10 ปี ขสมก.ขาดทุนสะสม 1.5 แสนล้าน หวังรถเมล์ใหม่พลิกวิกฤติองค์กร

10 ปี ขสมก.ขาดทุนสะสม 1.5 แสนล้าน หวังรถเมล์ใหม่พลิกวิกฤติองค์กร



องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) หนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่เข้าสู่การฟื้นฟูกิจการ โดยพบว่าผลการดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง ส่งผลให้ระยะ 10 ปีย้อนหลัง นับตั้งแต่ 2557 – 2567 ตัวเลขขาดทุนสะสมมากกว่า 1.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น

2557 ขาดทุน 96,040.76 ล้านบาท

2558 ขาดทุน 100,831.15 ล้านบาท

2559 ขาดทุน 150,633.38 ล้านบาท

2560 ขาดทุน 110,550.18 ล้านบาท

2561 ขาดทุน 116,724.74 ล้านบาท

2562 ขาดทุน 124,327.26 ล้านบาท

2563 ขาดทุน 128,554.30 ล้านบาท

2564 ขาดทุน 133,289.24 ล้านบาท

2565 ขาดทุน 141,396.60 ล้านบาท

2566 ขาดทุน 147,266.26 ล้านบาท

2567 ขาดทุน 150,178.77 ล้านบาท

"กิตติกานต์ จอมดวง" จารุวรพลกุล ผู้อำนวยการ ขสมก. กล่าวว่า ผลการดำเนินงาน ขสมก. ปัจจุบันมีรถโดยสารทั้งหมด 2,883 คัน รองรับผู้โดยสารเฉลี่ย 5–6 แสนคนต่อวัน โดย ขสมก.อยู่ระหว่างเร่งจัดหารถเมล์ปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า (อีวี) เพื่อทดแทนรถเมล์ร้อนเก่าอายุมากกว่า 20 ปี ซึ่งคาดว่าจะได้รับรถล็อตแรก 500 คัน ประมาณเดือน ก.ย. 2569 หลังจากนั้นอีก 3 เดือน หรือประมาณ ธ.ค. 2569 จะรับมอบล็อตสองอีก 500 คัน และอีก 3 เดือนนับจากนั้น หรือภายใน มี.ค.2570 รับมอบที่เหลืออีก 530 คัน

อย่างไรก็ดี ขสมก. คาดว่าการนำรถเมล์อีวีเข้ามาเสริมบริการนั้น จะทำให้ ขสมก.ลดต้นทุนอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้ EBITDA เป็น 0 ในปี 2575 และหลังจากนั้นจะเริ่มทำกำไรเพื่อไปหักขาดทุนสะสมที่ปัจจุบันมีอยู่มากกว่า 1.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ยังทำให้ ขสมก.ลดการพึ่งพาขอรับเงินอุดหนุนบริการสาธารณะ (PSO) จากรัฐบาล

ขณะที่นโยบายของกระทรวงคมนาคม "พิพัฒน์ รัชกิจประการ" รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ระบุว่า รัฐบาลนี้แม้มีเวลาทำงานเพียง 4 เดือนก่อนยุบสภา แต่จะเร่งรัดให้ ขสมก.จัดหารถเมล์อีวี เข้ามาให้บริการทดแทนรถเมล์ร้อนที่มีอายุการใช้งานเกินกว่า 20 ปี ในจำนวนทั้งหมด 1,520 คัน โดยการเปลี่ยนมาใช้รถเมล์อีวีจะทำให้ ขสมก.มีต้นทุนดำเนินงานลดลงอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งจะช่วยลดมลพิษทางอากาศด้วย

“ปัจจุบัน ขสมก. ต้องแบกรับต้นทุนอยู่มหาศาล โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ประมาณ 2,090 ล้านบาทต่อปี และค่าซ่อมบำรุงแบบเหมาจ่ายประมาณ 1,800 ล้านบาทต่อปี รวมการใช้รถเมล์อีวีจะช่วยให้ ขสมก.ประหยัดต้นทุนไปมากสุดถึง 4,000 ล้านบาทต่อปี”


https://www.facebook.com/share/1A1JJLd7EH/?mibextid=wwXIfr

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่