เวลาไปซื้อซอสพริกทีไร หันไปทางไหนก็เจอแต่ “ศรีราชา” เต็มไปหมด แล้วรู้ไหมว่า ถึงจะชื่อคล้ายกัน แต่จริงๆ แล้วเจ้าของแต่ละแบรนด์ก็ไม่ใช่คนเดียวกันนะ!
แต่ถ้าพูดถึง ซอสศรีราชาออริจินัล ตัวจริง เสียงจริงที่มีประวัติยาวนานถึง 90 ปี ก็ต้องยกให้ “ศรีราชาพานิช” แบรนด์ในเครือบริษัท ไทยเทพรส (เจ้าของแบรนด์ภูเขาทอง) ที่ยังคงสูตรดั้งเดิม และมีรสชาติเข้มข้นแบบไม่ผสมแป้ง ใช้แค่พริกกับกระเทียมเท่านั้น
จุดเริ่มต้นของตำนาน
- เริ่มจากครอบครัวหนึ่งในอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่แค่อยากทำน้ำพริกกินกับอาหารทะเล
- ต่อมาในปี 2527 บริษัทไทยเทพรสเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการ กลายเป็น “ศรีราชาพานิช” ที่เรารู้จักกันในวันนี้
- ยังมี “พนักงานรุ่นเก๋า” ที่อยู่มาตั้งแต่แรก ช่วยชิมรสให้อยู่เสมอ เพื่อรักษาความต้นตำรับ
💥 จุดแข็งไม่ใช่แค่รสชาติ แต่คือ “ประสบการณ์”
- ไม่มีสูตรลับพิเศษ เพราะเชื่อว่าทุกแบรนด์ก็มีรสเฉพาะตัว
- “ศรีราชาพานิช” เน้นมาตรฐานและการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า เช่น…
- คอลแลบกับ After You ทำ “คากิโกริมะม่วงราดซอสศรีราชา” 🤯
- สอนทำอาหารในโฮสเทลชาวต่างชาติ
- ร่วมจัดกิจกรรมที่เวทีมวยราชดำเนิน โชว์ความเป็นไทยผ่านแบรนด์ดั้งเดิม
🌍 ไม่เน้นขายทั่วโลก แต่หวังให้ “ต่างชาติมาไทย ต้องซื้อของไทย”
- แม้จะยังไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดโลก แต่ก็ไม่ยอมแพ้แบรนด์ต่างชาติ!
เป้าหมายของแบรนด์คือ “ให้คนต่างชาติที่มาเที่ยวไทย ต้องรู้จักและซื้อกลับไป”
- และแม้ในปี 2025 จะตั้งเป้าเติบโตแค่ 6-7% (เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว + ท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่) แต่ 5-6 ปีก่อนหน้านี้ก็โตมาถึง 50-60% แล้ว!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ใครกันแน่คือ ‘ซอสพริกศรีราชา’ ตัวจริง?
.
เวลาไปซื้อ ‘ซอสพริก’ ทีไร หันไปทางไหน ก็เจอแต่แบรนด์ศรีราชา แล้วรู้หรือไม่ ถึงชื่อจะคล้ายกัน แต่เจ้าของคนละคนกันนะ
.
แน่นอนว่า แต่ละแบรนด์มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนลูกค้าอย่างเราๆ ก็มีความชอบไม่เหมือนกัน
.
อย่างไรก็ตาม หากพูดถึง ซอสพริกศรีราชาที่เป็นออริจินัลจริงๆ คงหนีไม่พ้นแบรนด์ ‘ศรีราชาพานิช’ โดย ‘บริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน)’ ที่มีอายุยืนยาวมานานถึง 90 ปี
.
นอกจากความเป็นต้นตำรับแล้ว อีกจุดเด่นของศรีราชาพานิชคือความพรีเมียม เพราะเป็นซอสพริกที่ไม่ผสมแป้งเลย ใช้แต่พริกและกระเทียมล้วน จนกลายเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่เชฟมืออาชีพเลือกใช้
.
Brand Inside มีโอกาสพูดคุยกับ ‘วรัญญา วิญญรัตน์’ รองกรรมการผู้จัดการและทายาทรุ่นที่ 3 ของบริษัท ไทยเทพรส จำกัด (มหาชน) ถึงที่มาที่ไปของแบรนด์ศรีราชาพานิช
.
เรื่องราวจะเป็นยังไง มาดูกัน
.
[ เกิดจากครอบครัวหนึ่งที่อยากทำน้ำพริกมากินกับอาหารทะเล ]
.
พูดถึงชื่อไทยเทพรส หลายๆ คนอาจไม่คุ้นหูเท่าไรนัก แต่ถ้าบอกว่า นี่คือบริษัทที่คิดค้นแบรนด์ ‘ภูเขาทอง’ ล่ะก็ เชื่อเลยว่า ทุกคนคงคุ้นเคยเป็นอย่างดี
.
วรัญญาเล่าว่า จริงๆ แบรนด์ภูเขาทองมีซอสพริกเป็นของตนเองอยู่แล้ว แถมยังขายดีอันดับต้นๆ ด้วย แต่ประสบปัญหาบางอย่าง ทำให้ต้องหาซอสพริกยี่ห้ออื่นมาแทน
.
ณ ตอนนั้น มีครอบครัวหนึ่งในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ต้องการขายกิจการซอสพริกของตนเอง โดยจุดเริ่มต้นของธุรกิจบ้านนี้ มาจากการที่อยากทำ ‘น้ำพริก’ (ซอสพริก) มาทานกับอาหารทะเลเฉยๆ
.
ด้วยเหตุนี้ ในปี 2527 บริษัทไทยเทพรสจึงเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการ กลายเป็นแบรนด์ศรีราชาพานิช ที่ยังคงเอกลักษณ์และสูตรดั้งเดิมเอาไว้ โดยวรัญญาเผยว่า ปัจจุบัน ยังเหลือเจ้าหน้าที่รุ่นเก๋าอยู่หนึ่งคน คอยช่วยชิมรสชาติให้คงความต้นตำรับ
.
[ ไม่มีสูตรลับอะไร เน้นสร้างประสบการณ์ลูกค้ามากกว่า ]
.
แม้จะเป็นออริจินัล แต่ยังไงก็ต้องแข่งขันท่ามกลางแบรนด์ศรีราชามากมาย ถ้าเป็นอย่างนั้น ศรีราชาพานิชมีจุดเด่นอะไรกัน?
.
วรัญญาบอกว่า ศรีราชาพานิชไม่มีสูตรลับอะไร เพราะซอสพริกทุกยี่ห้อมีความต่างกันอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับความชอบในรสชาติของเจ้าของ
.
ศรีราชาพานิชจะเน้น ‘มาตรฐาน’ และ ‘การสร้างประสบการณ์ให้ลูกค้า’ แทน เพราะไม่อยากเป็นแค่ยี่ห้อต้นตำรับ แต่ต้องเป็นได้มากกว่าซอสที่คนใช้จิ้มด้วย โดยที่ผ่านมา ก็มีการคอลแลบกับแบรนด์อื่นๆ มากมาย
.
เช่น เมนู ‘คากิโกริแมงโก้นาดาซอสศรีราชา’ ที่ไปร่วมมือกับแบรนด์ ‘After You’ ในการรังสรรค์น้ำแข็งไสมะม่วง โรยผงบ๊วย ที่มาพร้อมกับซอสพริกทั้งขวด เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่า ศรีราชาพานิชไม่จำกัดแค่การกินของคาว แต่กินกับของหวานด้วยก็ได้
.
สำหรับลูกค้าต่างชาติ วรัญญาเผยว่า “ในมุมมองตลาดโลก ถึงเราจะเป็นออริจินัล แต่ก็ต้องยอมรับว่า เราไม่ได้แข็งแรงในตลาดโลกเท่าไร เพราะมันมีแบรนด์เจ้าตลาดอยู่แล้ว แต่พอเห็นว่าเป็นแบรนด์ที่ไม่ใช่ของคนไทย เราก็ฮึดสู้ คือเราอาจพูดได้แค่ในประเทศ แต่โซเชียลมีเดียมันทั่วโลกแล้ว ถึงแม้เราทำที่ประเทศไทย เราเชื่อว่า Message ที่เราทำ ก็จะมีบางส่วนที่ออกไปสู่ตลาดโลกได้”
.
“มิชชันคือ ไม่ได้อยากจะไปขายตลาดโลกให้ได้เยอะๆ แต่อย่างน้อย พอคนต่างชาติมาเที่ยวเมืองไทย ต้องนึกถึงของของเรา” วรัญญาเสริม
.
เมื่อไม่นานมานี้ ศรีราชาพานิชก็ไปสร้างประสบการณ์ ‘Immersive’ ในโดมของ ‘เวทีมวยราชดำเนิน’ เพื่อเจาะตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านการคอลแลบของสองแบรนด์ที่สะท้อนถึงความเป็นออริจินัลของไทยด้วย
.
ล่าสุด ศรีราชาพานิชยังไปจัดกิจกรรมสอนทำอาหารที่ ‘The Yard Hostel’ โฮสเทลยอดฮิตของชาวต่างชาติ โดยมุ่งเน้นเมนูที่ใช้ซอสพริกเป็นองค์ประกอบอีก
.
“ผู้บริโภคเป็นคนตัดสินมากกว่าว่า จะชอบรสชาติแบบไหน เพราะแต่ละแบรนด์จะมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ แต่ส่วนที่เราทำได้คือเราก็สร้างประสบการณ์ให้ผู้บริโภคดีกว่า” วรัญญากล่าว
.
มันจึงไม่แปลกที่ ศรีราชาพานิชจะเป็นเบอร์ 1 ในตลาดซอสพริกศรีราชาทั้งหมด โดยวรัญญามองว่า แม้ตลาดนี้อาจค่อนข้างเฉพาะกลุ่ม แต่แบรนด์เธอก็ถือสัดส่วนค่อนข้างใหญ่เลย
.
สำหรับปี 2025 วรัญญาตั้งเป้าการเติบโตไว้ราวๆ 6-7% ซึ่งเธอยอมรับว่าปีนี้ มีความลำบาก เนื่องจากร้านอาหารหรือนักท่องเที่ยวหายไปกันเยอะ แต่ 5-6 ปีที่ผ่านมา แบรนด์ก็โตขึ้นประมาณ 50-60% เลย มากกว่าอัตราที่คาดไว้
.
ดังนั้น เราต้องมาจับตาดูกันต่อไปว่า ศรีราชาพานิชจะสามารถทำตามเป้าที่ตั้งไว้ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวได้หรือไม่ แต่เราเชื่อว่าเรื่องราวความสำเร็จนี้ คงเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการหลายๆ คน โดยเฉพาะเจ้าของธุรกิจในตลาดที่มีสินค้าคล้ายกันอยู่เยอะ
[สรุปข่าว] “ซอสศรีราชา” ตัวจริง? 🍴 เจาะตำนานแบรนด์ไทย 90 ปี ‘ศรีราชาพานิช’ ที่คนต่างชาติมาไทยต้องลอง!
แต่ถ้าพูดถึง ซอสศรีราชาออริจินัล ตัวจริง เสียงจริงที่มีประวัติยาวนานถึง 90 ปี ก็ต้องยกให้ “ศรีราชาพานิช” แบรนด์ในเครือบริษัท ไทยเทพรส (เจ้าของแบรนด์ภูเขาทอง) ที่ยังคงสูตรดั้งเดิม และมีรสชาติเข้มข้นแบบไม่ผสมแป้ง ใช้แค่พริกกับกระเทียมเท่านั้น
จุดเริ่มต้นของตำนาน
- เริ่มจากครอบครัวหนึ่งในอ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ที่แค่อยากทำน้ำพริกกินกับอาหารทะเล
- ต่อมาในปี 2527 บริษัทไทยเทพรสเข้าไปเทคโอเวอร์กิจการ กลายเป็น “ศรีราชาพานิช” ที่เรารู้จักกันในวันนี้
- ยังมี “พนักงานรุ่นเก๋า” ที่อยู่มาตั้งแต่แรก ช่วยชิมรสให้อยู่เสมอ เพื่อรักษาความต้นตำรับ
💥 จุดแข็งไม่ใช่แค่รสชาติ แต่คือ “ประสบการณ์”
- ไม่มีสูตรลับพิเศษ เพราะเชื่อว่าทุกแบรนด์ก็มีรสเฉพาะตัว
- “ศรีราชาพานิช” เน้นมาตรฐานและการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้า เช่น…
- คอลแลบกับ After You ทำ “คากิโกริมะม่วงราดซอสศรีราชา” 🤯
- สอนทำอาหารในโฮสเทลชาวต่างชาติ
- ร่วมจัดกิจกรรมที่เวทีมวยราชดำเนิน โชว์ความเป็นไทยผ่านแบรนด์ดั้งเดิม
🌍 ไม่เน้นขายทั่วโลก แต่หวังให้ “ต่างชาติมาไทย ต้องซื้อของไทย”
- แม้จะยังไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดโลก แต่ก็ไม่ยอมแพ้แบรนด์ต่างชาติ!
เป้าหมายของแบรนด์คือ “ให้คนต่างชาติที่มาเที่ยวไทย ต้องรู้จักและซื้อกลับไป”
- และแม้ในปี 2025 จะตั้งเป้าเติบโตแค่ 6-7% (เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว + ท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นเต็มที่) แต่ 5-6 ปีก่อนหน้านี้ก็โตมาถึง 50-60% แล้ว!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้