เทศกาลสารทจีน “ชิกหง่วยปั่ว" (七月半) ประตูยมโลกเปิด

“ชิกหง่วยปั่ว" (七月半) ประตูยมโลกเปิด
 
ปีนี้เวลาหมุนเร็วเหมือนติดจรวดเลยค่ะ ทั้งๆที่มี "หยุ่งลัก" (เดือน 6 สองครั้ง) นี่อีกเพียงสองอาทิตย์จะเข้าเทศกาลสารทจีนแล้ว ลูกหลานจีนเตรียมจัดอาหารคาวหวานไหว้บรรพบุรุษอีกแล้ว
 
“สารทจีน” สารทกลางเดือนเจ็ด คนจีนแต้จิ๋วเรียก “ชิกหง่วยปั่ว”(七月半) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า กุ๋ยโจยะ (鬼节) แปลว่า “เทศกาลผี” สารทจีนปีนี้ตรงกับวันเสาร์ที่ 6 กย. 68
 
เทศกาลนี้มีกิจกรรมเกี่ยวเนื่องตั้งแต่ต้นจนถึงสิ้นเดือนเจ็ด (จันทรคติจีน) คือวัน 1 ค่ำ เป็นวัน “เปิดยมโลก” ให้ผีทั้งหลายออกมารับการเซ่นสังเวย วัน15 ค่ำ เป็นวันไหว้ใหญ่ทั้งผีบรรพชนและผีไม่มีญาติ วันสิ้นเดือนเจ็ด (30 ค่ำ หรือแรม 15 ค่ำ) เป็นวัน “ปิดประตูยมโลก” ผีทั้งที่ยังไม่ได้ไปผุดไปเกิดต้องกลับเข้ายมโลก วันต้นเดือน สิ้นเดือน มีพิธีไหว้ด้วย มีพิธีทิ้งกระจาดอุทิศส่วนกุศลให้เปตชนครั้งใหญ่ในช่วงครึ่งหลังของเดือนเจ็ดอีกต่างหาก กิจกรรมทั้งหมดล้วนแต่เกี่ยวกับผี คนจีนจึงถือว่าเดือนเจ็ดเป็น “เดือนผี” แต่ที่คนไทยเรียกสารทจีนเพราะวันนี้ใกล้กับวันสารทไทย อีกทั้งอยู่ในช่วงต้นฤดูสารทหรือชิวเทียน (秋天) ของจีนอีกด้วย
 
ตามความเชื่อของชาวจีนเชื่อว่า วันสารทจีนวิญญาณบรรพชนที่ยังไม่ได้ไปเกิดจะกลับมาเยี่ยมบ้าน เพราะฉะนั้น ในวันนี้จะมีพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษกันทุกครัวเรือน ถือเป็นวันสำคัญมากวันหนึ่ง ถือเป็นสารทบุญใหญ่แห่งปีก็ว่าได้
 

การไหว้บรรพชนเป็นประเพณีเก่าแก่ที่สุดของจีน เพราะจีนถือระบบวงศ์ตระกูลเป็นเรื่องสำคัญที่สุด เป็นศูนย์กลางของสังคมและวัฒนธรรมจีน การไหว้บรรพชนเป็นกิจสำคัญที่สุดของลูกหลาน เจ้าอาจไม่ต้องไหว้ก็ได้ แต่ปู่ย่าตายายไม่ไหว้ไม่ได้

สมัยแม่นันยังเด็ก เวลาถึงสารทจีนทีไร อาอึ้ม (คุณแม่) จะเตรียมอาหารคาวหวานมากมายไว้ไหว้บรรพบุรุษ อาอึ้มบอกด้วยว่าทำเผื่อเยอะๆสำหรับไหว้ผีไม่มีญาติ "ฮอเฮียตี๋" (พี่น้องที่ดี) อาหมวยเล็กในวัยนั้นไม่เข้าใจหรอกค่ะว่าหมายถึงอะไร แต่กลับรู้สึกสนุก..ตื่นเต้นมากกว่า เพราะจะได้ช่วยอาอึ้มปักธูปบนอาหารทุกจานวางเต็มเสื่อผืนใหญ่สีแดงหน้าบ้าน
 
โบราณเรียก “ผีไม่มีญาติ” ว่า “ลี่” ถือเป็นผีชั่วร้าย แต่อิทธิพลของพุทธศาสนาทำให้ทัศนะของผีพวกนี้เปลี่ยนไปเป็นผีที่น่าสงสาร จนปัจจุบันเรียกผีพวกนี้ว่า “ฮอเฮียตี๋” (好兄弟) แปลว่า “พี่น้องที่ดี”
 
อาตัวแจ้เล่าว่า สมัยก่อนสารทจีนถือเป็นวันสำคัญพอๆกับวันตรุษจีน ทุกคนได้หยุด ได้แต่งตัวสวยๆ เด็กๆวิ่งเล่นกันสนุกสนาน สมัยนี้ปรับเปลี่ยนลดขั้นตอนการไหว้ลงมาเยอะ สมัยก่อนอาอึ้มจัดเตรียมอาหารในการไหว้ทีเป็นวัน เตรียมตั้งแต่คืนก่อนวันไหว้ด้วยซ้ำ สามทุ่มเป็นต้นไปก็ต้องจุดธูป บอกตี่จู้ (เจ้าที่) ว่าพรุ่งนี้เป็นวันสารทจีน (ชิกหง่วยปั่ว) แล้วนะคะ ขออัญเชิญตี่จู้ เหล่าเจ็ก เหล่าแป๊ะกงลงมารับประทานอาหารคาวหวาน ไม่เฉพาะบอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางเท่านั้น ยังต้องจุดธูปปักบริเวณรอบสนามทางเดิน หน้าบ้าน บอกกล่าววิญญาณสัมพเวสีทั้งหลายด้วยว่าเตรียมตัวมารับอาหารคาวหวานที่พวกเราจะทำให้กินกันนะ อย่าลืมไปบอกดวงวิญญาณอื่นๆที่รู้จักให้มารับอาหารเหล่านี้ด้วย จุดธูปทีเป็นกำ เดินไปเชิญไป ปักธูปไปจนกว่าธูปจะดับ ตระกูลลี้ของแม่นันก็มีเพียงอาตั่วแจ้ที่ยังรักษาการไหว้แบบเดิมนี้อยู่ เพียงแต่เปลี่ยนการจุดธูปบอกกล่าวจากกลางคืนมาเป็นช่วงสายๆก่อนจะมีการไหว้ฮอเฮียตี๋ ถ้าสารทจีนปีไหนแม่นันไปไหว้ที่บ้านอาตั่วแจ้ แม่นันจะรับอาสาเดินปักธูปบอกกล่าวดวงวิญญาณฮอเฮียตี๋ให้มารับประทานอาหารในวันนั้น ถ้ายังคงให้เดินปักธูปบอกกล่าวตอนกลางคืนเหมือนสมัยอาอึ้มยังอยู่ แม่นันคงบรื๋อส์..ส์..แน่ๆ
 
เช้าตรู่จะจัดซาแซ/โหง่วแซ (เนื้อสัตว์สามอย่าง/ห้าอย่าง) ไหว้ตี่จู้ (เจ้าที่) ก่อน สงสัยมั้ยคะทำไมบางบ้านไหว้สามอย่าง บางบ้านไหว้ห้าอย่าง มีมากก็ไหว้มาก มีน้อยก็ไหว้น้อย ทำที่เราสะดวกค่ะ
 

พอช่วงสายจะเตรียมอาหารคาวหวานหลากหลายไหว้บรรพบุรุษ อาหารที่เตรียมจะเป็นอาหารที่มีชื่อเป็นศิริมงคล นำความโชคดีมาให้ ไม่ว่าจะเป็นซาลาเปา อั่งถ่อก้วย (กุ้ยช่ายทรงรูปท้อสีชมพู) ชาหมีเตี๊ยว (ผัดหมี่ซั่ว) ปู่โควฉ่าย หรือชุงฉ่าย (ต้มผักขม) ที่แม่นันทำประจำ เขาะคะหน่าลุ้ย (ตุ๋นกะหล่ำปลี) ไช้เถ่าก้วย (ขนมผักกาด) พูดถึงขนมผักกาด แม่นันดีใจนะคะว่า แม้ว่าจะไม่ได้ทำให้อาอึ้มได้ทานตอนท่านยังอยู่ แต่ในวันที่ท่านไม่อยู่แล้ว แม่นันได้ทำให้ท่านทานทุกวันสารทเลย นอกจากอาหารดังกล่าวแล้ว ยังมีอาหารอื่นๆที่บรรพบุรุษชอบทำชอบทาน รวมทั้งขนม/ผลไม้ที่มีชื่อมงคล เช่นขนมถ้วยฟู ส้มโอ กล้วย แอ๊ปเปิล ส้ม (ไต่กิก) ขนมเข่ง ขนมเทียน (ของอร่อยช่วงสารทจีน) และที่ขาดไม่ได้คือกระดาษเงิน กระดาษทอง รวมทั้งเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มกระดาษ ตามที่ลูกหลานอยากส่งไห้บรรพบุรุษได้ใช้
 
แม่นันถามอาตั่วแจ้ว่า "ซื้อบ้านและรถมาไหว้ด้วยได้มั้ย" อาตั่วแจ้บอกว่า "บ้านและรถ" เราจะไหว้ในวันเช็งเม้งเท่านั้น ส่วนคนรับใช้ที่เราเคยจ้างให้ไปดูแลบรรพบุรุษเราในวันทำกงเต็ก ไม่ต้องเปลี่ยน ไม่ต้องจ้างคนใหม่ให้ท่าน เพราะสองคนนี้จะอยู่ปรนนิบัติและดูแลท่านตลอดไป”
 

ตกบ่ายจะเป็นการไหว้ดวงวิญญาณเร่ร่อน แม่นันจำได้ว่าตอนเด็กๆแม่นันจะตื่นเต้นมาก ไม่รู้หรอกเค้าไหว้อะไร ไหว้ใคร เพราะไม่มีรูปเหมือนตี่จู้เอี๊ย (ศาลเจ้าที่) หรือรูปบรรพบุรุษให้เรากราบไหว้ แต่กลับมาตั้งอาหารไว้หน้าบ้านเยอะแยะเต็มไปหมด อาอึ้มจะให้เด็กๆช่วยกันปูเสื่อผืนใหญ่สีแดงไว้หน้าบ้าน จากนั้นเราก็จะช่วยกันยกอาหารคาวหวาน รวมทั้งขนม (น่าทานทั้งนั้น) ไปจัดวาง อาตั่วแจ้เล่าให้ฟังว่า อาหารที่เตรียมไหว้สัมพเวสี เราจะเตรียมอาหารเป็นหม้อใหญ่ๆ อย่างละหม้อ อย่างละหม้อ ยิ่งเยอะยิ่งดี มีข้าวสวย ข้าวสาร รวมทั้งถ่านหุงต้มด้วย ขนมนมเนย อยากจัดอะไรจัดมาเลย ยิ่งทำให้เค้าเยอะเราก็จะได้บุญกลับมาเยอะ พวกเราเด็กๆก็จะได้ช่วยกันปักธูปทีละดอกลงบนอาหารทุกหม้อ ทุกจาน สมัยก่อนทำอาหารเยอะจริงๆ ก้มปักไปหมุนไปจนงงไปหมด ปักธูปบนอาหารแล้ว อาอึ้มให้เดินปักตามพื้นดินรอบๆบ้านอีกครั้งด้วย เผื่อดวงวิญญาณที่เพิ่งเร่ร่อนมา จะได้มาทานอาหารที่เราเตรียมเผื่อไว้ให้
 
อาตั่วแจ้บอกว่า ที่ต้องมีอีกคือ เสื้อคอกลมและกางเกงเป็นสิบๆชุดสีน้ำเงิน ต้องสีน้ำเงินด้วยนะ (สมัยนี้เริ่มมีสีสันลวดลายต่าง) เป็นความเชื่อว่าพวกสัมพเวสีที่มาทานอาหารกันมากมาย จะได้ใส่เครื่องนุ่งห่มที่มีสีและแบบเหมือนๆกัน รวมทั้งกระดาษเงิน กระดาษทองและอ่วงแซจี๊ (ใบเบิกทาง) ต้องเผาไปให้พวกเค้าได้ใช้กันด้วย
 
เล่ามาถึงตรงนี้ อาตั่วแจ้บอกว่า กระดาษทองจะใช้วิธีพับให้เป็นก้อนทอง โดยม้วนให้กลมแล้วกดปลายทั้งสองด้านลง และกดให้แบน (พับแบบนี้เท่านั้นสำหรับให้สัมพเวสี) ส่วนกระดาษเงินทองที่เป็นมัดๆ เราพับสอดไปมาเป็นกรวยได้ สำหรับใบเบิกทางเปรียบเสมือนพาสปอร์ตให้เค้าเดินทางกลับไปอย่างสวัสดิภาพ
 
เมื่อไหว้สัมพเวสีแล้ว อาหารเหล่านี้เรา (เจ้าบ้าน) จะไม่นำกลับมาทานนะคะ เพราะรสชาติอาหารจะจืดชืดไม่เหมือนเดิม แล้วทำไมอาหารที่ไหว้สัมพเวสีแล้วถึงได้จืดชืด ไม่อร่อยเหมือนเดิม? ..... อาแจ้เล่าว่า ที่ห้ามนำกลับมาทานอีก เพราะสัมพเวสีลิ้มเอารสชาติไปหมดแล้ว อาหารจึงจืดชืด แต่อาหารส่วนนี้เราแจกจ่ายชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าในตลาดได้ ใครอยากทานสามารถเข้ามาหยิบทานได้เลย เปรียบเสมือนเราเปิดโรงทาน ยิ่งตามโรงเจ เวลาไหว้ทีจะเตรียมขนมอร่อยๆเป็นหม้อๆ โดยเฉพาะต้มเผือก และต้มธัญพืชต่างๆ อาแจ้เล่าว่าเวลาอาแจ้ไหว้เสร็จ ชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้าในตลาดเค้าจะรู้ ก็จะเข้ามาหยิบทานกันอย่างเอร็ดอร่อย ใครอยากได้ข้าวสาร ถ่านหุงต้ม หรือน้ำมันพืช สามารถหยิบกลับไปใช้ที่บ้านได้เลย อาตั่วแจ้บอกว่าวันนั้นอาแจ้จะได้รับแต่คำขอบคุณ ขอบคุณ ได้บุญใหญ่จริงๆ
 
วันนี้จึงถือเป็นวันปล่อยผี ดวงวิญญาณไม่มีญาติ หรือที่คนจีนเรียก “ฮอเฮียตี๋” ตามศาลเจ้าจะมีงานทิ้งกระจาดด้วย ไหว้ผีไหว้วิญญาณเสร็จก็จะมีการแจกอาหารของแห้งต่างๆ ให้กับชาวบ้านได้นำไปใช้ประโยชน์กัน
 
เขียนจบคิดถึงอาอึ้มค่ะ เพราะพอไหว้บรรพบุรุษเสร็จอาอึ้มก็จะแบ่งอาหารเป็นจานๆ “โน้วอ่า เขียะ จีปั่วเมะ คื้อโหะ อาเฮีย แก๊ะเปียะ, จีปั่วเมะ โหะ ฮือ ฮ้งไหล” (ลูกจ๋า จานนี้ให้อาเฮียข้างบ้านนะ สำหรับจานนี้ให้บ้านนู้นนะ) แล้วอาหมวยน้อยคนนี้ก็วิ่งไปวิ่งมาจนเหนื่อยกว่าจะได้หนีบน่องเป็ดไปนั่งแทะเล่น
 
ช่วยกันเล่า ช่วยกันแชร์ เรื่องราวประเพณีจีนที่บรรพบุรุษสร้างไว้ เพื่อให้วัฒนธรรมนี้ยังคงงดงามในหัวใจพวกเราตลอดไป
 
 
 
 
ขอบคุณข้อมูลเพิ่มเติม: อ.ถาวร สิกขโกศล




แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่