ต่อจากก่อนหน้านี้เลยนะครับ เรื่องที่ผมจะเล่าให้ฟังต่อจากนี้รับรองว่าทสิ่งที่พูดมาจะไม่มีการเติมแต่งแต่อย่างใด
ทุกสิ่งคือเรื่องที่รุ่นพี่ได้เล่าให้ฟังและคนที่จากไปก็เคือเพื่อนคนสนิทของพี่เอกเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมจะเริ่มเล่าต่อจากเรื่องที่ผ่านมานะครับ
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังเรื่องต่อจากนี้
“เรื่องนี้กูไม่อยากเล่า
แต่ถ้าพวกยังคิดว่า
ไม่เชื่อ = ปลอดภัย
กูอยากให้ฟังให้จบ” พี่เอก
วันต่อมา
พีทเริ่มเปลี่ยน
มันดูคึก
เหมือนคนที่รู้สึกว่าตัวเองชนะ
มันเล่าว่ามันฝัน
ฝันเห็นคนแก่
นั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังวัด
ผิวแห้งกรอบ ไม่มีเสื้อผ้า
นัยตาขาวสนิท
มองมันแล้วยิ้ม แสดงให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่มีฟันเลยแม้แต่ซี่เดียว
พีทพูดล้อเลียน
“ถ้าเป็นเจ้าที่จริง
ทำไมสภาพเหมือนคนบ้าละ”
หลังจากผู้ใหญ่บ้านได้ฟัง
ผู้ใหญ่บ้านเงียบไปนาน
ก่อนจะพูดประโยคหนึ่ง
ที่ทำให้กูขนลุก
“เพราะหลังวัด
เป็นที่ที่คนทิ้งของ
และของบางอย่าง
ไม่ได้ถูกทิ้งไปไหน”
คำพูดนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่บอกว่ามันหมายถึงอะไร
คืนนั้น
พีทเดินเข้าไปทางป่าหลังวัด
ก่อนจะเดินไป
มันพูดเสียงดังอีกครั้งว่า
“ถ้ามีจริง
เอากูไปเลย
จะได้รู้กัน”
ผู้ใหญ่บ้านพูดตามหลัง
เหมือนหมดแรง
“อย่าไปท้าสิ
ไอของที่เขาไม่ต้องการคำพิสูจน์”
หลังจากคืนนั้น
พีทก็ไม่กลับมา
ไม่มีใครแตกตื่น
ผู้ใหญ่บ้านไม่ออกตามหา
ได้แต่พูดแค่ว่า
“มันไม่ได้หลง
มันเดินเข้าไปเอง”
ประมาณตีสาม
มีเสียงเดินออกมาจากหลังวัด
ไม่รีบ ไม่หลง
เหมือนคนรู้ทางดี
พีทยืนอยู่ หน้าไม่ซีด ไม่ร้อง
แต่น้ำเสียงไม่เหมือนเดิม
“กูถามเขา
เขาก็ตอบกู”
น้ำเสียงสั่นเทา สายตาเหมือนกังวลอะไรบางอย่างในใจ
กูถามว่าแล้วเขาตอบอะไร
พีทยิ้มบางๆ
“เขาบอกกูว่า
ป่าหลังวัดมันเงียบ
แล้วกูพูดเก่งนะ”
พีทยิ้มและหัวเราะเบาๆ
เช้ามาถึงวันที่จะกลับบ้าน
พีทไม่ออกมาจากเต็นท์ทุกคนเริ่มสงสัยผู้ใหญ่บ้านเดินไปที่เต็นท์ของพีทปรากฏให้เห็นร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ขยับผู้ใหญ่บ้านเดินไปจับที่ข้อมือของพีท
บรรยากาศเงียบ อึดอัดไปทั่วทั้งบริเวณพร้อมกับเสียงของผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้นมาว่า
ด้ายขาวไม่มีแล้ว“
ไม่มีใครพูดคำว่า “ตาย”
แต่ทุกคนรู้
ก่อนจะกลับ ผู้ใหญ่เดินมาพร้อมกำด้ายขาวของใครบางคนมาด้วยพร้อมกับพูดว่า
ไอพีทมันเอาด้ายขาว
ไปผูกไว้กับต้นไม้หลังวัด
เหมือนฝากอะไรบางอย่างไว้
ผู้ใหญ่บ้านพูดเบาๆ
“เขาไม่ได้เอาชีวิตมัน
เขาเอาความไม่เชื่อ
ไปอยู่ด้วย”
หลังจากนั้น
กลางคืน
ชาวบ้านจะเริ่มได้ยินเสียง
ผู้ชายพูดเตือนคนที่เดินหลังวัดอยู่บ่อยครั้งว่า
“อย่าเข้าไป
ตรงนั้นเขาแรง”
เสียงนั้น
เหมือนพีท
ทุกคำ
ผู้ใหญ่บ้านหันมาพูดกับกูเป็นครั้งสุดท้าย
“กูเตือนแล้ว
เตือนจนไม่รู้จะเตือนยังไง
หลังวัดน่ะ
มันไม่ใช่ที่ปลอดภัย
แค่มันเงียบ
จนคนคิดว่ามันไม่มีอะไร”
“ที่อันตรายที่สุด
ไม่ใช่ที่น่ากลัว
แต่คือที่
คนคิดว่าไม่เป็นไร”
— พี่เอก
เริ่มต้นจากความไม่เชื่อจนในสุดสิ่งที่น่ากลัวเริ่มนำพาให้คนคนนึงต้องลงเอยกับจุดจบ
เราไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่อย่าพในสิ่ง่งที่ตัวเองคิดว่าสนุกปากเพราะสิ่งที่มองไม่เห็นมันมีอยู่จริง
ป่าหลังวัด2
ทุกสิ่งคือเรื่องที่รุ่นพี่ได้เล่าให้ฟังและคนที่จากไปก็เคือเพื่อนคนสนิทของพี่เอกเพื่อไม่เป็นการเสียเวลาผมจะเริ่มเล่าต่อจากเรื่องที่ผ่านมานะครับ
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับฟังเรื่องต่อจากนี้
“เรื่องนี้กูไม่อยากเล่า
แต่ถ้าพวกยังคิดว่า
ไม่เชื่อ = ปลอดภัย
กูอยากให้ฟังให้จบ” พี่เอก
วันต่อมา
พีทเริ่มเปลี่ยน
มันดูคึก
เหมือนคนที่รู้สึกว่าตัวเองชนะ
มันเล่าว่ามันฝัน
ฝันเห็นคนแก่
นั่งอยู่ใต้ต้นไม้หลังวัด
ผิวแห้งกรอบ ไม่มีเสื้อผ้า
นัยตาขาวสนิท
มองมันแล้วยิ้ม แสดงให้เห็นรอยยิ้มที่ไม่มีฟันเลยแม้แต่ซี่เดียว
พีทพูดล้อเลียน
“ถ้าเป็นเจ้าที่จริง
ทำไมสภาพเหมือนคนบ้าละ”
หลังจากผู้ใหญ่บ้านได้ฟัง
ผู้ใหญ่บ้านเงียบไปนาน
ก่อนจะพูดประโยคหนึ่ง
ที่ทำให้กูขนลุก
“เพราะหลังวัด
เป็นที่ที่คนทิ้งของ
และของบางอย่าง
ไม่ได้ถูกทิ้งไปไหน”
คำพูดนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยไม่บอกว่ามันหมายถึงอะไร
คืนนั้น
พีทเดินเข้าไปทางป่าหลังวัด
ก่อนจะเดินไป
มันพูดเสียงดังอีกครั้งว่า
“ถ้ามีจริง
เอากูไปเลย
จะได้รู้กัน”
ผู้ใหญ่บ้านพูดตามหลัง
เหมือนหมดแรง
“อย่าไปท้าสิ
ไอของที่เขาไม่ต้องการคำพิสูจน์”
หลังจากคืนนั้น
พีทก็ไม่กลับมา
ไม่มีใครแตกตื่น
ผู้ใหญ่บ้านไม่ออกตามหา
ได้แต่พูดแค่ว่า
“มันไม่ได้หลง
มันเดินเข้าไปเอง”
ประมาณตีสาม
มีเสียงเดินออกมาจากหลังวัด
ไม่รีบ ไม่หลง
เหมือนคนรู้ทางดี
พีทยืนอยู่ หน้าไม่ซีด ไม่ร้อง
แต่น้ำเสียงไม่เหมือนเดิม
“กูถามเขา
เขาก็ตอบกู”
น้ำเสียงสั่นเทา สายตาเหมือนกังวลอะไรบางอย่างในใจ
กูถามว่าแล้วเขาตอบอะไร
พีทยิ้มบางๆ
“เขาบอกกูว่า
ป่าหลังวัดมันเงียบ
แล้วกูพูดเก่งนะ”
พีทยิ้มและหัวเราะเบาๆ
เช้ามาถึงวันที่จะกลับบ้าน
พีทไม่ออกมาจากเต็นท์ทุกคนเริ่มสงสัยผู้ใหญ่บ้านเดินไปที่เต็นท์ของพีทปรากฏให้เห็นร่างที่นอนแน่นิ่งไม่ขยับผู้ใหญ่บ้านเดินไปจับที่ข้อมือของพีท
บรรยากาศเงียบ อึดอัดไปทั่วทั้งบริเวณพร้อมกับเสียงของผู้ใหญ่บ้านพูดขึ้นมาว่า
ด้ายขาวไม่มีแล้ว“
ไม่มีใครพูดคำว่า “ตาย”
แต่ทุกคนรู้
ก่อนจะกลับ ผู้ใหญ่เดินมาพร้อมกำด้ายขาวของใครบางคนมาด้วยพร้อมกับพูดว่า
ไอพีทมันเอาด้ายขาว
ไปผูกไว้กับต้นไม้หลังวัด
เหมือนฝากอะไรบางอย่างไว้
ผู้ใหญ่บ้านพูดเบาๆ
“เขาไม่ได้เอาชีวิตมัน
เขาเอาความไม่เชื่อ
ไปอยู่ด้วย”
หลังจากนั้น
กลางคืน
ชาวบ้านจะเริ่มได้ยินเสียง
ผู้ชายพูดเตือนคนที่เดินหลังวัดอยู่บ่อยครั้งว่า
“อย่าเข้าไป
ตรงนั้นเขาแรง”
เสียงนั้น
เหมือนพีท
ทุกคำ
ผู้ใหญ่บ้านหันมาพูดกับกูเป็นครั้งสุดท้าย
“กูเตือนแล้ว
เตือนจนไม่รู้จะเตือนยังไง
หลังวัดน่ะ
มันไม่ใช่ที่ปลอดภัย
แค่มันเงียบ
จนคนคิดว่ามันไม่มีอะไร”
“ที่อันตรายที่สุด
ไม่ใช่ที่น่ากลัว
แต่คือที่
คนคิดว่าไม่เป็นไร”
— พี่เอก
เริ่มต้นจากความไม่เชื่อจนในสุดสิ่งที่น่ากลัวเริ่มนำพาให้คนคนนึงต้องลงเอยกับจุดจบ
เราไม่เชื่อไม่เป็นไรแต่อย่าพในสิ่ง่งที่ตัวเองคิดว่าสนุกปากเพราะสิ่งที่มองไม่เห็นมันมีอยู่จริง