การท่องจำตำราเพียงอย่างเดียวไม่ก่อให้เกิดปัญญาหรือความพ้นทุกข์

คนรับจ้างเลี้ยงโค

พระผู้มีพระภาคทรงตรัสพระคาถานี้ แก่ภิกษุทั้งหลาย ดังนี้

    “คนที่กล่าวพุทธพจน์  แม้มาก
แต่มัวประมาท ไม่ทำตามพุทธพจน์นั้น
ย่อมไม่ได้รับผลแห่งความเป็นสมณะ
เหมือนคนรับจ้างเลี้ยงโค
ได้แต่นับโคให้คนอื่น ฉะนั้น

     คนที่กล่าวพุทธพจน์  แม้น้อย
แต่ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรมเป็นปกติ
ละ ราคะ โทสะ และ โมหะ ได้แล้ว
รู้ชอบ มีจิตหลุดพ้นดีแล้ว
ไม่ยึดติดในโลกนี้และโลกหน้า
เขาย่อมได้รับผลแห่งความเป็นสมณะ”

พระไตรปิฎกภาษาไทย( มจร.)
เทวสหายกภิกขุวัตถุ
ขุ. ธ. ๒๕/๒๐/๓๐

หมายเหตุ :
“ผลแห่งความเป็นสมณะ” คือ มรรค ๔ ผล ๔
“ประพฤติธรรมสมควรแก่ธรรม” หมายถึง ธรรมที่ควรแก่การบรรลุโลกุตตรธรรม ๙ เช่น ปาริสุทธิศีล ๔, ธุดงค์ ๑๓, อสุภกัมมัฏฐาน เป็นต้น

มีหลายตอนที่พระพุทธเจ้าตรัสตำหนิการ “ท่องจำแต่ไม่ปฏิบัติ” — หมายถึงผู้ที่เรียนรู้ธรรมะด้วยการฟัง การสวด การท่องตำรา แต่ไม่ลงมือปฏิบัติจริงให้เกิดผลในจิตใจ


ตัวอย่างพระสูตรที่กล่าวไว้

๑. สุตตันตปิฎก ขุททกนิกาย ธรรมบท (ธรรมบทคาถา 19–20)

“ผู้ท่องจำพระธรรมมาก แต่ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม ไม่เป็นไปเพื่อประโยชน์ ย่อมเป็นเหมือนคนเลี้ยงโค นับโคของคนอื่น”

“แม้ผู้ท่องจำพระธรรมเล็กน้อย แต่ปฏิบัติตามธรรม ดำเนินตามธรรม ประพฤติธรรม ชำระกิเลส ย่อมเป็นสมณะผู้มีส่วนในมรรคผล”

ตรงนี้ชัดเจนที่สุดว่าพระพุทธเจ้าทรงเน้น “การปฏิบัติ” มากกว่าการท่องจำ


๒. องฺคุตฺตรนิกาย จตุกกนิบาต (พระสูตรว่าด้วยผู้ทรงธรรม ๔ อย่าง)

พระพุทธเจ้าตรัสถึงบุคคล ๔ จำพวก
    1.ทรงธรรมแต่ไม่เข้าใจ
    2.เข้าใจแต่ไม่ปฏิบัติ
    3.ปฏิบัติแต่ไม่ถึงผล
    4.ปฏิบัติแล้วถึงผล

พระองค์ทรงสรรเสริญจำพวกสุดท้าย คือ “ปฏิบัติแล้วถึงผล”


๓. สํยุตตนิกาย สัจจกะสูตร

พระองค์ตรัสเปรียบคนท่องจำแต่ไม่ปฏิบัติ เหมือน “คนเลี้ยงโค” หรือ “ช่างไม้ที่นับท่อนไม้ แต่ไม่ได้ใช้ไม้ทำงาน”


สรุปความหมาย
    การท่องจำตำราเพียงอย่างเดียว → ไม่ก่อให้เกิดปัญญาหรือความพ้นทุกข์ เป็นแค่ “ความรู้ท่วมหัว”
    การปฏิบัติ → ทำให้ธรรมะนั้นกลายเป็นของจริงในจิตใจ เช่น ศีล สมาธิ ปัญญา จึงเป็นหนทางสู่นิพพาน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่