ฉันมีอาชีพขายหมูขายเนื้อขายไก่ ตามตลาดนัดและตลาดสด ในเมืองหัวหิน มีลูกสามคน ตอนนี้ลูก ๆ ก็มีครอบครัวกันไปหมดแล้ว ตัวฉันและสามีก็อายุมากแล้ว ตลอดชีวิตของฉัน ได้ช่วยเหลือสังคมมาตลอดและใช้ชีวิตบนความยุติธรรม ความมีคุณธรรมและจริยธรรม แต่ด้วยความพยายามดิ้นรนเพื่อเลี้ยงลูกให้รอด ก็ทำให้ฉันพลาดบ้างในการที่จะสอนให้ลูกเป็นเด็กดีได้ทุกคน
ในวันที่ 12-01-2558 เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง มีตำรวจประมาณ 6-7 คน ได้คุมตัวลูกชายคนกลางของฉันมาหาฉันที่บ้าน ว่าโดนจับคดีมียาบ้าไว้ในครอบครอง ฉันตกใจแล้วถามลูกว่า ลูกทำจริงหรือเปล่า ลูกชายตอบว่า จริงครับแม่ เพื่อนฝากซื้อกำลังจะไปนั่งบ้านเพื่อน ฉันก็ตอบลูกว่า ถ้าลูกทำแบบนั้นมันผิดจริง ๆ ดิฉันเต็มใจเปิดบ้านให้ ตำรวจค้นบ้านทุกซอกทุกมุม หลังจากค้นบ้านเสร็จแล้ว ฉันก็ได้คุยกับตำรวจและบอกว่าลูกฉันทำผิด พาไปโรงพักได้เลย เดี๋ยวฉันตามไป ด้วยความที่ฉันเป็นแม้ค้าในตลาดมานาน ฉันเลยรู้จักตำรวจทุกคน เพราะฉันเองก็ช่วยเหลือกิจกรรมตำรวจมาตลอด เช่น ช่วยเรื่องอาหาร เนื้อหมูเนื้อวัวเนื้อไก่ เวลามีกิจกรรมต่าง ๆ ของตำรวจและเพื่อนบ้าน
ดังนั้นทำให้ฉันรู้จักตำรวจดี ก่อนพาตัวลูกชายไป ฉันได้บอกตำรวจคนหนึ่งว่า “คม” (เป็นชื่อตำรวจท่านหนึ่ง) อย่าทำร้ายน้องนะ อย่าซ้อมน้องนะ เดี๋ยวฉันจะตามไปโรงพัก ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย มีอะไรให้โทรมาบอก อย่าทำร้ายน้องนะ!!! ตำรวจนายนั้นก็รับปากว่า ให้ไว้ใจเขาได้เลย ในขณะที่นำตัวลูกชายขึ้นโรงพักนั้น สภาพลูกชายถูกใส่กุญแจมือไขว้หลัง แล้วนำตัวขึ้นรถเก๋ง วีออส โดยมีตำรวจนายหนึ่งขับรถ และอีกสองนานนั่งประกบ ทั้งสองด้านซ้ายขวา ข้างละคน
หลังจากนั้นก็เงียบหายไปไม่มีการติดต่อกลับ ฉันเตรียมตัวเสร็จจะออกจากบ้าน สักครู่ก็มีโทรศัพท์จากตำรวจเข้ามา บอกฉันว่า ให้ไปดูลูกที่โรงพยาบาล ลูกฉันกระโดดรถหนี ดิฉันตกใจมาก ไม่รู้อาการของลูกเป็นอย่างไรบ้าง และมีคำถามในใจฉันว่า ลูกฉันนั่งรถเก๋งวีออส และใส่กุญแจมือ มีตำรวจนั่งข้างด้านละคน จะกระโดดหนีได้อย่างไร? เวลาประมาณสี่ทุ่มดิฉันถึงโรงพยาบาล ได้มีตำรวจจำนวนหนึ่งเฝ้าดูอาการ เห็นว่าอาการไม่ดี สมองยุบ กะโหลกแตก มีเนื้อสมองไหลออกมาและหายไปบางส่วน ตำรวจกลุ่มนั้นจึงเดินมาขอโทษฉัน แล้วจากไปทั้งหมด จนถึงวันนี้ 21-01-2558 ลูกชายฉันยังอยู่ในห้องไอซียู ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวและจะดีขึ้นแต่อย่างใด หากถอดสายออกซิเจนออก ลูกชายฉันก็คงจากฉันไป หากรักษาจนหายใจเองได้ ฉันก็คงต้องเลี้ยงลูกที่มีสภาพเจ้าชายนิทราตลอดไป แล้วตัวฉันกับสามีจะมีชีวิตดูแลลูกของฉันได้อีกกี่ปีกัน และหลานคือลูกของลูกชายอีกสองคน ที่ต้องเป็นสิ่งที่ฉันต้องดูแล
หลังจากตำรวจจากไปแล้ว ประมาณเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ตำรวจโทรมาให้ฉันไปเอารถยนต์ของลูกชายซึ่งเป็นของกลางกลับมา รถยนต์ทะเบียน บ.ธ 5898 ยี่ห้อ อีซูซู โทรศัพท์มือถือและเงินจำนวนสองพันกว่าบาท แล้วก็บอกว่า ไม่เอาเรื่องแล้ว หลังจากนั้นไม่เคยติดต่อมาเลย ไม่เคยมาดูแลอาการลูกของฉันเลย
ที่ฉันโพส ฉันไม่ได้ปฏิเสฐว่าลูกชายฉันเป็นเด็กไม่ดี ฉันยอมรับ ว่าลูกฉันทำผิด ลูกฉันควรถูกจับ ลูกฉันควรถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะขังคุก หรือประหารชีวิตก็ตาม ฉันเพียงต้องการเคารพกฎหมาย เพราะประเทศเราก็มีกฎหมายไว้ลงโทษผู้กระทำผิดอยู่แล้ว ฉันเคารพในหน้าที่ ในกฎหมาย ที่สังคมได้มีไว้ตามครรลอง
สุดท้ายนี้ ฉันเพียงฝากถามว่า : ทำร้ายลูกชายฉันทำไม ใช้ศาลเตี้ยทำไม กฎหมายมีไว้ทำไมหากไม่ใช้ ท่านผู้อ่าน กรุณาอย่าด่าหรือซ้ำเติมฉันเลย หลายวันที่ผ่านมาฉันก็นอนไม่หลับ ในสมองฉันมองเห็นภาพลูกชายฉันตอนเขาเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ดวงตาฉันระบม เพราะฉันร้องให้จนไม่มีน้ำตาจะไหล ฉันพยายามทำใจว่าลูกชายฉันได้จากฉันไปแล้ว ความเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกชายจะผิดจะเลวขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะเกลียดลูกฉันได้ลง ความรักฉันที่มีต่อลูกมันไม่มีเหตุผลไม่มีเงื่อนไข ฉันผิดที่ฉันเลี้ยงลูกฉันให้ดีไม่ได้ แต่สิ่งที่ฉันอยากฝากถามสังคม ว่า การเป็นตำรวจ สามารถทำร้ายหรือฆ่าใคร ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องใช้กฎหมายแบบนี้เสมอไปหรือ?
หัวอกแม่
เมื่อวันที่ 12-01-2558 ลูกชายฉันโดนตำรวจทำร้าย จนหัวสมองยุบ เนื้อสมองหายไปบางส่วน ต้องเปลี่ยนกะโหลกปลอม จนกลายเป็นเจ้าชา
ในวันที่ 12-01-2558 เวลาประมาณสองทุ่มครึ่ง มีตำรวจประมาณ 6-7 คน ได้คุมตัวลูกชายคนกลางของฉันมาหาฉันที่บ้าน ว่าโดนจับคดีมียาบ้าไว้ในครอบครอง ฉันตกใจแล้วถามลูกว่า ลูกทำจริงหรือเปล่า ลูกชายตอบว่า จริงครับแม่ เพื่อนฝากซื้อกำลังจะไปนั่งบ้านเพื่อน ฉันก็ตอบลูกว่า ถ้าลูกทำแบบนั้นมันผิดจริง ๆ ดิฉันเต็มใจเปิดบ้านให้ ตำรวจค้นบ้านทุกซอกทุกมุม หลังจากค้นบ้านเสร็จแล้ว ฉันก็ได้คุยกับตำรวจและบอกว่าลูกฉันทำผิด พาไปโรงพักได้เลย เดี๋ยวฉันตามไป ด้วยความที่ฉันเป็นแม้ค้าในตลาดมานาน ฉันเลยรู้จักตำรวจทุกคน เพราะฉันเองก็ช่วยเหลือกิจกรรมตำรวจมาตลอด เช่น ช่วยเรื่องอาหาร เนื้อหมูเนื้อวัวเนื้อไก่ เวลามีกิจกรรมต่าง ๆ ของตำรวจและเพื่อนบ้าน
ดังนั้นทำให้ฉันรู้จักตำรวจดี ก่อนพาตัวลูกชายไป ฉันได้บอกตำรวจคนหนึ่งว่า “คม” (เป็นชื่อตำรวจท่านหนึ่ง) อย่าทำร้ายน้องนะ อย่าซ้อมน้องนะ เดี๋ยวฉันจะตามไปโรงพัก ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย มีอะไรให้โทรมาบอก อย่าทำร้ายน้องนะ!!! ตำรวจนายนั้นก็รับปากว่า ให้ไว้ใจเขาได้เลย ในขณะที่นำตัวลูกชายขึ้นโรงพักนั้น สภาพลูกชายถูกใส่กุญแจมือไขว้หลัง แล้วนำตัวขึ้นรถเก๋ง วีออส โดยมีตำรวจนายหนึ่งขับรถ และอีกสองนานนั่งประกบ ทั้งสองด้านซ้ายขวา ข้างละคน
หลังจากนั้นก็เงียบหายไปไม่มีการติดต่อกลับ ฉันเตรียมตัวเสร็จจะออกจากบ้าน สักครู่ก็มีโทรศัพท์จากตำรวจเข้ามา บอกฉันว่า ให้ไปดูลูกที่โรงพยาบาล ลูกฉันกระโดดรถหนี ดิฉันตกใจมาก ไม่รู้อาการของลูกเป็นอย่างไรบ้าง และมีคำถามในใจฉันว่า ลูกฉันนั่งรถเก๋งวีออส และใส่กุญแจมือ มีตำรวจนั่งข้างด้านละคน จะกระโดดหนีได้อย่างไร? เวลาประมาณสี่ทุ่มดิฉันถึงโรงพยาบาล ได้มีตำรวจจำนวนหนึ่งเฝ้าดูอาการ เห็นว่าอาการไม่ดี สมองยุบ กะโหลกแตก มีเนื้อสมองไหลออกมาและหายไปบางส่วน ตำรวจกลุ่มนั้นจึงเดินมาขอโทษฉัน แล้วจากไปทั้งหมด จนถึงวันนี้ 21-01-2558 ลูกชายฉันยังอยู่ในห้องไอซียู ไม่มีทีท่าว่าจะรู้สึกตัวและจะดีขึ้นแต่อย่างใด หากถอดสายออกซิเจนออก ลูกชายฉันก็คงจากฉันไป หากรักษาจนหายใจเองได้ ฉันก็คงต้องเลี้ยงลูกที่มีสภาพเจ้าชายนิทราตลอดไป แล้วตัวฉันกับสามีจะมีชีวิตดูแลลูกของฉันได้อีกกี่ปีกัน และหลานคือลูกของลูกชายอีกสองคน ที่ต้องเป็นสิ่งที่ฉันต้องดูแล
หลังจากตำรวจจากไปแล้ว ประมาณเวลาเที่ยงคืนครึ่ง ตำรวจโทรมาให้ฉันไปเอารถยนต์ของลูกชายซึ่งเป็นของกลางกลับมา รถยนต์ทะเบียน บ.ธ 5898 ยี่ห้อ อีซูซู โทรศัพท์มือถือและเงินจำนวนสองพันกว่าบาท แล้วก็บอกว่า ไม่เอาเรื่องแล้ว หลังจากนั้นไม่เคยติดต่อมาเลย ไม่เคยมาดูแลอาการลูกของฉันเลย
ที่ฉันโพส ฉันไม่ได้ปฏิเสฐว่าลูกชายฉันเป็นเด็กไม่ดี ฉันยอมรับ ว่าลูกฉันทำผิด ลูกฉันควรถูกจับ ลูกฉันควรถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะขังคุก หรือประหารชีวิตก็ตาม ฉันเพียงต้องการเคารพกฎหมาย เพราะประเทศเราก็มีกฎหมายไว้ลงโทษผู้กระทำผิดอยู่แล้ว ฉันเคารพในหน้าที่ ในกฎหมาย ที่สังคมได้มีไว้ตามครรลอง
สุดท้ายนี้ ฉันเพียงฝากถามว่า : ทำร้ายลูกชายฉันทำไม ใช้ศาลเตี้ยทำไม กฎหมายมีไว้ทำไมหากไม่ใช้ ท่านผู้อ่าน กรุณาอย่าด่าหรือซ้ำเติมฉันเลย หลายวันที่ผ่านมาฉันก็นอนไม่หลับ ในสมองฉันมองเห็นภาพลูกชายฉันตอนเขาเป็นเด็กอยู่ตลอดเวลา ดวงตาฉันระบม เพราะฉันร้องให้จนไม่มีน้ำตาจะไหล ฉันพยายามทำใจว่าลูกชายฉันได้จากฉันไปแล้ว ความเป็นพ่อเป็นแม่ ลูกชายจะผิดจะเลวขนาดไหน ก็ไม่สามารถที่จะเกลียดลูกฉันได้ลง ความรักฉันที่มีต่อลูกมันไม่มีเหตุผลไม่มีเงื่อนไข ฉันผิดที่ฉันเลี้ยงลูกฉันให้ดีไม่ได้ แต่สิ่งที่ฉันอยากฝากถามสังคม ว่า การเป็นตำรวจ สามารถทำร้ายหรือฆ่าใคร ๆ ได้โดยที่ไม่ต้องใช้กฎหมายแบบนี้เสมอไปหรือ?
หัวอกแม่