สุขวิชโนมิกส์—ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ระบบการศึกษาทวิภาคีหรือ บิดาแห่งสหกิจศึกษาตัวจริง ของ ประเทศไทย (ไม่ใช่วิจิตร ศรีสะอ้าน — ผู้แอบอ้าง)
บทคัดย่อ
บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์ระบบการศึกษาทวิภาคีของประเทศไทย (Dual Vocational Training: DVT) ซึ่งได้รับการริเริ่มและพัฒนาภายใต้บทบาทสำคัญของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล บนพื้นฐานของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์(Sukavichinomics Economic Philosophy) ที่มุ่งเชื่อมโยงการพัฒนาคนเข้ากับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ระบบ DVT ทำหน้าที่เป็นกลไกเชิงนโยบายเพื่อบูรณาการระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการ โดยมีเป้าหมายผลิตบุคลากรสายอาชีพที่มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและตลาดแรงงานจริง
ก่อนการปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2538 สิทธิทางการศึกษาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ยังจำกัดอยู่เพียงระดับประถมศึกษา ส่งผลให้เยาวชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 15–17 ปีจากครอบครัวยากจน ไม่สามารถเรียนต่อได้ การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ. 2538–2540 ได้ขยายสิทธิเรียนให้แก่เด็กยากจนรวม 4.35 ล้านคน ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย/อาชีวศึกษา พร้อมทั้งจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาใหม่ 278 แห่ง และยกระดับโรงเรียนเกษตรกรรมเป็นวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดการผลิตกำลังคนสายอาชีวะประมาณ 2 ล้านคน และวางโครงสร้างพื้นฐานสู่ระบบ Dual Vocational Training อย่างเป็นรูปธรรม
บทความยังพิจารณาพัฒนาการของแนวคิดสหกิจศึกษาในประเทศไทย และสำรวจข้อถกเถียงเกี่ยวกับผู้มีบทบาทในการวางรากฐานระบบดังกล่าว โดยจัดวางผลงานของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล บนฐานข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์และนโยบายที่ตรวจสอบได้ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทเชิงสถาบันของผู้กำหนดนโยบายในช่วงการเปลี่ยนผ่านของระบบการศึกษาไทย
คำสำคัญ: สุขวิชโนมิกส์, ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์, การอภิวัฒน์การศึกษา, Dual Vocational Training, สหกิจศึกษา, อาชีวศึกษาไทย, สิทธิเรียนฟรี 12 ปี, เด็กยากจน
บทนำ
การศึกษาทวิภาคี (Dual Vocational Training: DVT) หรือระบบการเรียนรู้ร่วมสถานประกอบการ ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นระบบสหกิจศึกษาในประเทศไทย ถือเป็นนโยบายการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับกำลังคนสายอาชีพและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีพื้นฐานแนวคิดสำคัญจาก ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์(Sukavichinomics Economic Philosophy) ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนามนุษย์เป็นศูนย์กลาง (human-centric development) และการเชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการเพื่อให้เกิดกำลังคนที่มีทักษะตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม
ก่อนการปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2538 เด็กไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 15–17 ปีจากครอบครัวยากจน ยังไม่ได้รับสิทธิเรียนต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 รับรองสิทธิการศึกษาเพียงระดับประถมศึกษา การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ.2538–2540 ที่ขับเคลื่อนโดย ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ได้ขยายสิทธิการศึกษาให้ครอบคลุมเด็กยากจน 4.35 ล้านคน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย/อาชีวศึกษา ส่งผลให้เกิดการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมยิ่งขึ้นและเพิ่มความพร้อมของกำลังแรงงานในระยะยาว
ภายใต้การปฏิรูปดังกล่าว ได้มีการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาใหม่ 278 แห่ง รวมถึงการยกระดับโรงเรียนเกษตรกรรมเป็นวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี การขยายตัวของสถาบันเหล่านี้ช่วยรองรับผู้เรียนสายอาชีพและก่อให้เกิดการผลิตบุคลากรกว่า 2 ล้านคน พร้อมทั้งวางรากฐานให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาระบบ DVT ได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงแรงงานทักษะสูงได้มากขึ้น
บทนำนี้ยังนำเสนอการสำรวจข้อถกเถียงเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพัฒนาการสหกิจศึกษาในประเทศไทย โดยเน้นการจัดวางบทบาทของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล บนฐานข้อมูลเชิงนโยบายและหลักฐานที่ตรวจสอบได้ เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดผลงานด้านการศึกษาทวิภาคีและความร่วมมือการผลิตกำลังคนกับสถานประกอบการจึงถือเป็นส่วนสำคัญในพัฒนาการระบบทวิภาคีหรือ สหกิจศึกษาของประเทศไทย
บิดาแห่งสหกิจศึกษา
บทคัดย่อ
บทความนี้นำเสนอการวิเคราะห์ระบบการศึกษาทวิภาคีของประเทศไทย (Dual Vocational Training: DVT) ซึ่งได้รับการริเริ่มและพัฒนาภายใต้บทบาทสำคัญของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล บนพื้นฐานของ ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์(Sukavichinomics Economic Philosophy) ที่มุ่งเชื่อมโยงการพัฒนาคนเข้ากับโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศ ระบบ DVT ทำหน้าที่เป็นกลไกเชิงนโยบายเพื่อบูรณาการระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการ โดยมีเป้าหมายผลิตบุคลากรสายอาชีพที่มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและตลาดแรงงานจริง
ก่อนการปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2538 สิทธิทางการศึกษาตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 ยังจำกัดอยู่เพียงระดับประถมศึกษา ส่งผลให้เยาวชนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 15–17 ปีจากครอบครัวยากจน ไม่สามารถเรียนต่อได้ การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ. 2538–2540 ได้ขยายสิทธิเรียนให้แก่เด็กยากจนรวม 4.35 ล้านคน ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย/อาชีวศึกษา พร้อมทั้งจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาใหม่ 278 แห่ง และยกระดับโรงเรียนเกษตรกรรมเป็นวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี ส่งผลให้เกิดการผลิตกำลังคนสายอาชีวะประมาณ 2 ล้านคน และวางโครงสร้างพื้นฐานสู่ระบบ Dual Vocational Training อย่างเป็นรูปธรรม
บทความยังพิจารณาพัฒนาการของแนวคิดสหกิจศึกษาในประเทศไทย และสำรวจข้อถกเถียงเกี่ยวกับผู้มีบทบาทในการวางรากฐานระบบดังกล่าว โดยจัดวางผลงานของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล บนฐานข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์และนโยบายที่ตรวจสอบได้ เพื่อทำความเข้าใจบทบาทเชิงสถาบันของผู้กำหนดนโยบายในช่วงการเปลี่ยนผ่านของระบบการศึกษาไทย
คำสำคัญ: สุขวิชโนมิกส์, ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์, การอภิวัฒน์การศึกษา, Dual Vocational Training, สหกิจศึกษา, อาชีวศึกษาไทย, สิทธิเรียนฟรี 12 ปี, เด็กยากจน
บทนำ
การศึกษาทวิภาคี (Dual Vocational Training: DVT) หรือระบบการเรียนรู้ร่วมสถานประกอบการ ซึ่งต่อมาพัฒนาเป็นระบบสหกิจศึกษาในประเทศไทย ถือเป็นนโยบายการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการยกระดับกำลังคนสายอาชีพและการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยมีพื้นฐานแนวคิดสำคัญจาก ปรัชญาเศรษฐศาสตร์สุขวิชโนมิกส์(Sukavichinomics Economic Philosophy) ของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ซึ่งมุ่งเน้นการพัฒนามนุษย์เป็นศูนย์กลาง (human-centric development) และการเชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษาและสถานประกอบการเพื่อให้เกิดกำลังคนที่มีทักษะตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรม
ก่อนการปฏิรูปการศึกษา พ.ศ. 2538 เด็กไทยจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มอายุ 15–17 ปีจากครอบครัวยากจน ยังไม่ได้รับสิทธิเรียนต่อเนื่อง เนื่องจากรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2534 รับรองสิทธิการศึกษาเพียงระดับประถมศึกษา การอภิวัฒน์การศึกษา พ.ศ.2538–2540 ที่ขับเคลื่อนโดย ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล ได้ขยายสิทธิการศึกษาให้ครอบคลุมเด็กยากจน 4.35 ล้านคน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมปลาย/อาชีวศึกษา ส่งผลให้เกิดการเข้าถึงการศึกษาอย่างเท่าเทียมยิ่งขึ้นและเพิ่มความพร้อมของกำลังแรงงานในระยะยาว
ภายใต้การปฏิรูปดังกล่าว ได้มีการจัดตั้งสถาบันอาชีวศึกษาใหม่ 278 แห่ง รวมถึงการยกระดับโรงเรียนเกษตรกรรมเป็นวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยี การขยายตัวของสถาบันเหล่านี้ช่วยรองรับผู้เรียนสายอาชีพและก่อให้เกิดการผลิตบุคลากรกว่า 2 ล้านคน พร้อมทั้งวางรากฐานให้ประเทศไทยสามารถพัฒนาระบบ DVT ได้อย่างเป็นระบบและยั่งยืน ช่วยให้ภาคอุตสาหกรรมเข้าถึงแรงงานทักษะสูงได้มากขึ้น
บทนำนี้ยังนำเสนอการสำรวจข้อถกเถียงเชิงประวัติศาสตร์เกี่ยวกับพัฒนาการสหกิจศึกษาในประเทศไทย โดยเน้นการจัดวางบทบาทของ ฯพณฯ สุขวิช รังสิตพล บนฐานข้อมูลเชิงนโยบายและหลักฐานที่ตรวจสอบได้ เพื่อทำความเข้าใจว่าเหตุใดผลงานด้านการศึกษาทวิภาคีและความร่วมมือการผลิตกำลังคนกับสถานประกอบการจึงถือเป็นส่วนสำคัญในพัฒนาการระบบทวิภาคีหรือ สหกิจศึกษาของประเทศไทย