จากกระทู้เดิม
https://pantip.com/topic/43723757 เราก็ตื่นตามเวลาค่ะ จริงๆไม่อยากขยับลุกกันเลยนะ แต่เรามาเที่ยวสั้นๆ แค่ไม่กี่วัน ต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่เคยเจอให้มากที่สุด ความแตกต่างทั้งผู้คน การกินอยู่ สถานที่ วัฒนธรรมใดๆ พอกลับบ้าน ก็ต้องเข้าสู่โหมดความเป็นจริงในชีวิตของเรา จะตื่นสาย นอนไว ยังไงก็ทำได้ ....ยืนมองจากหน้าต่างที่พักลงมา ฝนหยุดตกก่อนเช้าจริงๆด้วย ปลุกเพื่อนพร้อมลุยค่ะ
ออกมายืนบนถนน มองไปทางซ้ายของที่พัก คือหอนาฬิกา ในเวลา 4:30 สว่างไสวมาก ร้านติ่มซำที่เบตงมีหลายร้านมาก ที่อยู่ติดกับ ที่พัก ก็เปิดร้านแล้ว มองไป ร้านห่างๆ ก็เปิดแล้วอีกเหมือนกัน เบตงของจริง ไม่เหมือนที่เราวาดภาพไว้เลย

มองทางขวาของที่พัก อุโมงค์เบตง ก็แสงไฟสว่างเช่นกัน อากาศสดชื่น สบายมากเลย เรา 2 คน สวมใส่เสื้อผ้ากันความหนาวเย็นช่วงเช้าสำหรับการขี่มอไซค์ขึ้นเขา ไปดูทะเลหมอกละค่ะ เสื้อกันลมมีฮู๊ดและยังมีหมวกกันน๊อคทั้งคู่ (ร้านให้มา 2 ใบ) แม่เปปเป็นไรเดอร์ค่ะ เพื่อนเป็นผู้ซ้อน เมื่อวานเย็น เราไปรับรถจากร้าน ก็ถามถึงปั๊มน้ำมันอยู่แถวไหน ร้านแจ้งพิกัดให้แล้ว อยู่บนทางหลักออกจากตัวเบตงเลยที่พักไม่ถึงกิโลเอง เด๋วเราจะต้องแวะเติมน้ำมันก่อน เพราะร้านไม่ได้เติมเต็มถังให้มา เมื่อว่าจะขี่ไปเติมไว้ แต่ฝนพรำๆ เพื่อนกลัวแม่เปปเปียกจะไม่สบายซะก่อนจบทริป ให้ไปเติมตอนเช้าทีเดียวละกัน

แล้วเราก็มาถึงปั๊มน้ำมันค่ะ ไฟสว่างแต่ประตูเหล็กปิด มีทางเข้าเล็กๆ สำหรับมอเตอร์ไซค์ และมีมอเตอร์ไซค์จอด 4-5 คัน แม่เปปก็ขี่เข้ามาทางเล็กนั่นละ ไม่มีใครอยู่เลย ตู้หัวจ่ายก็ปิดไฟ และมีการล๊อคเอาไว้ เอาละซิ 2 เราเจอปัญหาแล้ว แม่เปปกับเพื่อนก็เดินวนเดินหาคนละแวกนั้นค่ะ แล้วก็มีผู้ชายแต่งกายคล้ายคนวิ่งออกกำลังผ่านมา เขาก็มองเรา เราก็มองเขา แล้วเขาก็วิ่งผ่านไป เพื่อนก็ถามว่าเราไปเติมปั๊มข้างหน้าได้ไหม เพราะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราไปสาย หมอกก็คงไม่รอเราแน่นอน
แล้วผู้ชายที่วิ่งออกกำลังก็กลับมาอีกครั้ง เขามองเรา เราก็มองเขา แล้วเขาก็เดินตรงมาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ รถของเขา 1 คันค่ะ แม่เปปเลยต้องทำใจกล้า เดินเข้าไปหาเขา กล่าวทักทายแล้วถามเรื่องปั๊มน้ำมัน เขาเลยตอบว่า ยังไม่ถึงเวลา ปั๊มจะเปิด ตี 5 หรือ กว่านิดหน่อย เขาอยู่แถวๆนี้มาวิ่งออกกำลังกาย ก็ยังสงสัยว่าเรา 2 คน ทำไมมายืนกันแต่เช้า แม่เปปเลยอธิบายว่าเรามาเที่ยวเมื่อวาน วันนี้จะไปทะเลหมอก แต่น้ำมันมีนิดเดียว ปั๊มถัดไปไกลแค่ไหน เขาตอบว่า ถัดจากนี้ก็ไม่มี เพราะพ้นจากตรงนี้ก็คือขี่ขึ้นเขาแล้ว ไปยาวๆ 30 กว่ากิโล ถึงจะมีปั๊มแถวหมู่บ้าน กม.32

แม่เปป พูดอะไรไม่ออกเลยค่ะในเวลานั้น จะเดินหน้าหรือถอยกลับเอายังไงดี เลยเดินวนตรงปั๊ม 2 รอบ เพื่อนหน้าเสีย แล้วก็เดินมาหาแม่เปป บอกขอโทษที่เมื่อวานบอกไม่ให้เติมน้ำมัน ถ้าเติมแต่เมื่อวานเรื่องคงไม่เกิดเช่นนี้
แม่เปปได้เรียนรู้ประสบการณ์หลายๆอย่างจากพ่อบ้านค่ะ ก่อนมีลูก เรา 2 คนเที่ยวกันบ่อยมาก พาหนะทั้งส่วนตัวและเช่า โดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์หรือรถมอไซค์ พ่อบ้านก็จะต้องสำรวจไว้ก่อนเดินทาง เช่นน้ำมัน ต้องเติมเต็มถังไว้ก่อนออกเดินทางเสมอ เผื่อมีเหตุไม่คาดคิด ยังไงๆเราก็ขี่ต่อไปได้อีกไกล
แม่เปป เองก็ผิดเหมือนกัน ที่ยอมฟังเพื่อนเมื่อวาน รู้ทั้งรู้ว่าควรจะเติมไว้แต่ไม่เติมเอง ทริปของเราก็ยังมีอยู่อีกหลายวัน เรามาไกลกันถึงขนาดนี้ นี่พิ่งจะมาได้วันเดียวเอง จะมาทำให้ทริปกร่อยทำไม เลยบอกเพื่อนว่า แกไม่ต้องเสียใจคิดมากอะไรหรอก วันนี้เราไปไม่ได้ เราก็ไปพรุ่งนี้เช้า ถ้ายังไปไม่ได้อีก ก็ไปวันถัดไป ตารางเที่ยวของเรายืดหยุ่นได้ ไม่ได้ล็อคตายตัวแบบทัวร์นิ มีแค่วันกลับ กทม. เท่านั้นที่เราจองตั๋วกันเรียบร้อย ยังไงก็ต้องตามเวลา ...แต่ในใจคิดต่อโดยไม่พูดออกมา ...ช๊านน ต้องตื่นตี 4 พรุ่งนี้อีกหรา 😂

แล้วก็มีรถมาจอดหน้าปั๊มน้ำมันค่ะ ผู้ชายคนขับ ลงมาเปิดประตูเหล็กทางเข้าทั้งหมดค่ะ แล้วขับรถเข้ามาจอดด้านใน ไขประตูสำนัำงานเล็กๆแล้วเดินเข้าไปข้างใน เปิดไฟสว่างหลายที่เลยค่ะ โอ๊ย พระเจ้าให้อภัยลูกแล้ว ...แม่เปป เดินเข้าไปที่ห้องเขาค่ะ แล้วก็กล่าวทักทาย เล่าเหตุการณ์ที่เรามายืนกันให้เขาฟัง แล้วเขาก็ยิ้มแสดงการต้อนรับเรา ตอบว่า รอสักครู่นะครับ เพราะผมมาเปิดประตู เปิดไฟได้ แต่การเงินยังไม่มา เขามีกุญแจหัวจ่าย มีเขาเท่านั้นที่จะเปิดได้

แม่เปป ยิ้มแล้วตอบ ขอบคุณค่ะ แต่ในใจอีกเช่นกัน คิดว่า ....นี่ฉันยังแก้บนไม่ครบใช่ไหมเนี่ย 🤣

แล้วการเงินก็มาค่ะ ผู้ชายคนแรกที่เข้า สนง. รีบเดินมาบอกการเงินที่เพิ่งมา ว่ารีบเปิดหัวจ่าย ขายน้ำมันให้เราโดยเร็วด่วนจี๋พิเศษ 😂

โอ๊ย..ทำไมคนที่นี่ถึงน่ารักเช่นนี้นะ ตั้งแต่เหยียบเท้าเข้ายะลา มีปัญหาอุปสรรค คนยะลาก็ช่วยเหลือ พอมาเบตง คนที่นี่ก็น่ารักอีกเช่นกัน 😍

น้ำมันเต็มถังแล้ว 2 เรารีบออกค่ะ ตี 5 กว่าแล้ว แม่เปปบอกเพื่อนว่า ถ้าวันนี้เราไปแล้วไม่ทันหมอก พรุ่งนี้เรามาใหม่นะ ถือว่าวันนี้มาลองทางละกัน

แม่เปปขับ เพื่อนซ้อน ขี่ออกจากปั๊มไม่เท่าไหร่ ก็เจอด่านทหารก่อน เข้า-ออก เบตง ข้างหน้าเราก็มีมอเตอร์ไซค์ เพิ่งพ้นด่านค่ะ แม่เปปเลยขับช้าลงเผื่อโดนเรียก แต่ทหารไม่เรียกค่ะ สะพายปืนมองเฉยๆ เพื่อนมันกระซิบแม่เปปก่อนถึงด่านว่า แกอย่าไปมองตาเขานะ 55 พ้นด่านก็บิดเลยค่ะ
ตามภาพเลยนะคะ ถนนที่เราวิ่ง คือทางหลักทางเดียวกับที่เรามาจากยะลาเมื่อวานแหละ แต่เรานั่งรถมาก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ ถึงจะเกือบเช้าแต่ยังไม่เช้าดีค่ะ 2 ข้างทางมีบ้านคนเป็นระยะๆ ทางขึ้นเขาชัดๆ 100% มีไฟส่องข้างทางบ้างเป็นระยะ อาศัยแสงไฟจากหน้ารถเรา และ รถที่อยู่หน้าเรา ซึ่งมีทั้ง มอเตอร์ไซค์ และรถ 4 ล้อ ระหว่างทางก็มีรถสวนมาบ้าง แต่ค่อนข้างน้อยค่ะ
เพื่อนตัวดี ถ่ายวิดิโอค่ะ แม่เปปก็บิดไปไม่ได้สนใจ นี่ไปดึงภาพจากวิดิโอเพื่อนมา ถามว่าทำไมแกไม่ถ่ายภาพนิ่งให้ฉันบ้างวะ เพื่อนบอก ขนาดฉันถ่ายวิดิโอภาพยังเบลอ แกบิดไปเท่าไหร่รู้ไหม ทางก็โค้งจนฉันจะอ้วก ต้องนั่งประคองตัวไม่ให้ตกรถ แถมมืดอีก แกจะให้ฉันถ่ายภาพนิ่งตรงไหนก่อน

แล้วใกล้ถึงละค่ะ เพราะเริ่มเห็นหมอกข้างทาง และเริ่มเห็นแสงพระอาทิตย์ ระยะทางจากตัวเมืองเบตง มาทะเลหมอก ประมาณ 30 - 40 กม.ได้ เราต้องขี่ขึ้นเขาไมโครเวฟ ที่สูง 2 พันกว่าฟุต แถมทางคดเคี้ยวสุดๆ ใช้เวลาเกือบ 40 นาทีคงได้

ขี่มาถึงทางขึ้นแล้วก็ต้องจอดรถไว้นะคะ ทุกคนต้องไปขึ้นรถ 2 แถวที่จอดรออยู่ เพื่อขึ้นไป สกายวอล์ค ต่ออีกทีค่ะ เสียค่ารถครั้งเดียวขาขึ้น ส่วนขาลงนั่งรถคันไหนลงมาก็ได้หมดค่ะ

เรามาก็สายมากแล้ว พอพระอาทิตย์ขึ้นหมอกก็จางไปเยอะแล้วค่ะ

ถึงแล้วก็ต้องไปจ่ายค่าเข้าและเข้าแถวรอคิวอีกนะคะ เพราะคนเยอะมาก จนท.จะปล่อยให้เข้าไปที่สกายวอล์คเป็นชุดๆ ใครไม่อยากรอก็ไม่ต้องเข้าคิว สกายวอล์คอยู่ชั้น 3 ค่ะ มีบันได้เดินขึ้นไปได้ 6 ชั้น ลิฟท์ก็มีแต่คิวรอเยอะเช่นกัน เพราะคนมาประดังเวลาเดียวกัน สายแล้วก็ไม่มีหมอก คนที่มาส่วนใหญ่ เป็นคนมาเลเซียค่ะ

แม่เปปกับเพื่อนก็เดินขึ้นไปถ่ายจากชั้นสูงกว่าถึงจะเห็นสกายวอล์คเหนือทะเลหมอก ถ้าไปยืนที่สกายวอล์คแล้วถ่ายแทบไม่ได้เพราะ คนที่ปล่อยเข้าไปก็เยอะ แถมเขาจะมีผนังกระจกโดยรอบ ถ่ายไม่ได้ภาพสวยๆ ยอมขึ้นไปถ่ายจากชั้นอื่นดีกว่า

ระหว่างยืนเข้าแถวเพื่อเข้า สกายวอล์ค เพื่อนแม่เปปเกือบมีเรื่องกับคนมาเลเซีย เพราะระหว่างเข้าแถวที่พับไปมา บางคนมาเป็นกลุ่มก็พากันเซลฟี่รูปให้ติดสกายวอล์คด้านหลัง แถวก็ไม่ขยับ แล้วไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว จุดนั้น จุดนี้ หลายจุดในทุกแถว จนท.ก็ประกาศว่า ขอความกรุณาอย่าถ่ายรูปในแถว ใครหยุดถ่ายรูป ให้คนข้างหลังเดินแซงคิวมาได้เลย ไม่งั้นรอช้า ข้างหน้าก็มีสาวๆมาเลเซีย หยุดถ่ายกันค่ะ ไม่ยอมฟัง
เพื่อนก็มองตาถ พูดไทยดังๆ ว่า แมร่งไม่ฟังเขาพูดเลย เขาห้ามถ่ายก็จะถ่าย คนมาเลเซียฟังไม่ออกหรอกค่ะ แต่คงจะเดาจากสีหน้าและอาการของเพื่อน ก็สะกิดในกลุ่มพูดอะไรกันแล้วก็มองมา แม่เปป เลยรีบคว้ามือเพื่อนลากเดินผ่านกลุ่มนั้นอย่างไว เพราะแต่ละคน เอวหนาเกิน 2 มือโอบ ไซส์ไม่เล็กเลย เรา 2 คนสู้ไม่ไหวนะเพื่อน 🤣

แล้วเราก็เข้าไปชมสกายวอล์คค่ะ แต่สายมาก หมอกจางดูไม่สวยแล้ว เพื่อนก็คุยว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้วนะ ฉันไม่เห็นว่าทะเลหมอกที่นี่จะสวยเลย ทะเลหมอกภูทับเบิกยังสวยมากกว่าหลายเท่า แถมเข้าคิวสกายวอล์คก็ถ่ายภาพไม่ได้สวยเลย ติดคน ติดกำแพงผนัง เสียตังค์แต่ไม่ประทับใจ
แม่เปปเห็นด้วยกับเพื่อนเหมือนกันนะ หรือว่าเรา 2 คน ไม่มีอารมณ์ศิลปิน ตาไม่ถึง มองไม่สวยก็ไม่รู้ แต่ของบางอย่างอาจเหมาะกับบางคน และไม่เหมาะกับบางคนก็เป็นได้ แต่ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้า 55
แล้วเราก็ขึ้น 2 แถวลงมาที่จุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ รถมากี่คัน คนมาเลเซียก็กรูเต็มรถเลย แล้วคนขับหนุ่มหน้าตาไม่แนวมุสลิมก็หันมาเห็นเรายืนรออย่างสงบ เลยพูดว่า จะลงไหมครับ นั่งข้างหน้าได้นะ ระหว่างทาง คนขับก็คุยกับแม่เปป(เพื่อนเงียบอีกละ) มาจากไหน ทำไมถึงมา อะไรๆ แม่เปปก็คุยด้วยค่ะ คนขับก็บอกว่า เก่งจังมาถึงนี่ เขาเป็นคนเบตงก็ดีใจนะที่มีคนมาเที่ยว ส่วนใหญ่จะไม่กล้ามา แล้วถามว่าเอารถอะไรมา พอรู้ว่ามอเตอร์ไซค์ ก็บอกว่า ขาลงไปทางใหม่ได้นะ พอถึงแยกให้เลี้ยวซ้าย ระหว่างทางจะผ่านสวนผลไม้ ทุเรียน มังคุด แล้วลงไปก็จะไปสวนหมื่นบุปผา ที่มีดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ ใกล้อุโมงค์ปิยะมิตร แล้วลงไปถนนก็จะเจอร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวมาแวะกัน มีข้าวยำอร่อย ขับทางที่มาจากยะลานั่นละ ขับไม่ต้องรีบ ไม่อันตราย แล้วจะเจอร้านเฉาก๊วยดำให้แวะซื้อกิน

ขากลับ สว่างแล้วทางชัดแจ๋ว แม่เปปยังถามตัวเอง ว่าขี่ขึ้นมาได้ยังไง เขาจริงๆนะเนี่ย แล้วมาถึงทางแยก ก็ไปตามที่คนขับรถบอกค่ะ สองข้างทางเป็นสวนผลไม้จริงๆด้วย ได้กลิ่นทุเรียนตลอดทาง แล้วแม่เปปก็นึกถึงเมื่อวานที่คนขับจากยะลาบอกว่า บนเขาปลูกทุเรียนเยอะนะ แต่ส่วนใหญ่เป็นสวนของพวกนายทุนแล้ว คนพื้นเมืองแบบแต่ก่อนแทบไม่มีเหลือ

ภาพที่เห็นดึงมาจากวิดิโอเพื่อนเช่นกัน แม่เปปบิดอย่างเดียว เพื่อนทำไมไม่บอกให้จอด จะได้ถ่ายภาพสวยๆ 55

เห็นทางชัดเลย ไม่เสี่ยงตกเขาละ
2 สาวหนีเที่ยว เบตง ยะลา ปัตตานี สงขลา หาดใหญ่#2
ออกมายืนบนถนน มองไปทางซ้ายของที่พัก คือหอนาฬิกา ในเวลา 4:30 สว่างไสวมาก ร้านติ่มซำที่เบตงมีหลายร้านมาก ที่อยู่ติดกับ ที่พัก ก็เปิดร้านแล้ว มองไป ร้านห่างๆ ก็เปิดแล้วอีกเหมือนกัน เบตงของจริง ไม่เหมือนที่เราวาดภาพไว้เลย
มองทางขวาของที่พัก อุโมงค์เบตง ก็แสงไฟสว่างเช่นกัน อากาศสดชื่น สบายมากเลย เรา 2 คน สวมใส่เสื้อผ้ากันความหนาวเย็นช่วงเช้าสำหรับการขี่มอไซค์ขึ้นเขา ไปดูทะเลหมอกละค่ะ เสื้อกันลมมีฮู๊ดและยังมีหมวกกันน๊อคทั้งคู่ (ร้านให้มา 2 ใบ) แม่เปปเป็นไรเดอร์ค่ะ เพื่อนเป็นผู้ซ้อน เมื่อวานเย็น เราไปรับรถจากร้าน ก็ถามถึงปั๊มน้ำมันอยู่แถวไหน ร้านแจ้งพิกัดให้แล้ว อยู่บนทางหลักออกจากตัวเบตงเลยที่พักไม่ถึงกิโลเอง เด๋วเราจะต้องแวะเติมน้ำมันก่อน เพราะร้านไม่ได้เติมเต็มถังให้มา เมื่อว่าจะขี่ไปเติมไว้ แต่ฝนพรำๆ เพื่อนกลัวแม่เปปเปียกจะไม่สบายซะก่อนจบทริป ให้ไปเติมตอนเช้าทีเดียวละกัน
แล้วเราก็มาถึงปั๊มน้ำมันค่ะ ไฟสว่างแต่ประตูเหล็กปิด มีทางเข้าเล็กๆ สำหรับมอเตอร์ไซค์ และมีมอเตอร์ไซค์จอด 4-5 คัน แม่เปปก็ขี่เข้ามาทางเล็กนั่นละ ไม่มีใครอยู่เลย ตู้หัวจ่ายก็ปิดไฟ และมีการล๊อคเอาไว้ เอาละซิ 2 เราเจอปัญหาแล้ว แม่เปปกับเพื่อนก็เดินวนเดินหาคนละแวกนั้นค่ะ แล้วก็มีผู้ชายแต่งกายคล้ายคนวิ่งออกกำลังผ่านมา เขาก็มองเรา เราก็มองเขา แล้วเขาก็วิ่งผ่านไป เพื่อนก็ถามว่าเราไปเติมปั๊มข้างหน้าได้ไหม เพราะเวลาผ่านไปเรื่อยๆ เราไปสาย หมอกก็คงไม่รอเราแน่นอน
แล้วผู้ชายที่วิ่งออกกำลังก็กลับมาอีกครั้ง เขามองเรา เราก็มองเขา แล้วเขาก็เดินตรงมาที่มอเตอร์ไซค์ที่จอดอยู่ รถของเขา 1 คันค่ะ แม่เปปเลยต้องทำใจกล้า เดินเข้าไปหาเขา กล่าวทักทายแล้วถามเรื่องปั๊มน้ำมัน เขาเลยตอบว่า ยังไม่ถึงเวลา ปั๊มจะเปิด ตี 5 หรือ กว่านิดหน่อย เขาอยู่แถวๆนี้มาวิ่งออกกำลังกาย ก็ยังสงสัยว่าเรา 2 คน ทำไมมายืนกันแต่เช้า แม่เปปเลยอธิบายว่าเรามาเที่ยวเมื่อวาน วันนี้จะไปทะเลหมอก แต่น้ำมันมีนิดเดียว ปั๊มถัดไปไกลแค่ไหน เขาตอบว่า ถัดจากนี้ก็ไม่มี เพราะพ้นจากตรงนี้ก็คือขี่ขึ้นเขาแล้ว ไปยาวๆ 30 กว่ากิโล ถึงจะมีปั๊มแถวหมู่บ้าน กม.32
แม่เปป พูดอะไรไม่ออกเลยค่ะในเวลานั้น จะเดินหน้าหรือถอยกลับเอายังไงดี เลยเดินวนตรงปั๊ม 2 รอบ เพื่อนหน้าเสีย แล้วก็เดินมาหาแม่เปป บอกขอโทษที่เมื่อวานบอกไม่ให้เติมน้ำมัน ถ้าเติมแต่เมื่อวานเรื่องคงไม่เกิดเช่นนี้
แม่เปปได้เรียนรู้ประสบการณ์หลายๆอย่างจากพ่อบ้านค่ะ ก่อนมีลูก เรา 2 คนเที่ยวกันบ่อยมาก พาหนะทั้งส่วนตัวและเช่า โดยเฉพาะการขับขี่รถยนต์หรือรถมอไซค์ พ่อบ้านก็จะต้องสำรวจไว้ก่อนเดินทาง เช่นน้ำมัน ต้องเติมเต็มถังไว้ก่อนออกเดินทางเสมอ เผื่อมีเหตุไม่คาดคิด ยังไงๆเราก็ขี่ต่อไปได้อีกไกล
แม่เปป เองก็ผิดเหมือนกัน ที่ยอมฟังเพื่อนเมื่อวาน รู้ทั้งรู้ว่าควรจะเติมไว้แต่ไม่เติมเอง ทริปของเราก็ยังมีอยู่อีกหลายวัน เรามาไกลกันถึงขนาดนี้ นี่พิ่งจะมาได้วันเดียวเอง จะมาทำให้ทริปกร่อยทำไม เลยบอกเพื่อนว่า แกไม่ต้องเสียใจคิดมากอะไรหรอก วันนี้เราไปไม่ได้ เราก็ไปพรุ่งนี้เช้า ถ้ายังไปไม่ได้อีก ก็ไปวันถัดไป ตารางเที่ยวของเรายืดหยุ่นได้ ไม่ได้ล็อคตายตัวแบบทัวร์นิ มีแค่วันกลับ กทม. เท่านั้นที่เราจองตั๋วกันเรียบร้อย ยังไงก็ต้องตามเวลา ...แต่ในใจคิดต่อโดยไม่พูดออกมา ...ช๊านน ต้องตื่นตี 4 พรุ่งนี้อีกหรา 😂
แล้วก็มีรถมาจอดหน้าปั๊มน้ำมันค่ะ ผู้ชายคนขับ ลงมาเปิดประตูเหล็กทางเข้าทั้งหมดค่ะ แล้วขับรถเข้ามาจอดด้านใน ไขประตูสำนัำงานเล็กๆแล้วเดินเข้าไปข้างใน เปิดไฟสว่างหลายที่เลยค่ะ โอ๊ย พระเจ้าให้อภัยลูกแล้ว ...แม่เปป เดินเข้าไปที่ห้องเขาค่ะ แล้วก็กล่าวทักทาย เล่าเหตุการณ์ที่เรามายืนกันให้เขาฟัง แล้วเขาก็ยิ้มแสดงการต้อนรับเรา ตอบว่า รอสักครู่นะครับ เพราะผมมาเปิดประตู เปิดไฟได้ แต่การเงินยังไม่มา เขามีกุญแจหัวจ่าย มีเขาเท่านั้นที่จะเปิดได้
แม่เปป ยิ้มแล้วตอบ ขอบคุณค่ะ แต่ในใจอีกเช่นกัน คิดว่า ....นี่ฉันยังแก้บนไม่ครบใช่ไหมเนี่ย 🤣
แล้วการเงินก็มาค่ะ ผู้ชายคนแรกที่เข้า สนง. รีบเดินมาบอกการเงินที่เพิ่งมา ว่ารีบเปิดหัวจ่าย ขายน้ำมันให้เราโดยเร็วด่วนจี๋พิเศษ 😂
โอ๊ย..ทำไมคนที่นี่ถึงน่ารักเช่นนี้นะ ตั้งแต่เหยียบเท้าเข้ายะลา มีปัญหาอุปสรรค คนยะลาก็ช่วยเหลือ พอมาเบตง คนที่นี่ก็น่ารักอีกเช่นกัน 😍
น้ำมันเต็มถังแล้ว 2 เรารีบออกค่ะ ตี 5 กว่าแล้ว แม่เปปบอกเพื่อนว่า ถ้าวันนี้เราไปแล้วไม่ทันหมอก พรุ่งนี้เรามาใหม่นะ ถือว่าวันนี้มาลองทางละกัน
แม่เปปขับ เพื่อนซ้อน ขี่ออกจากปั๊มไม่เท่าไหร่ ก็เจอด่านทหารก่อน เข้า-ออก เบตง ข้างหน้าเราก็มีมอเตอร์ไซค์ เพิ่งพ้นด่านค่ะ แม่เปปเลยขับช้าลงเผื่อโดนเรียก แต่ทหารไม่เรียกค่ะ สะพายปืนมองเฉยๆ เพื่อนมันกระซิบแม่เปปก่อนถึงด่านว่า แกอย่าไปมองตาเขานะ 55 พ้นด่านก็บิดเลยค่ะ
ตามภาพเลยนะคะ ถนนที่เราวิ่ง คือทางหลักทางเดียวกับที่เรามาจากยะลาเมื่อวานแหละ แต่เรานั่งรถมาก็ไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่ แต่ตอนนี้ขี่มอเตอร์ไซค์ ถึงจะเกือบเช้าแต่ยังไม่เช้าดีค่ะ 2 ข้างทางมีบ้านคนเป็นระยะๆ ทางขึ้นเขาชัดๆ 100% มีไฟส่องข้างทางบ้างเป็นระยะ อาศัยแสงไฟจากหน้ารถเรา และ รถที่อยู่หน้าเรา ซึ่งมีทั้ง มอเตอร์ไซค์ และรถ 4 ล้อ ระหว่างทางก็มีรถสวนมาบ้าง แต่ค่อนข้างน้อยค่ะ
เพื่อนตัวดี ถ่ายวิดิโอค่ะ แม่เปปก็บิดไปไม่ได้สนใจ นี่ไปดึงภาพจากวิดิโอเพื่อนมา ถามว่าทำไมแกไม่ถ่ายภาพนิ่งให้ฉันบ้างวะ เพื่อนบอก ขนาดฉันถ่ายวิดิโอภาพยังเบลอ แกบิดไปเท่าไหร่รู้ไหม ทางก็โค้งจนฉันจะอ้วก ต้องนั่งประคองตัวไม่ให้ตกรถ แถมมืดอีก แกจะให้ฉันถ่ายภาพนิ่งตรงไหนก่อน
แล้วใกล้ถึงละค่ะ เพราะเริ่มเห็นหมอกข้างทาง และเริ่มเห็นแสงพระอาทิตย์ ระยะทางจากตัวเมืองเบตง มาทะเลหมอก ประมาณ 30 - 40 กม.ได้ เราต้องขี่ขึ้นเขาไมโครเวฟ ที่สูง 2 พันกว่าฟุต แถมทางคดเคี้ยวสุดๆ ใช้เวลาเกือบ 40 นาทีคงได้
ขี่มาถึงทางขึ้นแล้วก็ต้องจอดรถไว้นะคะ ทุกคนต้องไปขึ้นรถ 2 แถวที่จอดรออยู่ เพื่อขึ้นไป สกายวอล์ค ต่ออีกทีค่ะ เสียค่ารถครั้งเดียวขาขึ้น ส่วนขาลงนั่งรถคันไหนลงมาก็ได้หมดค่ะ
เรามาก็สายมากแล้ว พอพระอาทิตย์ขึ้นหมอกก็จางไปเยอะแล้วค่ะ
ถึงแล้วก็ต้องไปจ่ายค่าเข้าและเข้าแถวรอคิวอีกนะคะ เพราะคนเยอะมาก จนท.จะปล่อยให้เข้าไปที่สกายวอล์คเป็นชุดๆ ใครไม่อยากรอก็ไม่ต้องเข้าคิว สกายวอล์คอยู่ชั้น 3 ค่ะ มีบันได้เดินขึ้นไปได้ 6 ชั้น ลิฟท์ก็มีแต่คิวรอเยอะเช่นกัน เพราะคนมาประดังเวลาเดียวกัน สายแล้วก็ไม่มีหมอก คนที่มาส่วนใหญ่ เป็นคนมาเลเซียค่ะ
แม่เปปกับเพื่อนก็เดินขึ้นไปถ่ายจากชั้นสูงกว่าถึงจะเห็นสกายวอล์คเหนือทะเลหมอก ถ้าไปยืนที่สกายวอล์คแล้วถ่ายแทบไม่ได้เพราะ คนที่ปล่อยเข้าไปก็เยอะ แถมเขาจะมีผนังกระจกโดยรอบ ถ่ายไม่ได้ภาพสวยๆ ยอมขึ้นไปถ่ายจากชั้นอื่นดีกว่า
ระหว่างยืนเข้าแถวเพื่อเข้า สกายวอล์ค เพื่อนแม่เปปเกือบมีเรื่องกับคนมาเลเซีย เพราะระหว่างเข้าแถวที่พับไปมา บางคนมาเป็นกลุ่มก็พากันเซลฟี่รูปให้ติดสกายวอล์คด้านหลัง แถวก็ไม่ขยับ แล้วไม่ได้มีแค่กลุ่มเดียว จุดนั้น จุดนี้ หลายจุดในทุกแถว จนท.ก็ประกาศว่า ขอความกรุณาอย่าถ่ายรูปในแถว ใครหยุดถ่ายรูป ให้คนข้างหลังเดินแซงคิวมาได้เลย ไม่งั้นรอช้า ข้างหน้าก็มีสาวๆมาเลเซีย หยุดถ่ายกันค่ะ ไม่ยอมฟัง
เพื่อนก็มองตาถ พูดไทยดังๆ ว่า แมร่งไม่ฟังเขาพูดเลย เขาห้ามถ่ายก็จะถ่าย คนมาเลเซียฟังไม่ออกหรอกค่ะ แต่คงจะเดาจากสีหน้าและอาการของเพื่อน ก็สะกิดในกลุ่มพูดอะไรกันแล้วก็มองมา แม่เปป เลยรีบคว้ามือเพื่อนลากเดินผ่านกลุ่มนั้นอย่างไว เพราะแต่ละคน เอวหนาเกิน 2 มือโอบ ไซส์ไม่เล็กเลย เรา 2 คนสู้ไม่ไหวนะเพื่อน 🤣
แล้วเราก็เข้าไปชมสกายวอล์คค่ะ แต่สายมาก หมอกจางดูไม่สวยแล้ว เพื่อนก็คุยว่า พรุ่งนี้ไม่ต้องมาแล้วนะ ฉันไม่เห็นว่าทะเลหมอกที่นี่จะสวยเลย ทะเลหมอกภูทับเบิกยังสวยมากกว่าหลายเท่า แถมเข้าคิวสกายวอล์คก็ถ่ายภาพไม่ได้สวยเลย ติดคน ติดกำแพงผนัง เสียตังค์แต่ไม่ประทับใจ
แม่เปปเห็นด้วยกับเพื่อนเหมือนกันนะ หรือว่าเรา 2 คน ไม่มีอารมณ์ศิลปิน ตาไม่ถึง มองไม่สวยก็ไม่รู้ แต่ของบางอย่างอาจเหมาะกับบางคน และไม่เหมาะกับบางคนก็เป็นได้ แต่ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้ไม่ต้องตื่นเช้า 55
แล้วเราก็ขึ้น 2 แถวลงมาที่จุดจอดรถมอเตอร์ไซค์ รถมากี่คัน คนมาเลเซียก็กรูเต็มรถเลย แล้วคนขับหนุ่มหน้าตาไม่แนวมุสลิมก็หันมาเห็นเรายืนรออย่างสงบ เลยพูดว่า จะลงไหมครับ นั่งข้างหน้าได้นะ ระหว่างทาง คนขับก็คุยกับแม่เปป(เพื่อนเงียบอีกละ) มาจากไหน ทำไมถึงมา อะไรๆ แม่เปปก็คุยด้วยค่ะ คนขับก็บอกว่า เก่งจังมาถึงนี่ เขาเป็นคนเบตงก็ดีใจนะที่มีคนมาเที่ยว ส่วนใหญ่จะไม่กล้ามา แล้วถามว่าเอารถอะไรมา พอรู้ว่ามอเตอร์ไซค์ ก็บอกว่า ขาลงไปทางใหม่ได้นะ พอถึงแยกให้เลี้ยวซ้าย ระหว่างทางจะผ่านสวนผลไม้ ทุเรียน มังคุด แล้วลงไปก็จะไปสวนหมื่นบุปผา ที่มีดอกไม้เมืองหนาวสวยๆ ใกล้อุโมงค์ปิยะมิตร แล้วลงไปถนนก็จะเจอร้านอาหารที่นักท่องเที่ยวมาแวะกัน มีข้าวยำอร่อย ขับทางที่มาจากยะลานั่นละ ขับไม่ต้องรีบ ไม่อันตราย แล้วจะเจอร้านเฉาก๊วยดำให้แวะซื้อกิน
ขากลับ สว่างแล้วทางชัดแจ๋ว แม่เปปยังถามตัวเอง ว่าขี่ขึ้นมาได้ยังไง เขาจริงๆนะเนี่ย แล้วมาถึงทางแยก ก็ไปตามที่คนขับรถบอกค่ะ สองข้างทางเป็นสวนผลไม้จริงๆด้วย ได้กลิ่นทุเรียนตลอดทาง แล้วแม่เปปก็นึกถึงเมื่อวานที่คนขับจากยะลาบอกว่า บนเขาปลูกทุเรียนเยอะนะ แต่ส่วนใหญ่เป็นสวนของพวกนายทุนแล้ว คนพื้นเมืองแบบแต่ก่อนแทบไม่มีเหลือ
ภาพที่เห็นดึงมาจากวิดิโอเพื่อนเช่นกัน แม่เปปบิดอย่างเดียว เพื่อนทำไมไม่บอกให้จอด จะได้ถ่ายภาพสวยๆ 55
เห็นทางชัดเลย ไม่เสี่ยงตกเขาละ