เท่าที่ใจจะรักได้ (9)



.
โดย : ชลัน


               ๙
               ____________________________


               ฉันหายใจไม่ค่อยทั่วท้องเท่าไหร่ คุณอาภูริกับคุณอาบุหลันมาที่นี่ทำไม มาเรื่องอะไร ฉันสงสัย ไม่กล้าเดินไปบ้านคุณแม่ ฉันเลี่ยงหลบเข้าบ้านคุณยายแทน ปกติหลังเลิกงานแบบนี้ ฉันจะต้องไปบ้านหาคุณแม่ก่อน เพื่อไปเตรียมกับข้าวกับปลาไว้ทานในช่วงของมื้อเย็น โชคดีที่มีเพียงแค่คุณอาสองคน ไม่ยกกันมาทั้งบ้านภัทรดิษฐ์

              ฉันโทรหานายภีมว่าเกิดอะไรขึ้น พ่อแม่ของเขามาทำไมที่บ้านของฉัน นายภีมบอกว่าก็เรื่องวันที่พวกเราไปเที่ยวภูผาม่านนั่นแหละ คุณแม่ของฉันต่อว่ากัญญาไปยกใหญ่ นายภีมรู้เข้าก็ไม่สบายใจ ที่ตนเองเป็นสาเหตุของเรื่อง จึงเล่าให้กับคุณอาทั้งสองฟัง และอยากให้ช่วยแก้ปัญหา นี่จึงเป็นที่มาของการมาบ้านฉันในวันนี้ สำหรับคุณอาทั้งสอง

               "ภีมฉันถามจริง ๆ นายรักกัญญาจริง ๆ หรือว่านายแค่อยากเอาชนะแม่ฉัน เอาชนะพี่ใหญ่" ฉันถามไปตรง ๆ เพราะดูท่าแล้ว นายภีมเองก็เหมือนจะไม่ยอมอ่อนข้อกับเรื่องนี้ด้วย

               "พี่ตา... ผมรักกัญญาจริง ๆ ความรักของผมสองคนอาจจะดูเด็กไปในสายตาผู้ใหญ่หลายคน แต่ผมก็ไม่ได้จะรีบรวบรัดเอาตอนนี้เดี๋ยวนี้ พวกเราสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเสียหายจนกว่าพวกเราจะโตพอและมีงานทำ พี่ตาก็รู้ว่าผมพูดจริง ผมกับกัญญาเราคบกันมาตั้งแต่เรียน ม.4 พี่ก็รู้ และผมเคยวอกแวกคบคนอื่นซ้อนกัญญาไหม ก็ไม่! ล่วงเกินไหมก็ไม่เคย อาจมีจับมือถือแขนบ้างก็เรื่องธรรมดา ทำไมครับ ผมขอแค่โอกาสจากคุณป้า จากพี่ใหญ่ ไม่ได้เหรอ" ญาติผู้น้องของฉันพูด น้ำเสียงดูสิ้นหวัง แต่ฉันรู้ว่าเขาไม่สิ้นหวังง่าย ๆ หรอก

              "ภีมพี่เห็นใจนายนะ พี่เข้าใจ แต่จะให้พี่ทำยังไงล่ะ"

                "ผมรู้ว่าปัญหามันคืออดีตของคุณป้ากับคุณลุง แต่ทำไมครับ มันผ่านมาแล้ว และผมก็คนละคนกับคุณลุง ทำไมคุณป้าคิดว่าความรักของผมจะเป็นเหมือนคุณป้ากับคุณลุง ผมไม่เข้าใจ" แต่แม่ของฉันไม่มีวันเข้าใจแบบนั้นน่ะสิ ฉันนึก

                "เอาเถอะ ถ้านายรักกัญญาจริง พี่ว่าสักวันแม่พี่คงเข้าใจและยอมรับ"

                "ผมต้องพิสูจน์ไปถึงวันไหนครับ" ญาติผู้น้องของฉันถาม ซึ่งฉันก็ไม่อาจรู้ได้เหมือนกัน ว่าวันไหนคุณแม่ของฉันจะใจอ่อน

               "เอาน่า ถ้าพวกเธอรักกันจริง จริงใจกับคุณแม่พี่ ทำให้ท่านเห็นว่าพวกเธอมั่นคงต่อกัน พี่ว่าสักวันต้องเป็นวันของพวกเธอล่ะ เออแค่นี้ก่อนนะ พ่อแม่ของนายมาบ้านพี่ พี่จะไปฟังผู้ใหญ่เขาคุยกันสักหน่อยน่ะ ไปดูลาดเลา" ฉันพูดปนขำในประโยคสุดท้าย

                "ครับ... ขอบคุณนะพี่ตาที่อย่างน้อยก็มีพี่ที่ไม่กีดกันผม ผมจะพิสูจน์ให้คุณป้าเห็นให้ได้ครับ" นายภีมตอบด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ ฉันก็ขอให้เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่เห็นว่ามันยุ่งยากวุ่นวายแล้วถอดใจไปก่อน ขอเลิกกับกัญญาไป นั่นแหละ คำพูดและทัศนคติของคุณแม่เป็นจริงแน่ ๆ

               ฉันวางสายจากญาติผู้น้องแล้วจึงเดินไปยังบ้านของคุณแม่ นึกโกรธพี่ใหญ่ขึ้นมาอีกรอบ ที่ทำให้เรื่องเล็ก ๆ มันกลายเป็นเรื่องใหญ่วุ่นวายกันทั้งสองบ้าน คงสมใจเขาที่สุด ฉันนึกค้อนพี่ชาย สงสัยคงต้องได้งัดไม่เด็ดมาใช้บ้าง โดยการไม่คุยด้วยสักอาทิตย์ หรือไม่ก็หนึ่งเดือนไปเลย

              มาถึงเห็นทุกคนมีใบหน้าเรียบเฉย ไม่มีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าของใครเลยสักคน คนที่นั่งอยู่มีคุณแม่ พ่อเลี้ยงของฉัน คุณยาย คุณอาภูริและคุณอาบุหลันพ่อแม่ของนายภีม ระหว่างที่เดินเข้ามาในบ้านฉันเผยยิ้มให้ทุกคน ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้อะไร แล้วยกมือไหว้คุณอาทั้งสองคน

                "กัญตากลับไปบ้านคุณยายก่อนไป ไม่ใช่เรื่องของเด็กที่จะต้องรับรู้" คุณแม่พูดเมื่อเห็นฉันเดินเข้ามา ทั้งที่ฉันก็โตพอที่จะรับรู้เรื่องของผู้ใหญ่แล้ว แต่คุณแม่ก็ยังไล่ให้ฉันกลับไป

               "เอ่อ...ก็ได้ค่ะ" ฉันตอบคุณแม่แล้วเดินออกจากบ้านไป ทั้งที่เพิ่งจะเดินเข้ามา แต่ฉันไม่ได้กลับไปหรอก ฉันยืนแอบฟังอยู่ข้างนอกห้องรับแขกนั่นแหละ อยากรู้ว่าคุยเรื่องอะไรกัน ที่ตากระตุกข้างขวาทั้งวันน่าจะเป็นเรื่องนี้ล่ะชัวร์ที่สุด

               "ที่ผมมาบ้านพี่ละมุนวันนี้เพราะเรื่องลูกชายของผมครับ พี่คงรู้ว่าลูกชายของผมกับลูกสาวคนเล็กของพี่ชอบพอกัน และผมก็ไม่ติดอะไรด้วย ที่จะได้ลูกสาวของพี่มาเป็นสะใภ้ ออกจะเอ็นดูหนูกัญญาด้วยซ้ำ" คุณอาภูริกล่าวกับคุณแม่ คุณแม่กับคุณยายและคุณลุงยังนิ่ง เหมือนรอฟังว่าคุณอาจะพูดอะไรต่อ คุณอาบุหลันก็เงียบเช่นกัน ปล่อยให้คุณอาภูริเป็นคนพูดคนเดียว
               
              ฉันเห็นคุณลุงแอบมองหน้าคุณแม่แวบหนึ่ง ท่านคงไม่กล้าตัดสินใจอะไรสำหรับเรื่องนี้ คงอยากให้คุณแม่เป็นคนตัดสินใจเองทั้งหมด

                "ผมเองก็พอจะทราบด้วยว่าพี่ละมุนไม่ชอบคนบ้านผม เกลียดคุณแม่ เกลียดพี่พร้อมพี่ชายผม แต่สำหรับลูกชายผมละเว้นได้มั้ยครับ เด็กมันไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับอดีตของผู้ใหญ่หรอก" คุณอาภูริพูดต่อ พร้อมชำเลืองมองหน้าคุณแม่กับคุณลุงพ่อเลี้ยงของฉันสลับกันไปมา "ผมสัญญาวาจะไม่ให้ลูกชายผมทำอะไรเกินเลย จนกว่าจะทั้งคู่จะพร้อม จะไม่ทำอะไรให้ครอบครัวพี่ละมุนขายหน้าคนอื่น และหากผิดพลาด ผมก็ยินดีรับผิดชอบ"

                "นี่นายภูริ พี่จะบอกเธอไว้ตรงนี้เลยนะ ว่าพี่ไม่ได้เกลียดครอบครัวเธอแล้ว แต่พี่แค่ไม่อยากยุ่งเกี่ยวอะไรกับครอบครัวของเธออีกก็เท่านั้น เข้าใจมั้ย อย่ามีอะไรต่อกันอีกเลย" คุณแม่พูด เน้นย้ำจุดประสงค์ชัดเจน

                "ทำไมครับ... ไม่เกลียดแต่ไม่ยอมให้ลูกชายของผม ซึ่งเป็นลูกหลานคุณแม่และพี่พร้อมคบกับกัญญา ถ้าจะเอาตามตรง ทั้งสองคนไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอยู่แล้ว" คุณอาภูริพยายามอธิบาย "เพราะพี่ละมุนยังเจ็บแค้นใจเรื่องที่คุณแม่ทำใช่มั้ย ถ้าคุณแม่มาขอร้องพี่ละมุนอีกคนล่ะ พี่จะยอมยกโทษและใจอ่อนไหม"

               "ไม่! ไม่ต้องให้ใครมาอีกทั้งนั้น และเธอกับภรรยาก็ไม่ต้องมาอีก ถึงยังไงพี่ก็ไม่ยอม และอีกอย่างพี่ไม่ได้รังเกียจในตัวลูกชายของเธอเข้าใจไว้ด้วย"

                "ไม่ได้รังเกียจทำไมถึงไม่ยอมให้เด็กคบกันล่ะครับ" คุณอายังเถียงไม่หยุด "ที่ผมมาวันนี้เพราะลูกชายผมทำผิด พี่ละมุนโกรธ ผมจึงอยากมาขอโทษและขอโอกาสแทนลูกชาย หรือพี่ละมุนจะให้ตัวนายภีมมาขอโทษเองก็ได้ ผมก็ยินดี"

                "ไม่... ไม่ต้องมา และพี่ก็จะไม่ยอมให้มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก" คุณแม่ยืนยันหนักแน่น

              "พี่ละมุนครับ ผมขอเถอะนะครับ ลูกของเราชอบกันรักกัน พวกเขาไม่ได้ทำอะไรที่อยู่นอกสายตาสักนิด พ่อแม่อย่างเราควรสนับสนุนไม่ใช่เหรอครับ พี่ละมุนก็รู้ดีว่าความรักที่ผิดหวังมันเป็นเช่นไร ผมเองก็รู้ซึ้งว่าการที่อยู่กับคนที่ไม่ได้รักมันเป็นเช่นไรเหมือนกัน หากทั้งคู่ไม่สมหวัง" คุณอาภูริพูด ฉันเห็นคุณอาบุหลันหันไปมองสามีแวบหนึ่ง ก่อนจะทำสีหน้าปกติ เพราะทั้งคู่ก็มาจากการคลุมถุงชนของคุณย่าเหมือนกัน

                "ที่ผมสนับสนุนลูกชายเพราะผมก็อยากแก้ไขอดีตที่เกิดขึ้น ทั้งผม ทั้งคุณแม่ ทั้งพี่พร้อม ทุกคนต่างอยากได้หนูกัญญามาเป็นสะใภ้ ทุกคนรักและเอ็นดูลูกสาวของพี่ ทุกคนอยากแก้ไขสิ่งที่ทำลงไปในอดีต โดยเฉพาะพี่พร้อม เขาอยากให้นายภีมกับลูกของพี่เป็นตัวแทนของเขาที่ผิดหวัง" คุณอาพูดและมองหน้าคุณลุงพ่อเลี้ยงของฉัน แต่คุณลุงเผยยิ้มให้
               
                ฉันก็แอบยิ้มตามขณะที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ที่คุณลุงไม่คิดมากเรื่องนี้ และคุณอาพยายามช่วยกัญญากับนายภีมเต็มที่ จะมีพ่อแม่สักกี่คนที่ทำแบบนี้

               "อ๋อ... เพราะเรื่องนี้ใช่มั้ยถึงสนับสนุนกันนัก อย่าพยายามเลย อีกอย่างฉันก็ลืมมันไปหมดแล้ว"

                "เปล่า... เพราะพวกเขาสองคนรักกัน" คุณอาสวนทันควัน

                "ภูริเธอพาภรรยาของเธอกลับไปเถอะ แล้วไม่ต้องมาบ้านพี่อีก ถึงยังไงพี่ก็ไม่มีวันยอมเกี่ยวดองกับครอบครัวของพวกเธอหรอก จะโกรธพี่ก็ไม่เป็นเป็นไร หวังว่าจะเข้าใจพี่นะ" คุณแม่ไม่ยอมฟังคุณอาอธิบายอีก ลุกขึ้นเดินขึ้นห้องจากทุกคนไป ตามด้วยคุณยายที่ลุกเดินจากมาอีกคน เดินสวนฉันไป คุณยายเห็นฉันยืนแอบฟังก็ทำสายตาค้อนใส่ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เดินเลยฉันกลับไปที่บ้าน เหลือเพียงคุณลุงที่นั่งอยู่กับคุณอาทั้งสอง

               "กลับไปก่อนเถอะครับ ผมเองที่เป็นพ่อของกัญญาไม่ติดอะไร ถ้ากัญญาจะรักและสร้างครอบครัวกับลูกชายของคุณ ซึ่งเป็นญาติสามีเก่าของภรรยาผม ผมไม่สนอดีตว่าเป็นมาอย่างไร ผมมองแค่ปัจจุบันเท่านั้น แต่เรื่องนี้ผมคงตัดสินใจอะไรไม่ได้ คงต้องให้ละมุนเป็นคนตัดสินใจเองล่ะ" คุณลุงกล่าว

               คุณอาทั้งสองพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะขอตัวกลับ ส่วนฉันก็รีบไหวตัวหาที่หลบไม่ให้ทั้งสองเห็นขณะเดินกลับออกจากบ้าน ก่อนจะหาทางเลี่ยงหลบกลับไปบ้านหาคุณยาย

             กลับมาถึงบ้านคุณยายฉันก็รีบเดินปรี่เข้าห้องของตนเอง ไม่ยอมให้คุณยายดุที่ฉันไปยืนแอบฟัง สรุปข้าวมื้อเย็นวันนี้ก็ไม่ได้ทานพร้อมหน้าพร้อมตากัน ต้องหาทานกันเอาเอง ซึ่งฉันก็ไม่ค่อยหิวนัก สองทุ่มที่คุณแม่เดินมาเรียกไปทานข้าว แต่ฉันปฏิเสธว่าไม่หิว

              ฉันส่งข้อความไปต่อว่าพี่ใหญ่อีก ที่ทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ ถึงขั้นที่คุณอาทั้งสองคนมาที่บ้านขนาดนี้ จากนั้นก็โทรไปเล่าให้กัญญาฟัง และปลอบใจว่าไม่ให้คิดมาก ทุกอย่างมีทางออกของมันเสมอ ให้ทำตัวตามปกติ เคยคุยกันอย่างไรกับนายภีมก็ให้ทำต่อไป เพียงแค่ไม่ไปไหนมาไหนเอิกเกริกเหมือนรอบที่แล้วก็พอ และฉันก็ขอร้องกัญญาว่า 'อย่าทำอะไรนอกลู่นอกทางให้เสียหายมาถึงคุณแม่ได้ไหม' กัญญารับปากหนักแน่น ยืนยันว่าจะไม่ทำอะไรเสียหายแน่นอน

               ฉันเชื่อว่าหากทั้งคู่มั่นคง คุณแม่ต้องใจอ่อนและยอมรับนายภีมแน่ ๆ และฉันก็ดีใจแทนกัญญามาก ๆ ที่ครอบครัวของคุณอารักและเอ็นดูกัญญา ฉันเชื่อว่าคุณอาทั้งสองไม่ได้แสร้งพูดเพื่อให้คุณแม่ใจอ่อน แต่ทั้งสองพูดจริง ๆ ที่ออกมาจากใจ ส่วนคุณย่าฉันไม่ค่อยแน่ใจนัก ถึงอย่างไรหากทั้งสองลงเอยกันได้ กัญญาก็คงไม่ได้ไปอยู่บ้านคุณย่าแน่นอน พอนึกอย่างนั้นฉันก็ยิ้มออก แม้จะยิ้มในบรรยากาศที่มืดมนก็ตาม

               "อย่ามาโทษฉัน พวกแกทำตัวพวกแกเองทั้งนั้น" พี่ใหญ่ส่งข้อความกลับมา ฉันอ่านแต่ไม่ตอบกลับไป ค้อนให้กับข้อความที่อ่าน ก่อนจะเลิกสนใจ และเปิดทีวีดูละครก่อนนอน

จบบทที่ ๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่