399

น260

น261

400

ต่อไปท่านจะกล่าวถึงเจตสิกที่เกิดกับกามาวจรกุศลจิตดวงที่ 2 ดวงที่ 3 ดวงที่ 4 ดวงที่ 5 ดวงที่ 6 ดวงที่ 7 ดวงที่ 8
ซึ่งพวกเราก็เรียนมาแล้วเรื่องจิต1.18.57
ก็ต้องจำชื่อไว้ ท่านก็บอกต่อไป
ยะถา จะ ปะฐะเมนะ เอวัง ทุติยะจิต เตนาปิ
เจตสิกที่เกิดใน กามาวจรจิตดวงที่ 1 ฉันใด ในกามาวจรจิตดวงที่ 2 ก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ
หมายถึงดวงที่ 2 ก็เกิด 33 และ 34 เหมือนกันอันนี้
ที่ต่างกันก็คือ
สะสังขาระภาวะมัตตะเมวะ หิ เอตถะ วิเสโส
ที่ต่างกันก็คือ มันมีภาวะเป็น สะสังขาระภาวะ เท่านั้นเองก็คือเกิดโดยมีการชี้ชวน ชักนำ กระตุ้นเตือนจากความคิดของตนเอง หรือว่าบุคคลอื่นในเหตุการณ์ต่างๆ กระตุ้นเตือนแล้วกุศลจึงค่อยเกิดขึ้น
1.19.54
บางคราวก็คือ อสังขาริก ก็คือ เกิดเลย มีกำลังเลย บางทีก็ต้องถูกกระตุ้นก่อนจึงค่อยเกิดขึ้น นะ
นี่ดวงที่สอง
------
ส่วนดวงที่ 3 ปุนะ ตะติเยนะ ดวงที่ 3
ญาณะวิปปะโยคะโต ฐะเปตวา อะโมหัง อะวะเสสา ทะวัตติงสะ วา เตตติงสะวา เวทิพตัพพา
ส่วนดวงที่ 3 เจตสิกที่เหลือ
ทะวัตติงสา ทะวัตติงสะวา อันนี้ 32 หรือเป็น เตติงสะวา 33 เว้นญาน เว้นอโมหะไป นั่นเอง
คือเว้นปัญญาไปเพราะว่าเป็น ญาณะวิปปะโยคะ
พึงทราบว่ามีเจตสิกเกิดได้ 32 หรือ 33
------
ส่วนดวงที่ 4 ก็เกิดเท่ากันกับดวงที่ 3
ตะถา จัตตุเถนาปิ
สะสังขาระภาวะมัตตะเมวะ วิเสโส
ต่างกันแค่มีลักษณะ สะสังขาระ เท่านั้นเอง อันนี้นะ
ท่านใดที่จำเรื่องจิตแม่นๆก็คงจะสบาย ท่านใดที่ จำไม่แม่นก็จะไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวผมเขียนให้นิดนึง
ท่านไหนที่สบายแล้วก็ฟังซ้ำก็แล้วกัน1.21.18
1.25.14 ทีนี้มาดูท่านอธิบายในคัมภีร์อภิธัมมาวตารนี้อย่างไร ต่อไป อธิบายต่อไป
ปะฐะเม วุตเตสุ ปะนะ ฐะเปตวา ปีติง อะวะเสสา ปัญจะเมนะ สัมปะโยคัง คัจฉันติ.
ต่อไปตัวที่ 1 นะครับ ก็คือจิตในดวงที่ 5 นั่นแหละ ตัวที่ 1 ตัวที่1ในส่วนของที่เป็นอุเบกขาเวทนา ก็จะเว้นปิติออกไป อย่างนี้นะครับ
เว้นปิติ ก็จะมีเจตสิกเกิดประกอบ 32 และ 33 เหมือนกัน 32 33 นี่ดวงที่ 5
แต่ไม่ใช่เว้นญานเว้นอโมหะ
เว้นปิติไปนะ ธรรมมะที่เหลือเว้นปีติ เกิดสัมปะโยคะกัน
และโสมนัสก็จะเป็น โสมะนัสสัฎฐาเน เจตถะ อุเบกขาเวทะนา ปะวิฎฐา.
ก็เอาอุเบกขาเวทนาประกอบเข้าไปในส่วนที่เป็นโสมนัส ก็คือ เปลี่ยนเวทนา จากโสมนัส เป็น อุเบกขา
1.26.43 ครับ
ซึ่งอุเบกขาเวทนานั้น มีลักขะณาทิจะตุกะ ดังนี้
สา ปะนะ อิฎฐานิฎฐะวิปรีตานุภะวะนะลักขะณา,
อุเบกขาเวทนา มีลักษณะคือ เสวยอารมณ์ มีลักษณะที่เสวยอารมณ์ ที่ตรงกันข้ามกับ อิฎฐะ และ อนิฎฐะ นะ
ถ้าเป็นอิฎฐารมณ์เนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะเป็น โสมนัสสะเวทนา เป็น สุข
อนิฎฐะ ก็จะเป็น ทุกข์
ส่วน อทุกขมสุข หรือ อุเบกขา เนี่ย เสวยอารมณ์ที่ไม่ใช่ อิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์
นี่คือลักษณะอย่างนี้ ครับ
อุเบกขาเวทนา มีลักษณะ เสวยอารมณ์ที่ตรงข้าม หรือไม่ใช่ อิฎฐารมณ์ และ อนิฎฐารมณ์
ปักขะปาตุปัจเฉทะนะ ระสา .
อุเบกขาเวทนา มีกิจหน้าที่ก็คือ ตัดการตกไปในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ตกไปข้างสุขก็ไม่ตกไป
ข้างทุกข์ก็ไม่ตกไป
ก็เลยเรียกว่า อุเบกขา
ไม่ตกไปข้างทุกข์ ข้างสุข ก็คือตัดการตกไปข้างสุขและทุกข์1.28.12
ครับ นี้คือดวงที่ 5 32 และ 33
----
ยะถา จะ ปัญจะเมนะ , เอวัง ฉัฎเฐนาปิ.
ดวงที่ 5 เป็นอย่างไร ดวงที่ 6 ก็เป็นอย่างนั้นแหละ
ดวงที่ 6 ก็เหมือนเดิมก็คือ 32 กับ 33
เว้น ปิติ นะครับ
ที่ต่างกันก็คือ สะสังขาระมัตตะเมวะ โหติ วิเสโส .
ที่ต่างกันก็คือเป็น สะสังขาระ เท่านั้น
---
ต่อไปดวงที่ 7 สัตตะเมนะ ปะนะ ฐะเปตวา ปัญญัง อะวะเสสา เอกะติงสะ วา ทะวัตติงสะ วา ธัมมา โหนติ ,
สัตตะเมนะ อันนี้ ดวงที่ 7 กามาวะจะระกุศลจิตดวงที่ 7 นะครับ ธรรมมะทั้งหลายที่เหลือเว้น ปัญญา เกิดเข้ามาประกอบ ก็เลยเหลือเป็น 31 หรือ 32
----
ตะถา อัฎฐะเมนาปิ . ดวงที่ 8 ก็เหมือนกัน ก็คือ 31 กับ 32
สะสังขาระมัตตะเมวะ วิเสโส .
ต่างกันแค่เป็น สะสังขาระ
เอวัง ตาวะ กามาวะจะระเจตะสิกา เวทิตตัพพา
พึงทราบ กามาวจรกุศลเจตสิก อย่างนี้ก่อน 1.29.39
1.29.39
งั้นเจตสิกก็จะมีประเภท กามาวะจะระกุสะละเจตะสิก มีชื่อเจตสิกแปลกๆด้วยนะ อันนี้เป็นชื่อดั้งเดิมนะ
เป็นเจตสิกประเภท กามาวะจะระกุศล
เจตสิกที่เกิดกับกามาวจรกุศลจิตนั่นแหละเป็นอย่างนี้นะครับ1.29.58
เราก็ไปเขียนใส่ให้สมบูรณ์
------
ฟังจากคลิปนี้มาครับ
เจตสิกที่เกิดกับกามาวจรกุศลจิตดวงที่ 2 ดวงที่ 3 ดวงที่ 4 ดวงที่ 5 ดวงที่ 6 ดวงที่ 7 ดวงที่ 8
น260
น261
400
ต่อไปท่านจะกล่าวถึงเจตสิกที่เกิดกับกามาวจรกุศลจิตดวงที่ 2 ดวงที่ 3 ดวงที่ 4 ดวงที่ 5 ดวงที่ 6 ดวงที่ 7 ดวงที่ 8
ซึ่งพวกเราก็เรียนมาแล้วเรื่องจิต1.18.57
ก็ต้องจำชื่อไว้ ท่านก็บอกต่อไป
ยะถา จะ ปะฐะเมนะ เอวัง ทุติยะจิต เตนาปิ
เจตสิกที่เกิดใน กามาวจรจิตดวงที่ 1 ฉันใด ในกามาวจรจิตดวงที่ 2 ก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ
หมายถึงดวงที่ 2 ก็เกิด 33 และ 34 เหมือนกันอันนี้
ที่ต่างกันก็คือ
สะสังขาระภาวะมัตตะเมวะ หิ เอตถะ วิเสโส
ที่ต่างกันก็คือ มันมีภาวะเป็น สะสังขาระภาวะ เท่านั้นเองก็คือเกิดโดยมีการชี้ชวน ชักนำ กระตุ้นเตือนจากความคิดของตนเอง หรือว่าบุคคลอื่นในเหตุการณ์ต่างๆ กระตุ้นเตือนแล้วกุศลจึงค่อยเกิดขึ้น
1.19.54
บางคราวก็คือ อสังขาริก ก็คือ เกิดเลย มีกำลังเลย บางทีก็ต้องถูกกระตุ้นก่อนจึงค่อยเกิดขึ้น นะ
นี่ดวงที่สอง
------
ส่วนดวงที่ 3 ปุนะ ตะติเยนะ ดวงที่ 3
ญาณะวิปปะโยคะโต ฐะเปตวา อะโมหัง อะวะเสสา ทะวัตติงสะ วา เตตติงสะวา เวทิพตัพพา
ส่วนดวงที่ 3 เจตสิกที่เหลือ
ทะวัตติงสา ทะวัตติงสะวา อันนี้ 32 หรือเป็น เตติงสะวา 33 เว้นญาน เว้นอโมหะไป นั่นเอง
คือเว้นปัญญาไปเพราะว่าเป็น ญาณะวิปปะโยคะ
พึงทราบว่ามีเจตสิกเกิดได้ 32 หรือ 33
------
ส่วนดวงที่ 4 ก็เกิดเท่ากันกับดวงที่ 3
ตะถา จัตตุเถนาปิ
สะสังขาระภาวะมัตตะเมวะ วิเสโส
ต่างกันแค่มีลักษณะ สะสังขาระ เท่านั้นเอง อันนี้นะ
ท่านใดที่จำเรื่องจิตแม่นๆก็คงจะสบาย ท่านใดที่ จำไม่แม่นก็จะไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวผมเขียนให้นิดนึง
ท่านไหนที่สบายแล้วก็ฟังซ้ำก็แล้วกัน1.21.18
1.25.14 ทีนี้มาดูท่านอธิบายในคัมภีร์อภิธัมมาวตารนี้อย่างไร ต่อไป อธิบายต่อไป
ปะฐะเม วุตเตสุ ปะนะ ฐะเปตวา ปีติง อะวะเสสา ปัญจะเมนะ สัมปะโยคัง คัจฉันติ.
ต่อไปตัวที่ 1 นะครับ ก็คือจิตในดวงที่ 5 นั่นแหละ ตัวที่ 1 ตัวที่1ในส่วนของที่เป็นอุเบกขาเวทนา ก็จะเว้นปิติออกไป อย่างนี้นะครับ
เว้นปิติ ก็จะมีเจตสิกเกิดประกอบ 32 และ 33 เหมือนกัน 32 33 นี่ดวงที่ 5
แต่ไม่ใช่เว้นญานเว้นอโมหะ
เว้นปิติไปนะ ธรรมมะที่เหลือเว้นปีติ เกิดสัมปะโยคะกัน
และโสมนัสก็จะเป็น โสมะนัสสัฎฐาเน เจตถะ อุเบกขาเวทะนา ปะวิฎฐา.
ก็เอาอุเบกขาเวทนาประกอบเข้าไปในส่วนที่เป็นโสมนัส ก็คือ เปลี่ยนเวทนา จากโสมนัส เป็น อุเบกขา
1.26.43 ครับ
ซึ่งอุเบกขาเวทนานั้น มีลักขะณาทิจะตุกะ ดังนี้
สา ปะนะ อิฎฐานิฎฐะวิปรีตานุภะวะนะลักขะณา,
อุเบกขาเวทนา มีลักษณะคือ เสวยอารมณ์ มีลักษณะที่เสวยอารมณ์ ที่ตรงกันข้ามกับ อิฎฐะ และ อนิฎฐะ นะ
ถ้าเป็นอิฎฐารมณ์เนี่ย ส่วนใหญ่ก็จะเป็น โสมนัสสะเวทนา เป็น สุข
อนิฎฐะ ก็จะเป็น ทุกข์
ส่วน อทุกขมสุข หรือ อุเบกขา เนี่ย เสวยอารมณ์ที่ไม่ใช่ อิฎฐารมณ์ อนิฎฐารมณ์
นี่คือลักษณะอย่างนี้ ครับ
อุเบกขาเวทนา มีลักษณะ เสวยอารมณ์ที่ตรงข้าม หรือไม่ใช่ อิฎฐารมณ์ และ อนิฎฐารมณ์
ปักขะปาตุปัจเฉทะนะ ระสา .
อุเบกขาเวทนา มีกิจหน้าที่ก็คือ ตัดการตกไปในฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
ตกไปข้างสุขก็ไม่ตกไป
ข้างทุกข์ก็ไม่ตกไป
ก็เลยเรียกว่า อุเบกขา
ไม่ตกไปข้างทุกข์ ข้างสุข ก็คือตัดการตกไปข้างสุขและทุกข์1.28.12
ครับ นี้คือดวงที่ 5 32 และ 33
----
ยะถา จะ ปัญจะเมนะ , เอวัง ฉัฎเฐนาปิ.
ดวงที่ 5 เป็นอย่างไร ดวงที่ 6 ก็เป็นอย่างนั้นแหละ
ดวงที่ 6 ก็เหมือนเดิมก็คือ 32 กับ 33
เว้น ปิติ นะครับ
ที่ต่างกันก็คือ สะสังขาระมัตตะเมวะ โหติ วิเสโส .
ที่ต่างกันก็คือเป็น สะสังขาระ เท่านั้น
---
ต่อไปดวงที่ 7 สัตตะเมนะ ปะนะ ฐะเปตวา ปัญญัง อะวะเสสา เอกะติงสะ วา ทะวัตติงสะ วา ธัมมา โหนติ ,
สัตตะเมนะ อันนี้ ดวงที่ 7 กามาวะจะระกุศลจิตดวงที่ 7 นะครับ ธรรมมะทั้งหลายที่เหลือเว้น ปัญญา เกิดเข้ามาประกอบ ก็เลยเหลือเป็น 31 หรือ 32
----
ตะถา อัฎฐะเมนาปิ . ดวงที่ 8 ก็เหมือนกัน ก็คือ 31 กับ 32
สะสังขาระมัตตะเมวะ วิเสโส .
ต่างกันแค่เป็น สะสังขาระ
เอวัง ตาวะ กามาวะจะระเจตะสิกา เวทิตตัพพา
พึงทราบ กามาวจรกุศลเจตสิก อย่างนี้ก่อน 1.29.39
1.29.39
งั้นเจตสิกก็จะมีประเภท กามาวะจะระกุสะละเจตะสิก มีชื่อเจตสิกแปลกๆด้วยนะ อันนี้เป็นชื่อดั้งเดิมนะ
เป็นเจตสิกประเภท กามาวะจะระกุศล
เจตสิกที่เกิดกับกามาวจรกุศลจิตนั่นแหละเป็นอย่างนี้นะครับ1.29.58
เราก็ไปเขียนใส่ให้สมบูรณ์
------
ฟังจากคลิปนี้มาครับ