[SR] บอสพาชิม: J'AIME by Jean-Michel Lorain (Bangkok,Thailand)

กระทู้รีวิว
บอสพาชิม:J'AIME by Jean-Michel Lorain (Bangkok,Thailand)



ผมได้แวะเวียนกลับมาที่ J'AIME เนื่องในโอกาส เชฟNicolas Keller เข้ารับตำแหน่ง Head chef คนใหม่ Jaime เป็นหนึ่งในห้องอาหาร ฟรั่งเศส fine dining ที่เปิดในบ้านเรามาอย่างยาวนานและติดMichelin guide ทุกฉบับของไทย  

ร้าน Jaime นั้นเป็นหนึ่งในร้านอาหารฟรั่งเศสที่ผมรู้สึกคุ้มค่าที่สุดในประเทศไทย โดยเฉพาะมื้อกลางวันที่มีราคาย่อมเยาว์เพียง 1950 หรือจะเป็นมื้อเย็นในวันนี้อย่าง signature menu ที่ราคาเพียง 4300 บาท แต่เทียบกับของที่ได้เเละวัตถุดิบแล้ว good deal เลยละครับ ยังไม่นับไม่รวมโปรโมชั่นต่างๆของทางร้านที่มีหมุนเวียนมาเรื่อยๆ หากใครอยากหาร้านอาหารฟรั่งเศสบรรยากาศเงียบสงบใจกลางเมืองย่านสาทร ผมว่าJaime เป็นตัวเลือกที่อยากแนะนำครับ

พูดถึงร้านนี้คงจะยากที่จะไม่กล่าวถึงประวัติของ Jean-Michel Lorain เชฟระดับตำนานของอาหารฟรั่งเศสคนนึง กับร้าน La Côte Saint Jacques ร้านอาหารระดับ 2* ที่เปิดมาอย่างยาวนานเกือบ50ปี โดยทางร้านได้รับดาวดวงแรกหลังจากเปิดและดวงที่สองก็ตามมาไม่นานนัก และในปี 1986 La Côte Saint Jacques  ก็พุ่งถึงจุดสูงสุด Jean-Michel Lorain เป็นเชฟMichelin star สามดาวที่อายุน้อยที่สุดคนนึงในโลกด้วยอายุ 27ปีในขณะนั้น  และยังได้รับคะแนน19.5/20 จาก Gault et Millau อีกด้วย แม้จะถูกลดสถานะเหลือ 2* ในปี 2015 แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าสถานะของ Michel Lorain นั้นถือเป็นตำนานที่ยังมีลมหายใจของวงการอาหารฟรั่งเศสท่านนึง

เชฟ Nicolas นั้น เป็นเชฟดาวรุ่งมากพรสวรรค์จาก La Côte Saint Jacques และเป็นหนึ่งในศิษย์ก้นกุฏิที่ปรมจารย์Jean Michel Lorainไว้วางใจ ให้มาควบคุมครัวของ ร้าน Jaime เชฟNicolas ตั้งใจที่จะนำเสนออาหารคลาสสิกของฟรั่งเศส เหมือนร้านแม่ แต่ผสมผสานไอเดียใหม่ๆของตัวเองเข้าไปด้วย เพื่อรังสรรค์ออกมาเป็นประสบการ์ณที่เเขกจะรู้สึกสนุกสนานตื่นเต้นเเต่ก็คุ้นลิ้นไปในเวลาเดียวกัน

ผมรู้สึกได้ว่า Jaime ในยุคใหม่นี้มีความคลาสสิกมากขึ้นหลังการผลัดใบในครั้งนี้ อาหารนั้นเป็นสัดส่วนจานคลาสสิกเยอะหน่อย ไม่มากสีสันต์และแหวกแนวแบบในยุคของเชฟ Amerigo มีการใส่ลูกเล่นของวัตถุดิบท้องถิ่นอย่างใบมะยมทอดลงไปเล็กน้อย  ตัวคอร์สมีลำดับการจัดเรียงเเละจังหวะจะโคนที่ดี โดยcanapeจะเริ่มด้วยคำที่รสอ่อนตามมาด้วยหอยนางรมที่รสเข้มขึ้น  ก่อนเบรคด้วยมะเขือล้างปาก ตามมาด้วยโฟรกรา และเบรคความมันด้วยปลา ที่เชื่อมมันเข้ากับอาหารทะเลอีกสองจานอย่างล็อบสเตอร์และหอยเชลล์ จานที่ประทับใจผมในวันนี้เห็นจะเป็น ปลาBarramundi รมควัน และซอสเบลอบลองกับ caviarที่ยังคงคลาสิกและประทับใจอยู่ทุกครั้ง เ่นเดียวกันกับไอซ์ครีมกุหลาบกลิ่นหอมหวานเกินห้ามใจ



จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
SIGNATURE MENU



Canapé selections

คำแรกเป็น Razor clam เสริฟ์มากกับ เห็ดchanterelle, shallot ,wababi puree คำเปิดนี้รสค่อนข้างเบา ตัวหอยหนึบกรุบๆมีความหวานเบาๆ ตัวเห็ดและเเชลลอตนั้นให้กลิ่นอายความฉุนเอริธตี้เเละความหวานอ่อนๆรสของซอสนั้นฉุนเย็นเบาๆทำให้ไม่กลบรสหวานของหอยทำได้ดีครับ 

***

Sea snail ทอด เสริฟ์มาพร้อมกับ parsley puree และใบมะยมทอด ตัวหอยescagot ทอดออกมาได้แป้งกรอบบางเนื้อเด้งสู้ฟันไม่เหนียวสุกกำลังดี ตัวซอสนั้นกลิ่นเขียวเย็นอ่อนๆของสมุนไพร และตัดด้วยรสเปรี้ยวฝาดเฉพาะตัวของใบมะยมครับ 

***
Special Oysters n°3, cauliflower cream, citrus pearls

เชฟไล่รสขึ้นด้วย คำต่อมากับหอยนางรม ฟิงเกอร์ไลม์ คาเวียร์ สาคู และครีมดอกกะหล่ำ เป็นอีกจานที่ผมคิดว่าทุกคนคงชื่นชอบครับ รสเข้าใจง่ายโดยเชฟเลือกหอยนางรมไซส์เบอร์สามขนาดพอดีคำรสเข้มข้น ตัวหอยมีกลิ่นอายทะเลนิด เพิ่มความครีมมี่ด้วยครีมดอกกะหล่ำ ก่อนตัดด้วยรสเปรี้ยวจากฟิงเกอร์ไลม์ ความสนุกสนานของคำนี้คือความหนึบๆของสาคูและกรุบๆของฟิงเกอร์ไลม์ที่ช่วยเพิ่มความสนุกเวลาเคี้ยวในปากได้เป็นอย่างดี

***

Heirloom tomatoes and giant hyssop ice cream

เชฟเบรครสด้วยจานสลัดเล็กๆแต่มากองค์ประกอบ ทุกอย่างในจานนี้จะมีมะเขือเป็นองค์ประกอบโดยมันมี Tomato หลากสีที่ถูกเสริฟ์มาในแบบ jelly , gazpacho tomato , chamichurie ,และออนท็อปด้วย icecream tomato กับ jasmine rice จานนี้เป็นอีกจานที่มีเท็กเจอร์ที่หลากหลายและองค์ประกอบที่ซับซ้อน รสดี เปรี้ยวเค็มซึ่งชว่ยขับหวานอ่อนสดชื่นของมะเขือได้อย่างละมุน มีรสเขียวหอมสมุนไพรจากchamichurieแทรก ตัวที่ดีที่สุดในจานนี้ต้องยกให้ไอซ์ครีมมะเขือเทศกับข้าวหอมมะลิมันมีกลิ่นหอมเย็นของข้าวหอมมะลิอารมณ์เหมือนไอซ์ครีมข้าวแช่ผสมกับมะเขือเทศเลยครับ อร่อยดียิ่งในช่วยอากาศร้อนๆแบบนี้แล้วผมว่าจานนี้กระตุ้นความอยากอาหารได้ดี

***

Pan-seared Foie gras, tangy tartlet, celeriac and cranberry Mille-feuille

Foiegras นั้นถูกเสริฟ์มาพร้อมกับ Mille-feuille celilac และ cranberry puree ,ซอส jusจากเป็ด และ tart celilac  อย่างแรกถ้าใครชอบโฟร์กราสายมันสะใจแล้วที่นี้อาจจะไม่ใช่แบบนั้น อย่างแรกที่อยากชมคือตัวซอสเข้มข้นสะใจดีครับไม่ค่อยเจอที่ไหนที่ทำซอสกลิ่นไวน์แดงชัดขนาดนี ด้วยความที่โฟรกราค่อนข้างมันผมว่าตัวซอสที่มีความฝาดของไวน์แดงเยอะหน่อยน่าจะช่วยให้รู้สึกไม่มันมาก พอเสริมด้วยรสหวานของเเครนเบอร์รี่เเล้วช่วยให้จานนี้ผสมผสานกันอย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งจานที่เเสดงความคลาสสิกออกมาได้อย่างมีชั้นเชิง

***

Lightly smoked Barramundi with caviar sauce

ปลา บารามันดี นึ่ง เสริฟ์มากับซอสเบลอบลองและคาเวียร์  รับประทานกับsnow pea กับไช้เท้าซอย จานซิกเนเจอร์ของเชฟ คลาสสิก และยังคงชื่นชอบทุกครั้งครับ ตัวปลานึ่งมาได้สุกกำลังดีมีเหลือบชมพูบางๆตามแบบฉบับ เนื้อนุ่มยังคงฉ่ำ ซอสเบลอบลองของที่นี้มีความครีมมี่บางๆรสไม่จัดมากนัก ทำให้เราสามารถทานได้เรื่อยๆโดยไม่รู้สึกหนัก หรือถ้าอยากเพิ่มความเข้มข้นนั้นคาเวียร์ทำหน้าที่ตรงส่วนนี้ได้อย่างดี ที่ขาดไม่ได้เลยคือเครื่องเคียงอย่างไชเท้าเเละถั่วsnow pea นั้นช่วยเพิ่มความหวานในปากและทำให้จานนี้ครบรสครับ

***

Caramelized Scallops with Sancho pepper and wild mushrooms

หอยเชลล์ที่ searให้กรอบไหม้นิดที่ผิด เนื้อตรงกลางสุกแบบ medium ก่อนcoat ด้วยคีนัวกรอบ ถูกเสริฟ์มากกับ wildmushromm duxelles  puree celilac แครอท มันม่วงและซอสจาก clam bisqueกับองุ่น 

เอาจริงจานนี้ดูเหมือนจะธรรมดาแต่มันเป็นจานที่ผมชอบสุดในวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย เริ่มจากตัวหอยเนื้อหวานที่ถูกทำให้สุกที่ผิวกรอบนิด เนื้อตรงกลางกึ่งสุกกึ่งดิบไม่เหนียวรสหวานมาก และรสหวานของหอยยิ่งชัดเจนขึ้นด้วยพริกไทซานโชที่ให้รสเปรี้ยวฉุนเบาๆและเผ็ดอ่อนๆบางๆ  ก่อนจะปิดท้ายด้วยคีนัวกรอบด้านบน พระเอกของจานนี้คือซอสอร่อยมากๆ รสอมามิของหอย แน่นๆ ความครีมมี่ กลิ่นฝาดและความหวานขององุ่นนั้นช่วยเบรครสทะเลที่แผดพุ่งของจานนี้และสร้างความสงบเย็นในปากได้อย่างลงตัวครับ

***
Atlantic Lobster blanquette, spring vegetables and shimeji

Lobster ที่ถูกทำให้สุกอย่างช้าๆใน Lbster bisque เสริฟ์มากับซอส blueblanc เห็ด shimeji ลิ้นหมูและถั่วsnow pea   แปลกดีเเฮะความหนึบๆของลิ้นหมูเข้ากับความเด้งของกล็อบสเตอร์ได้ดีแฮะ เท็กเจอร์ของทั้งสองอย่างไม่เหนียวเลย จานนี้รสของBisque ไม่จัดมาก เป็นจานที่น่าสนใจชวนให้อยากลองจิ้มนั้นนิด จิ้มนี่หน่อย 

***

Pigeon, mulberry, confit eggplant and blackcurrant pepper jus

จานนี้เชฟนิโคลัสเลือกเสริฟ์นกพิราบ ส่วนอก และ  ขานกconfit เสริฟ์มาพร้อมกับ mulberry puree  ผักcos และมะเขื่อม่วงที่ถูกนำไป char และสุดท้ายซอสbird jus 

อีกหนึ่งจานคลาสสิก ตัวเนื้ออกเป็ดนั้น ทำได้ตามมาตราฐานร้านหอมกลิ่นควัน และถูกทำให้สุกด้วยการอบก่อนจะจบด้วยความร้อนจากกะทะ ตัวซอสมีส่วนผสมของนกพิราบอยู่เยอะตรงส่วนี้ผมชอบมากหลายร้านมักจะผสมไก่ลงไปเยอะซึ่งกลิ่นหรือเท็กเจอร์จะแตกต่างออกไป นอกจากนั้นตัวซอสยังใส่ celilac ลงไปซึ่งช่วยเพิ่มมิติเเละลดความหนักได้ดีครับ ส้วนขาเป็ดนั้นถูกปรุงมาเข้มข้นกว่าเนื้อส่วนอก  เป็นอีกหนึ่งจานคลาสสิกครับ

***

Rose ice cream in crystalized rose petals

อีกหนึ่งจากคลาสสิกที่ผมชอบทุกครั้งที่มาเยือน ไอซ์ครีมรสกุหลาบ กับซอสเบอรี่ เสริฟ์มาในกลีบกุหลาบประดิษฐ์จากน้ำตาล เป็นจานที่ผมรู้สึกดีและสดชื่นทุกครั้งที่ทานกลิ่นหอมเฉพาะตัวของไอซ์ครีมเนื้อเนียมครีมมี่นิดๆหอมกลิ่นกุหลาบรสไม่หวานมาก กับความกรอบของน้ำตาลที่ช่วยเพิ่มความเข้มข้นให้กับรสชาติ ก่อนตัดด้วยรสเปรี้ยวโปร่งของเบอรร์รี่เป็นจานที่เรียบง่ายอต่สมดุลและประทับใจทุกครั้งครับ

***

In the spirit of a Black Forest, beetroot and coffee

เค้ก Black forest ในเเบบฉบับของ Jaime เสริฟ์มาในเเบบ Deconstruction โดยเชฟเลือกเสริฟ์ไอซ์ครีมบีทรูท กับขอนไม้ที่ทำจากเค้กช็อคโกแลต ganache ช็อคโกแลต ครีมกาแฟ และบีทรูท ครับ ถ้าใครกินครั้งแรกต้องเซอรไพร์สกับรสชาติแน่ๆ  รสของบีทรูทเข้ากับช็อคโกแลตได้อย่างลงตัว ต้องของคุณครีมกาแฟที่นอกจากช่วยให้เนื้อเค้กไม่รู้สึกแห้งเกินไปหรือบีทรูทมีความเอริธิ์ตี้เกินไป ละความขมหวานนิดๆของมันยังช่วยเชื่อมรสชาติของบีทรูทกับช็อคโกแลตให้เข้ากันได้อย่างดี

ปิดท้ายด้วย Petit four

ชื่อสินค้า:   J'aime by Jean-michel Lorain French Restaurant
คะแนน:     

SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - ได้รับสินค้ามาใช้รีวิวฟรี โดยต้องคืนสินค้าให้เจ้าของสินค้า
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่