Kagero (Bangkok,Thailand)
Review ในวันนี้เป็นร้าน คาเกโระ กรุงเทพนับเป็นร้านที่สร้างปรากฏการณ์ตอนจะมาเปิดที่กรุงเทพร้านหนึ่งครับเพราะยากที่จะมีร้านระดับนี้จากญี่ปุ่นยอมมาปิดร้านและเปิดในไทย โดย Kagero นี่ได้รับรางวัล Tabelog Bronze ในญี่ปุ่นหลายปีซ้อน ผมเห็นหลายๆท่านแวะมานานแล้วครับแต่ส่วนตัวผมพึ่งมีโอกาสมาสักที
โดยอาหารของ Kagero นั้นเป็นอาหารอิตาลีที่แฝงสเนห์และกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นไว้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นหรือคอมบิเนชั่นต่างๆแบบอาหารญี่ปุ่น ต้องยอมรับว่าการเลือกเสริฟ์ปลาทอดทั้งเกล็ดเเบบญี่ปุ่นหรือหูฉลามในร้านอาหารอิตาลีนี่มีความแปลกใหม่ดีครับ
อาหารของที่นี้นั้นรสปรุงเเบบเรียบๆเน้นชูความดีงามของวัตถุดิบ มีจานที่ทำออกมาได้ดีและผมประทับใจมากๆเช่นจานcroquetteปูซูไว ที่ปรุงออกมาได้เพอร์เฟ็กต์มากๆ ผิวกรอบ เนื้อเบาและเนียนมากๆมีความฉ่ำครีมที่มีกลิ่นปูอ่อนๆ ซอสนั้นช่วยเพิ่มความเข้มข้นของทะเลและรสเผ็ดเบาๆ ตัวทาร์ทาร์เพิ่มความครีมมี่ ทุกองค์ประกอบผสมผสานอย่างลงตัว ดีมากๆครับ หรือ จะจาน UNI & SHIRO EBI cold pasta จานนี้ผมแนะนำทุกคนว่าสั่งเถอะ ฮ่าา +300 เอง คุ้มมาก โดยเราจะได้ คาเปลินี่ซอสหมึกดำใส่กุ้งชิโระเอบิและอูนิ จานนี้รสไลท์ๆโปร่งๆ ผมว่าเชฟบาลานซ์รสได้ดีครับ มีรสเปรี้ยวบางๆและหอมสดชื่นจากน้ำมันมะกอก ก่อนจบด้วยรสอุมามิของซอส ซึ่งขับรสชาติของกุ้งและอุนิได้ดีทีเดียวครับ
แต่พออาหารยิ่งเรียบนี่จะยิ่งยากกับเชฟเพราะต้องอาศัยความละเอียดละออมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆในการปรุงอาหารนั้นมันยิ่งเลย ทำให้ในวันนี้มีอยู่บางจานที่ผมรู้สึกว่าอาจจะตกหล่นไปบ้างซึ่งได้คอมเม้นท์กับเชฟแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซุปที่รู้สึกมันหนักไป หรือเป็ดที่แอบเสียดายเพราะโอเวอร์คุ๊กไปนิดนึงจนหนังไหม้ทำให้มีรสขมที่ปลายลิ้น ซึ่งเป็ดจานนี้ทำได้อย่างที่ผมจินตนาการแล้วนี้มันน่าจะเป็นเป็ดไทยที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผมเลยครับ
จำนวนจานที่เสริฟ์มานั้นมี 7 คอร์ส+ 1 Add on ส่วนตัวผมที่กินได้เยอะและเพื่อนที่กินได้น้อย ต่างลงความเห็นว่าถ้ากินแบบไม่มี add on แล้วจะรู้สึกขาดอะไรอยู่นิดๆไม่ค่อยพอดี แต่ถ้ารวมจานadd on น่าจะอิ่มกำลังดีเลยละ ด้วยราคาใหม่ 5400++ นี้สูงกว่าร้านลูกของ Kagero ที่โตเกียวอย่างK+ 18,500 yen ที่รวมไวน์สองดริ้งด้วย (As NOV 23) ถ้าคิดว่าตัวเชฟประจำอยู่ที่ไทยเป็นสาขาแม่แล้วก็คงจะไม่แปลกอะไร แต่ถ้ามองถึงค่าครองชีพที่ต่างกันลิบลิ่วเเล้วผมว่าหลายๆท่านคงมีคำถามในใจเหมือนกัน
เชฟและทีมบริกรของทางร้านมีความน่ารักและใส่ใจ มีการสอบถามว่าอาหารในแต่ละจานเป็นอย่างไร โดยตัวเชฟเองจะวนเดินถามความคิดเห็นจากลูกค้าทุกโต๊ะเวลาจบรอบตรงนี้น่ารักมากๆครับ
จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
.
ASSORTED APPETIZERS
ซิกเนเจอร์ของ Kagero โดยจัดมาในแบบเบนโตะมีกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น โดยมีทั้งหมดหกชนิด ด้วยกัน ซึ่งทำตามวัตถุดิบตามฤดูกาล โดยเชฟแนะนำให้กินตามลำดับ โดยเริ่มจาก
ไข่ตุ๋น หรือ Chawamushi ออนท็อปด้วยน้ำสต๊อคจากหอยชิจิมิ เนื้อกุ้งล็อปสเตอร์ จากmaine คาราซูมิหรือไข่ปลากระบอกตากแห้ง และสุดท้ายคาเวียร์
จานนี้ผมแนะนำให้แบ่งกินหลายๆแบบเพื่อที่จะได้รสที่หลากหลายครับ เริ่มต้นจากตัวไข่ตุ๋นและน้ำซุปอุ่นที่ให้กลิ่นอายทะเลเบาๆเเบบซุปหอย รสนวลๆบางๆเหมาะแก่การเริ่มต้นมื้อครับ ตามด้วยการชิมความหวานกรอบของเนื้อกุ้ง และปิดท้ายด้วยการกินกับคาราซุมิที่ให้รสเค็มเจือกลิ่นอายทะเลเข้ากับน้ำสต๊อกจากหอยและคาเวียรได้ดีครับ
.
ปลาซามะ เสริฟ์กับเลม่อนวินิเเกรต จานนี้ทำได้ตามมาตราฐานร้านครับ ปลากลางๆไม่ได้มันมาก รสวินิเเกรตเบาๆรสโปร่งเปรี้ยวอมหวาน
.
Tamago กับautumn truffle จานนี้ตัวไข่เสริฟ์มาแบบยางมะตูมมีกลิ่นควันอ่อนๆ รสซอสในไข่ไม่ได้จัดมากเค็มนิดๆตัดกันไข่แดงที่หวานอ่อนๆ
.
แมงกะพรุนยูสุน้ำมันงา ชอบดีครับยำแมงกระพรุนเเบบใส่ยูสุ โดยของที่นี้รสเปรี้ยวสดชื่นของยูสุนำมีรสเปรี้ยวอมเค็มอ่อนๆ เนื้อแมงกระพรุนสุกกำลังดีกรอบไม่เหนียว กลิ่นของส้มยูสุสร้างความแปลกใหม่และเข้ากับกลิ่นงาเบาๆได้ดี
.
สลัดดอกกะหล่ำปลีและอิคุระ โดยเชฟจะนำดอกกะหล่ำมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ เสริฟ์มาในอุณหภูมิห้อง รสเบาๆมีกลิ่นและความหวานอ่อนๆของดอกกะหล่ำก่อนปิด
อันที่ผมชอบที่สุดครับ เป็นชีส Buratta จากอิตาลีและลูกมะเดื่อจากsaga โดยปกติมะเดื่อดำนั้นคนจะคุ้นกับชื่อSolliés แต่คุณภาพมะเดื่อดำจากซากะก็ยอดเยี่ยมมากๆครับ จานนี้รสหวานของมะเดื่อ กลิ่นเฉพาะตัวของมัน เข้ากับรสครีมมี่เบาๆของบุราต้าได้ดีมากๆ ก่อนเพิ่มมิติเเละความเค็มละมุนด้วยไข่ปลาคาเวียร์ วัตถุดิบอร่อยด้วยตัวของมันเองไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากก็ยอดเยี่ยมมากๆครับ
COLD PASTA
KARASUMI | UNI & SHIRO EBI +300 | AWABI +400
จานนี้มีสามแบบให้เลือกนะครับ โดยตัวนี้ผมเลือก Uni และ Shiro Ebi ตามที่สายแนะนำมา จานนี้ผมแนะนำทุกคนว่าสั่งเถอะ ฮ่าา 300 เอง คุ้มมาก
โดยจานนี้เป็น Cold pasta เป็นเส้นคาเปลินี่ซอสหมึกดำใส่วิแชลอตวินิแกรต ส้มยุสุ ก่อนออนท็อปด้วย อูนิและชิโระเอบิ อัญมณีจากโทยะม่า จานนี้รสไลท์ๆโปร่งๆ ผมว่าเชฟบาลานซ์รสได้ดีครับ มีรสเปรี้ยวบางๆและหอมสดชื่นจากน้ำมันมะกอก ก่อนจบด้วยรสอุมามิจากแชลอต ด้วยความที่รสเป็นแบบนี้มันจึงสามารถขับความหวานของอูนิ ได้ดีมากๆ ปกติกุ้งขาวเป็นวัตถุดิบที่ละเอียดอ่อน อาจจะขมหรือเละได้ถ้าเป็นของที่ไม่ดี แต่กุ้งวันนี้คุณภาพดีมากๆครับ ตินิดเดียวเเอบเสียดาย ตรงกุ้งshiro ebi นั้นรสค่อนข้างอ่อน พอกินกับซอสเเล้วผมว่ารสของซอสอาจจะกลบความเด่นของกุ้งไปนิด
KANI CROQUETTE
'Americaine Sauce with House-made Tartare and Roval Oscietra Caviar
ผมชอบจานนี้ที่สุดในมื้อนี้ครับ คร็อกเก็ตปูซูไวและซอสAmericaineอาจจะเป็นจานที่ดูเรียบง่ายแต่ execution ได้ดีครับ ซอสอเมริกานี่เป็นสูตรอาหารอาหารฟรั่งเศสคลาสิกทำจากสต็อคซีฟู้ด หอม พริก เนย มะเขือเทศและบรั่นดีครับ
จานนี้เชฟแนะนำให้เรากินทุกองค์ประกอบให้ครบในคำนึง ผิวกรอบ เนื้อเบาและเนียนมากๆมีความฉ่ำครีมที่มีกลิ่นปูอ่อนๆ ซอสนั้นช่วยเพิ่มความเข้มข้นของทะเลและรสเผ็ดเบาๆ ตัวทาร์ทาร์เพิ่มความครีมมี่ ทุกองค์ประกอบผสมผสานอย่างลงตัว ดีมากๆครับ
HOT PASTA
NAPOLITAN I SHIRASU
จานนี้เราสามารถเลือกสปาเกตตี้แจแปนนิสออริจินอลรุอย่างนโปลิตันได้ หรือจะเลือก Kagero ออริจินอลรุ อย่าง Shirasu ครับ
สปาเกตตี้ผัด Ao togarashi ชิราสุเเละPickle Sansho จานนี้เป็นจานที่รสเรียบๆตรงไปตรงมาเส้นสปาเกตตี้แบบอัลเดนเต้กรุบๆตรงกลางหนุบหนับหอมกลิ่นน้ำมันมะกอก San lorenzo รสเผ็ดร้อนจากพริก เกลือเค็มอ่อนๆ และรสอุมามิจากปลาละมุนๆ ก่อนจบด้วยรสฉุ่นติดเปรี้ยวนิดนึงจากซานโซะครับ เป็นจานง่ายๆเรียบๆที่มีรสตรงไปตรงมาครับ
CONSOMMÉ
Clear Broth with Seasonal Fish and Shark Fin
จานที่คาดหวังที่สุดแต่กลาวเป็นชอบน้อยสุดในวันนี้ครับ เครื่องเป็นปลาอามะไดทอดทั้งเกล็ด และหูฉลามญี่ปุ่นจากเคเซนุมะทอด โดยตัวซุปทำจากหอยชิจิมิสต๊อค ตัวซุปนั้นรสเค็มนำ ไม่ได้กลิ่นอายความหวานและอุมามิจากหอยต่างจากจานไข่ตุ๋นสิ้นเชิง มีกลิ่นขิงและน้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นยี่ห้อซานลอเรนโซ่เบอร์ห้าเเทรก ตัวปลาหนังกรอบหอมควัน หูฉลามกรุบๆที่ผิวมีแป้งบางๆเพื่อเพิ่มเท็กเจอร์ วันนี้ผมว่าหูฉลามแอบอมน้ำมัน พอกินกับปลาทอดที่มีน้ำมัน และยังมีน้ำมันมะกอกในซุปอีก มันทำให้มันไป
MAIN DISH
DUCK | BEEF +THB 800 | SEAFOOD +THB 700
จานหลักในวันนี้ ทุกคนในรอบผมเลือกเป็ดครับและน่าจะเป็นจานที่ทุกคนในมื้อชอบน้อยที่สุดจากการสอบถามของเชฟ ซึ่งเชฟเองก็น่าจะรู้อยู่ก่อนเเล้วเพราะวันนี้น่าจะมีการผิดพลาดทางเทคนิคครับ
อย่างแรกเชฟให้ชิ้นใหญ่จัดดดด โดยเชฟนำเป็ดบาบารี่จากเขาใหญ่ ไปบ่มไว้สิบวัน รับประทานกับซอสจากเรดไวน์วินิเเกรตและโฟร์กรา จานนี้ถ้าไม่พลาดคงเป็นจานเป็ดไทยที่ผมซูฮกได้เเน่ๆ ตัวเป็ดหนังเป็นมันละลายสวยเท่ากันกรอบมีกลิ่นควัน เเต่เชฟน่าจะย่างขั้นสุดท้ายพลาดไปนิดหนังบางส่วนในชิ้นของผมเลยขมไหม้ไปนิด รวมทั้งอุณหภูมิที่ไม่สม่ำเสมอชิ้นของเพื่อนผมชั้นไขมันนั้นระดับมันสุกไม่เท่ากันในทั้งชิ้นและหนากว่าชิ้นผม(ใครมันบ้าดูชั้นไขมันเป็ดกันวะ)ทำให้มีความเหนียวหลงเหลือแบบเป็ดไทย
ส่วนตัวเนื้อแดงนุ่มจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเป็ดไทยสีแดงเนื้อฉ่ำแต่ไม่โฉกเลือด เนื้อมีกลิ่นจากการบ่มนิดๆทำให้เพิ่มความเข้มข้น เกือบจะดีมากๆเลยครับ
ตัวซอสนี้ค่อนข้างเบามีรสเปรี้ยวอมหวานและกลิ่นโฟรกราเบาๆช่วยเพิ่มความอยากอาหารถือว่าทำออกมาได้น่าสนุกทีเดียวครับ แต่ด้วยความที่รสเบานี่ละมันเลยยิ่งชูกลิ่นไหม้และรสขมของหนังเป็ดให้ชัด
DESSERT
KAKIGORI| MONTBLANC I ICHIJIKU
เราสามารถเลือกได้สามตัวผมเลือกคากิโกริพิทาชิโอ้ ซิกเนเจอร์ของร้าน ซอสนั้นน่าสนใจจริงๆมันมีความครีมมี่ถั่วของพิทาชิโอ้เบาๆ มีความเขียวอ่อนๆทำให้เราอย่างรู้สึกทานอยู่เรื่อย ตัวคากิโกริฟูเบาเนื้อเนียนดีครับ
#Score:
🍾Service: 8.5/10
🍽Food: 7.25/10
🤩WOW factor: 7.75/10
💰Value for money: 7.25/10
Total: 7.5/10
Visit : NOV-2023
🗺เเผนที่ :
https://maps.app.goo.gl/rpT4mhv3Jb16gVy6A
⏰เวลาเปิดปิด: 5:30PM–12AM ปิดทุกวันพุธ
💵ค่าเสียหาย: ~7,000 Baht Net
⌨️เว็บไซต์ร้าน:
https://web.facebook.com/KageroBangkok
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (
https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (
https://goo.gl/gHPnnG)
Blogdit:
https://www.blockdit.com/eatliketheboss
Email : eatlikethebossth@gmail.com
[CR] บอสพาชิม : Kagero Bangkok
Review ในวันนี้เป็นร้าน คาเกโระ กรุงเทพนับเป็นร้านที่สร้างปรากฏการณ์ตอนจะมาเปิดที่กรุงเทพร้านหนึ่งครับเพราะยากที่จะมีร้านระดับนี้จากญี่ปุ่นยอมมาปิดร้านและเปิดในไทย โดย Kagero นี่ได้รับรางวัล Tabelog Bronze ในญี่ปุ่นหลายปีซ้อน ผมเห็นหลายๆท่านแวะมานานแล้วครับแต่ส่วนตัวผมพึ่งมีโอกาสมาสักที
โดยอาหารของ Kagero นั้นเป็นอาหารอิตาลีที่แฝงสเนห์และกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นไว้ ไม่ว่าจะเป็นการใช้วัตถุดิบจากญี่ปุ่นหรือคอมบิเนชั่นต่างๆแบบอาหารญี่ปุ่น ต้องยอมรับว่าการเลือกเสริฟ์ปลาทอดทั้งเกล็ดเเบบญี่ปุ่นหรือหูฉลามในร้านอาหารอิตาลีนี่มีความแปลกใหม่ดีครับ
อาหารของที่นี้นั้นรสปรุงเเบบเรียบๆเน้นชูความดีงามของวัตถุดิบ มีจานที่ทำออกมาได้ดีและผมประทับใจมากๆเช่นจานcroquetteปูซูไว ที่ปรุงออกมาได้เพอร์เฟ็กต์มากๆ ผิวกรอบ เนื้อเบาและเนียนมากๆมีความฉ่ำครีมที่มีกลิ่นปูอ่อนๆ ซอสนั้นช่วยเพิ่มความเข้มข้นของทะเลและรสเผ็ดเบาๆ ตัวทาร์ทาร์เพิ่มความครีมมี่ ทุกองค์ประกอบผสมผสานอย่างลงตัว ดีมากๆครับ หรือ จะจาน UNI & SHIRO EBI cold pasta จานนี้ผมแนะนำทุกคนว่าสั่งเถอะ ฮ่าา +300 เอง คุ้มมาก โดยเราจะได้ คาเปลินี่ซอสหมึกดำใส่กุ้งชิโระเอบิและอูนิ จานนี้รสไลท์ๆโปร่งๆ ผมว่าเชฟบาลานซ์รสได้ดีครับ มีรสเปรี้ยวบางๆและหอมสดชื่นจากน้ำมันมะกอก ก่อนจบด้วยรสอุมามิของซอส ซึ่งขับรสชาติของกุ้งและอุนิได้ดีทีเดียวครับ
แต่พออาหารยิ่งเรียบนี่จะยิ่งยากกับเชฟเพราะต้องอาศัยความละเอียดละออมากขึ้น เพราะความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆในการปรุงอาหารนั้นมันยิ่งเลย ทำให้ในวันนี้มีอยู่บางจานที่ผมรู้สึกว่าอาจจะตกหล่นไปบ้างซึ่งได้คอมเม้นท์กับเชฟแล้ว ไม่ว่าจะเป็นซุปที่รู้สึกมันหนักไป หรือเป็ดที่แอบเสียดายเพราะโอเวอร์คุ๊กไปนิดนึงจนหนังไหม้ทำให้มีรสขมที่ปลายลิ้น ซึ่งเป็ดจานนี้ทำได้อย่างที่ผมจินตนาการแล้วนี้มันน่าจะเป็นเป็ดไทยที่อร่อยที่สุดในชีวิตของผมเลยครับ
จำนวนจานที่เสริฟ์มานั้นมี 7 คอร์ส+ 1 Add on ส่วนตัวผมที่กินได้เยอะและเพื่อนที่กินได้น้อย ต่างลงความเห็นว่าถ้ากินแบบไม่มี add on แล้วจะรู้สึกขาดอะไรอยู่นิดๆไม่ค่อยพอดี แต่ถ้ารวมจานadd on น่าจะอิ่มกำลังดีเลยละ ด้วยราคาใหม่ 5400++ นี้สูงกว่าร้านลูกของ Kagero ที่โตเกียวอย่างK+ 18,500 yen ที่รวมไวน์สองดริ้งด้วย (As NOV 23) ถ้าคิดว่าตัวเชฟประจำอยู่ที่ไทยเป็นสาขาแม่แล้วก็คงจะไม่แปลกอะไร แต่ถ้ามองถึงค่าครองชีพที่ต่างกันลิบลิ่วเเล้วผมว่าหลายๆท่านคงมีคำถามในใจเหมือนกัน
เชฟและทีมบริกรของทางร้านมีความน่ารักและใส่ใจ มีการสอบถามว่าอาหารในแต่ละจานเป็นอย่างไร โดยตัวเชฟเองจะวนเดินถามความคิดเห็นจากลูกค้าทุกโต๊ะเวลาจบรอบตรงนี้น่ารักมากๆครับ
จานอื่นในเมนูจะมีอะไรบ้างไปชมคำบรรยายตามรูปเลยครับ
ASSORTED APPETIZERS
ซิกเนเจอร์ของ Kagero โดยจัดมาในแบบเบนโตะมีกลิ่นอายแบบญี่ปุ่น โดยมีทั้งหมดหกชนิด ด้วยกัน ซึ่งทำตามวัตถุดิบตามฤดูกาล โดยเชฟแนะนำให้กินตามลำดับ โดยเริ่มจาก
ไข่ตุ๋น หรือ Chawamushi ออนท็อปด้วยน้ำสต๊อคจากหอยชิจิมิ เนื้อกุ้งล็อปสเตอร์ จากmaine คาราซูมิหรือไข่ปลากระบอกตากแห้ง และสุดท้ายคาเวียร์
จานนี้ผมแนะนำให้แบ่งกินหลายๆแบบเพื่อที่จะได้รสที่หลากหลายครับ เริ่มต้นจากตัวไข่ตุ๋นและน้ำซุปอุ่นที่ให้กลิ่นอายทะเลเบาๆเเบบซุปหอย รสนวลๆบางๆเหมาะแก่การเริ่มต้นมื้อครับ ตามด้วยการชิมความหวานกรอบของเนื้อกุ้ง และปิดท้ายด้วยการกินกับคาราซุมิที่ให้รสเค็มเจือกลิ่นอายทะเลเข้ากับน้ำสต๊อกจากหอยและคาเวียรได้ดีครับ
.
ปลาซามะ เสริฟ์กับเลม่อนวินิเเกรต จานนี้ทำได้ตามมาตราฐานร้านครับ ปลากลางๆไม่ได้มันมาก รสวินิเเกรตเบาๆรสโปร่งเปรี้ยวอมหวาน
.
Tamago กับautumn truffle จานนี้ตัวไข่เสริฟ์มาแบบยางมะตูมมีกลิ่นควันอ่อนๆ รสซอสในไข่ไม่ได้จัดมากเค็มนิดๆตัดกันไข่แดงที่หวานอ่อนๆ
.
แมงกะพรุนยูสุน้ำมันงา ชอบดีครับยำแมงกระพรุนเเบบใส่ยูสุ โดยของที่นี้รสเปรี้ยวสดชื่นของยูสุนำมีรสเปรี้ยวอมเค็มอ่อนๆ เนื้อแมงกระพรุนสุกกำลังดีกรอบไม่เหนียว กลิ่นของส้มยูสุสร้างความแปลกใหม่และเข้ากับกลิ่นงาเบาๆได้ดี
.
สลัดดอกกะหล่ำปลีและอิคุระ โดยเชฟจะนำดอกกะหล่ำมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆ เสริฟ์มาในอุณหภูมิห้อง รสเบาๆมีกลิ่นและความหวานอ่อนๆของดอกกะหล่ำก่อนปิด
อันที่ผมชอบที่สุดครับ เป็นชีส Buratta จากอิตาลีและลูกมะเดื่อจากsaga โดยปกติมะเดื่อดำนั้นคนจะคุ้นกับชื่อSolliés แต่คุณภาพมะเดื่อดำจากซากะก็ยอดเยี่ยมมากๆครับ จานนี้รสหวานของมะเดื่อ กลิ่นเฉพาะตัวของมัน เข้ากับรสครีมมี่เบาๆของบุราต้าได้ดีมากๆ ก่อนเพิ่มมิติเเละความเค็มละมุนด้วยไข่ปลาคาเวียร์ วัตถุดิบอร่อยด้วยตัวของมันเองไม่ต้องปรุงแต่งอะไรมากก็ยอดเยี่ยมมากๆครับ
COLD PASTA
KARASUMI | UNI & SHIRO EBI +300 | AWABI +400
จานนี้มีสามแบบให้เลือกนะครับ โดยตัวนี้ผมเลือก Uni และ Shiro Ebi ตามที่สายแนะนำมา จานนี้ผมแนะนำทุกคนว่าสั่งเถอะ ฮ่าา 300 เอง คุ้มมาก
โดยจานนี้เป็น Cold pasta เป็นเส้นคาเปลินี่ซอสหมึกดำใส่วิแชลอตวินิแกรต ส้มยุสุ ก่อนออนท็อปด้วย อูนิและชิโระเอบิ อัญมณีจากโทยะม่า จานนี้รสไลท์ๆโปร่งๆ ผมว่าเชฟบาลานซ์รสได้ดีครับ มีรสเปรี้ยวบางๆและหอมสดชื่นจากน้ำมันมะกอก ก่อนจบด้วยรสอุมามิจากแชลอต ด้วยความที่รสเป็นแบบนี้มันจึงสามารถขับความหวานของอูนิ ได้ดีมากๆ ปกติกุ้งขาวเป็นวัตถุดิบที่ละเอียดอ่อน อาจจะขมหรือเละได้ถ้าเป็นของที่ไม่ดี แต่กุ้งวันนี้คุณภาพดีมากๆครับ ตินิดเดียวเเอบเสียดาย ตรงกุ้งshiro ebi นั้นรสค่อนข้างอ่อน พอกินกับซอสเเล้วผมว่ารสของซอสอาจจะกลบความเด่นของกุ้งไปนิด
KANI CROQUETTE
'Americaine Sauce with House-made Tartare and Roval Oscietra Caviar
ผมชอบจานนี้ที่สุดในมื้อนี้ครับ คร็อกเก็ตปูซูไวและซอสAmericaineอาจจะเป็นจานที่ดูเรียบง่ายแต่ execution ได้ดีครับ ซอสอเมริกานี่เป็นสูตรอาหารอาหารฟรั่งเศสคลาสิกทำจากสต็อคซีฟู้ด หอม พริก เนย มะเขือเทศและบรั่นดีครับ
จานนี้เชฟแนะนำให้เรากินทุกองค์ประกอบให้ครบในคำนึง ผิวกรอบ เนื้อเบาและเนียนมากๆมีความฉ่ำครีมที่มีกลิ่นปูอ่อนๆ ซอสนั้นช่วยเพิ่มความเข้มข้นของทะเลและรสเผ็ดเบาๆ ตัวทาร์ทาร์เพิ่มความครีมมี่ ทุกองค์ประกอบผสมผสานอย่างลงตัว ดีมากๆครับ
HOT PASTA
NAPOLITAN I SHIRASU
จานนี้เราสามารถเลือกสปาเกตตี้แจแปนนิสออริจินอลรุอย่างนโปลิตันได้ หรือจะเลือก Kagero ออริจินอลรุ อย่าง Shirasu ครับ
สปาเกตตี้ผัด Ao togarashi ชิราสุเเละPickle Sansho จานนี้เป็นจานที่รสเรียบๆตรงไปตรงมาเส้นสปาเกตตี้แบบอัลเดนเต้กรุบๆตรงกลางหนุบหนับหอมกลิ่นน้ำมันมะกอก San lorenzo รสเผ็ดร้อนจากพริก เกลือเค็มอ่อนๆ และรสอุมามิจากปลาละมุนๆ ก่อนจบด้วยรสฉุ่นติดเปรี้ยวนิดนึงจากซานโซะครับ เป็นจานง่ายๆเรียบๆที่มีรสตรงไปตรงมาครับ
CONSOMMÉ
Clear Broth with Seasonal Fish and Shark Fin
จานที่คาดหวังที่สุดแต่กลาวเป็นชอบน้อยสุดในวันนี้ครับ เครื่องเป็นปลาอามะไดทอดทั้งเกล็ด และหูฉลามญี่ปุ่นจากเคเซนุมะทอด โดยตัวซุปทำจากหอยชิจิมิสต๊อค ตัวซุปนั้นรสเค็มนำ ไม่ได้กลิ่นอายความหวานและอุมามิจากหอยต่างจากจานไข่ตุ๋นสิ้นเชิง มีกลิ่นขิงและน้ำมันมะกอกแบบเอ็กซ์ตร้าเวอร์จิ้นยี่ห้อซานลอเรนโซ่เบอร์ห้าเเทรก ตัวปลาหนังกรอบหอมควัน หูฉลามกรุบๆที่ผิวมีแป้งบางๆเพื่อเพิ่มเท็กเจอร์ วันนี้ผมว่าหูฉลามแอบอมน้ำมัน พอกินกับปลาทอดที่มีน้ำมัน และยังมีน้ำมันมะกอกในซุปอีก มันทำให้มันไป
MAIN DISH
DUCK | BEEF +THB 800 | SEAFOOD +THB 700
จานหลักในวันนี้ ทุกคนในรอบผมเลือกเป็ดครับและน่าจะเป็นจานที่ทุกคนในมื้อชอบน้อยที่สุดจากการสอบถามของเชฟ ซึ่งเชฟเองก็น่าจะรู้อยู่ก่อนเเล้วเพราะวันนี้น่าจะมีการผิดพลาดทางเทคนิคครับ
อย่างแรกเชฟให้ชิ้นใหญ่จัดดดด โดยเชฟนำเป็ดบาบารี่จากเขาใหญ่ ไปบ่มไว้สิบวัน รับประทานกับซอสจากเรดไวน์วินิเเกรตและโฟร์กรา จานนี้ถ้าไม่พลาดคงเป็นจานเป็ดไทยที่ผมซูฮกได้เเน่ๆ ตัวเป็ดหนังเป็นมันละลายสวยเท่ากันกรอบมีกลิ่นควัน เเต่เชฟน่าจะย่างขั้นสุดท้ายพลาดไปนิดหนังบางส่วนในชิ้นของผมเลยขมไหม้ไปนิด รวมทั้งอุณหภูมิที่ไม่สม่ำเสมอชิ้นของเพื่อนผมชั้นไขมันนั้นระดับมันสุกไม่เท่ากันในทั้งชิ้นและหนากว่าชิ้นผม(ใครมันบ้าดูชั้นไขมันเป็ดกันวะ)ทำให้มีความเหนียวหลงเหลือแบบเป็ดไทย
ส่วนตัวเนื้อแดงนุ่มจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นเป็ดไทยสีแดงเนื้อฉ่ำแต่ไม่โฉกเลือด เนื้อมีกลิ่นจากการบ่มนิดๆทำให้เพิ่มความเข้มข้น เกือบจะดีมากๆเลยครับ
ตัวซอสนี้ค่อนข้างเบามีรสเปรี้ยวอมหวานและกลิ่นโฟรกราเบาๆช่วยเพิ่มความอยากอาหารถือว่าทำออกมาได้น่าสนุกทีเดียวครับ แต่ด้วยความที่รสเบานี่ละมันเลยยิ่งชูกลิ่นไหม้และรสขมของหนังเป็ดให้ชัด
DESSERT
KAKIGORI| MONTBLANC I ICHIJIKU
เราสามารถเลือกได้สามตัวผมเลือกคากิโกริพิทาชิโอ้ ซิกเนเจอร์ของร้าน ซอสนั้นน่าสนใจจริงๆมันมีความครีมมี่ถั่วของพิทาชิโอ้เบาๆ มีความเขียวอ่อนๆทำให้เราอย่างรู้สึกทานอยู่เรื่อย ตัวคากิโกริฟูเบาเนื้อเนียนดีครับ
#Score:
🍾Service: 8.5/10
🍽Food: 7.25/10
🤩WOW factor: 7.75/10
💰Value for money: 7.25/10
Total: 7.5/10
Visit : NOV-2023
🗺เเผนที่ : https://maps.app.goo.gl/rpT4mhv3Jb16gVy6A
⏰เวลาเปิดปิด: 5:30PM–12AM ปิดทุกวันพุธ
💵ค่าเสียหาย: ~7,000 Baht Net
⌨️เว็บไซต์ร้าน: https://web.facebook.com/KageroBangkok
เราเป็นเพจรีวิวร้านอาหาร Fine dining แบบจริงใจและเจาะลึกทั้งในไทยทั่วโลก
ชอบช่วยกดไลค์ ใช่ช่วยกดเเชร์ เพื่อเป็นกำลังใจให้เรา #บอสพาชิม #eatliketheboss
Website: www.eatlikethebossth.com
InstaGram: @eatliketheboss (https://goo.gl/DqzWfN )
FaceBook: บอสพาชิม (https://goo.gl/gHPnnG)
Blogdit: https://www.blockdit.com/eatliketheboss
Email : eatlikethebossth@gmail.com
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้