สายงานวิศวะค่ะ
เราอายุ 30 กลาง, ลูกน้องอายุ 50
เรามารับตำแหน่งเมเนเจอร์แทนหัวหน้าคนเก่า ซึ่งลูกน้องคนนี้(มีเรื่องเล่าจากในแผนกว่า)เคยถูกถามจากหัวหน้าคนเก่าว่า อยากเป็นหัวหน้ามั้ย แต่เขาไม่เอา
ตอนแรก เราไม่คิดอะไร แต่พอได้ทำงานด้วย เราเริ่มรู้สึกว่า การที่เขาถูกทาบทาม ไม่ใช่เพราะเขาเก่ง แต่เพราะเขาชอบมีบท ชอบเสนอแนะการบริหาร อะไรที่เรานำไปเสนอ (ที่ผ่านการลงความเห็นจากเมเนเจอร์อีก 5 คน) เขามักจะต่อต้าน แล้วบอกว่าไม่ดี วิธีของเขาดีกว่า เพราะเขาอยู่มานานกว่า
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เราอดทนกับเขามานานแล้ว ในความเห็นของเรา เขาไม่ปรับตัวกับนโยบายองค์กร ชอบก่อประเด็นขึ้นมาให้คนเกลียดการติดสินใจของผู้บริหาร ที่เรารู้สึก มันมีผลต่อมายเซตของทีมมาก ตลอดจนวิจารณ์การบริหารของเราว่าเราเป็นขี้ข้า ไม่มีปากมีเสียงแทนเขา ไม่ใช่เราไม่ไฟต์แทนทีม แต่เราเลือกประเด็นสำคัญก่อน บางอย่างเป็น workload ที่สะสมตั้งแต่เมเนเจอร์คนเก่า เราก็เอางานตรงนี้ออกจากทีมได้ แต่ฟีลเขาได้คืบจะเอาศอก พูดแต่เรื่องสมัย 20 กว่าปีที่แล้วที่งานมันไม่เยอะขนาดนี้.....
เขาขี้แซะ ขี้บ่น และชอบทำบรรยากาศในไลน์เสียด้วยการบ่นเรื่องเดิมๆ ที่มันเป็นปัญหาองค์กรที่สะสมมานาน และหรือบางอย่างเราเคยชี้แจงไปแล้ว เอามาเปิดประเด็นเรื่อยๆ
เขาชอบถามหา work life balance แต่อยากให้หัวหน้าทำงาน 24 ชม. ซึ่งจริงๆ เราทำงานทุกวัน เกือบ 24 ชม. วันหยุดเรามีวอร์รูมตลอด รับ Escalate ทั้งวัน สุขภาพจะแย่อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังแซะ ด้วยการไปแคปไลน์ของเมเนเจอร์อีกคนมา แล้วเอามาเปิดประเด็นว่า เมเนเจอร์คนนี้ดีเนอะ ทำงานตลอดเวลา ทั้งที่ในเวลานั้น เราก็ meeting อยู่กับเมเนเจอร์คนนั้นแหละ เพียงแค่หัวข้อของเรามักเป็นการพรีเซนต์ การชี้แจงปัญหา การวางแผน ซึ่งมันไม่ต้องแท็กถามลูกน้องในไลน์ระหว่าง meeting คือเรามีบทต่อ Director แต่เราไม่มีบทต่อหน้าลูกน้องคนนี้เท่านั้นเอง
และ ช่วงไหนที่เราไม่มีบท ดูเหมือนหายไป เขาก็จะเอาละ เริ่มก่อประเด็นว่าเราหายไป ประเด็นนี้ เขาจะเล่นเราในวันทำงานไม่ได้ เพราะเราปรากฎตัวในไลน์ตลอด ที่เราลองสังเกต เขามักจะเล่นประเด็นนี้ตอนวันหยุด เพราะเขาเข้ากะ ซึ่งเมเนเจอร์คนเก่า เคยบอกเราว่า ทีมอยากให้หัวหน้าอยู่ตลอด วันหยุดเราก็อาจจะต้องแบ่งเวลามาช่วยทีมทำงานบ้าง ในตอนแรก เราเข้ามาดูตลอด และสังเกตเห็นด้วยว่า คำพูดของเมเนเจอร์คนเก่า มันใช้เป็นภาพรวมของทีมไม่ได้ เพราะคนที่ขอความช่วยเหลือ คนที่ติดสกิล มันมีอยู่ไม่กี่คน ซึ่งเอาจริงๆ หัวหน้าไม่ต้องมาเฝ้าด้วยประเด็นนี้ แต่เขาควรจะพัฒนาตัวเองให้เท่าคนอื่นต่างหาก รวมถึงลูกน้องอายุ 50 คนนี้ด้วย ไม่เก่งสักด้าน คะแนนผลงานในระบบก็ต่ำกว่ามีน เราพยายามปรับทีมให้มันแข็งแรง process ต้องแม่นพร้อมกับสกิลต้องแน่น เสนอไปว่าอยากเทรนด์กับ vendor ไหม แต่ลูกน้องคนนี้ เขามีความคิดเดิมๆ ว่าอยากให้หัวหน้าทำที่มันยากๆ ให้มากกว่าเอาเวลาไปเทรนด์ เพราะแค่นี้ work life balance เขาก็หายไปละ อาจคงเพราะหัวหน้าคนเก่าทำมั้ง เราก็งงนี่มันระบบความคิดอะไร คุณเป็นเอนจิเนียร์อ่ะ ทุกอย่างมันพัฒนาไปข้างหน้า จะให้ใครมาทำแทน
ที่ผ่านมา เราพยายามลดบทบาทเขาด้วยการไม่ตอบในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับงาน พวกประเด็นแซะทั้งหลาย เรามองข้ามเลย แต่เขาไม่หยุด มันยังมีมาเรื่อยๆ
เราปรึกษา HR แล้ว HR ก็เหมือนไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ เขาบอกให้เราแจ้งหัวหน้าจริงๆ ของเรารับทราบ (หน. ที่เราทำงานภายใต้ ณ ตอนนี้เป็นคนไทยที่เข้ามาดูภาพรวม) ตรงนี้เราเลยยังลังเลอยู่ เพราะหัวหน้าจริงๆ เราอยู่สำนักงานที่ต่างประเทศ ไม่แน่ใจเรื่องผลดี ผลเสีย เลยยังลังเลอยู่ ที่ทำให้ลังเลหนัก ก็ด้วยท่าทีของ HR เขาก็ดูเหมือนไม่มั่นใจว่าจะให้เราไปทางไหน เหมือนตอบส่งๆ
เจอลูกน้องแบบนี้ เป็นคุณ จะทำยังไง
เราอายุ 30 กลาง, ลูกน้องอายุ 50
เรามารับตำแหน่งเมเนเจอร์แทนหัวหน้าคนเก่า ซึ่งลูกน้องคนนี้(มีเรื่องเล่าจากในแผนกว่า)เคยถูกถามจากหัวหน้าคนเก่าว่า อยากเป็นหัวหน้ามั้ย แต่เขาไม่เอา
ตอนแรก เราไม่คิดอะไร แต่พอได้ทำงานด้วย เราเริ่มรู้สึกว่า การที่เขาถูกทาบทาม ไม่ใช่เพราะเขาเก่ง แต่เพราะเขาชอบมีบท ชอบเสนอแนะการบริหาร อะไรที่เรานำไปเสนอ (ที่ผ่านการลงความเห็นจากเมเนเจอร์อีก 5 คน) เขามักจะต่อต้าน แล้วบอกว่าไม่ดี วิธีของเขาดีกว่า เพราะเขาอยู่มานานกว่า
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า เราอดทนกับเขามานานแล้ว ในความเห็นของเรา เขาไม่ปรับตัวกับนโยบายองค์กร ชอบก่อประเด็นขึ้นมาให้คนเกลียดการติดสินใจของผู้บริหาร ที่เรารู้สึก มันมีผลต่อมายเซตของทีมมาก ตลอดจนวิจารณ์การบริหารของเราว่าเราเป็นขี้ข้า ไม่มีปากมีเสียงแทนเขา ไม่ใช่เราไม่ไฟต์แทนทีม แต่เราเลือกประเด็นสำคัญก่อน บางอย่างเป็น workload ที่สะสมตั้งแต่เมเนเจอร์คนเก่า เราก็เอางานตรงนี้ออกจากทีมได้ แต่ฟีลเขาได้คืบจะเอาศอก พูดแต่เรื่องสมัย 20 กว่าปีที่แล้วที่งานมันไม่เยอะขนาดนี้.....
เขาขี้แซะ ขี้บ่น และชอบทำบรรยากาศในไลน์เสียด้วยการบ่นเรื่องเดิมๆ ที่มันเป็นปัญหาองค์กรที่สะสมมานาน และหรือบางอย่างเราเคยชี้แจงไปแล้ว เอามาเปิดประเด็นเรื่อยๆ
เขาชอบถามหา work life balance แต่อยากให้หัวหน้าทำงาน 24 ชม. ซึ่งจริงๆ เราทำงานทุกวัน เกือบ 24 ชม. วันหยุดเรามีวอร์รูมตลอด รับ Escalate ทั้งวัน สุขภาพจะแย่อยู่แล้ว แต่เขาก็ยังแซะ ด้วยการไปแคปไลน์ของเมเนเจอร์อีกคนมา แล้วเอามาเปิดประเด็นว่า เมเนเจอร์คนนี้ดีเนอะ ทำงานตลอดเวลา ทั้งที่ในเวลานั้น เราก็ meeting อยู่กับเมเนเจอร์คนนั้นแหละ เพียงแค่หัวข้อของเรามักเป็นการพรีเซนต์ การชี้แจงปัญหา การวางแผน ซึ่งมันไม่ต้องแท็กถามลูกน้องในไลน์ระหว่าง meeting คือเรามีบทต่อ Director แต่เราไม่มีบทต่อหน้าลูกน้องคนนี้เท่านั้นเอง
และ ช่วงไหนที่เราไม่มีบท ดูเหมือนหายไป เขาก็จะเอาละ เริ่มก่อประเด็นว่าเราหายไป ประเด็นนี้ เขาจะเล่นเราในวันทำงานไม่ได้ เพราะเราปรากฎตัวในไลน์ตลอด ที่เราลองสังเกต เขามักจะเล่นประเด็นนี้ตอนวันหยุด เพราะเขาเข้ากะ ซึ่งเมเนเจอร์คนเก่า เคยบอกเราว่า ทีมอยากให้หัวหน้าอยู่ตลอด วันหยุดเราก็อาจจะต้องแบ่งเวลามาช่วยทีมทำงานบ้าง ในตอนแรก เราเข้ามาดูตลอด และสังเกตเห็นด้วยว่า คำพูดของเมเนเจอร์คนเก่า มันใช้เป็นภาพรวมของทีมไม่ได้ เพราะคนที่ขอความช่วยเหลือ คนที่ติดสกิล มันมีอยู่ไม่กี่คน ซึ่งเอาจริงๆ หัวหน้าไม่ต้องมาเฝ้าด้วยประเด็นนี้ แต่เขาควรจะพัฒนาตัวเองให้เท่าคนอื่นต่างหาก รวมถึงลูกน้องอายุ 50 คนนี้ด้วย ไม่เก่งสักด้าน คะแนนผลงานในระบบก็ต่ำกว่ามีน เราพยายามปรับทีมให้มันแข็งแรง process ต้องแม่นพร้อมกับสกิลต้องแน่น เสนอไปว่าอยากเทรนด์กับ vendor ไหม แต่ลูกน้องคนนี้ เขามีความคิดเดิมๆ ว่าอยากให้หัวหน้าทำที่มันยากๆ ให้มากกว่าเอาเวลาไปเทรนด์ เพราะแค่นี้ work life balance เขาก็หายไปละ อาจคงเพราะหัวหน้าคนเก่าทำมั้ง เราก็งงนี่มันระบบความคิดอะไร คุณเป็นเอนจิเนียร์อ่ะ ทุกอย่างมันพัฒนาไปข้างหน้า จะให้ใครมาทำแทน
ที่ผ่านมา เราพยายามลดบทบาทเขาด้วยการไม่ตอบในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับงาน พวกประเด็นแซะทั้งหลาย เรามองข้ามเลย แต่เขาไม่หยุด มันยังมีมาเรื่อยๆ
เราปรึกษา HR แล้ว HR ก็เหมือนไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับประเด็นนี้ เขาบอกให้เราแจ้งหัวหน้าจริงๆ ของเรารับทราบ (หน. ที่เราทำงานภายใต้ ณ ตอนนี้เป็นคนไทยที่เข้ามาดูภาพรวม) ตรงนี้เราเลยยังลังเลอยู่ เพราะหัวหน้าจริงๆ เราอยู่สำนักงานที่ต่างประเทศ ไม่แน่ใจเรื่องผลดี ผลเสีย เลยยังลังเลอยู่ ที่ทำให้ลังเลหนัก ก็ด้วยท่าทีของ HR เขาก็ดูเหมือนไม่มั่นใจว่าจะให้เราไปทางไหน เหมือนตอบส่งๆ