที่เล่นทุกอย่างด้วยความพยายามเท่าเดิม อันนี้ถ้าอยากรู้ถามมาแล้วกันนะครับ มันยาวพอควร

ทั้งหมด ผิดถูกผมก็ไม่ทราบนะครับ แต่ผมทำตามที่หนังสือว่าเท่านั้น ช่วงแรกๆ น้ำหนักไม่ลดแต่หุ่นเปลี่ยนแทบจะรายวันทำให้เรามีกำลังใจมาก มารู้ตัวอีกทีก็ตอนโดนทักว่าผอมจนดูหุ่นคล้ายคนป่วย
ซึ่งน้ำหนักตอนนั้นไปแตะที่ 55kgs สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มหยุดไปออกกำลังกายรอบนั้นคือผมไปซื้อกางเกงใหม่ พอบอกคนขายว่าเอว 27 เค้าหันมาถามว่าซื้อให้ผู้หญิงเหรอ จุดนั้นทำให้ผมเลยคิดได้ว่าน่าจะพอได้แล้ว

ถ้าเพื่อนๆอ่านแล้วชอบใจ ผมจะรีบไปพิมพ์ภาค2 ต่อเลยครับ ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านกันนะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่