หลังจากนั่งรถไฟจากวัดช้างไห้ มาลงรถไฟสถานีโคกโพธิ์ แล้วนั่งสองแถวจากโคกโพธิ์มาตัวเมืองปัตตานี ระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร(ถ้าจำไม่ผิด)
สองแถวไม่ได้มีจอดเยอะแยะเหมือนที่เราเห็นตามสถานีรถไฟอื่นๆ ที่นี่มีแค่ 1 คันที่จอดรอ คือคนขับเขาจะรู้เวลารถไฟที่เข้าสถานีค่ะ ถ้าไม่มีรถไฟมาก็ไม่มีรถสองแถวจอดค่ะ ให้เพื่อนขึ้นรถไปก่อนค่ะ ส่วนตัวแม่เปป เดินไปหาคนขับค่ะ ค่อนข้างหนุ่มนะคะ หน้าตาเข้มเลยละ แต่ตอนที่เขาพูดกับแม่เปป สุภาพมากเลยค่ะ พูดภาคกลางได้ค่ะ แม่เปป ถามเขาว่า จะลงที่พักชื่อนี้...ผ่านไหม เขาบอกผ่านครับ ขึ้นได้เลย
ผดส.ที่มาขึ้นรถ ส่วนใหญ่เป็นคนในพื้นที่ เขาจะรู้กันว่าลงรถไฟแล้วรีบเดินมาขึ้นสองแถว ห้ามโอ้เอ้เถลไถล ถ้าตกรถคันนี้ ต้องรอคันต่อไปจะนานหรือไว หรือไม่มีมา ไม่สามารถรู้ได้ ทั้งรถมองไปแล้วมีเรา 2 คน นี่ละเป็นต่างถิ่น (สังเกตุจากชุดผู้โดยสารหญิงคนอื่นๆ) ดีนะที่พวกเราใส่กางเกงยีนส์ขายาวและเสื้อแขนยาวเลยพอจะกลมกลืน
ระหว่างทาง มีคนกดกริ่งให้จอดลงตามจุดหมาย คนขับจอดรถแล้วเดินลงมารับสตางค์ค่ะ บางครั้งก็มาช่วยขนของลงจากรถให้ผู้สูงอายุบางคนด้วย เป็นวิถึชีวิตที่แสนประทับใจ แล้วคนขับก็ถาม ชื่อโรงแรมของเราอีกครั้งค่ะ คนเริ่มน้อยลง เหลือเข้าถึงตัวเมืองจริงๆไม่กี่คนเอง ก่อนถึงหอนาฬิกา คนขับก็เลี้ยวซ้าย สองข้างทางมีร้านขายของเต็มเลยค่ะ กลิ่นไก่ทอดหอมฟุ้งอยู่ในรถยังได้กลิ่น กลิ่นแบบนี้ต้องอร่อยแน่เลยค่ะ มอเตอร์ไซค์ก็เยอะ รถเก๋งส่วนตัวก็ไม่น้อย เรียกได้ว่าคับคั่งเลยละ ปัตตานีที่เราวาดภาพกันไม่ใช่ครึกครื้นแบบนี้นี่นา
แม่เปป นั่งไปก็มองดูทางบันทึกจำไว้ในหัวค่ะ คงลงหมดแล้ว เหลือแค่ 2 สาว คนขับก็เข้าซอยจากถนนหลักค่ะ จอดรถแล้วบอกว่าถึงแล้ว แม่เปปเป็นคนหาที่พัก ดูแผนที่เอง เลยบอกว่าไม่ใช่โรงแรมนี้นะ คนขับก็บอกว่าใช่ เลยบอกว่าขอเข้าไปถามก่อนละกัน อย่าเพิ่งไปนะรอก่อน ถามแล้วก็ไม่ใช่จริงๆค่ะ (เราเป็นคนความจำแม่นนะ 55 ) คนขับก็ดีนะคะ ถามชื่อโรงแรมอีกค่ะ แล้วก็ อ่อๆ รู้ละๆ ไปๆ แล้วก็ขับออกมา เลี้ยวซ้าย ขวา ขับตรง จนแม่เปปเริ่มสับสนทางละ(จากตอนแรกที่มองทางและจำจุดสังเกตุไว้) แล้วก็ไปจอดหน้าโรงแรม บอกนี่ละครับใช่แน่เลย แต่แม่เปปบอกคนขับเลย ว่าไม่ใช่ จากคนขับใจดี มีน้ำใจ หน้าเขาก็เริ่มยุ่งละค่ะ เราและเขาขับกันมานานมากถ้านับจาก หอนาฬิกานะ วนไปมา เข้าถนน ออกซอย อะไรต่ออะไร
เราสองคนเดินทางแต่เช้าจากเบตง จนถึงปัตตานีขณะนี้ เวลา 5 โมงกว่าแล้ว เพลียและเหนื่อย อยากเข้าที่พักค่ะ แล้วเรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับปัตตานีมากด้วย สีหน้าเพื่อน ก็เริ่มไม่ดีแล้วค่ะ เธอคงกลัว แม่เปปเลยตัดสินใจบอกคนขับว่า ช่วยพาไปส่ง โรงแรม ซี.เอส.ปัตตานีได้ไหม (ระหว่างทาง แม่เปป เห็นโรงแรมนี้อยู่ติดถนนหลักก่อนถึงหอนาฬิกา) คนขับบอกได้ๆ แล้วก็ขับรถ เลี้ยวซ้าย ขวา ผ่านถนนหลายเส้น จนมาส่งเรา แม่เปป ถามราคาเพื่อให้เขาบอกมาค่ะ เขาก็อึกๆอักๆ บอกว่า แล้วแต่ให้ละกัน ระยะทางที่เขาขับวกวน พยายามไปโรงแรมแต่ละที่ ไม่ใช่ใกล้นะคะ เห็นใจเขาด้วย คือพยายามช่วยเราแล้ว แต่มันไม่ใช่ ก็เลยบอกให้เขากำหนดมาเถอะ เราเป็นผู้มาเที่ยว เราไม่รู้ว่าจะจ่ายเท่าไหร่ แล้วเขาก็บอกมาค่ะ แม่เปปก็จ่ายไป

สภาพ 2 สาว Backpack ที่เดินเข้าโรงแรมหรูของปัตตานี คงดูไม่จืดสำหรับพนักงานต้อนรับ... โรงแรมหรูแต่หนู 2 คนมอซอ 55 แม่เปปให้เพื่อนนั่งรอพร้อมสัมภาระค่ะ แล้วเดินอย่างสง่างามที่สุดเท่าที่ทำได้ในขณะนั้น ถามรายละเอียดเรื่องห้องพักค่ะ พนักงานถามว่าเราจองมาไหม บอกว่าไม่ได้จอง เผอิญมาปัตตานีกระทันหัน เลยต้องการที่พัก 1 คืน พนักงานให้ข้อมูลว่า ห้องราคาปกติ 1,700 เต็มหมดแล้ว แต่มีห้อง Suite ราคา 2,500 ว่าง 1 ห้อง แม่เปป ตัดสินใจทันทีค่ะจากสีหน้าเพื่อนที่หวังพึ่งเราอย่างเต็มที่ และเวลาในขณะนี้ เกือบ 6 โมงเย็นแล้ว เราเหนื่อยกันแล้ว ต้องการที่พักในคืนนี้อย่างปลอดภัยเพื่อตั้งหลักกันก่อน ไม่มีเวลาไปหาที่พักอื่นอีกแล้ว
ได้ห้องพักกันแล้ว เราก็ขึ้นลิฟท์มาห้องค่ะ เพลีย เหนื่อย และโล่งใจที่สุด ไม่ได้ถ่ายภาพห้องพักเลยค่ะ ภาพนี้ถ่ายจากหน้าต่างห้องพักคิดว่าเช้ารุ่งขึ้นนะ
แม่เปปให้เพื่อนไปอาบน้ำเลยค่ะ แม่เปป ขอเวลาคิดก่อนว่าจะทำยังไงกันดี แผนเราเริ่มมีอุปสรรคกันแล้ว สักครู่ พนักงานโรงแรม ก็มาเคาะประตูนำผลไม้มาให้ค่ะ แม่เปปเดาว่าผลไม้กระจาดนี้เป็น เวลคัมฟรุต แทน เวลคัมดริ๊ง แน่ๆ เงาะหวานกรอบ ลองกองก็หวานค่ะ

หิวๆ ก็หยิบกินเลยค่ะ พวงๆนี่ หลังจากแกะกินเข้าไป 2 เม็ด ก็เดาว่า ลูกหยีสดแน่ๆ ส่วนลูกข้างล่างที่รูปร่างคล้ายลูกจันทร์ ไม่รู้ชื่อ ไม่ได้กินด้วยค่ะ

แล้วเรา 2 คน ก็พยายามไม่เครียดกับสถานะการณ์ แม่เปปชวนเพื่อนออกไปหาอาหารเย็นกินกันค่ะ เพื่อนถามว่าจะไปยังไง ไปตรงไหน แม่เปปบอก ตามฉันมาละกัน ตอนที่รถพาเราวิ่งก่อนจะพาเราหลงไปไหนๆ ฉันพอจะจำทางได้บ้าง แล้วเรา 2 คนก็ใช้การเดินเท้าค่ะ จากโรงแรมที่ตั้งอยู่บนถนนหลัก เราเดินเลียบชิดถนนไปทางซ้ายค่ะ ถนนเขากว้างข้างละ 2 เลน รถก็วิ่งกันฉิวๆ เราเดินช้าๆอย่างใช้ความคิด แล้วก็ถึงหอนาฬิกา เดินไปก็มอง 2 ข้างทาง มีของกินเยอะมาก คนเยอะ มอเตอร์ไซค์ก็เยอะ รถก็เยอะ บอกตรงๆว่า ณ เวลานั้นแม่เปป เครียดนะ ในหัวคิดแต่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป ไม่รู้สึกหิว เพื่อนก็คงไม่ต่างกัน เลยซื้อข้าวไข่เจียวทอดร้อนๆ ใส่กล่องเดินกลับไปกินที่ห้องกัน อาบน้ำ และนอน (╯_╰) (-_-) zzZ
เมื่อคืนได้นอนหลับกันแล้ว ตื่นเช้ามาเลยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง แม่เปปบอกเพื่อนว่า ลงไปกินเช้ากันก่อน กินเสร็จค่อยว่ากันจะยังไงต่อ ลงไปห้องอาหาร คือห้องที่เมื่อวานตอนเย็นเราเห็น มีรถชงชาชักหอมๆ มีการทอดโรตี มีคนนั่งดื่มกันนั่นเอง แม่เปป เดินดูไลน์อาหาร แล้วไม่ติดใจอะไรเลย นึกว่าอาหารจะเยอะ เพราะเคยอ่านหลายๆ รีวิว คนที่มาปัตตานีพูดว่า โรงแรมนี้ อาหารเช้ามีคุณภาพมาก แถมอร่อยสุดๆ ทุกเมนู แต่สำหรับแม่เปป กับเพื่อน เราทั้ง 2 ลงความเห็นว่า No หรือ อาจเป็นได้ ว่าเรา 2 คน ไม่เหมาะกับโรงแรมหรูนี้ก็เป็นได้
คุณเพื่อนตักข้าวผัด ไส้กรอกไก่ ไข่ดาวมาค่ะ ปกติเพื่อนจะกินเยอะนะ ทำไมกินน้อยจัง
แม่เปป เห็นขนมห่อด้วยใบตองสวยดี เลยหยิบมา 5 ชนิด

อันนี้ไม่รู้ชื่อค่ะ แต่เห็นห่อแปลกตาดี

แกะออกมาเป็นเหมือนข้าวเหนียวรสชาติจืดๆ มีกุ้งแห้งผสมอยู่ในข้าวเหนียวด้วย
เขียวขาว สีสวยๆ ชิมดู นึกถึงขนมถ้วยฟูภาคกลางเลย

อันนี้ ข้าวเหนียวหน้ากุ้งค่ะ

อันนี้ข้าวเหนียวดำหน้ามะพร้าวแล้วใส่ถั่วด้วย

อันนี้ดูรูปทรงยาวแปลกดี สีส้มๆ คล้ายสังขยาหวานๆ แต่ไม่เหมือนข้าวเหนียวสังขยาภาคกลางนะ

หยิบข้าวยำที่จัดใส่เป็นจานๆ แล้วแรปพลาสติกคลุมไว้เรียบร้อยแล้ว ใครจะกินก็หยิบไปได้เลย เขาจัดจานได้สวยดี แต่พอกินไปแล้ว ทำไมนึกถึงข้าวยำของเบตงตอนที่ลงมาจากทะเลหมอก แล้วซื้อใส่กล่องมากิน เจ้านั้นอร่อยจริงๆนะ
จานนี้ คล้ายๆ บะหมี่เบตง
สีเหลืองสวยมาก อันนี้เส้นเหนียว นุ่ม อร่อยสุดในทุกสิ่งที่หยิบมา

ต้มซุปไก่ทางใต้ ที่นี่เขาจะรสชาติไปทางจืด แตกต่างจากซุปข้าวหมกไก่รสแซ่บเข้มข้นที่เคยกิน ร้านข้าวหมกไก่สยาม

2 สาวหนีเที่ยว เบตง ยะลา ปัตตานี สงขลา หาดใหญ่#4