วันนี้เราจะมาแบ่งปันประสบการณ์ลดพุงของเรา ก่อนอื่นต้องขอบอกไว้ก่อนเลยว่าเราเป็นคนที่ไม่ได้อ้วนมาก แต่มีไขมันบริเวณหน้าท้องเยอะมากกกแบบมากๆค่ะ แล้วก็มีช่วงต้นแขนที่ใหญ่ไม่ค่อยสมส่วนกับร่างกาย แล้วเชื่อว่าสาวๆยุคนี้เป็นกันเยอะมากค่ะ คนรอบข้างเพื่อนๆเราก็ประสบปัญหาแบบเดียวกัน บางทีเรารู้สึกไม่ค่อยสนุกกับการแต่งตัว รู้สึกไม่มั่นใจ เช่น อยากใส่เอวลอยแล้วหุ่นเพรียวๆเอวบางๆ หรือบางทีก็อยากใส่แขนกุดถ่ายรูปโดยไม่ต้องพึ่งแอพบีบแขนบ้าง ปัญหานี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับเรามาก และเป็นโรคฮิตของสาวๆหรือหนุ่มๆออฟฟิศกันเยอะมากเพราะActivityในแต่ละวันก็เอื้ออำนวยกับโรคนี้จริงๆ กินข้าวเสร็จนั่งทำงานกินจุกจิกวนแบบนี้ไปเรื่อยๆเลยทำให้เกิดปัญหานี้ แล้วอาหารสมัยนี้ก็อร่อยจริงๆแต่ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์แถมกินแล้วข้อเสียมีเยอะมากกว่าข้อดีพวกอาหาร Fast food นี่ตัวดี 

ปัญหาหลักๆเลยที่ทำให้เราเป็นชาว Skinny Fat ก็คือ

1.ติดกินหวาน
ปกติทุกกลางวันเวลาไปทำงานเราจะเป็นคนที่ติดการกินโกโก้เย็นมาก เรียกได้ว่าแทบทุกพักเที่ยงเราต้องลงไปซื้อโกโก้กินเหมือนเป็นการเสพติดไปแล้ว เอาจริงๆการกินน้ำหวานทุกวันนี้เป็นอะไรที่เปลืองเงินมากค่ะ แถวที่เราอยู่แก้วนึงก็40-60บาทแล้ว แถมยังอ้วนขึ้นได้ง่ายมากๆ เราเลยเปลี่ยนมาเป็นการชงเองค่ะสบายกระเป๋าและสบายพุงค่ะเพราะว่าเราใช้ผงธัญพืชแทนครีมเทียม เดี๋ยวจะแปะสูตรไว้ให้ข้างล่างนะคะ

2.ดื่มแอลกอฮอล์บ่อย
อันนี้ต้องขอบอกเลยว่าเราเป็นสาวปาร์ตี้อาทิตย์นึงเราก็ออกไปแฮงเอ้าท์กับเพื่อนได้ประมาณ2-3วันต่ออาทิตย์ บอกเลยค่ะว่าเสียทั้งสุขภาพและเงินมากๆ ตอนนี้เราก็เพลาๆลงเลยค่ะจากตอนแรกเราจะดื่มเบียร์ซึ่งหลายๆคนน่าจะรู้ว่าเบียร์เนี่ยตัวอ้วนเลย เพราะเป็นส่วนผสมจากข้าวหมัก หลังๆเราไปเฉยๆค่ะไม่ค่อยกินหรือถ้าอยากกินจริงๆก็จะเปลี่ยนเป็นโซดา+เหล้าอ่อนๆพอ กินแบบรู้ตัวและไม่กินกับแกล้ม เพื่อนที่ดีต้องเข้าใจค่ะว่าเราลดความอ้วน5555

3.ไม่ออกกำลังกาย
อย่างที่บอกค่ะเราทำงานเลิกงานก็ทุ่มนึงแล้วแถมยังไปไปแฮงเอ้าท์บ่อยอีก กลับมาก็แทบจะไม่มีอารมณ์จะทำอะไรแล้ว ซึ่งถือเป็นอะไรที่ไม่ดีเอามากๆเลยค่ะ ตอนนี้เราหันมาออกกำลังกายตามยูทูปวันละ20นาทีแล้วค่ะ สบายๆไม่เครียดหรือกดดันตัวเองมากเกินไปอาทิตย์นึงออกให้ได้สัก2-3วัน/อาทิตย์รับรองเห็นผลไวค่ะ

4.ภาวะเครียด
เคยได้ยินมั้ยคะ ภาวะเครียดลงพุง เราคิดว่าการเครียดเป็นส่วนหนึ่งของการที่ทำให้เรามีพุงมากๆ ที่เรารู้สึกได้ชัดเลยก็คือ เวลาเราทำงานแล้วเกิดเครียดร่างกายมันก็จะรูสึกว่าหิว ทำให้เราต้องไปหาขนมจุกจิกมากิน หลังเลิกงานก็ไปคลายเครียดด้วยการซัดข้าวชามโต เสร็จแล้วก็กลับห้องไปนอน โดยไม่เผื่อเวลาให้อาหารย่อยก่อนเลย อันนี้เป็นอะไรที่แก้ยากสุดเพราะว่าเวลาทำงานมันก็ต้องเครียดกันทุกคนแต่เราเปลี่ยนจากกินขนมจุกจิกมาเป็นกินพวกถั่วแทนค่ะ ปริมาณ1กำมือ ไม่มากไปหรือน้อยไป เลือกเป็นพวกอัลมอนด์ หรือ แมคคาเดเมียแทนนะคะ 2ตัวนี้เป็นถั่วที่ดีต่อสุขภาพ

5.กินอาหารตามใจปาก
ด้วยความที่เราต้องใช้ชีวิตแบบรีบๆตามสไตล์สาวออฟฟิศ ช่วงเช้าก็จะซื้อข้าวกล่องกินหน้าออฟฟิศซึ่งเราก็อาศัยกินอะไรก็ได้ขอให้ได้กินข้าวเช้าไว้ก่อน ให้อิ่มท้องไม่งั้นก็คิดงานไม่ออก ตอนนี้ก็แก้ไขปัญหาโดยการทำอาหารกินเองเลยค่ะ เลือกได้เลยว่าอยากกินอะไรสามารถกะส่วนผสมเองได้ว่าควรอยู่ในปริมาณไหนๆที่จะดีต่อสุขภาพ วิธีนี้ดีมากค่ะ ได้กินอาหารที่สดใหม่แถมรสมือตัวเองด้วย

และนี่คือหุ่นของเราBefore&Afterหลังจากได้ทำการคุมอาหาร ทำอาหารเอง+ออกกำลังกายแบบเบาๆภายในระยะเวลา1เดือน 

หลักๆแล้ว5พฤติกรรมแบบนี้นี่แหละค่ะที่ทำให้ร่างกายเราพัง นอกจากจะแต่งตัวไม่สวยเป๊ะแล้ว ผลเสียหลักๆเลยคือสุขภาพเสีย ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เราเป็นคนนึงค่ะที่แบบจะมีความคิดแบบนี้มาตลอดว่า เอาว่ะจะหันมาดูแลตัวเองแล้ว!!! รอบที่ล้าน แต่สุดท้ายก็ตายค่ะทำไม่ได้ มีช่วงนึงที่เราคิดว่าจะจริงจัง ตอนเช้ากิน ไข่ต้ม2ฟอง กลางวันกินอกไก่กับข้าวกล้อง ตอนเย็นกินฝรั่ง1ลูก เสร็จแล้วก็ไปวิ่งที่ฟิตเนสวันละ1ชม เราทำได้ประมาณเกือบ3อาทิตย์ ท้อค่ะ น้ำหนักลงนะ แต่ไม่มีความสุขเลย เวลาไปวิ่งเหมือนจะตายเพราะสารอาหารไม่เพียงพอ ผอมจริงแต่โทรมมาก ไม่มีความสุขอาหารไม่ถูกปาก ทรมานมากแบบเมื่อไหร่จะผ่านไปแต่ละวัน วิธีนี้ไม่ถูกต้องเลยนะคะ         เราเลยไปศึกษาหาวิธี ไปกดเข้ากลุ่มการลดน้ำหนักหาวิธีแบบต่างๆของคนอื่นดูบ้าง จนเรามาเจอวิธีที่เวิร์คกับตัวเรามากๆ ไม่ทรมาน แฮปปี้มากในการลดน้ำหนัก เพื่อนๆทราบมั้ยคะว่าการลดน้ำหนักเนี่ยมันเริ่มต้นจากการที่เรา ควบคุมอาหาร80% และออกกำลังกาย 20% ค่ะหลักๆแล้วเราจะเน้นไปที่การกินอาหาร เลือกกินแต่อาหารที่ดีต่อสุขภาพ ตัดพวกสิ่งที่เป็นผลเสียต่อร่างกาย เช่น เราชอบกินน้ำเต้าหู้ แต่ก่อนก็สั่งหวาน100% แต่ตอนนี้ก็เลือกเป็นไม่หวานเลย ตอนแรกมันอาจจะไม่ถูกปากหน่อยนะคะจากคนที่ชอบกินหวาน แต่ทำไปสักพักร่างกายเราก็จะชินค่ะ ดีต่อสุขภาพแถมลดน้ำตาลได้เยอะและยังช่วยทำให้เราหน้าไม่แก่ด้วย เพราะว่าน้ำตาลจะไปจับโปรตีนกับคอลลาเจนเราทำให้ผิวเสื่อมโทรมค่ะ ตามหลักโภชนาการแล้วเราควรกินน้ำตาลให้อยู่ในปริมาณวันละไม่เกิน 24 กรัมนะคะ ถึงจะดีต่อสุขภาพ ส่วนโซเดียมก็ไม่ควรกินเกินวันละ 2300 มิลลิกรัม

ทริคแรกของเราคือการทำ IF เราทำแบบเบสิคง่ายสุดนะคะ 8/16 หรือกิน8ชม.อด16ชม.นั่นเอง เราไม่ได้ทำทุกวันนะคะ ใน1อาทิตย์จะทำ 5 วัน จ-ศ. พอวัน ส-อา. เราก็จะปล่อยให้เป็นชีทเดย์ แต่ก่อนอื่นต้องขอเตือนทุกคนก่อนว่า ชีทเดย์ไม่ได้หมายความว่าเราจะตะบี้ตะบันกินแหลกเสียสตินะคะ วันชีทเดย์ของเราจะกินปกติค่ะ 3 มื้อ กินให้อิ่มอยากกินอะไรกินแต่มีสตินะคะ หลายคนมาตายเพราะวันชีทเดย์นี่แหละ 

มาค่ะเราจะมาบอกทริคการทำอาหารสูตรลดพุงของเรา วิธีแรกปรับเรื่องการกินค่ะวิธีนี้สำคัญกับเรามากๆเพราะหลังจากที่เคยกินอาหารแบบคลี๊นคลีน จนไม่มีความสุขในชีวิต เราเลยหาวิธีการทำอาหารด้วยตัวเอง การศึกษาข้อมูลว่าเออมันจะมีตัวช่วยไหนไหมที่ทำให้เราสามารถทำอาหารคลีนได้เองโดยที่อาหารยังคงความอร่อย
และดีต่อสุขภาพของเรา มีช่วงนึงค่ะ เราซื้อข้าวกล่องคลีนในร้านสะดวกซื้อกิน เราก็เอ้ ทำไมกินแบบนี้แล้วไม่ผอมสะที สรุปคือหันไปเจอโซเดี่ยมกล่องละ 730 มิลลิกรัมจ้า ไม่ไหว!ไม่ได้!เลิกซื้อ! เราเลยหันมาทำเองน่าจะดีกว่า อร่อย แถมดีต่อสุขภาพ นะคะลองเอาไปทำตามรับรองว่าอร่อยถูกปากเเน่นอน 

ตัวอย่างสูตรอาหารลดพุง

1.สปาเก็ตตี้ครีมซอสเห็ด
เมนูนี้เป็นเมนูที่เราชอบมากเลยค่ะ เพราะปกติแล้วเราเป็นคนที่ชอบกินสปาเก็ตตี้ครีมซอสด้วย แต่การทำเองของเรานั้นก็ง่ายมากเราเปลี่ยนจากการใช้ครีมเป็นผงธัญพืชแทนค่ะ จะใช้เป็นยี่ห้อไหนก็ได้นะคะ แต่ส่วนตัวเราชอบของ Nua ที่สุดเพราะว่ามันคลีนดีเวลานำมาปรุงแล้วทำให้อาหารรสชาติอร่อย ไม่ต้องฝืนกิน รสชาติเหมือนใส่ครีมแบบปกติเลยค่ะ แล้วก็แคลน้อยกว่าเยอะเลย ส่วนผสมหลักๆของเค้ามาจากธรรมชาติ 100% มาจากทั้งถั่วทั้งข้าวโพด เราเห็นว่าดีต่อสุขภาพเลยซื้อมาสรุปว่า พอเอามาทำอาหารแล้วรสชาติเป็นแซ่บเป็นนัวร์เลย เราก็ยังใส่เนื้อสัตว์นะคะ เพื่อสารอาหารที่ครบค่ะแค่ไม่ใส่เนื้อสัตว์ที่ติดมัน เมนูเราจะไม่ใส่ผงชูรสเพื่อสุขภาพที่ดีค่ะ เปลี่ยนจากปกติใส่เบค่อนมาเป็นใส่เห็ดแทน รสชาติดีอร่อย ได้สุขภาพที่ดีกว่าแถมยังอิ่มแบบไม่รู้สึกผิดต่อตัวเองด้วยค่ะ 

ส่วนผสม
1.เห็ดออรินจิ            50    กรัม
2.น้ำมะนาว     ½      ช้อนตวง
3.เกลือ            1     ช้อนชา
4.แฮม       100    กรัม        
5.เส้นสปาเก็ตตี้  130  กรัม
6.ผงธัญพืช      40-50  กรัม
7.น้ำเปล่า        ½      ถ้วยตวง
8.น้ำมันมะกอก   1     ช้อนโต๊ะ

2.ข้าวต้มไก่
นี่ก็เป็นอีกเมนูที่เราทำกินบ่อยค่ะ ส่วนใหญ่เมนูนี้เราจะชอบทำตอนเช้าค่ะ แล้วก็จะเปลี่ยนจากใช้ข้าวขาวมาเป็นข้าวกล้องในการทำแทนค่ะ เวลากินแล้วจะรู้สึกสดชื่นมาก แถมยังทำง่ายกินกี่ทีก็ไม่เบื่อ แถมได้สารอาหารเยอะอีกด้วย แคลลอรี่ต่ำอิ่มท้องค่ะ

ส่วนผสม
1.ข้าวกล้อง           1 ถ้วย
2.อกไก่/อกไก่ฉีก    200  กรัม
3.พริกไทย             ½  ช้อนชา
4.ผักชี                 ¼  ถ้วย
5.ดอกเกลือ           ½   ช้อนชา

3.สุกี้แห้งไก่ไร้น้ำมัน
อันนี้เป็นเมนูที่วันไหนเรารีบๆไม่มีเวลาทำอาหารเอง เราก็จะไปร้านอาหารตามสั่งเลยค่ะ แต่ต้องเน้นว่าไม่ผัดใส่น้ำมันนะคะ แล้วก็ไม่ต้องใส่น้ำจิ้มสุกี้เพิ่ม กินเท่าที่เค้าปรุงมาก็พอแล้ว เราชอบกินสุกี้แห้งมากๆ กินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ เป็นเมนูที่หากินได้ง่ายด้วยค่ะ

ส่วนผสม
1.ผักบุ้ง          1   กำมือ
2.อกไก่/อกไก่ฉีก    200  กรัม
3.ผักกาด       1   กำมือ
4.วุ้นเส้น        ½   ของห่อ
5.ซีอิ้วขาว      2    ช้อนชา
6.น้ำจิ้มสุกี้     1    ช้อนโต๊ะหรือตามความเหมาะสม

4.โกโก้เย็น
บอกเลยว่าต่อให้กำลังลดความอ้วนอยู่แต่สายหวานอย่างเราก็รอดค่ะ จากใจสายโกโก้อย่างเรา ที่กินมาตลอดกินทุกวัน ถ้าจะให้มาเลิกกินก็คงทำไม่ได้เราเลยหันมาชงเองค่ะ คุ้มกว่า แถมดีต่อสุขภาพ เราใส่ผงธัญพืชนัวร์ตัวเดียวกับตอนที่ทำสปาเก็ตตี้ครีมซอสเห็ดเลยนะคะ เคยลองเปลี่ยนจากใส่นมธรรมดาเป็นใส่นมถั่วเหลืองทั่วไป กินแล้วไม่ค่อยชอบค่ะมันเสียรสชาติอะ แต่พอมาใส่ผงธัญพืชตัวนี้แล้วรักเลยอร่อยไม่เสียรสชาติความโกโก้ แถมได้รสชาติที่นัวร์มากขึ้น เค้าไม่มีไขมันทรานส์ด้วยนะตอนแรกเอามาทำอาหารแล้วเราว่ามันเวิร์คเลย ลองเอามาชงกับโกโก้ดู สรุปก็คือร่อยมากกก ให้ใส่นมใส่ครีมแบบธรรมดากินทุกวันมีหวังตัวแตกค่ะกระเป๋าตังก็แตกด้วยTT  พอเปลี่ยนมาเป็นแบบนี้ก็คือดีต่อหุ่นด้วย รู้สึกดีที่ไม่ต้องอดด้วย โกโก้มีประโยชน์นะคะกินแล้วให้ความสดชื่น ช่วยให้อารมณ์ดี เวลากลางวันเครียดๆจากการทำงาน ลองกินโกโก้สักแก้วรับรองหายเครียด^^ ทางเรากินแบบเดี่ยวๆไม่ไหวชอบกินแบบมันๆนัวร์ๆไหนจะนัวร์แล้วก็ขอให้นัวร์แบบมีประโยชน์ละกันอิอิ

ส่วนผสม
1.ผงโกโก้       2    ช้อนโต๊ะ
2.ผงธัญพืช        2    ช้อนโต๊ะ
3.น้ำร้อน           60   มิลลิลิตร
4.น้ำแข็ง                  ตามใจชอบ