แม่เปป ทิ้งกะทะและตะหลิว หนีเที่ยวอีกแล้ว ทริปนี้เกิดจากเพื่อนที่ทำงานโทรมาหา แล้วร่ายมนต์ชักชวนออกทริปลงใต้กัน 2 คน 2 เรา เพื่อนไม่เคยลงใต้เกินชุมพร เลยอยากไปเที่ยวยะลา เบตง ใต้สุดๆดูบ้าง อยากเปิดประสบการณ์นอนในรถไฟ เช้าถึงยะลา แล้วต่อไปเบตง ขี่รถมอเตอร์ไซค์เที่ยวในตัวเมือง เล่าว่าชวนเพื่อนที่ทำงานแล้ว พอบอกว่าจังหวัดไหนก็ไม่มีใครยอมไปด้วย
แม่เปปเป็นคนใจอ่อน สงสารเพื่อนและก็เป็นขาลุยเหมือนกัน เลยแพลนกันต่อว่าไปแพร๊บเดียวไม่คุ้มนะ ระยะทางไกล เพื่อนก็บอกว่าลางานหลายวันได้นะ บอกมาเลยพร้อม เข้าทางละสิ เลยคุยกันต่อว่า ไปยะลาแล้ว เราไม่เลยไปปัตตานีก็เหมือนเสียเที่ยวนะ รอยต่อจังหวัดติดกันซะแบบนี้ เพื่อนก็ตอบสนองทันทีเลยไปเที่ยวปัตตานีด้วย แล้วก่อนกลับ เที่ยวหาดใหญ่ สงขลาดีไหม 🤣

แล้ว 2 เราก็มาตามนัด หลังจากจองตั๋วรถไฟ ไปรถเร็ว ตู้นอนปรับอากาศกัน รถออกจาก สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ บ่าย 3 เศษๆ แต่เราก็มาเจอกันก่อนเวลาเป็น ชั่วโมงเลย ต่างคนต่างตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้

คนนั่งรอหน้าเกทของสายใต้เยอะมากเลย แอร์เย็น ที่นั่งก็มีเยอะเช่นกัน เราต้องรอจนกว่าใกล้เวลา จนท.จะประกาศให้ ผดส.ที่มีตั๋วนำไปสแกนที่เครื่องอ่าน เกทถึงจะเปิดให้เราขึ้นไปชานชาลาชั้นบนได้ เลยชวนกันไป ศูนย์อาหารที่อยู่ใกล้ๆนั่นแหละค่ะ จัดการหาอาหารใส่ท้องก่อนขึ้นรถกัน

เพื่อนบอกกินให้อิ่มไปเลย ถึงเวลานอนจะได้ไม่หิวกัน เลือกกินกันตามอัธยาศัยเลยค่ะ

กินอิ่ม ก็กลับมานั่งรอสักครู่ จนท.ก็ประกาศให้เริ่มสแกนตั๋วกันได้ แถวยาวมาก ไม่นึกว่า ผดส.จะเยอะขนาดนี้ ขบวนนี้สุดทางที่ สุไหง-โกลก

จนท.ก็ประกาศให้เป็น 2 แถว ระหว่างเข้าแถว สาวผมแดงสะพายเป้ ที่อยู่ข้างหน้าเพื่อนแม่เปป หันซ้าย-ขวา หน้าตาเริ่มสับสน แล้วเธอก็มองผ่านเพื่อน หันมาหาแม่เปป สปีคอิงลิชถาม ว่าเธอมาถูกขบวนใช่ไหม เห็นแบ่งเป็น 2 แถว สแกนซ้าย-ขวา แล้วก็ให้ดูตั๋วในมือเธอ แม่เปป ดูตั๋วแล้วตอบว่าถูกแล้ว คนเยอะ จนท.ก็เลยเพิ่มเป็น 2 แถว เพื่อความสะดวกรวดเร็ว หน้าเธอเลยดีขึ้น
เพื่อนแม่เปป ก็พูดเบาๆ หน้าเธอมันติดไว้ว่าพูดอังกฤษได้แน่ๆ ฉันยืนติดกับเขาแท้ๆ แต่หันมาถามเธอ คนอื่นเขาก็ไม่ถามด้วย แม่เปปก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เคยเดินกับเพื่อนๆ แถวๆที่ทำงาน ก็เจอคนต่างชาติ สปีคอิงลิช ถามความช่วยเหลือหลายครั้ง เพื่อนๆ ยังแซวว่า..ฉันว่าจมูกเขาคงได้กลิ่น อาหารฝรั่งเนยนมจากตัวเธอ และดูออกว่าเธอมีความเกี่ยวพันกับฝรั่งแน่ๆ ....แซวกันจนแม่เปป ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ หลอกด่าว่าอาบน้ำไม่สะอาดหรือเปล่านะ 😀

และแล้ว เราก็อยู่บนรถไฟเรียบร้อยค่ะ นั่งคุยกันผ่านไปประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างจอดสถานีไหนไม่แน่ใจ ก็มีคนขึ้นมาขายของค่ะ ก๋วยเตี๋ยวปลากล่องละ 10 บาท แม้จะอิ่มจากข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ที่กินกันมาแล้ว พวกเราก็ไม่ปฎิเสธ ควักสตางค์จ่ายกันละค่ะ อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเลย 55

แล้วก็มีขนมหม้อแกง มาขายด้วย 3 กล่อง 100 ทั้งๆที่อิ่มกัน แต่ห้องขนมหวานในท้องยังว่าง ไม่มีใครเบรคใครเลย

ตักใส่ปากก็บ่นไป ว่าหวานจังเลย ถ้าลดหวานลงซะหน่อยน่าจะดี ไม่หิวนะ แค่ซื้อมาลองกินให้รู้รสแค่นั้นเอง ดูหลักฐานดิ 55

ประมาณ 6 โมงกว่าๆ จนท.ก็เริ่มปูเตียง มีม่านปิดให้ความส่วนตัวตอนนอนด้วย แอร์เย็นสบายดีมากๆ แล้วทั้งตู้ก็เห็นแบบนี้ละ นอนไป รถไฟวิ่งไป ก็เพลินดีเหมือนกัน แม่เปป กับเพื่อน ไปห้องน้ำแปรงฟันล้างหน้าก่อนนอนนะคะ แค่ไม่ได้อาบน้ำก่อนนอนเท่านั้นเอง

ตื่นเช้าเพราะนอนหลับๆ ตื่นๆค่ะ ไม่ได้หลับสนิททั้งคืน รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนคนจะตื่นเยอะ เจอ จนท.ก็เลยบอกให้เก็บเตียงได้ เรา 2 คนก็จะได้นั่งดูวิวกัน เพื่อนหน้าตาสดใส ยิ้มแย้มอารมณ์ดี แล้วก็ถึงสถานีหาดใหญ่ค่ะ สถานีนี้ รถไฟจอดนานกว่าสถานีอื่นค่ะ 10 นาทีได้มั๊ง และคุณเพื่อนที่ลุกหายจากที่นั่งก็กลับมา พร้อมข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่ บอกว่ามาถึงหาดใหญ่เราต้องกินไก่ทอดหาดใหญ่แท้ๆหน่อย จะต่างกับไก่ทอดหาดใหญ่ใน กทม.ยังไง ดูเวลานี่เพิ่งจะ 7 โมงเช้าได้มั๊ง เพื่อนหาของเช้าใส่ท้องกันแล้วหรา แต่แม่เปป ก็กินนะคะ ไม่ปฎิเสธ 55 แต่ของเขาอร่อยนะ เนื้อไก่เขาจะแห้งแต่ฉ่ำนะคะ ไม่ได้อมน้ำมันแบบที่เคยกิน แล้วก็หอมเครื่องปรุงอะไรที่เขาใส่ ต่างกันจริงๆนะเออ

ระหว่างรถไฟออกจากสถานีหาดใหญ่ ผ่านสถานีเล็กๆ แต่ไม่ได้จอดนะคะ ก็มีคุณยายถือตะกร้า ระหว่างเดินมาก็ร้องขาย จำปาดะทอดร้อนๆจร้า แม่เปปและเพื่อนหูผึ่งตั้งแต่ได้ยินคุณยายพูดครั้งแรก พอมาถึงที่เรานั่ง ก็ควักสตางค์รอเลยค่ะ รสชาติเขาเหมือนกล้วยทอดที่เคยกิน แต่มีกลิ่นหอมๆของจำปาดะ แต่กินได้ 1 ลูก ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ เพิ่งกินข้าวเหนียวไก่ทอดไป เลยเก็บเป็นเสบียงไว้กินทีหลัง เพราะ จนท.แจ้งว่าสถานีหน้าคือ จุดหมายของเรากันแล้ว

ประมาณ 8 โมงกว่าๆ เราก็มาถึงสถานียะลากันค่ะ คนลงเยอะเหมือนกัน บางคนก็มีสัมภาระเป็นกล่อง ลัง หลายใบ เลยต้องยืนรอคิวลงต่อๆกัน เรา 2 คน สะพายเป้ใบกลางๆทุกอย่างบรรจุอยู่ในเป้หมด มีหิ้วแค่ถุงขนมจำปาดะและขนมหม้อแกงที่ยังเหลือ 55 มีทหารแต่งเครื่องแบบถือปืนยาวๆ ลงสถานีนี้ด้วยหลายคนเลยค่ะ ยืนรอคิวลงรถไฟติดกับเราเลย เพื่อนหันมามองแม่เปป สายตาอ่านได้ว่า เฮ๊ย.. ฉันเริ่มตื่นเต้นละนะ...

ได้เวลา 2 สาวเริ่มผจญภัยกันละค่ะ เพิ่งมากันครั้งแรกทั้งคู่เลย ลงมาแล้วก็ยืนตั้งหลักมองหน้ากันแพร๊บ เห็นคนที่ลงส่วนใหญ่ จะเดินข้ามรางรถไฟไปทางนี้ จากข้อมูลที่เรา 2 คน ค้นคว้ากันมา ก็คือ เราจะต้องเดินไปเช่นเขานั่นละ และก็หาคิวรถที่จะไปเบตงกันต่อ เราจะยังไม่สำรวจตัวเมืองยะลาวันนี้ เพราะต้องรีบไปขึ้นรถไปเบตงต่อ แต่แพลนกันไว้ว่า เมื่อกลับจากเบตง เราจะมาลงยะลา เพื่อไปปัตตานี แล้ววันนั้นเราถึงจะเดินสำรวจตัวเมืองยะลากัน
เรื่องกินอิ่มกันมาบ้างแล้ว ทางอยู่ที่ปากค่ะ ถามคนที่กำลังเดินข้ามไปทางเดียวกันนั่นแหละ ว่าคิวรถไปเบตงอยู่ไหน เขาก็ชี้ให้ค่ะ ว่าไปทางนี้ เดินตามเขาไปละกัน ถึงแยกเขาจะชี้ให้ไม่ไกล แล้วก็ถามว่าเรามาจากไหนกัน แม่เปปเป็นคนถามทางเขาเอง เลยต้องตอบเองอีกเช่นกัน เพื่อนเงียบกริบบ 55 แล้วเขาก็ชมเรา 2 คน ว่ามาไกลนะเนี่ย ใจกล้าและเก่งมากที่มาเที่ยวถึงนี่ คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมาหรอก ถึงมีมาก็น้อย เพื่อนได้ยินประโยคนี้ ก็เหลือกตาโตๆหันมาที่แม่เปป แถมสะกิดแขนเบาๆ แม่เปปพยายามทำเฉยๆค่ะ แล้วมาถึงทางแยก ผู้ชายใจดีก็ชี้ไปทางซ้ายมือ ว่าเดินตรงไป คิวรถอยู่ตรงนั้นละ ส่วนเขามีมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่นี่แล้ว ก็ขี่กลับบ้านที่อยู่ยะลานี่ละ ก่อนจากก็บอกว่า ขอให้เที่ยวสนุก เดินทางราบรื่น คนยะลายินดีต้อนรับนะ
2 สาวหนีเที่ยว เบตง ยะลา ปัตตานี สงขลา หาดใหญ่
แม่เปปเป็นคนใจอ่อน สงสารเพื่อนและก็เป็นขาลุยเหมือนกัน เลยแพลนกันต่อว่าไปแพร๊บเดียวไม่คุ้มนะ ระยะทางไกล เพื่อนก็บอกว่าลางานหลายวันได้นะ บอกมาเลยพร้อม เข้าทางละสิ เลยคุยกันต่อว่า ไปยะลาแล้ว เราไม่เลยไปปัตตานีก็เหมือนเสียเที่ยวนะ รอยต่อจังหวัดติดกันซะแบบนี้ เพื่อนก็ตอบสนองทันทีเลยไปเที่ยวปัตตานีด้วย แล้วก่อนกลับ เที่ยวหาดใหญ่ สงขลาดีไหม 🤣
แล้ว 2 เราก็มาตามนัด หลังจากจองตั๋วรถไฟ ไปรถเร็ว ตู้นอนปรับอากาศกัน รถออกจาก สถานีกรุงเทพอภิวัฒน์ บ่าย 3 เศษๆ แต่เราก็มาเจอกันก่อนเวลาเป็น ชั่วโมงเลย ต่างคนต่างตื่นเต้นกับการเดินทางครั้งนี้
คนนั่งรอหน้าเกทของสายใต้เยอะมากเลย แอร์เย็น ที่นั่งก็มีเยอะเช่นกัน เราต้องรอจนกว่าใกล้เวลา จนท.จะประกาศให้ ผดส.ที่มีตั๋วนำไปสแกนที่เครื่องอ่าน เกทถึงจะเปิดให้เราขึ้นไปชานชาลาชั้นบนได้ เลยชวนกันไป ศูนย์อาหารที่อยู่ใกล้ๆนั่นแหละค่ะ จัดการหาอาหารใส่ท้องก่อนขึ้นรถกัน
เพื่อนบอกกินให้อิ่มไปเลย ถึงเวลานอนจะได้ไม่หิวกัน เลือกกินกันตามอัธยาศัยเลยค่ะ
กินอิ่ม ก็กลับมานั่งรอสักครู่ จนท.ก็ประกาศให้เริ่มสแกนตั๋วกันได้ แถวยาวมาก ไม่นึกว่า ผดส.จะเยอะขนาดนี้ ขบวนนี้สุดทางที่ สุไหง-โกลก
จนท.ก็ประกาศให้เป็น 2 แถว ระหว่างเข้าแถว สาวผมแดงสะพายเป้ ที่อยู่ข้างหน้าเพื่อนแม่เปป หันซ้าย-ขวา หน้าตาเริ่มสับสน แล้วเธอก็มองผ่านเพื่อน หันมาหาแม่เปป สปีคอิงลิชถาม ว่าเธอมาถูกขบวนใช่ไหม เห็นแบ่งเป็น 2 แถว สแกนซ้าย-ขวา แล้วก็ให้ดูตั๋วในมือเธอ แม่เปป ดูตั๋วแล้วตอบว่าถูกแล้ว คนเยอะ จนท.ก็เลยเพิ่มเป็น 2 แถว เพื่อความสะดวกรวดเร็ว หน้าเธอเลยดีขึ้น
เพื่อนแม่เปป ก็พูดเบาๆ หน้าเธอมันติดไว้ว่าพูดอังกฤษได้แน่ๆ ฉันยืนติดกับเขาแท้ๆ แต่หันมาถามเธอ คนอื่นเขาก็ไม่ถามด้วย แม่เปปก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เคยเดินกับเพื่อนๆ แถวๆที่ทำงาน ก็เจอคนต่างชาติ สปีคอิงลิช ถามความช่วยเหลือหลายครั้ง เพื่อนๆ ยังแซวว่า..ฉันว่าจมูกเขาคงได้กลิ่น อาหารฝรั่งเนยนมจากตัวเธอ และดูออกว่าเธอมีความเกี่ยวพันกับฝรั่งแน่ๆ ....แซวกันจนแม่เปป ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ หลอกด่าว่าอาบน้ำไม่สะอาดหรือเปล่านะ 😀
และแล้ว เราก็อยู่บนรถไฟเรียบร้อยค่ะ นั่งคุยกันผ่านไปประมาณ ชั่วโมงกว่าๆ ระหว่างจอดสถานีไหนไม่แน่ใจ ก็มีคนขึ้นมาขายของค่ะ ก๋วยเตี๋ยวปลากล่องละ 10 บาท แม้จะอิ่มจากข้าวหมูแดง ก๋วยเตี๋ยว ราดหน้า ที่กินกันมาแล้ว พวกเราก็ไม่ปฎิเสธ ควักสตางค์จ่ายกันละค่ะ อร่อยแบบไม่ต้องปรุงเลย 55
แล้วก็มีขนมหม้อแกง มาขายด้วย 3 กล่อง 100 ทั้งๆที่อิ่มกัน แต่ห้องขนมหวานในท้องยังว่าง ไม่มีใครเบรคใครเลย
ตักใส่ปากก็บ่นไป ว่าหวานจังเลย ถ้าลดหวานลงซะหน่อยน่าจะดี ไม่หิวนะ แค่ซื้อมาลองกินให้รู้รสแค่นั้นเอง ดูหลักฐานดิ 55
ประมาณ 6 โมงกว่าๆ จนท.ก็เริ่มปูเตียง มีม่านปิดให้ความส่วนตัวตอนนอนด้วย แอร์เย็นสบายดีมากๆ แล้วทั้งตู้ก็เห็นแบบนี้ละ นอนไป รถไฟวิ่งไป ก็เพลินดีเหมือนกัน แม่เปป กับเพื่อน ไปห้องน้ำแปรงฟันล้างหน้าก่อนนอนนะคะ แค่ไม่ได้อาบน้ำก่อนนอนเท่านั้นเอง
ตื่นเช้าเพราะนอนหลับๆ ตื่นๆค่ะ ไม่ได้หลับสนิททั้งคืน รีบลุกไปล้างหน้าแปรงฟันก่อนคนจะตื่นเยอะ เจอ จนท.ก็เลยบอกให้เก็บเตียงได้ เรา 2 คนก็จะได้นั่งดูวิวกัน เพื่อนหน้าตาสดใส ยิ้มแย้มอารมณ์ดี แล้วก็ถึงสถานีหาดใหญ่ค่ะ สถานีนี้ รถไฟจอดนานกว่าสถานีอื่นค่ะ 10 นาทีได้มั๊ง และคุณเพื่อนที่ลุกหายจากที่นั่งก็กลับมา พร้อมข้าวเหนียวไก่ทอดหาดใหญ่ บอกว่ามาถึงหาดใหญ่เราต้องกินไก่ทอดหาดใหญ่แท้ๆหน่อย จะต่างกับไก่ทอดหาดใหญ่ใน กทม.ยังไง ดูเวลานี่เพิ่งจะ 7 โมงเช้าได้มั๊ง เพื่อนหาของเช้าใส่ท้องกันแล้วหรา แต่แม่เปป ก็กินนะคะ ไม่ปฎิเสธ 55 แต่ของเขาอร่อยนะ เนื้อไก่เขาจะแห้งแต่ฉ่ำนะคะ ไม่ได้อมน้ำมันแบบที่เคยกิน แล้วก็หอมเครื่องปรุงอะไรที่เขาใส่ ต่างกันจริงๆนะเออ
ระหว่างรถไฟออกจากสถานีหาดใหญ่ ผ่านสถานีเล็กๆ แต่ไม่ได้จอดนะคะ ก็มีคุณยายถือตะกร้า ระหว่างเดินมาก็ร้องขาย จำปาดะทอดร้อนๆจร้า แม่เปปและเพื่อนหูผึ่งตั้งแต่ได้ยินคุณยายพูดครั้งแรก พอมาถึงที่เรานั่ง ก็ควักสตางค์รอเลยค่ะ รสชาติเขาเหมือนกล้วยทอดที่เคยกิน แต่มีกลิ่นหอมๆของจำปาดะ แต่กินได้ 1 ลูก ก็ไม่ไหวแล้วค่ะ เพิ่งกินข้าวเหนียวไก่ทอดไป เลยเก็บเป็นเสบียงไว้กินทีหลัง เพราะ จนท.แจ้งว่าสถานีหน้าคือ จุดหมายของเรากันแล้ว
ประมาณ 8 โมงกว่าๆ เราก็มาถึงสถานียะลากันค่ะ คนลงเยอะเหมือนกัน บางคนก็มีสัมภาระเป็นกล่อง ลัง หลายใบ เลยต้องยืนรอคิวลงต่อๆกัน เรา 2 คน สะพายเป้ใบกลางๆทุกอย่างบรรจุอยู่ในเป้หมด มีหิ้วแค่ถุงขนมจำปาดะและขนมหม้อแกงที่ยังเหลือ 55 มีทหารแต่งเครื่องแบบถือปืนยาวๆ ลงสถานีนี้ด้วยหลายคนเลยค่ะ ยืนรอคิวลงรถไฟติดกับเราเลย เพื่อนหันมามองแม่เปป สายตาอ่านได้ว่า เฮ๊ย.. ฉันเริ่มตื่นเต้นละนะ...
ได้เวลา 2 สาวเริ่มผจญภัยกันละค่ะ เพิ่งมากันครั้งแรกทั้งคู่เลย ลงมาแล้วก็ยืนตั้งหลักมองหน้ากันแพร๊บ เห็นคนที่ลงส่วนใหญ่ จะเดินข้ามรางรถไฟไปทางนี้ จากข้อมูลที่เรา 2 คน ค้นคว้ากันมา ก็คือ เราจะต้องเดินไปเช่นเขานั่นละ และก็หาคิวรถที่จะไปเบตงกันต่อ เราจะยังไม่สำรวจตัวเมืองยะลาวันนี้ เพราะต้องรีบไปขึ้นรถไปเบตงต่อ แต่แพลนกันไว้ว่า เมื่อกลับจากเบตง เราจะมาลงยะลา เพื่อไปปัตตานี แล้ววันนั้นเราถึงจะเดินสำรวจตัวเมืองยะลากัน
เรื่องกินอิ่มกันมาบ้างแล้ว ทางอยู่ที่ปากค่ะ ถามคนที่กำลังเดินข้ามไปทางเดียวกันนั่นแหละ ว่าคิวรถไปเบตงอยู่ไหน เขาก็ชี้ให้ค่ะ ว่าไปทางนี้ เดินตามเขาไปละกัน ถึงแยกเขาจะชี้ให้ไม่ไกล แล้วก็ถามว่าเรามาจากไหนกัน แม่เปปเป็นคนถามทางเขาเอง เลยต้องตอบเองอีกเช่นกัน เพื่อนเงียบกริบบ 55 แล้วเขาก็ชมเรา 2 คน ว่ามาไกลนะเนี่ย ใจกล้าและเก่งมากที่มาเที่ยวถึงนี่ คนกรุงเทพฯ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมาหรอก ถึงมีมาก็น้อย เพื่อนได้ยินประโยคนี้ ก็เหลือกตาโตๆหันมาที่แม่เปป แถมสะกิดแขนเบาๆ แม่เปปพยายามทำเฉยๆค่ะ แล้วมาถึงทางแยก ผู้ชายใจดีก็ชี้ไปทางซ้ายมือ ว่าเดินตรงไป คิวรถอยู่ตรงนั้นละ ส่วนเขามีมอเตอร์ไซค์มาจอดอยู่นี่แล้ว ก็ขี่กลับบ้านที่อยู่ยะลานี่ละ ก่อนจากก็บอกว่า ขอให้เที่ยวสนุก เดินทางราบรื่น คนยะลายินดีต้อนรับนะ