มังกรโดดเดี่ยว แรงบันดาลใจจาก บทประพันธ์ มังกรเดียวดาย ของวิศวนาถ
คารวะบทโทรทัศน์ของ อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ตอนที่ 1 กำเนิดมังกร
ชายร่างสูง ผมสั้นเกรียน ใบหน้าช้ำมีรอยแผลเล็กน้อย เริ่มกระตุกหลังจากผ่านกาลนิทราอันยาวนาน คนที่บาดเจ็บแผ่นหลังเพราะคมกระสุนเริ่มได้สติ องคาพายพที่เคยนิ่งเหลือเพียงลมหายใจเริ่มขยับ
มันนึกออกและจำได้แล้ว มันชื่อ ‘จางเฮา’
“เรายังมีชีวิตอยู่อีกรึ?” คนใบหน้าช้ำหัวเราะกับตัวเอง ‘ทำไมตายยากชะมัด’
‘ฉันเคยคิดว่าชีวิตจะได้เดินทางไปหาที่สงบสุข แต่กลับเจอต้นไม้พิษที่ให้ร่มเงา แล้วก็หลงหยุดพักจนละเลยไม่ยอมเดินทางต่อ นึกแล้วก็ขำดีนะ’ ประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนสติดับวูบลง กลับเข้ามาในหัวสมอง
“ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ฉันดีใจ ที่อย่างน้อยฉันก็ได้ตายในอ้อมกอดของคนที่ฉันรัก”
จางเฮากลับรู้สึกเจ็บแปลบ มิใช่เจ็บจากแผลที่ลูกน้องของอดีตเจ้าพ่ออันดับหนึ่งฝากไว้ หากเป็นแผลใจที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตคนรักเอาไว้ได้
“หมิว!” เสียงเรียกขานดังก้องอยู่ในใจ คับคล้ายกับประโยคที่เขาร้องเรียกเธอคนนนั้นที่หมดลมหายใจคาอ้อมกอดเขา
ดวงตาที่ปิดมานานเปิดขึ้น พร้อมหยาดน้ำจากคลองจักษุไหลริน
จางเฮาพบว่าตนเองนอนอยู่ท่ามกลางห้องคนไข้เตียงเดี่ยวในโรงพยาบาล แน่นอนว่ามือทั้งสองข้างถูกคล้องด้วยกุญแจมือกับโครงเหล็กของเตียง อดีตคนครัวของตี๋ซารับรู้ด้วยนทันทีว่าตอนนี้ตนได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว
ดวงตาคมกริบมองที่มือข้างซ้าย มันถูกหุ้มด้วยถุงมือสีดำ หากเขารู้ชัดยิ่ง ว่าในนั้นเหลือนิ้วมือเพียงสี่นิ้ว
‘ผมอยากให้คุณรู้ไว้…. ก่อนที่ผมจะตายว่า ผมไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ’ น้ำคำที่เขาเอ่ยในวันสถาปนาเจ้าแม่ของใกล้รุ่ง ธรรมกุล
‘แล้วคุณมีอะไรยืนยัน ว่าคุณไม่ได้ฆ่าพ่อฉัน’ น้ำเสียงของคนโกรธระคนผิดหวังเอ่ยถาม
ฉับ! จางเฮาลงมีดหั่นนิ้วมืออย่างแม่นยำเพียงครั้งเดียว เพื่อพิสูจน์ว่าการตายของตี๋สุงไม่ได้เกิดจากฝีมือเขา ตั้งแต่นั้นมา จางเฮาก็เหลือนิ้วมือเพียงเก้านิ้ว
ทว่าวันหนึ่งตี๋สุงกลับมา! ความจริงคือเขายังไม่ตาย!
“ถ้าแกรู้จักพอ พวกเราก็ไม่ต้องมาเจอแบบนี้” เขากล่าวในใจกับตี๋สุงผู้วายชนม์ ‘ถ้าเป็นไปได้ อั๊วอยากจะสังหารลื้อสักหมื่นๆ ครั้ง เฮียสุง’
‘ลื้อได้แก้แค้นอั๊วถึงสองครั้ง ที่ทำลายครอบครัวลื้อ ลื้อได้ทำทุกอย่างที่อั๊วเพียรพยายามทำมันพังพินาศลงภายในไม่กี่วัน ลื้อจะเอาอะไรอีก’ เขาคาดเดาประโยคคำถามที่หากอดีตเจ้าพ่ออันดับหนึ่งได้ยิน ก็ถามเช่นกัน
“เพราะลื้อ ได้ทำลายความหมายของการมีชีวิตของอั๊วไป!”
‘สองสิ่งที่ทำให้คนเรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ สิ่งแรกคือความรัก อีกสิ่งคือความแค้น’
“ป๊าซา… อาม้า…. อาเพ่ย และหมิว ทุกคนต่างต้องตายเพราะการกระทำของลื้อและเต็งหลัว!”
‘ใช่…. เต็งหลัว มันอีกคนที่จะต้องรับผิดชอบอีกครึ่งส่วนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้’
คนเพิ่งฟื้นจากความตายลืมตามาดูโลกอีกครั้งถอนหายใจลึก วันนี้มันไม่ต้องเหนื่อยไล่ล่าและระวังศัตรูหมูอมิตรอีก แต่คนที่ดีกับเขาก็แทบจะไม่เหลือบนโลกแล้วเช่นกัน
เต็งหลัวก็ตายแล้ว ตายด้วยน้ำมือของอาหมิว ที่หลอกล่อเธอไปฆ่าที่ศาลเจ้าวันนั้น
ความจริงตรงนี้ คือสิ่งที่จางเฮารับรู้!
……………………
“นายจางเฮา สกุลคู” ฟื้นแล้วรึ”
เมื่อนายตำรวจในชุดเครื่องแบบเดินเข้ามา พบว่าเขาลืมตา จึงรีบเดินออกไปตามใครบางคนที่ด้านนอก
“ทางนี้ครับหมอ……” เสียงนายตำรวจจากหน้าห้อง เดินนำแพทย์ในเสื้อกราวน์สีขาวมา
“ฟื้นซะทีนะ โชคดีมากที่ลูกกระสุนเฉียดจุดสำคัญไปนิดเดียว” คนเป็นหมอเดินมาพร้อมเล่มระเบียน จดบันทึกอาการคนไข้
จางเฮามีสีหน้าผ่อนคลายลง ที่ผ่านมานับหลายปี ตั้งแต่ป๊าซาตาย เขายอมรับว่าไม่เคยได้หายใจทั่วท้องเลยแม้แต่ครึ่งครั้ง
หากแต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ชั่วลมหายใจเดียวที่จางเฮารู้สึกผ่อนคลาย ก่อนที่เขาจะพบว่านายตำรวจผู้นั่นแอบยื่นสิ่งของบางอย่างให้กับหมอ
คนเป็นแพทย์พยายามควบคุมสติดียิ่ง ไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตความผิดปกติที่กำลังจะใช้เข็มฉีดยา หากไม่พ้นสายตาของจางเฮา เขาสังเกตว่าดวงตาของนายแพทย์มีความไม่แจ่มใส
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แม้นายแพทย์ผู้นั้นมีลักษณะอาการปกติ หากดวงตาบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ ทั้งปวงไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสังเกตของจางเฮาไปได้
จางเฮากำลังจะสะบัดแขนหนี
“ยาช่วยไม่ให้หน้ามืด ตอนดวงตาปรับเข้ากับแสงไม่ได้เฉยๆ ครับ คุณหลับมานาน ดวงตายังไม่ชินกับแสงสว่าง”
จางเฮาทำทียอมให้นายแพทย์ฉีดยาเข้าเส้นเลือดแขนของเขา หากแต่มือที่ถูกคล้องด้วยกุญแจมือกลับคว้าเอาแขนของนายแพทย์ผู้นั้นไว้
อดีตคนครัวของตี๋ซาตั้งสติได้เร็วรีบคว้าหมับที่คอของนายแพทย์ เวลาเดียวกันกับที่นายตำรวจเข้ามาช่วย จางเฮาก็ได้ใช้เท้าถีบให้กระเด็นไปไกล
มือข้างซ้ายที่เหลือเพียงสี่นิ้วกระแทกเข้าที่ต้นคอของนายแพทย์ก่อนจะใช้เข็มที่ซ่อนเอาไว้อยู่ก่อนสะเดาะกุญแจมือออก
พอดีกับที่นายตำรวจตั้งตัวได้ทันท่วงที กำลังจะเดินเข้ามาชาร์จตัวจางเฮา แต่ดูเหมือนจางเฮาจะว่องไวกว่า รีบคว้าคอหมับทันท่วงที
“ใครส่งแกมา ยังมีใครต้องการชีวิตฉันอีกงั้นรึ?”
“คนเลวๆ อย่าง สมควรตายแล้ว ไม่ต้องมีใครสั่งกูหรอก”
“มันให้เท่าไร บอกกูมา เป็นคนของใคร ผู้กำกับชาติชาย เคหว่อง หรือมาแก้แค้นให้ใคร”
จางเฮาไม่ทันได้สังเกต นายตำรวจคนนั้นได้โทร.หาใครบางคน เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ
“แกจะบอกหรือไม่บอก!”
“กูไม่บอก หึๆๆ รู้ไว้เลยว่าความตายของกำลังมาถึงแล้ว”
ว่าแล้วก็มีใครบางคนเปิดประตูห้องเข้ามา!
นิยายมังกรโดดเดี่ยว (มังกรเดียวดาย) ฉบับ ต่อจากเวอร์ชั่นละครโทรทัศน์
คารวะบทโทรทัศน์ของ อภิวัฒน์ เล่าสกุล
ชายร่างสูง ผมสั้นเกรียน ใบหน้าช้ำมีรอยแผลเล็กน้อย เริ่มกระตุกหลังจากผ่านกาลนิทราอันยาวนาน คนที่บาดเจ็บแผ่นหลังเพราะคมกระสุนเริ่มได้สติ องคาพายพที่เคยนิ่งเหลือเพียงลมหายใจเริ่มขยับ
มันนึกออกและจำได้แล้ว มันชื่อ ‘จางเฮา’
“เรายังมีชีวิตอยู่อีกรึ?” คนใบหน้าช้ำหัวเราะกับตัวเอง ‘ทำไมตายยากชะมัด’
‘ฉันเคยคิดว่าชีวิตจะได้เดินทางไปหาที่สงบสุข แต่กลับเจอต้นไม้พิษที่ให้ร่มเงา แล้วก็หลงหยุดพักจนละเลยไม่ยอมเดินทางต่อ นึกแล้วก็ขำดีนะ’ ประโยคสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนสติดับวูบลง กลับเข้ามาในหัวสมอง
“ให้มันเป็นแบบนี้แหละดีแล้ว ฉันดีใจ ที่อย่างน้อยฉันก็ได้ตายในอ้อมกอดของคนที่ฉันรัก”
จางเฮากลับรู้สึกเจ็บแปลบ มิใช่เจ็บจากแผลที่ลูกน้องของอดีตเจ้าพ่ออันดับหนึ่งฝากไว้ หากเป็นแผลใจที่เขาไม่สามารถช่วยชีวิตคนรักเอาไว้ได้
“หมิว!” เสียงเรียกขานดังก้องอยู่ในใจ คับคล้ายกับประโยคที่เขาร้องเรียกเธอคนนนั้นที่หมดลมหายใจคาอ้อมกอดเขา
ดวงตาที่ปิดมานานเปิดขึ้น พร้อมหยาดน้ำจากคลองจักษุไหลริน
จางเฮาพบว่าตนเองนอนอยู่ท่ามกลางห้องคนไข้เตียงเดี่ยวในโรงพยาบาล แน่นอนว่ามือทั้งสองข้างถูกคล้องด้วยกุญแจมือกับโครงเหล็กของเตียง อดีตคนครัวของตี๋ซารับรู้ด้วยนทันทีว่าตอนนี้ตนได้ถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไว้แล้ว
ดวงตาคมกริบมองที่มือข้างซ้าย มันถูกหุ้มด้วยถุงมือสีดำ หากเขารู้ชัดยิ่ง ว่าในนั้นเหลือนิ้วมือเพียงสี่นิ้ว
‘ผมอยากให้คุณรู้ไว้…. ก่อนที่ผมจะตายว่า ผมไม่ได้ฆ่าพ่อคุณ’ น้ำคำที่เขาเอ่ยในวันสถาปนาเจ้าแม่ของใกล้รุ่ง ธรรมกุล
‘แล้วคุณมีอะไรยืนยัน ว่าคุณไม่ได้ฆ่าพ่อฉัน’ น้ำเสียงของคนโกรธระคนผิดหวังเอ่ยถาม
ฉับ! จางเฮาลงมีดหั่นนิ้วมืออย่างแม่นยำเพียงครั้งเดียว เพื่อพิสูจน์ว่าการตายของตี๋สุงไม่ได้เกิดจากฝีมือเขา ตั้งแต่นั้นมา จางเฮาก็เหลือนิ้วมือเพียงเก้านิ้ว
ทว่าวันหนึ่งตี๋สุงกลับมา! ความจริงคือเขายังไม่ตาย!
“ถ้าแกรู้จักพอ พวกเราก็ไม่ต้องมาเจอแบบนี้” เขากล่าวในใจกับตี๋สุงผู้วายชนม์ ‘ถ้าเป็นไปได้ อั๊วอยากจะสังหารลื้อสักหมื่นๆ ครั้ง เฮียสุง’
‘ลื้อได้แก้แค้นอั๊วถึงสองครั้ง ที่ทำลายครอบครัวลื้อ ลื้อได้ทำทุกอย่างที่อั๊วเพียรพยายามทำมันพังพินาศลงภายในไม่กี่วัน ลื้อจะเอาอะไรอีก’ เขาคาดเดาประโยคคำถามที่หากอดีตเจ้าพ่ออันดับหนึ่งได้ยิน ก็ถามเช่นกัน
“เพราะลื้อ ได้ทำลายความหมายของการมีชีวิตของอั๊วไป!”
‘สองสิ่งที่ทำให้คนเรามีชีวิตอยู่ต่อไปได้ สิ่งแรกคือความรัก อีกสิ่งคือความแค้น’
“ป๊าซา… อาม้า…. อาเพ่ย และหมิว ทุกคนต่างต้องตายเพราะการกระทำของลื้อและเต็งหลัว!”
‘ใช่…. เต็งหลัว มันอีกคนที่จะต้องรับผิดชอบอีกครึ่งส่วนที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้’
คนเพิ่งฟื้นจากความตายลืมตามาดูโลกอีกครั้งถอนหายใจลึก วันนี้มันไม่ต้องเหนื่อยไล่ล่าและระวังศัตรูหมูอมิตรอีก แต่คนที่ดีกับเขาก็แทบจะไม่เหลือบนโลกแล้วเช่นกัน
เต็งหลัวก็ตายแล้ว ตายด้วยน้ำมือของอาหมิว ที่หลอกล่อเธอไปฆ่าที่ศาลเจ้าวันนั้น
ความจริงตรงนี้ คือสิ่งที่จางเฮารับรู้!
“นายจางเฮา สกุลคู” ฟื้นแล้วรึ”
เมื่อนายตำรวจในชุดเครื่องแบบเดินเข้ามา พบว่าเขาลืมตา จึงรีบเดินออกไปตามใครบางคนที่ด้านนอก
“ทางนี้ครับหมอ……” เสียงนายตำรวจจากหน้าห้อง เดินนำแพทย์ในเสื้อกราวน์สีขาวมา
“ฟื้นซะทีนะ โชคดีมากที่ลูกกระสุนเฉียดจุดสำคัญไปนิดเดียว” คนเป็นหมอเดินมาพร้อมเล่มระเบียน จดบันทึกอาการคนไข้
จางเฮามีสีหน้าผ่อนคลายลง ที่ผ่านมานับหลายปี ตั้งแต่ป๊าซาตาย เขายอมรับว่าไม่เคยได้หายใจทั่วท้องเลยแม้แต่ครึ่งครั้ง
หากแต่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ชั่วลมหายใจเดียวที่จางเฮารู้สึกผ่อนคลาย ก่อนที่เขาจะพบว่านายตำรวจผู้นั่นแอบยื่นสิ่งของบางอย่างให้กับหมอ
คนเป็นแพทย์พยายามควบคุมสติดียิ่ง ไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตความผิดปกติที่กำลังจะใช้เข็มฉีดยา หากไม่พ้นสายตาของจางเฮา เขาสังเกตว่าดวงตาของนายแพทย์มีความไม่แจ่มใส
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ แม้นายแพทย์ผู้นั้นมีลักษณะอาการปกติ หากดวงตาบ่งบอกถึงความไม่สบายใจ ทั้งปวงไม่อาจรอดพ้นสายตาช่างสังเกตของจางเฮาไปได้
จางเฮากำลังจะสะบัดแขนหนี
“ยาช่วยไม่ให้หน้ามืด ตอนดวงตาปรับเข้ากับแสงไม่ได้เฉยๆ ครับ คุณหลับมานาน ดวงตายังไม่ชินกับแสงสว่าง”
จางเฮาทำทียอมให้นายแพทย์ฉีดยาเข้าเส้นเลือดแขนของเขา หากแต่มือที่ถูกคล้องด้วยกุญแจมือกลับคว้าเอาแขนของนายแพทย์ผู้นั้นไว้
อดีตคนครัวของตี๋ซาตั้งสติได้เร็วรีบคว้าหมับที่คอของนายแพทย์ เวลาเดียวกันกับที่นายตำรวจเข้ามาช่วย จางเฮาก็ได้ใช้เท้าถีบให้กระเด็นไปไกล
มือข้างซ้ายที่เหลือเพียงสี่นิ้วกระแทกเข้าที่ต้นคอของนายแพทย์ก่อนจะใช้เข็มที่ซ่อนเอาไว้อยู่ก่อนสะเดาะกุญแจมือออก
พอดีกับที่นายตำรวจตั้งตัวได้ทันท่วงที กำลังจะเดินเข้ามาชาร์จตัวจางเฮา แต่ดูเหมือนจางเฮาจะว่องไวกว่า รีบคว้าคอหมับทันท่วงที
“ใครส่งแกมา ยังมีใครต้องการชีวิตฉันอีกงั้นรึ?”
“คนเลวๆ อย่าง สมควรตายแล้ว ไม่ต้องมีใครสั่งกูหรอก”
“มันให้เท่าไร บอกกูมา เป็นคนของใคร ผู้กำกับชาติชาย เคหว่อง หรือมาแก้แค้นให้ใคร”
จางเฮาไม่ทันได้สังเกต นายตำรวจคนนั้นได้โทร.หาใครบางคน เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือ
“แกจะบอกหรือไม่บอก!”
“กูไม่บอก หึๆๆ รู้ไว้เลยว่าความตายของกำลังมาถึงแล้ว”
ว่าแล้วก็มีใครบางคนเปิดประตูห้องเข้ามา!