วิกฤตโควิต​ วิกฤตอัมเบอร์เก้อ​ วิกฤตปี​ 2540​ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อย​ เมื่อทุกข์อย่างอื่นมากกว่า​และได้เตรียมตัวแล้ว

(ตั้งกระทูใหม่​ จากที่ได้แสดงความเห็นในกระทู้อื่น​ ที่ถามว่า​ ใครเคยลำบากสุดๆ​ เกี่ยวกับวิกฤต​ ผมเห็นว่าแค่เป็นช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น​ แต่สำหรับบางท่านลำบากแบบยาวนาน​ จึงยกมาตั้งกระทู้ตัวเอง​ แ​ละเหตุผลบางประการ)​

     ผมเคยลำบากสุดๆ​   ไม่ใช่เดือนเดียว​ ไม่มีใครช่วยได้​ ​ เมื่อพ่อ​และกฏหมาย​ ขวางกั่นอย่างเด็ดขาด​ เพื่อไม่ให้เรียนและศึกษาต่อ​ ในสิ่งที่ตนเองปารถนาเพื่อพัฒนาความรู้และปัญญา​ จนต้องอาศัยเอาพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่งเป็นที่ระลึก​ ตั้งแต่พ่อขัดขวางไม่ให้เรียนต่อในวัยเด็กอย่างยาวนาน​ และในความลำบากนั้นยังมีความลำบากยิ่งลงไปอีกที่ลำบากยิ่งไม่ใช้เดือนเดียว​แต่อีกหลายปี​ รวมทั้งหมดแล้ว  เป็นเวลา​ 20​ กว่าปี
    
     เพียงขอแค่โอกาสเท่านั้น​  แม้โอกาสเพียงเล็กน้อย​ที่ยังไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมง ก็ยอมเอาชีวิตเข้าแลก​เพื่อการได้ศึกษาต่อ​ แม้เห็นว่าต้องลำบากเจียนตายและกลายเป็นบ้าได้แน่แบบพี่ชายคนโตที่เป็นบ้ามาแล้ว​ ​ก็ยอมแลก​ แม้สิ่งที่ต่อสู้นั้น​ไม่เห็นโอกาสสำเร็จ  และเมื่อสำเร็จเแล้ว​ก็ไม่เห็นทาง​เพื่อเอาไปทำการงานเลี้ยงชีพได้เพราะกฏหมายไม่ให้โอกาส​  จึงต้องศึกษาธรรมปฏิบัติธรรมตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าด้วยตนเองพร้อมทั้งเรียนศึกษาปริญญาทางโลก​ อย่างขาดแคลนแม้ในการกินอยู่​ เงินที่มีไม่พอใช้ที่จะกินได้อิ่มในแต่ละเดือน​ แถมเกิดโรคเจ็บปวดทรมานบวมอักเสบ​ยิ่ง​ วนเกิดเป็นเวลา​ 3-7  วันเกือบทุกเดือน​ไม่กล้าไปหาหมอ จนคิดว่าตนเองเป็นมนุษย์และเป็นดังเปรตที่ทรมานในคราบของมนุษย์
 
      ก็เพื่อพัฒนาเองคุณสมบัติทั้งทางโลกและทางธรรม​ เมื่อจะเรียนจบ​ ก็ได้เข้าวัดปฎิบัติธรรมและออกมาสอบจนจบ  แล้วเข้าวัดปฎิบัติธรรมต่อ​ และปฏิบัติอย่างยิ่งยวดรวมเวลาที่วนเวียนปฏบัติธรรมอย่างยิ่งเกือบ​ 5​ เดือน
      จนที่สุดแล้วก็บรรลุผล​คือได้รับปริญญาตรีทางโลกที่ไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงเลยว่าจะได้รับ​ เพราะที่ผ่านมาดื้ออดทนเรียนทั้งที่ยังไม่มีสิทธิ์เป็นนักศึกษาอย่างสมบูรณ์​ แค่ได้สมัครเรียนไปก่อน​ ให้เอาหลักฐานการอนุมัติ​ มายื้นภาย​หลังแต่ผมไม่เคยมีอีกเลย​ ด้วยพ่อขัดขวางทุกทางนั้นเอง
        และก็ได้รับปริญญาทางธรรมหลุดพ้นตายพ้นไปจากชีวิต​(รุป-นาม)​แบบตายไปจริงๆ​  ด้วยกายและใจ(จิต)​พ้นไปจริงๆ​ เป็นสักขี​พยาน  ซึ่งเป็นกายสักขีบุคคล..
      หลังจากนั้นก็วนเวียนในดงทุกธ์ในโลกธรรมต่อไป​ อย่างมากและสาหัสต่อไป​เพราะเหตุในทางกฏหมายยังผูกยังมัดแน่นอยู่​ ต้องลำบากทุระทุเลไปอีกหลายปี​ เป็น​ สิบปี

       และทำไมผมกล่าวว่า​ เป็นกายสักขีบุคคล​  เอาสิ่งใดเปรียบเทียบหรือ​เคยตายแล้วหรือ? 

       เพราะเมื่ออายุ​ 52 ปี​ ด้วยปฏิบัติธรรมเจริญสติมาต่อเนื่องไม่เคยทอดธุระมาตลอด​ ​จากเมื่อครั้งที่อายุ​ 23-24​ ปีในครั้งนั้น​  เมื่อเกิดสะโตรกลิ้มเลือด(ไขมัน)​อุดตันในเส้นเลือดสมองอย่างเฉียบพลัน​ ขณะกำลังเดินเข้าบ้าน​ สติปัญญาก็เกิดขึ้นร่วมอย่างฉับไว​ ว่าเชประกองร่างกายไม่ได้ในวินาทีนั้นจึงอาศัยแรงที่เช  บิดพลิกตัวให้หลังไปยันประตูข้างที่ปิดตายไว้อย่างพอดีแก็รงขาเอาเท่ายันไว้แล้วปลอยให้หลังคลูดลงกับประตูอย่างช้าๆ​ ไม่ให้ตกกระแทรก​ แต่ก้นยังไม่ถึงพื้นก็สลบหมดความรู้สึกไป​ เมื่อรู้ก็รู้แบบผัก​ คือรู้แต่ไม่รู้สึกอะไรไม่เป็นตัวตนไม่รับรู้อะไร​ นึกคิดไม่ได้ไม่มีความรู้สึก​ เพียงแต่รู้เหมือนเป็นผัก​ จากแบบผักก็ค่อยเริ่มรู้สึก​แต่ไม่รู้ว่า​ เป็นใคร​เป็นอะไร​ อยู่ที่ใหน​ คือยังนึกคิดไม่ได้ ยังไม่รับรู้ทางร่างกายใดๆ​  
      เริ่มนึกคิดได้​ แต่ยังไม่รับรู้ทางร่างกายใดๆ​ ก็เอาธรรมมาเตือนตน​ ให้ทำใจให้สงบมีสติ​ ไม่ตกใจกลัวและร้อนรน​ ก็พยายามไปรับรู้ทางร่างกาย​ ก็ไม่สามารถรู้ได้​ จะไปรับรู้ที่ปากก็รับรู้ไม่ได้​ จะไปรับรู้ที่ลิ้นก็รู้ไม่ได้​ จึงต้องโน้มมาที่ใจ​ แล้วกลับไปรู้ที่คิดว่า​ เป็นแขนเป็นขา​ ก็ไม่รู้สึ​กได้​   จึงค่อยวนไปรับรู้(ย่อเพียงแค่นี้)​

      สรุป​ คือสภาวะที่ปฎิบัติธรรมนั้นปรานิตยิ่งไปกว่านี้​ ซึ่งพ้นและได้เสมือนหรือตายไปจริงๆ.. 

    และด้วยเหตุนั้นที่สะโตรก​ เกิดสังเวธธรรมในตนเอง​  ผมจึงยกมาปฏิบัติธรรม​ที่ระเอียดปรานีต​ยิ่งขึ้น​ แม้ผมกำลังเข้ารักษาในห้องไอชียู  
     เมื่อออกจากห้องไอชียู​คืนแรกขณะกำหนดภาวนาก็เกิดวิสังขาร​ พ้นไปจากสังขาร​ วิญญาณ​ พ้นไปจากชีวิตไปอีกรอบหนึ่ง​ แล้วเกิดขึ้นปรากฏ​ จุดเล็กๆ​  ขยายเป็น  รูป-นาน​ มีชีวิตขึ้นมาใหม่.. 
     และมีผลจากโรคที่เป็นลำบากไปอีกจากหนักไปเบาถึง​ 4-5​ ปี​  แม้จะหลุดพ้นจากกฏกมายเป็นไทยเท่าเทียมบุคคลอื่น​ เมื่ออายุเกือบ​ 36  ปีแล้วก็ตาม.. 
 
      ดังนั้นการกระทบ จากวิกฤต​ในฐานะฆราวาส​ ปี​ 2540  หรือ​ แอมเบอร์เก้อ​ หรือ​ โควิต  จึงเป็นเรื่องเล็กสำหรับผมและครอบครัว​ เพราะได้เตรียมพร้อมด้วยการมีการใช้  ปัญญาทางโลกได้สร้างไว้อย่างพอสมควรแล้ว​  แม้จะไม่ได้หวังร่ำรวย​ เป็นเศรษฐี​ ด้วยให้เวลาพัฒนาทางโลกน้อยคือพอๆ​ กับทางธรรม​ แต่ก็พ้นมาได้แบบพอเพียง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่