ธรรมแตก หากแก้ไม่หาย "ตกอบายภูมิ" แน่นอน (พึงสำรวมระวังใจ)

ผมก็เคย #ธรรมแตก มาแล้ว
#หมายเหตุ::
***ธรรมแตก หากแก้ไม่หาย #ตกอบายภูมิ แน่นอน ทุกคน***
***************************************************
#ธรรมแตก หรือ #วิปลาสจากการปฏิบัติธรรม
เป็นอาการที่ผู้ปฏิบัติธรรมแทบทุกคน ที่ #ไม่มีครูบาอาจารย์ประกบติด
(คือ อาจมีครู มีอาจารย์ แต่อยู่ห่างกัน ไม่ได้ ฝากตน กินนอน อยู่ในสำนักกรรมฐานนั้นตลอดชีวิต)
หรือ อาจมี #ครูบาอาจารย์ที่วิปลาส ก็จะผิดทิศ ผิดทาง ตั้งแต่เริ่มปฏิบัติธรรม
***************************************************
การที่ #ธรรมแตก จึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ และประหลาดใจ
หากเพียงเรารอดหลุดออกมาได้ เราจะรู้ว่า
นี่คือ ประสบการณ์ทางธรรมที่
#หาซื้อไม่ได้
#หาเรียนไม่ได้จากครูที่ไหนทั้งสิ้น
แต่เมื่อเราผ่านไปได้ ประโยชน์ที่เกิดแก่ตัวเรา (มีสัญญาณบอก) คือ
1. ดูออก(แทบจะ)ทันที ว่า ใครที่ #ธรรมแตก
แม้ท่าน / เขา มีคนเคารพกราบไหว้เป็นจำนวนมาก หรือ เป็นพระกรรมฐานชื่อดัง
2. เรา #ยังพอมีโอกาส ที่จะเข้าถึงมรรคผลในชาติปัจจุบัน หรือ ในอนาคตชาติอันใกล้
3. เราจะไม่ประมาท หรือ หลงตนเอง ไม่ว่าจะด้วยศีล ด้วยข้อวัตร ด้วยสมาธิ หรือ ด้วย #ปัญญาเท็จ (ที่คนส่วนมากเข้าใจว่า เป็น #ปัญญาแท้)
***ยิ่งมั่นใจว่า #แท้ ยิ่งเป็นไปได้สูงมาก ว่า #เท็จ ***
***หาก #ปัญญาแท้ จะพ้นจากความสำคัญตนว่า #แท้***
***พ้นจากการ #สำคัญตน เป็นเรื่องยากมาก เพราะทุกคนที่สำคัญตน ก็เชื่อว่าตนเอง พ้นจากความสำคัญตน แล้ว ... นี่คือ #ฤทธิ์ของอวิชชา ***
สรุป คือ:::
อะไรที่เราเคยผิด จึงรู้ได้ว่า มีคนผิดเหมือนเรา
เราก็จะดูเขาออกว่า เขาผิด
แม้เราจะยังไม่ถูก ก็ตาม
***************************************************
ตัวอย่างของ #ธรรมแตก เช่น
- เชื่อว่าตนเอง #บรรลุธรรม ขั้นหนึ่งใด ตั้งแต่พระโสดาบัน ขึ้นไป
- เชื่อว่าตนเอง ได้ #ฌาน ขั้นหนึ่งขั้นใด ตั้งแต่ ปฐมฌาน
- เชื่อว่าตนเอง ได้ #ญาณ ขั้นหนึ่งขั้นใด ตั้งแต่ #นามรูปปริจเฉทญาณ
(ญาณที่แยกรูปและนามออกจากกันได้)
- เชื่อว่าตนเอง เป็น #พระโพธิสัตว์ที่ได้รับพุทธพยากรณ์แล้ว จึงไม่สามารถจะบรรลุธรรม (ขั้นพื้นฐานตั้งแต่พระโสดาบัน ขึ้นไป) ได้ ในฐานะ #สาวกภูมิ
เป็นต้นฯ
***เหล่านี้ และอีกหลายประการ ที่ไม่ได้กล่าว ณ ที่นี้ ***
**************** #ในบรรดาพระปฏิบัติที่มีชื่อเสียง ****************
มีที่สามารถคัดกรองมาให้เป็น #ตัวอย่าง2ท่าน (ขออนุญาตไม่เอ่ยนาม)
ซึ่งทั้ง 2 ท่านนี้ ล้วนเป็น พระที่ตั้งใจดีมาแต่แรก
จิตใจบริสุทธิ์ในการเริ่มปฏิบัติมรรคผล
- จึงไม่ควรไปด่าว่า หรือ มองท่านในแง่ร้าย
และ ตรงกันข้าม ควรเคารพท่านเป็น #ครู ผู้สอนให้เรา (ผู้ประพฤติมรรคผล) น้อมมาสำรวมระวังตนเอง ไม่ให้ เป็นเหมือนท่าน ดังนี้
1. #ท่านที่1 ปฏิบัติมาก จน วิปลาส
2. อีกท่านหนึ่ง (#ท่านที่2) ศึกษา ค้นคว้ามาก จน วิปลาส
***ทั้ง 2 ท่าน เป็นครูที่ดี สำหรับผู้ปฏิบัติธรรม ในการระวัง สำรวมในธรรม เคารพลำดับธรรม ที่ทำให้ไม่ตกไป #วิปลาส / #ธรรมแตก***
พึงสำรวมและพิจารณาข้อคิด จากความผิดพลาดของทั้ง 2 ท่านนี้ ว่า
- การว่ายน้ำเป็น ไม่ได้เกิด เพราะ #อ่านตำราสอนว่ายน้ำ
โดยไม่ทดสอบตนเองด้วยการลงน้ำ - ว่ายน้ำ - จนกระทั่งว่ายข้ามแม่น้ำได้
และ
- ไม่ได้เกิดเพราะ #ตะพึดตะพือว่ายน้ำลงแม่น้ำใหญ่ โดยไม่รู้วิธี กลั้นหายใจ ในจังหวะที่หน้า จมูกอยู่ในน้ำ
เพราะไม่ว่าจะทางหนึ่งทางใด ข้างต้น ล้วนเป็นผลให้ผู้ประพฤติธรรม แม้จะตั้งใจดีเพียงใด เข้าสู่ภาวะ #วิปลาส / #ธรรมแตก
เพราะอาการนี้ เป็นทางผ่าน ก่อนจะไปเข้าทางมรรคผล ของทุกคนอย่างแน่นอน
***แม้แต่คนที่เคยพูดแสดงธรรม เรื่อง #ธรรมแตก / #วิปลาส / #วิปัสสนูปกิเลส ***
จำนวนมาก (และเป็นส่วนมาก) ก็คือ #คนที่เป็นเสียเองแต่ไม่รู้ตัว และเมื่อสอนคนอื่น ผู้ฟัง ก็จะทำให้ผู้ฟัง เข้าใจว่า ท่านผ่านมาได้แล้ว
(ไม่ได้ติดใน **วิปัสสนูปกิเลส**)
เราพึงจำไว้ว่า ::: คนที่พูดสอนเรื่องนั้นนี้ ว่าชั่ว ว่าเลว ก็อาจจะกำลังทำในสิ่งที่ชั่วที่เลวนั้น (ปุถุชน ก็มีตัวอย่าง เช่น แพทย์หญิงที่รณรงค์ต่อต้าน ยาเสียสาว แต่ตนเอง เป็นผู้จัดหา และจำหน่ายยาเสียสาว)
- พระนักเทศน์ ที่สอนว่า โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ท่านก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ท่านก็ยังมีโกรธ และโมโห ได้ปรกติ
ดังนั้น ข้อคิดที่ควรพิจารณา ในการเอาตัวรอด (ในระหว่างเส้นทางปฏิบัติธรรมขั้นมรรคผล) ให้พ้นจาก #ธรรมแตก
คือ
อย่าให้เราตายเปล่า เพราะตำรา
อย่าให้ตายเปล่า เพราะไม่รู้มัชฌิมา และปฏิเสธตำรา
***แล้วอย่างไร จึงจะรู้ว่า #เรายังไม่วิปลาส? ***
ตอบว่า:: เมื่อเรายังไม่ได้เชื่อว่าตนเอง บรรลุอะไรสักอย่าง
ไม่ได้โพล่งพูดเล่า กล่าวสอน เทศนา ผู้อื่นให้ต้องเชื่อเราเท่านั้น หากไม่ใช่ตามที่เราบอก คือ ผิดแน่นอน อะไรแบบนี้
***แล้วอย่างไร จึงจะรู้ว่า #เราพ้นจากธรรมแตกหรือวิปลาส? ***
ตอบว่า::: เมื่อเคยสำคัญตนดังว่า ข้างต้น แล้วรุ้สึกตน สำนึกตน (ไม่ว่าจะด้วยการถูกทดสอบจากครูบาอาจารย์ หรือ จากกัลยาณมิตร หรือ แม้แต่จาก ผู้ไม่เป็นมิตร กับเรา)
#ความนอบน้อมถ่อมตน จึงสำคัญมากที่สุด ในการประพฤติธรรมขั้นมรรคผล
พระอาจารย์ท่านหนึ่ง สอนย้ำไว้ว่า
"สำหรับผมนะ หมาเห่าใส่ หรือ หอนใส่ ก่อนผมออกบิณฑบาต ผมยังมองตัวเองเลยว่า ครองผ้าเป็นอาบัติ ไม่เป็นปริมณฑล หรือไม่.. แทนที่ผมจะด่าหมา ว่า เห่าทำไม? หรือ มองว่า มันเห่าผี หอนวิญญาณ ที่ผมมองไม่เห็น"
ท่านมีนัยยะว่า เราควรถ่อมตนแม้กระทั่งกับ สัตว์เดรัจฉาน จึงชื่อว่า ผู้มีโอกาสบรรลุธรรม
ดังนี้ ครับ

กราบอนุโมทนาทุกท่าน ที่ตั้งใจดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่