
.
อดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ "ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ" ให้กำลังใจ สว.อังคณา พร้อมวิเคราะห์ว่า การใช้เสียงโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชนชัดเจน แม้อิสราเอลแข็งแกร่งทางทหาร แต่พ่ายแพ้ในเวทีโลก ขณะที่ไทยยังพอปลอบใจได้ เพราะกัมพูชายังสร้างความชอบธรรมไม่ได้
.
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นาย
ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
.
เป็นกำลังใจให้คุณอังคณาครับ
.
พอดีเพิ่งสอนและอภิปรายกับนักศึกษาในคลาสเรื่องสงครามแห่งอนาคตและศีลธรรมไปเลย ประเด็นการใช้ “เสียง” เป็นอาวุธ (ในลักษณะที่เกิดขึ้นจริง) ถือเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน เพราะเป็นการโจมตีแบบ indiscriminate คือไม่เลือกเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้ได้รับผลกระทบอาจเป็นพลเรือน และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นอาจรวมถึงเด็ก คนชรา หรือผู้ป่วย ซึ่งตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการคุ้มครองและยกเว้นจากการโจมตี การกระทำใด ๆ ในสงครามจึงจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและอยู่ภายใต้หลัก distinction และ proportionality อย่างเคร่งครัด
.
ในเชิงวิชาการ มีแนวคิดหนึ่งที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงของลักษณะสงครามสมัยใหม่ว่าเป็นการ “shift” จากสิ่งที่อาจเรียกว่า territorial realism ไปสู่ networked globalism กล่าวคือ เป้าหมายของสงครามในยุคปัจจุบันไม่ใช่เพียงการยึดครองพื้นที่ทางกายภาพอีกต่อไป แต่คือการควบคุมและช่วงชิงเครือข่ายของข้อมูล ความคิด และความชอบธรรม ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นระบบระดับโลก ชัยชนะในสงครามยุคใหม่จึงถูกตัดสินจากความสามารถในการสร้างเครือข่ายและการได้รับการยอมรับในความชอบธรรมมากกว่าฝ่ายตรงข้าม
.
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กรณีของอิสราเอล ซึ่งแม้จะมีอำนาจและศักยภาพทางการทหารในการยึดครองพื้นที่ แต่กลับพ่ายแพ้ในมิติของ “การควบคุมเครือข่าย” และ “การสร้างความชอบธรรม” บนเวทีระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากผลการลงมติของสหประชาชาติที่ประณามการกระทำของอิสราเอลในหลายวาระ
.
ดังนั้น ไม่เพียงแต่การปล่อยให้ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actor) ดำเนินการตามอำเภอใจจะขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลเท่านั้น แต่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสงครามสมัยใหม่ การกระทำเช่นนั้นอาจย้อนกลับมาส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเองด้วย โดยเฉพาะเมื่อสื่อสากลนำเสนอและผลิตซ้ำภาพลักษณ์เชิงลบจากการกระทำของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐฝั่งไทย ซึ่งย่อมส่งผลต่อ “การสร้างเรื่องเล่า” (narrative construction) ในเชิงลบต่อประเทศไทย ปัญหานี้สะท้อนข้อจำกัดของประเทศไทยในการดำเนินยุทธศาสตร์ภายใต้บริบทของสงครามยุคใหม่ ที่การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่อำนาจการทหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ “เครือข่าย” และ “ความชอบธรรม” (networks and legitimacy)
.
สิ่งเดียวที่พอจะปลอบใจได้ คือ กัมพูชาเองก็ยังไม่สามารถ “ควบคุมเครือข่าย” หรือ “สร้างความชอบธรรม” บนเวทีระหว่างประเทศได้ดีนัก เนื่องจากกำลังเผชิญกับวิกฤติความน่าเชื่อถือจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศของตนเอง
.
https://www.facebook.com/fuadi.pitsuwan/posts/pfbid0PKa5piLUKaM4r3MV5JDCvTXKfk81VjS3dW9F47a3Ga2X6PceKt62XGpeEtSpgthkl
.
.
พริษฐ์ จับตา กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ยัน ปธ.ต้อง ‘ปชน.’ ย้ำ ที่มา ส.ส.ร. ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5415806
.
พริษฐ์ เผย เตรียมประชุม กมธ.แก้รธน. 20 ต.ค.นี้ ยัน “ปธ.กรรมาธิการฯ”ควรเป็นของ ‘ปชน.’ เหตุเป็นร่างหลัก ชี้ ตัวแปรสำคัญคือ พ.ร.บ. ประชามติที่ยังไม่ประกาศใช้ ย้ำ ที่มา ส.ส.ร. ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน. หาก 3 พรรคหนักแน่นไม่มีใครไปร้องได้ ไม่หวั่น ไม่ผ่านวาระ 3 เชื่อ ชี้แจง สว. ได้
.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ตุลาคม ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพิ่มเติมหมวด 15/1 ในนามพรรคประชาชน ซึ่งเป็นร่างหลักการพิจารณา ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ ว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ นัดแรกจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค. 68 เวลา 14.00 น. โดยจะพิจารณาเรื่องกรอบระยะเวลาเป็นหลัก เพราะกรรมาธิการต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน เพื่อส่งกลับมายังสภาพิจารณาต่อในวาระ 2 และ วาระ 3 ให้ทันตามกรอบเวลาและทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งได้ทัน
.
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่าส่วนตัวคิดว่าการพิจารณาจะดำเนินไปด้วยดี ต้องเอาประเด็นทั้งหมดที่แต่ละฝ่ายเห็นต่างกัน มาแลกเปลี่ยนความเห็นและหาข้อสรุปในแต่ละประเด็นในแต่ละประเด็นก่อน แล้วค่อยพิจารณาข้อความในแต่ละมาตราว่าจะต้องปรับปรุงหรือไม่ ส่วนการเสนอชื่อประธานกรรมาธิการฯ นายพริษฐ์ มองว่า เมื่อใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ประธานก็ควรมาจากพรรคประชาชน แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม
.
เมื่อถามว่าหากตำแหน่งประธานมีการแข่งขันกันจะมีข้อยุติอย่างไร นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะมีพรรคอื่นเสนอชื่อหรือไม่ แต่ในมุมของพรรคประชาชนก็ย้ำว่า ในเมื่อร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลักก็เหมาะสมที่พรรคประชาชนจะนั่งเป็นประธาน ซึ่งจะมีการเสนอชื่อนาย
ณัฐวุฒิ บัวปทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ถ้าเกิดมีพรรคอื่นเสนอเข้ามาด้วย ก็ต้องลงมติแต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน สิ่งที่สำคัญกว่าตัวประธานคือเนื้อหาสาระ เพราะมีหลายประเด็นที่ยังเห็นต่างกันอยู่ ดังนั้นจึงต้องหาข้อสรุปในประเด็นที่เห็นต่างให้เร็วที่สุด
.
“
ไม่ว่ารัฐสภาจะเห็นชอบร่างแบบไหนออกมา ก็ต้องไปถามประชาชนในการทำประชามติ ถ้าหากร่างที่ทำมาไม่ตอบโจทย์ประชาชนก็มีโอกาสที่จะไม่ผ่านประชามติ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาตระหนักว่าควรมีร่างที่ประชาชนจะเห็นชอบด้วย” นาย
พริษฐ์ กล่าว
.
นาย
พริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตัวแปรสำคัญตอนนี้คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติฉบับใหม่ ว่าจะโปรดเกล้าฯหรือไม่ ตนมองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่โปรดเกล้าฯ ซึ่งเราจะรู้อย่างชัดเจนในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ถ้ามีการโปรดเกล้าฯลงมา ก็จะทำให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ คือ ผ่านวาระ 3 ช้าสุดกลางเดือน ม.ค. 2569 แต่เราอยากให้ผ่านภายในปลายเดือน ธ.ค. 2568 ซึ่งแปลว่าวาระ 2 จะต้องเข้ากลางเดือนธ.ค. ถ้าเป็นเช่นนั้นกรรมาธิการจะมีเวลาพิจารณา 2 เดือนเต็ม แต่ถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ดี
.
ส่วนเรื่องคำถามประชามตินั้น นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า คำถามไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณากันอยู่ผ่านวาระ 3 ประชามติรอบแรกก็จะมี 2 คำถาม ซึ่งถูกกำหนดไว้ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามไม่มีอะไรที่ซับซ้อนแต่เวลานี้ สิ่งที่สำคัญคือให้เรามีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ผ่านวาระ 3 ได้ทันและมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
.
เมื่อถามถึงข้อกังวลการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. ที่อาจขาดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้มีคนไปยื่นร้องต่อศาลแล้วทำให้กระบวนการล่าช้า นายพริษฐ์ กล่าวว่า ก่อนวันที่ 10 ก.ย. ซึ่ง 3 พรรคหลัก เห็นตรงกันเรื่อง ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่การที่ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งไปต่อได้ยากเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าทุกคนรักษาจุดยืนเดิมควรจะพยายามทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุดโดยไม่ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
.
นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า สิ่งที่เสนอไม่ได้ขัดคำวินิจฉัยของศาลเพราะศาลระบุเพียงแค่ว่า”
ไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง” เราจึงเลือกผู้ร่างโดยอ้อม จึงคิดว่าไม่มีอะไรที่ขัดคำวินิจฉัยของศาลแต่ทั้งนี้ก็ต้องรับฟังความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าใครจะเดินไปร้องก็ได้จะต้องมี 2 ขั้นตอน 1. ต้องอาศัยมติเสียงข้างมากของรัฐสภา ถ้าหากไม่ได้มติตรงนี้ใครจะไปร้องได้ จึงควรใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติและกรรมาธิการมาช่วยกันตรวจสอบให้เนื้อหารอบคอบ และวินิจฉัยกันว่าขัดหรือไม่ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร และ 2. หากผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ส.ส.หรือ ส.ว. มีสิทธิ์ไปร้องได้โดยอาศัยเสียง 1 ใน 10 แต่นั่นคือปลายทางแล้วแต่เมื่อถึงจุดนั้นหวังว่าทุกคนจะเห็นตรงกันว่าไม่มีอะไรที่ขัดคำวินิจฉัยของศาล
.
“
ผมเข้าใจด้วยระบบการเมืองที่เราอยู่แบบนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 ทำให้หลายคนกังวลใจ ยืนยันว่าเรื่องการร้องแต่ผมยืนยันว่า ถ้าทั้ง 3 พรรคหนักแน่นว่าไม่ร้องก็ไม่มีใครร้องได้” นายพริษฐ์กล่าว
.
เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องหมวด 1 หมวด 2 อาจทำให้ถูกคว่ำในวาระ 3 ได้นั้น นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาและกรรมาธิการ ที่จะต้องหารือวาจะระบุไว้เหมือนรัฐธรรมนูญปี 60 หรือไม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับข้อกล่าวหาที่ระบุว่า การเปิดให้พิจารณาหมวด 1 หมวด 2 ได้เท่ากับการล้มล้างการปกครอง เพราะ รัฐธรรมนูญปี 60 ก็เปิดให้สามารถแก้ไขถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 ได้ แต่จะต้องไปทำประชามติก่อน ดังนั้นมีความเห็นต่างกันได้แต่ไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองเราต้องคุยกันด้วยเหตุผล
.
ทั้งนี้ หากในอนาคตรัฐธรรมนูญหมวดอื่น ๆ มีการปรับปรุงเนื้อหาอาจต้องปรับปรุง บางถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 เพื่อให้สอดคล้องกับหมวดอื่น ๆ ซึ่งจะไม่กระทบสาระสำคัญระบอบการปกครอง ในรูปแบบรัฐ แต่อย่างใด ซึ่งถูกล็อกไว้อยู่แล้วเพียงแต่ทำให้เนื้อหาในแต่ละหมวดสอดรับกันเท่านั้น จึงเห็นว่าไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเพื่อมาโจมตี
.
เมื่อถามว่าในวาระ 3 ต้องอาศัยเสียงของ ส.ว. มั่นใจในร่างที่กรรมาธิการ ทำออกมาว่าส.ว.จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการชุดนี้ แน่นอนว่าวาระ 3 ต้องอาศัยเสียง ส.ว. แต่เราก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าหากร่างผ่านวาระ 3 แล้ว เนื้อหาในร่างประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ต้องหาสมดุลให้ดีในทุกประเด็นตนเชื่อว่ากรรมาธิการจะทำด้วยเหตุและผล และเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความเข้าใจกับส.ว.โดยตรง
.
.
ไอติม ยันเรตติ้งปชน. อยู่ที่ประชาชน ขอให้เชื่อมั่น แจงพี่นายกอบจ.ลำพูน เปิดตัวพท.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9981502
.
ไอติม ลั่นคะแนนนิยม ปชน. อยู่ที่ประชาชน เผยสัปดาห์หน้าเตรียมประชุมใหญ่ สื่อสารกับปชช.หากให้โอกาสปชน. เป็นรัฐบาล ยันคนในครอบครัวไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกัน ปัดตอบ‘มาร์ค’คัมแบ๊กหัวหน้าปชป.
.
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา นาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัฐชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนาย
สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ระบุคะแนนนิยมของพรรคประชาชนลดลงและจะไปเพิ่มคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยว่า เป็นความเห็นของนาย
สุริยะ ตนคิดว่าคะแนนของพรรคไหนเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับประชาชน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายสุริยะ
.
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนจะเปิดตัวผู้สมัครเมื่อไหร่ นาย
พริษฐ์ กล่าวว่า กรอบเวลาในการนำเสนอทั้งนโยบายและผู้สมัครรับเลือกตั้ง คงเป็นไปตามกรอบเลือกตั้ง แต่หมุดหมายที่แจ้งกับประชาชนได้ คือในสัปดาห์หน้าพรรคจะประชุมใหญ่วิสามัญ คงเป็นจังหวะที่เราสามารถได้สื่อสารกับประชาชนให้เห็นถึงกรอบและแนวทางของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้อยู่บ้าง
JJNY : “ฟูอาดี้” หนุน “สว.อังคณา”│พริษฐ์ จับตา กมธ.แก้รธน.│ไอติมยันเรตติ้งปชน. อยู่ที่ปชช.│คืนความปลอดภัยให้บ้านหนองจาน
https://www.dailynews.co.th/news/5213672/
.
อดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ "ฟูอาดี้ พิศสุวรรณ" ให้กำลังใจ สว.อังคณา พร้อมวิเคราะห์ว่า การใช้เสียงโจมตีแบบไม่เลือกเป้าหมาย ละเมิดสิทธิมนุษยชนชัดเจน แม้อิสราเอลแข็งแกร่งทางทหาร แต่พ่ายแพ้ในเวทีโลก ขณะที่ไทยยังพอปลอบใจได้ เพราะกัมพูชายังสร้างความชอบธรรมไม่ได้
.
เมื่อวันที่ 17 ต.ค. นายฟูอาดี้ พิศสุวรรณ อดีตที่ปรึกษาด้านการต่างประเทศ พรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
.
เป็นกำลังใจให้คุณอังคณาครับ
.
พอดีเพิ่งสอนและอภิปรายกับนักศึกษาในคลาสเรื่องสงครามแห่งอนาคตและศีลธรรมไปเลย ประเด็นการใช้ “เสียง” เป็นอาวุธ (ในลักษณะที่เกิดขึ้นจริง) ถือเป็นการละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนอย่างชัดเจน เพราะเป็นการโจมตีแบบ indiscriminate คือไม่เลือกเป้าหมายอย่างเฉพาะเจาะจง ผู้ได้รับผลกระทบอาจเป็นพลเรือน และที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นอาจรวมถึงเด็ก คนชรา หรือผู้ป่วย ซึ่งตามหลักกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการคุ้มครองและยกเว้นจากการโจมตี การกระทำใด ๆ ในสงครามจึงจำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจนและอยู่ภายใต้หลัก distinction และ proportionality อย่างเคร่งครัด
.
ในเชิงวิชาการ มีแนวคิดหนึ่งที่อธิบายการเปลี่ยนแปลงของลักษณะสงครามสมัยใหม่ว่าเป็นการ “shift” จากสิ่งที่อาจเรียกว่า territorial realism ไปสู่ networked globalism กล่าวคือ เป้าหมายของสงครามในยุคปัจจุบันไม่ใช่เพียงการยึดครองพื้นที่ทางกายภาพอีกต่อไป แต่คือการควบคุมและช่วงชิงเครือข่ายของข้อมูล ความคิด และความชอบธรรม ซึ่งเชื่อมโยงกันเป็นระบบระดับโลก ชัยชนะในสงครามยุคใหม่จึงถูกตัดสินจากความสามารถในการสร้างเครือข่ายและการได้รับการยอมรับในความชอบธรรมมากกว่าฝ่ายตรงข้าม
.
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือ กรณีของอิสราเอล ซึ่งแม้จะมีอำนาจและศักยภาพทางการทหารในการยึดครองพื้นที่ แต่กลับพ่ายแพ้ในมิติของ “การควบคุมเครือข่าย” และ “การสร้างความชอบธรรม” บนเวทีระหว่างประเทศ ดังจะเห็นได้จากผลการลงมติของสหประชาชาติที่ประณามการกระทำของอิสราเอลในหลายวาระ
.
ดังนั้น ไม่เพียงแต่การปล่อยให้ตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐ (non-state actor) ดำเนินการตามอำเภอใจจะขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชนสากลเท่านั้น แต่ในเชิงยุทธศาสตร์ของสงครามสมัยใหม่ การกระทำเช่นนั้นอาจย้อนกลับมาส่งผลเสียต่อผลประโยชน์ของประเทศไทยเองด้วย โดยเฉพาะเมื่อสื่อสากลนำเสนอและผลิตซ้ำภาพลักษณ์เชิงลบจากการกระทำของตัวแสดงที่ไม่ใช่รัฐฝั่งไทย ซึ่งย่อมส่งผลต่อ “การสร้างเรื่องเล่า” (narrative construction) ในเชิงลบต่อประเทศไทย ปัญหานี้สะท้อนข้อจำกัดของประเทศไทยในการดำเนินยุทธศาสตร์ภายใต้บริบทของสงครามยุคใหม่ ที่การแข่งขันไม่ได้อยู่ที่อำนาจการทหารเพียงอย่างเดียว แต่ยังอยู่ที่ “เครือข่าย” และ “ความชอบธรรม” (networks and legitimacy)
.
สิ่งเดียวที่พอจะปลอบใจได้ คือ กัมพูชาเองก็ยังไม่สามารถ “ควบคุมเครือข่าย” หรือ “สร้างความชอบธรรม” บนเวทีระหว่างประเทศได้ดีนัก เนื่องจากกำลังเผชิญกับวิกฤติความน่าเชื่อถือจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในประเทศของตนเอง
.
https://www.facebook.com/fuadi.pitsuwan/posts/pfbid0PKa5piLUKaM4r3MV5JDCvTXKfk81VjS3dW9F47a3Ga2X6PceKt62XGpeEtSpgthkl
.
.
พริษฐ์ จับตา กมธ.แก้รัฐธรรมนูญ ยัน ปธ.ต้อง ‘ปชน.’ ย้ำ ที่มา ส.ส.ร. ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาล
https://www.matichon.co.th/politics/news_5415806
.
พริษฐ์ เผย เตรียมประชุม กมธ.แก้รธน. 20 ต.ค.นี้ ยัน “ปธ.กรรมาธิการฯ”ควรเป็นของ ‘ปชน.’ เหตุเป็นร่างหลัก ชี้ ตัวแปรสำคัญคือ พ.ร.บ. ประชามติที่ยังไม่ประกาศใช้ ย้ำ ที่มา ส.ส.ร. ไม่ขัดคำวินิจฉัยศาลรธน. หาก 3 พรรคหนักแน่นไม่มีใครไปร้องได้ ไม่หวั่น ไม่ผ่านวาระ 3 เชื่อ ชี้แจง สว. ได้
.
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 ตุลาคม ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน ในฐานะผู้เสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพิ่มเติมหมวด 15/1 ในนามพรรคประชาชน ซึ่งเป็นร่างหลักการพิจารณา ในชั้นคณะกรรมาธิการฯ ว่า การประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ นัดแรกจะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 20 ต.ค. 68 เวลา 14.00 น. โดยจะพิจารณาเรื่องกรอบระยะเวลาเป็นหลัก เพราะกรรมาธิการต้องทำงานอย่างเต็มที่ให้เสร็จสิ้นภายใน 2 เดือน เพื่อส่งกลับมายังสภาพิจารณาต่อในวาระ 2 และ วาระ 3 ให้ทันตามกรอบเวลาและทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้งได้ทัน
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่าส่วนตัวคิดว่าการพิจารณาจะดำเนินไปด้วยดี ต้องเอาประเด็นทั้งหมดที่แต่ละฝ่ายเห็นต่างกัน มาแลกเปลี่ยนความเห็นและหาข้อสรุปในแต่ละประเด็นในแต่ละประเด็นก่อน แล้วค่อยพิจารณาข้อความในแต่ละมาตราว่าจะต้องปรับปรุงหรือไม่ ส่วนการเสนอชื่อประธานกรรมาธิการฯ นายพริษฐ์ มองว่า เมื่อใช้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคประชาชนเป็นร่างหลัก ประธานก็ควรมาจากพรรคประชาชน แต่จะได้รับเลือกหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับมติของที่ประชุม
.
เมื่อถามว่าหากตำแหน่งประธานมีการแข่งขันกันจะมีข้อยุติอย่างไร นายพริษฐ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบว่าจะมีพรรคอื่นเสนอชื่อหรือไม่ แต่ในมุมของพรรคประชาชนก็ย้ำว่า ในเมื่อร่างพรรคประชาชนเป็นร่างหลักก็เหมาะสมที่พรรคประชาชนจะนั่งเป็นประธาน ซึ่งจะมีการเสนอชื่อนายณัฐวุฒิ บัวปทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ถ้าเกิดมีพรรคอื่นเสนอเข้ามาด้วย ก็ต้องลงมติแต่เชื่อว่าไม่ได้เป็นอุปสรรคในการทำงาน สิ่งที่สำคัญกว่าตัวประธานคือเนื้อหาสาระ เพราะมีหลายประเด็นที่ยังเห็นต่างกันอยู่ ดังนั้นจึงต้องหาข้อสรุปในประเด็นที่เห็นต่างให้เร็วที่สุด
.
“ไม่ว่ารัฐสภาจะเห็นชอบร่างแบบไหนออกมา ก็ต้องไปถามประชาชนในการทำประชามติ ถ้าหากร่างที่ทำมาไม่ตอบโจทย์ประชาชนก็มีโอกาสที่จะไม่ผ่านประชามติ จึงอยากให้สมาชิกรัฐสภาตระหนักว่าควรมีร่างที่ประชาชนจะเห็นชอบด้วย” นายพริษฐ์ กล่าว
.
นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า ตัวแปรสำคัญตอนนี้คือ พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประชามติฉบับใหม่ ว่าจะโปรดเกล้าฯหรือไม่ ตนมองว่าไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่โปรดเกล้าฯ ซึ่งเราจะรู้อย่างชัดเจนในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ถ้ามีการโปรดเกล้าฯลงมา ก็จะทำให้เป็นไปตามไทม์ไลน์ คือ ผ่านวาระ 3 ช้าสุดกลางเดือน ม.ค. 2569 แต่เราอยากให้ผ่านภายในปลายเดือน ธ.ค. 2568 ซึ่งแปลว่าวาระ 2 จะต้องเข้ากลางเดือนธ.ค. ถ้าเป็นเช่นนั้นกรรมาธิการจะมีเวลาพิจารณา 2 เดือนเต็ม แต่ถ้าเร็วกว่านั้นได้ก็ดี
.
ส่วนเรื่องคำถามประชามตินั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า คำถามไม่มีอะไรที่ซับซ้อน ถ้าหากร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังพิจารณากันอยู่ผ่านวาระ 3 ประชามติรอบแรกก็จะมี 2 คำถาม ซึ่งถูกกำหนดไว้ในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว ดังนั้นคำถามไม่มีอะไรที่ซับซ้อนแต่เวลานี้ สิ่งที่สำคัญคือให้เรามีร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 15/1 ผ่านวาระ 3 ได้ทันและมีเนื้อหาที่ตอบโจทย์ความต้องการของประชาชน
.
เมื่อถามถึงข้อกังวลการได้มาซึ่ง ส.ส.ร. ที่อาจขาดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ อาจทำให้มีคนไปยื่นร้องต่อศาลแล้วทำให้กระบวนการล่าช้า นายพริษฐ์ กล่าวว่า ก่อนวันที่ 10 ก.ย. ซึ่ง 3 พรรคหลัก เห็นตรงกันเรื่อง ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่การที่ ส.ส.ร. มาจากการเลือกตั้งไปต่อได้ยากเพราะคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นถ้าทุกคนรักษาจุดยืนเดิมควรจะพยายามทำให้ประชาชนมีส่วนร่วมให้ได้มากที่สุดโดยไม่ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ
.
นายพริษฐ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่า สิ่งที่เสนอไม่ได้ขัดคำวินิจฉัยของศาลเพราะศาลระบุเพียงแค่ว่า”ไม่ให้ประชาชนเลือกผู้ร่างโดยตรง” เราจึงเลือกผู้ร่างโดยอ้อม จึงคิดว่าไม่มีอะไรที่ขัดคำวินิจฉัยของศาลแต่ทั้งนี้ก็ต้องรับฟังความเห็นอีกครั้งหนึ่ง ส่วนจะมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้นเรื่องนี้ไม่ใช่ว่าใครจะเดินไปร้องก็ได้จะต้องมี 2 ขั้นตอน 1. ต้องอาศัยมติเสียงข้างมากของรัฐสภา ถ้าหากไม่ได้มติตรงนี้ใครจะไปร้องได้ จึงควรใช้กลไกของฝ่ายนิติบัญญัติและกรรมาธิการมาช่วยกันตรวจสอบให้เนื้อหารอบคอบ และวินิจฉัยกันว่าขัดหรือไม่ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญอย่างไร และ 2. หากผ่านวาระ 3 ไปแล้ว ส.ส.หรือ ส.ว. มีสิทธิ์ไปร้องได้โดยอาศัยเสียง 1 ใน 10 แต่นั่นคือปลายทางแล้วแต่เมื่อถึงจุดนั้นหวังว่าทุกคนจะเห็นตรงกันว่าไม่มีอะไรที่ขัดคำวินิจฉัยของศาล
.
“ผมเข้าใจด้วยระบบการเมืองที่เราอยู่แบบนี้ ภายใต้รัฐธรรมนูญ 60 ทำให้หลายคนกังวลใจ ยืนยันว่าเรื่องการร้องแต่ผมยืนยันว่า ถ้าทั้ง 3 พรรคหนักแน่นว่าไม่ร้องก็ไม่มีใครร้องได้” นายพริษฐ์กล่าว
.
เมื่อถามถึงข้อกังวลเรื่องหมวด 1 หมวด 2 อาจทำให้ถูกคว่ำในวาระ 3 ได้นั้น นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภาและกรรมาธิการ ที่จะต้องหารือวาจะระบุไว้เหมือนรัฐธรรมนูญปี 60 หรือไม่ ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับข้อกล่าวหาที่ระบุว่า การเปิดให้พิจารณาหมวด 1 หมวด 2 ได้เท่ากับการล้มล้างการปกครอง เพราะ รัฐธรรมนูญปี 60 ก็เปิดให้สามารถแก้ไขถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 ได้ แต่จะต้องไปทำประชามติก่อน ดังนั้นมีความเห็นต่างกันได้แต่ไม่มีส่วนไหนที่เข้าข่ายการล้มล้างการปกครองเราต้องคุยกันด้วยเหตุผล
.
ทั้งนี้ หากในอนาคตรัฐธรรมนูญหมวดอื่น ๆ มีการปรับปรุงเนื้อหาอาจต้องปรับปรุง บางถ้อยคำในหมวด 1 หมวด 2 เพื่อให้สอดคล้องกับหมวดอื่น ๆ ซึ่งจะไม่กระทบสาระสำคัญระบอบการปกครอง ในรูปแบบรัฐ แต่อย่างใด ซึ่งถูกล็อกไว้อยู่แล้วเพียงแต่ทำให้เนื้อหาในแต่ละหมวดสอดรับกันเท่านั้น จึงเห็นว่าไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นประเด็นเพื่อมาโจมตี
.
เมื่อถามว่าในวาระ 3 ต้องอาศัยเสียงของ ส.ว. มั่นใจในร่างที่กรรมาธิการ ทำออกมาว่าส.ว.จะให้ความเห็นชอบหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการชุดนี้ แน่นอนว่าวาระ 3 ต้องอาศัยเสียง ส.ว. แต่เราก็ต้องตอบสังคมให้ได้ว่าหากร่างผ่านวาระ 3 แล้ว เนื้อหาในร่างประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ก็ต้องหาสมดุลให้ดีในทุกประเด็นตนเชื่อว่ากรรมาธิการจะทำด้วยเหตุและผล และเป็นโอกาสดีที่จะได้ทำความเข้าใจกับส.ว.โดยตรง
.
.
ไอติม ยันเรตติ้งปชน. อยู่ที่ประชาชน ขอให้เชื่อมั่น แจงพี่นายกอบจ.ลำพูน เปิดตัวพท.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9981502
.
ไอติม ลั่นคะแนนนิยม ปชน. อยู่ที่ประชาชน เผยสัปดาห์หน้าเตรียมประชุมใหญ่ สื่อสารกับปชช.หากให้โอกาสปชน. เป็นรัฐบาล ยันคนในครอบครัวไม่จำเป็นต้องอยู่พรรคเดียวกัน ปัดตอบ‘มาร์ค’คัมแบ๊กหัวหน้าปชป.
.
เมื่อวันที่ 17 ต.ค.2568 ที่รัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัฐชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทย ระบุคะแนนนิยมของพรรคประชาชนลดลงและจะไปเพิ่มคะแนนให้กับพรรคเพื่อไทยว่า เป็นความเห็นของนายสุริยะ ตนคิดว่าคะแนนของพรรคไหนเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับประชาชน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับนายสุริยะ
.
เมื่อถามว่าพรรคประชาชนจะเปิดตัวผู้สมัครเมื่อไหร่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า กรอบเวลาในการนำเสนอทั้งนโยบายและผู้สมัครรับเลือกตั้ง คงเป็นไปตามกรอบเลือกตั้ง แต่หมุดหมายที่แจ้งกับประชาชนได้ คือในสัปดาห์หน้าพรรคจะประชุมใหญ่วิสามัญ คงเป็นจังหวะที่เราสามารถได้สื่อสารกับประชาชนให้เห็นถึงกรอบและแนวทางของพรรคในการเลือกตั้งครั้งต่อไปได้อยู่บ้าง